บทที่ 559 กลับสู่แดนมัชฌิม
บทที่ 559 กลับสู่แดนมัชฌิม
แม้เสียงของเหยาจีไม่ดังมากนัก แต่จิตสังหารที่แผ่ออกมาแทบจะกลืนกินพวกนางเข้าไป!
ทั้งสองคุกเข่ากับพื้นด้วยสภาพสั่นเทาราวกับร่อนแกลบ ไม่กล้าตอบแต่อย่างใด
แน่นอนว่าพวกนางทราบถึงความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่ได้ทำลงไป!
ตอนจักรพรรดินีเหยาจีถ่ายทอดคำสั่ง สองคนนี้ก็รีบตกปากรับคำ!
พวกนางคิดว่าเรื่องนี้จะง่ายดายราวกับปอกกล้วยเข้าปาก
ดังนั้นนอกจากร่างหลักจะไม่ได้เข้าร่วมแล้วก็ยังไม่ได้นำของวิเศษใดติดตัวไปด้วย
ร่างจำแลงทั้งสองลงไปพร้อมศิลาทะลวงดินแดนกับกล่องกระบี่ไท่อี
พวกนางคิดว่ามันคงจะราบรื่น ถึงอย่างไรในสายตาของทั้งสอง แผ่นดินหยวนหงเป็นเพียงหนึ่งในแดนมนุษย์ทั้งหลายที่อยู่ใต้อาณัติแดนเซียน
แต่คาดไม่ถึงว่าพอเอากระบี่ไท่อีไปแล้วจะมาถูกชายหนุ่มจากแดนมนุษย์ทุบตีเสียได้!
ท้ายที่สุด ร่างจำแลงตาย ภารกิจไม่สำเร็จ แถมยังเสียกล่องกระบี่ไท่อีกับศิลาทะลวงดินแดนไปอีก!
สำหรับคนที่เรียกตัวเองว่าทวยเทพในแดนเซียน นี่คือบาปที่ไม่อาจอภัยให้ได้!
ตอนนี้จักรพรรดินีเหยาจีได้ทำการซักถาม ซึ่งพวกนางไม่สามารถหาข้อแก้ต่างได้ เพราะงั้นจึงทำได้เพียงคุกเข่าร้องขอความเมตตา
ทั้งสองอาจจะทราบดีว่าคงไม่รอดพ้นจากความตายเป็นแน่ ดังนั้นจึงทำได้เพียงหวังว่าจักรพรรดินีเหยาจีจะไม่บันดาลโทสะใส่ตระกูลของพวกนางเนื่องจากทำงานล้มเหลว
“พวกเจ้าทำได้ดีมาก”
จักรพรรดินีพลันยิ้มหยัน ดวงตาเต็มไปด้วยขี้เล่นซุกซนเล็กน้อย!
แต่สองคนนี้กลับยิ่งหวาดกลัว
ในตอนนี้ บริเวณด้านนอกวังอันกว้างใหญ่มีสาวใช้ทะยานเข้ามาก่อนจะลงมาอยู่ข้างกายจักรพรรดินีเหยาจี นางคำนับด้วยความเคารพก่อนจะยื่นยันต์หยกให้ “ท่านจักรพรรดินี นี่คือยันต์หยกที่มหาจักรพรรดิจิ่วเทียนแจ้งแก่มหาจักรพรรดิซื่อฟาง!”
คิ้วงดงามของเหยาจีขมวดเล็กน้อย “จิ่วเทียนหรือ? เขาเพิ่งออกจากการเก็บตัว คิดจะทำอะไรกันแน่?”
สิ้นคำ จักรพรรดินีเหยาจีก็ชูนิ้วสีขาวหยกเล็กน้อย แล้วยันต์หยกก็เคลื่อนลงมาอยู่ในมือของนาง
ยันต์หยกคลี่ออก แล้วแถวตัวอักษรจำนวนมากก็ปรากฏขึ้น
จักรพรรดินีเหยาจีเหลือบมองอย่างรวดเร็วก่อนจะเข้าใจเนื้อหาสำคัญ
“ลู่หยวนหรือ?”
จักรพรรดินีเหยาจีเพียงจดจ้องชื่อของคนจากแดนมนุษย์
ยันต์หยกใบนี้บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นหลังจากจิตเทวะของร่างจำแลงมหาจักรพรรดิจิ่วเทียนถูกวิถีสวรรค์ลากตัวไปที่แผ่นดินหยวนหง
มันบอกว่ามีคนจากแดนมนุษย์สังหารจิตเทวะของร่างจำแลงมหาจักรพรรดิจิ่วเทียน!
ทั่วทั้งแดนเซียน ผู้ที่สามารถครองตำแหน่งจักรพรรดิได้ล้วนเป็นผู้ทรงพลังแทบทั้งสิ้น!
ร่างจำแลงมหาจักรพรรดิเหล่านี้คือความภาคภูมิใจของตัวตนทั่วทั้งแดนเซียน แม้จะไม่ได้เก่งกาจเท่าร่างจริงของมหาจักรพรรดิ แต่ก็มากพอที่จะเป็นราชาในแดนเซียน!
แม้เป็นเพียงเศษเสี้ยวจิตเทวะที่ถ่ายทอดเข้าไปในร่างจำแลงเหล่านี้ แต่สำหรับแผ่นดินหยวนหงและแดนมนุษย์อื่น มันคือตัวตนที่บดขยี้โลกได้!
แต่เมื่อพลังระดับนั้นปรากฏในแผ่นดินหยวนหง มันดันถูกกำราบและสังหารโดยชายหนุ่มผู้อายุไม่เกินยี่สิบปี!
จักรพรรดินีเหยาจีเคลื่อนสายตามาจับจ้องชื่อของลู่หยวน
คำสี่คำที่ไม่ได้ปรากฏมาเป็นเวลานานปรากฏในดวงตาของนาง
“วิถีโบราณ?”
“เด็กคนนี้ถึงกับเป็นคนจากโลกโบราณงั้นหรือ? สิ่งที่จิ่วเทียนพูดมาค่อนข้างน่าเชื่อถือไม่น้อย…”
จักรพรรดินีเหยาจีหรี่ตาเล็กน้อยราวกับกำลังครุ่นคิดบางสิ่ง
เมื่อคนทั้งสองที่กำลังคุกเข่าได้ยินเช่นนี้ ความคิดของพวกนางก็เริ่มตื่นตัวทันใด
ทั้งสองต่างเป็นตัวตนระดับสูงในดินแดนเหยาเช่นกัน อีกทั้งยังรับใช้จักรพรรดินีเหยาจีมาหลายปี ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่จะเข้าใจว่า “วิถีโบราณ” นี้มีความหมายว่าอย่างไร!
หากลู่หยวนเป็นคนที่มาจาก “วิถีโบราณ” จริง เช่นนั้นความพ่ายแพ้อย่างเวทนาในวันนี้ก็เริ่มดูสมเหตุสมผลขึ้นมา!
ทันใดนั้นนางก็ตระหนักได้ว่ายังมีโอกาสรอดชีวิตก่อนจะเอ่ยคำเสียงดัง “ท่านจักรพรรดินี เจ้าเด็กสารเลวที่ปกป้องไท่อีเอาไว้ก็คือลู่หยวน!”
“เด็กคนนี้มีกลอุบายค่อนข้างมาก แถมยังสามารถใช้กล่องกระบี่ไท่อีได้ด้วย!”
จักรพรรดินีเหยาจีหันมาทางผู้พูดด้วยแววตาสนใจเล็กน้อย “เจ้ากำลังจะบอกว่าคนที่ฆ่าร่างจำแลงพวกเจ้าทั้งสองคือลู่หยวนงั้นหรือ?”
อีกฝ่ายพยักหน้าทันที “ใช่แล้ว!”
สาวใช้คนเข้าใจเช่นกันว่านี่คือโอกาสที่จะมีชีวิตรอดก่อนจะพยักหน้าตาม “ใช่แล้วใช่แล้ว!”
“โห?”
จักรพรรดินีเหยาจีหัวเราะแผ่วเบา “เขาผู้มีร่างมนุษย์จะสามารถใช้กล่องกระบี่ไท่อีได้อย่างนั้นหรือ?”
ทั้งสองเอ่ยคำอย่างเด็ดขาด “ใช่!”
จักรพรรดินีเหยาจียิ้มบาง ดวงตาของนางหรี่ลงราวกับกำลังขบคิดบางอย่าง
คนทั้งสองซึ่งอยู่ด้านล่างไม่กล้าแสดงโทสะขณะหัวใจเต้นแรง วันนี้พวกนางจะรอดหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความคิดของจักรพรรดินีเหยาจี!
“ดูเหมือนสิ่งที่จิ่วเทียนพูดมาจะพอมีน้ำหนักอยู่บ้าง…”
“น่าสนใจ น่าสนใจยิ่งนัก…”
จักรพรรดินีเหยาจีพลันเอ่ยประโยคดังกล่าวออกมาก่อนจะลุกขึ้นยืน ดวงตาของนางหมองหม่นไม่แจ่มชัด ห้วงอากาศรอบข้างผันผวนเล็กน้อยขณะร่างค่อยหายไปจากที่ที่เคยอยู่!
สาวใช้ผู้นำยันต์หยกมาให้ก็หายไปเช่นกัน
คนทั้งสองที่คุกเข่าถอนหายใจด้วยความโล่งอก จักรพรรดินีเหยาจีจากไปโดยที่ไม่บอกว่าจะลงโทษอย่างไร หมายความว่าพวกนางรอดแล้ว
ทั้งคู่ต่างมองหน้ากันและกำลังจะลุกขึ้น
“ชิ้ง!”
ทั่วทั้งวังจักรพรรดิเกิดการสั่นสะเทือนเป็นระลอกคลื่นระหว่างทั้งสอง!
คลื่นดังกล่าวกระจายออกไปทุกทิศทาง แล้วร่างของทั้งสองก็กลายเป็นผุยผงเพราะความผันผวนดังกล่าว
จิตเทวะของพวกนางล้วนถูกบดขยี้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!
องครักษ์ที่คุ้มกันวังเหลือบมองสักพักก่อนจะไม่เหลียวแลอีกต่อไป
…
แผ่นดินหยวนหง
ลู่หยวนพากู้ชิงหรันกับซวี่รั่วหลิงมุ่งหน้าสู่แดนมัชฌิม
ด้วยความช่วยเหลือของเมล็ดพันธุ์เทพโกลาหล ทำให้แดนมัชฌิมในวันนี้เริ่มกลับไปเหมือนเมื่อวันวานซึ่งตระกูลส่วนใหญ่เริ่มก่อตั้งขึ้นมา
แม้จะไม่เจริญรุ่งเรืองเหมือนเมื่อก่อน แต่สำนักทั้งหลายต่างยืนหยัดเป็นกลุ่มก้อนประหนึ่งตระกูลใหญ่ที่เคยมีมา!
ลู่หยวนมุ่งหน้าไปทางตระกูลเสวียนซึ่งก่อตั้งโดยเสวียนเทียนชวน
เนื่องจากลู่หยวนแจ้งเอาไว้ล่วงหน้า ทำให้พวกเสวียนเทียนชวนออกมารอพร้อมกับตระกูลเสวียนแล้ว
เสวียนเทียนชวนรู้สึกตื่นเต้นทันทีที่เห็นลู่หยวน แม้ขาจะพิการจนทำได้เพียงนั่งบนรถเข็น แต่เขาก็ยังโค้งคำนับด้วยความเคารพ “นายท่าน!”
หลังจากนิ่งไป เสวียนเทียนชวนก็คำนับกู้ชิงหรันผู้อยู่ข้างกายลู่หยวน “นายหญิง!”
กู้ชิงหรันมีสีหน้าเฉยชาก่อนจะพยักหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ
แม้เสวียนเทียนชวนจะไม่เคยพบกู้ชิงหรันมาก่อน แต่ด้วยการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับพวกฉินอี่หาน ทำให้พวกเขาล่วงรู้เกี่ยวกับผู้หญิงที่หมั้นหมายกับลู่หยวน
คนที่เหลือต่างทำความเคารพเช่นกัน!
ลู่หยวนโบกมือ แล้วเสวียนเทียนชวนจึงลุกขึ้น
“สิ่งที่ข้าขอให้เจ้าทำไปถึงไหนแล้ว?”
ลู่หยวนเปิดปากถามเกี่ยวกับสิ่งที่มอบหมายไป
นับตั้งแต่การต่อสู้ระหว่างลู่หยวนกับซ่งชิง เขาพอจะคาดเดาได้ว่าจะเกิดปัญหาทั่วทั้งแผ่นดินหยวนหง
เมื่อนานมาแล้ว ลู่หยวนเคยอ่านเกี่ยวกับกองกำลังของซ่งชิงที่แผ่ขยายออกไปในดินแดนทั้งหลาย
กองกำลังเหล่านี้คล้ายกับมุ่งเป้าไปที่การขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยตระกูลเล็กพยายามกลายเป็นตระกูลใหญ่ จากนั้นรวมกับตระกูลอื่นก่อนจะเริ่มตั้งพันธมิตรขึ้นมา
จากนั้นสำนักเล็กกลายเป็นสำนักใหญ่ก่อนจะรวมเข้ากับสำนักอื่นโดยรอบ หากไม่สามารถทำได้ก็จะเริ่มสร้างพันธมิตรเช่นเดียวกับตระกูล
วิธีรวบรวมพละกำลังอย่างรวดเร็วเช่นนี้ทำให้ลู่หยวนคิดถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง
หากพละกำลังเหล่านี้ยิ่งแข็งแกร่ง พวกเขาก็จะกลายเป็นค่าโชคชะตาให้กับซ่งชิงโดยตรงใช่หรือไม่?!
บทที่ 551 ระบบกลยุทธ์
บทที่ 551 ระบบกลยุทธ์
ดวงตาของซ่งชิงเผยความตกตะลึงชั่วขณะ ทันใดนั้นหมัดของลู่หยวนก็เคลื่อนลงมากระแทกเข้าที่ใบหน้าของเขาโดยตรง!
หมัดเคลื่อนมาอย่างรวดเร็ว ทำให้ห้วงอากาศรอบข้างถูกบีบอัดจนเสียรูปก่อนจะแตกสลายทีละชั้น!
ซ่งชิงทราบเช่นกันว่าต่อให้จะใช้พลังของระบบก็คงไม่สามารถกำจัดลู่หยวนจนสิ้นได้ ดังนั้นเขาจึงรีบสร้างผนึกด้วยมือทั้งสองอย่างรวดเร็ว!
อักขระสีขาวแปลกประหลาดปรากฏบนหน้าผากของซ่งชิง พวกมันกระจายออกไปขณะปกคลุมทั่วร่างของเขา!
หมัดของลู่หยวนที่ใกล้เข้ามาพลันหยุดนิ่งด้วยพลังของอักขระนี้ แล้วกลิ่นอายของเขาก็ถูกแช่แข็งไปชั่วขณะ!
“ระบบ! ทำลายพันธนาการ! พลังสามสั่นสะเทือนจนไปถึงระดับสูงสุดแล้ว!”
ลู่หยวนโพล่งออกไป!
[ระบบรับทราบ!]
เส้นสีทองแปลกประหลาดปรากฏขึ้นบนหมัดของลู่หยวน โดยพลังอันไร้ที่มาปรากฏจากอากาศธาตุภายในทะเลลมปราณของเขา ก่อนจะปกคลุมกลิ่นอายทั้งหมดเอาไว้!
พลังในมือของลู่หยวนเพิ่มขึ้นหลายร้อยเท่า!
หลุมดำรอบข้างที่ปกคลุมห้วงอากาศจากการแตกสลายก็ปรากฏ แต่มันกลับถูกสะกดเอาไว้โดยพลังที่เพิ่มขึ้นของลู่หยวน!
ชิ้ง!
ทำให้พลังที่จองจำลู่หยวนเอาไว้สลายไปโดยพลัน!
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
พลังในมือของลู่หยวนเกินกว่าแผ่นดินหยวนหงจะแบกรับได้!
ขณะหมัดของลู่หยวนเคลื่อนลงมา โลกรอบข้างเกิดการบิดเบี้ยว สิ่งรอบข้างล้วนพลันทลาย!
“ลู่หยวน ข้าแค่ควบคุมเจ้าได้หนึ่งอึดใจก็เกินพอแล้ว!”
ซ่งชิงตะโกนออกมา “ระบบ พัฒนารูปลักษณ์ธรรมให้ถึงระดับสูงสุด!”
[ระบบรับทราบ!]
ในตอนนี้ หมัดของลู่หยวนห่างจากใบหน้าของซ่งชิงเพียงสามชุ่น!
พลังหมัดอันร้ายกาจนั่นทำให้โลกรอบข้างบิดเบี้ยวและแตกสลาย!
ซ่งชิงไม่กลัวเกรงแต่อย่างใด อักขระสีขาวบนหน้าผากและนัยน์ตาถูกย้อมจนกลายเป็นสีทอง แล้วเส้นโลหิตก็ปูดโปนขึ้นมา!
“รูปลักษณ์ธรรม! ฟ้าดิน!”
ตู้ม!
เงาใหญ่โตประหนึ่งทวยเทพพลันปรากฏจากร่างของซ่งชิง โดยหมัดสีทองขนาดใหญ่เข้ากระทบกับหมัดของลู่หยวน!
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ทั้งสองจู่โจมเข้าใส่อย่างดุเดือด ทั่วหล้าที่อยู่ภายใต้ความผันผวนของพวกเขาบิดเบี้ยวจนสิ้น ก่อนจะเริ่มพังทลายจากสุดขอบของซากปรักหักพังทีละน้อย!
นอกจากหมู่เมฆสีทองที่เคลื่อนตัวอยู่เหนือท้องนภา หลุมดำไร้ก้นบึ้งก็ปรากฏขึ้นเช่นกัน แล้วสายลมแรงกล้าก็พัดผ่านขณะกลืนกินโลกที่แตกสลายเหล่านี้ทีละน้อย!
ผู้คนทั้งหลายที่มีระดับการบ่มเพาะต่ำไม่มีเวลาให้หลบหนี ก่อนจะถูกดูดเข้าไปในหลุมดำไร้ก้นบนท้องนภา โดยไม่มีใครได้พบเห็นพวกเขาอีก!
ชิ้ง!
กลิ่นอายของทั้งสองที่เข้าปะทะกันพลันหายไป แล้วร่างพวกเขาก็กระเด็นถอยหลังไปคนละทิศละทาง!
ลู่หยวนเพิ่งประคองร่างกายอย่างมั่นคงและกำลังจะไล่ตามอีกครั้ง แต่เขาพบว่าซ่งชิงหายไปไกลลิบเสียแล้ว!
เสียงของซ่งชิงดังก้องในโลกนี้ “ลู่หยวน เมื่อเจ้ากับข้าพบกันอีกครั้งบนเกาะสังหารเซียน นั่นคือวันที่พวกเราจะได้ตัดสินกันว่าใครจะอยู่หรือตาย! ข้าจะเหยียบร่างของเจ้าแล้วถามกับวิถีสวรรค์ว่ากล้าดีอย่างไรถึงมาใช้พวกเราเป็นตัวหมากแบบนี้!”
ในตอนนี้ ร่างของชางเหล่าที่ถูกพวกอู๋เต้าต้อนจนมุมก็หายไปเช่นกัน!
โลกของซากปรักหักพังถูกทำลายสิ้น มันบิดเบี้ยวเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก่อนจะถูกทำลายไม่เหลือซากในไม่ช้า!
สายลมแรงกล้ากวาดผ่านลู่หยวนที่ยืนอยู่ในห้วงอากาศ ชุดคลุมสีขาวพลิ้วไหวไปมาพร้อมกับอำนาจยิ่งใหญ่ ฝ่ามือของเขากำหมัดมั่นขณะกลิ่นอายของอักขระรอบข้างก็ถูกทำลายไม่มีชิ้นดี!
“ตี้อู่เหอซ่าน เจ้าเห็นโลกรูปลักษณ์ธรรมเมื่อครู่หรือไม่?”
ลู่หยวนเอ่ยอย่างเนิบช้า
เสียงของตี้อู่เหอซ่านดังขึ้น “นายท่าน ข้าเคยเห็นมาก่อน โลกรูปลักษณ์ธรรมนี้สามารถรับหมัดสุดกำลังจากพลังสามสั่นสะเทือนของท่านได้! ยิ่งกว่านั้น ปราณวิญญาณในโลกรอบข้างยังไม่มีความผันผวน อุบายเช่นนี้ถือเป็นเคล็ดวิชาลับในแดนเซียนที่ไม่ได้รับการแพร่งพราย!”
เสียงของนางหยุดลงชั่วขณะ จากนั้นก็เอ่ยคำอีกครั้ง “หากซ่งชิงมีเคล็ดกายาที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าพลังสามสั่นสะเทือนขึ้นมา…”
พอพูดถึงตรงนี้ ตี้อู่เหอซ่านก็เงียบไป
แม้จะไม่กล่าวจนจบประโยค ลู่หยวนก็เข้าใจความหมายที่นางจะสื่อเช่นกัน
โลกรูปลักษณ์ธรรมนี้มีความสัมพันธ์กับผู้ใช้ค่อนข้างมาก แต่ซ่งชิงสามารถปลดปล่อยพลังดังกล่าวในพื้นที่ที่ถูกควบคุมได้
หากซ่งชิงเชี่ยวชาญเคล็ดกายาได้จริงหรือถึงขั้นทัดเทียมกับเคล็ดกายาของลู่หยวนได้ เช่นนั้นโลกรูปลักษณ์ธรรมนี้จะต้องทรงพลังมากอย่างแน่นอน
ถึงตอนนั้น ลู่หยวนอาจจะไม่สามารถจัดการซ่งชิงได้เหมือนอย่างที่ทำในวันนี้!
“เหอะ…”
ลู่หยวนพลันยิ้มหยัน “เป้าหมายในวันนี้บรรลุแล้ว ข้าพอจะทราบภูมิหลังของเขาขึ้นมาบ้าง หากออกไปเมื่อไหร่ ข้าจะดึงทุกสิ่งที่เขาพึ่งพิงออกมาเอง!”
“บุตรศักดิ์สิทธิ์!”
ซวี่รั่วหลิงปรากฏตัวมาแต่ไกลโดยแบกเฉินจงเอาไว้ด้านหลังในสภาพเร่งรีบ!
ขณะลู่หยวนมองไปด้านข้าง ตี้อู่เหอซ่านก็กลับสู่จิตเทวะของเขา!
ซวี่รั่วหลิงเข้ามาใกล้ ก่อนทำการคารวะลู่หยวน นางก็เอ่ย “บุตรศักดิ์สิทธิ์ ดูเหมือนพลังจากท้องฟ้ากำราบศิษย์พี่กู่ไว้!”
ลู่หยวนไม่รีบร้อน หมู่เมฆสีทองที่ปรากฏเหนือท้องนภาม้วนตัว เขาทราบดีว่าพวกมันกำลังมุ่งหน้าไปทางกู้ชิงหรัน!
เขาอยากทราบว่ายังมีใครอื่นบ้างที่จะปรากฏตัวในวันนี้!
ดวงตาของเขาเหลือบมองไปทางเฉินจงผู้อยู่บนหลังของซวี่รั่วหลิง
เมื่อเฉินจงได้สติก็พลันแสดงสีหน้าเคร่งขรึม พละกำลังในร่างของเขาแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนมาก แม้จะพยายามดิ้นรนเพื่อให้เป็นอิสระ แต่มันก็เปล่าประโยชน์!
ลู่หยวนคิ้วขมวดเมื่อเห็นเช่นนี้ “ตาเฒ่านั่นถ่ายทอดพลังให้เขาหรือ?”
ตาเฒ่าที่เขาพูดถึงคือชายชราที่เคยอยู่ในบ้านร้างมาก่อน!
ซวี่รั่วหลิงพยักหน้า ขณะลู่หยวนและซ่งชิงหายไป ชายชราก็หันมาจับจ้องเฉินจง เขาถึงขั้นบอกว่าจะรับเป็นศิษย์ ทั้งยังบอกอีกว่าเรื่องนี้ได้ตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว ชึ่งเฉินจงจะพูดอะไรได้อีก หลังจากไปถึงแดนเซียนเมื่อไหร่ เขาจะให้เด็กคนนี้หาร่างที่เหมาะสมให้กับตนเอง
จากนั้นพลังแปลกประหลาดก็ถูกถ่ายทอดไปยังเฉินจงเพื่อฟื้นฟูสติ แล้วเขาก็เริ่มขัดขืนอีกครั้ง
กู้ชิงหรันลงมือกำราบเฉินจงอีกครั้ง จากนั้นก็เคลื่อนไหวอีกหนเพื่อทำการจองจำชายชราก่อนจะไล่ตามลู่หยวนมา!
ไม่นานหลังจากนั้น หมู่เมฆกลับหัวสีทองก็ปรากฏในท้องนภา แล้วกู้ชิงหรันก็กลับมาขณะนั่งอยู่ในห้วงอากาศพร้อมกับชายชราที่ถูกมัดเอาไว้อยู่ข้างกาย
ไม่ว่าซวี่รั่วหลิงจะโง่แค่ไหนก็มองออกว่าพลังดังกล่าวกำลังไปหากู้ชิงหรัน ดังนั้นนางจึงมาหาลู่หยวนพร้อมกับเฉินจงที่ถูกกำราบเอาไว้!
เมื่อลู่หยวนก้มมองลงไป เฉินจงก็รู้สึกเย็นสันหลังวาบ เขาเผยรอยยิ้มเก้กังก่อนจะเริ่มแสดงท่าทีอ่อนแอออกมา
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ ข้าไม่ได้คิดที่จะทำมิดีมิร้ายกับท่านอยู่แล้ว เดิมทีข้าก็เป็นเพียงครึ่งจักรพรรดิในแดนเซียนก่อนจะโดนครึ่งจักรพรรดิผู้อื่นโจมตีจนถึงแก่ความตาย!”
“หากวันนี้ท่านยอมปล่อยไปสักครั้ง ข้า เฉินจง จะเป็นหนี้บุญคุณต่อท่าน นับจากนี้ไปท่านกับข้าก็นับเป็นพี่น้อง เมื่อใดที่ท่านต้องการ ข้าจะต้องให้การช่วยเหลืออย่างสุดกำลังอย่างแน่นอน!”
