บทที่ 560 ซ่งชิงลงมือ เรื่องของตระกูลเซียว
บทที่ 560 ซ่งชิงลงมือ เรื่องของตระกูลเซียว
หากเป็นแบบนี้ เช่นนั้นซ่งชิงจะต้องเปลี่ยนอำนาจทั้งหมดของคนเหล่านี้ให้กลายเป็นค่าโชคชะตาแล้วใช้พวกมันหลังจากนี้อย่างไม่ต้องสงสัย!
เพราะซ่งชิงทราบว่าลู่หยวนไม่ใช่คนโง่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทั้งคู่ทราบว่าอีกฝ่ายมีระบบ พวกเขาจะต้องคิดถึงระดับนี้อย่างแน่นอน!
ขอเพียงลู่หยวนไม่ใช่คนขี้ขลาด เขาย่อมทราบว่าตนเองจะต้องลงมือเพื่อทำลายกองกำลังทั้งหมดนี้!
ถึงตอนนั้น ซ่งชิงจะไม่สามารถลดค่าโชคชะตาตามที่ต้องการได้!
มันจึงเป็นการดีกว่าที่จะใช้พลังเหล่านี้ในขณะที่คนของลู่หยวนยังไม่ลงมือ ไม่ว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนสิ่งของหรือพัฒนาทักษะเทวะ ไม่ว่าอย่างไร หากหาทางใช้ได้ก็ไม่เท่ากับเสียเปล่า!
ลู่หยวนเผยรอยยิ้มเย็นชา เหอะ เขาอยากรู้นักว่าซ่งชิงจะทรงพลังมากแค่ไหน!
เสวียนเทียนชวนตอบด้วยความเคารพ “รายงานนายท่าน การสืบสวนเกือบเสร็จสิ้นแล้ว พวกข้าส่งคนไปประจำตามสถานที่ทั้งหลาย หากมีความจำเป็นขึ้นมา ขอเพียงนายท่านถ่ายทอดคำสั่ง กองกำลังเหล่านี้สามารถถูกทำลายได้ในพริบตา!”
“สิ่งของวิเศษซึ่งถูกวาดไว้บนแผนที่อยู่ในห้องโถงของท่านแล้ว”
“ไป ไปดูกัน”
เสวียนเทียนชวนตอบตกลงแต่ไม่ได้พาลู่หยวนไปในทันที แต่กลับทำความเคารพกู้ชิงหรันอีกครั้งแล้วเอ่ยคำด้วยความเคารพ “นายหญิง ภายในรัศมีสามสิบลี้ของลานวังไม่มีคนอยู่อาศัย ภายในมีทุกอย่างเพียบพร้อม ดังนั้นเชิญท่านทำตามใจปรารถนาได้เลย”
กู้ชิงหรันพยักหน้าเพื่อบ่งบอกว่ารับรู้
จากนั้นเสวียนเทียนชวนกับลู่หยวนเดินไปที่ลานวัง
กู้ชิงหรันเดินตรงไปทางห้องโถงใหญ่ข้างวังลู่หยวน นางไม่สนใจสิ่งที่อีกฝ่ายกับเสวียนเทียนชวนตระเตรียมเอาไว้
นางเพียงมีความปรารถนาที่จะสำรวจกระบี่ไท่อี ประกอบกับตอนนี้ลู่หยวนต้องใช้เวลาในการตระเตรียมสักพัก ดังนั้นตนเองสามารถใช้โอกาสดังกล่าวเพื่อสำรวจกล่องกระบี่ไท่อีได้
ลู่หยวนกับกู้ชิงหรันต่างแยกย้ายกันแล้ว แต่ซวี่รั่วหลิงกลับยืนนิ่งโดยไร้จุดหมาย
ผู้คนบางส่วนที่อยู่ข้างกายพานางไปสถานที่พักผ่อน
ลู่หยวนกับเสวียนเทียนชวนเข้าลานวังก่อนจะพบว่าห้องโถงใหญ่มีความงดงามยิ่ง สิ่งที่สะดุดตามากที่สุดคือแผนที่ที่แขวนอยู่บนผนังด้านหนึ่ง
แผนที่ดังกล่าวครอบคลุมทั่วทั้งแผ่นดินหยวนหง!
แม้แต่พื้นที่ต้องห้ามบางแห่งก็ถูกทำเครื่องหมายไว้!
ลู่หยวนเหลือบมองเล็กน้อยก่อนจะพบพื้นที่สีแดงซึ่งมีการทำเครื่องหมายไว้เป็นพิเศษบนแผนที่
สถานที่เหล่านี้ล้วนหมายถึงกองกำลังของซ่งชิง!
“เหอะ ค่อนข้างเยอะพอตัว”
ลู่หยวนยิ้ม เขาเพียงกวาดตามองเล็กน้อยก็มองเห็นพื้นที่ดังกล่าวไม่ต่ำกว่าร้อยแห่ง!
กองกำลังเหล่านี้มีขนาดแตกต่างกันไปและข้องเกี่ยวกับห้าดินแดนใหญ่ โดยทะเลใต้กับอาณาจักรประจิมครอบครองกองกำลังไว้มากที่สุด
ถัดจากเครื่องหมายสีแดงแต่ละแห่งคือรายชื่อกองกำลังที่อยู่ภายในนั้น
หากมองดูตามนี้ ทะเลใต้กับอาณาจักรประจิมทั้งหมดใกล้จะล่มสลายเต็มที ซึ่งกองกำลังภายในนั้นล้วนเป็นตัวตนสูงสุดแทบทั้งสิ้น!
ลู่หยวนเปิดปากถาม “มีการเคลื่อนไหวในช่วงไม่กี่วันมานี้บ้างหรือไม่?”
“มี!”
เสวียนเทียนชวนพยักหน้า “นับตั้งแต่เมื่อวาน กองกำลังทั้งหลายที่ถูกทำเครื่องหมายเอาไว้เริ่มผลัดเปลี่ยนตำแหน่งภายในที่สำคัญ!”
“ผู้คนเกือบครึ่งในกองกำลังทั้งหลายเสียชีวิตในชั่วข้ามคืน ส่วนบุคคลสำคัญของกองกำลังทั้งหมดกลายเป็นพวกหน้าใหม่!”
“จากการสืบสวนของพวกเราทำให้ทราบว่ามีกองกำลังอื่นข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้!”
ลู่หยวนคิ้วขมวดเล็กน้อย “หากมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่จากกองกำลังเหล่านี้ มันจะไม่เป็นการดึงดูดความสนใจจากกองกำลังอื่นหรือ?”
เสวียนเทียนชวนเอ่ย “ก็มีบ้าง ยกตัวอย่างเช่นในอาณาจักรประจิมก็มีบางสำนักเริ่มเข่นฆ่ากันเองในชั่วข้ามคืน ซึ่งสำนักรอบข้างที่ไม่ได้อยู่ใต้อาณัติกองกำลังของซ่งชิงต่างเกิดความคิดที่จะฉวยโอกาสจากความวุ่นวายดังกล่าวด้วยการจับอาวุธขึ้นมาห้ำหั่นกันภายในนั้น”
“แต่คนเหล่านี้ล้วนตายอย่างน่าเวทนาก่อนจะทันได้เข้าร่วมการต่อสู้ภายในสำนักเสียอีก!”
“ตามรายงานที่ได้รับมา ว่ากันว่าในคืนนั้นมีคนเห็นปราณกระบี่นับไม่ถ้วนปรากฏบนท้องฟ้า ซึ่งพลังของมันยิ่งใหญ่ราวกับทวยเทพกระบี่ เพียงแค่หนึ่งถ้วยชา คนเหล่านี้ก็ถึงแก่ความตาย”
เสวียนเทียนชวนแสดงยันต์บางอย่างให้ลู่หยวนดู จากนั้นจึงเอ่ยคำต่อ “ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ เหตุการณ์การทำลายล้างตระกูลและสำนักอย่างกะทันหันเช่นนี้เกิดขึ้นรวมทั้งสิ้นสามสิบเก้าครั้ง!”
“คนเหล่านี้ที่ก้าวเข้ามากำราบไม่อาจมองข้ามได้ คาดว่าความแข็งแกร่งในการบ่มเพาะของพวกเขาอยู่ในขอบเขตตั้งแต่ขั้นเซียนยุทธ์ไปจนถึงขั้นจ้าวยุทธ์!”
“ตามการประมาณการของข้า ในเหตุการณ์สามสิบเก้าครั้งนี้น่าจะมีประมาณสิบคนที่เคลื่อนไหวเพื่อลงมือกำราบ ซึ่งในบรรดาสิบคน มีสามคนใช้กระบี่ หนึ่งคนใช้ดาบ สองคนใช้อาวุธยาว และสี่คนที่เหลือใช้ค่ายกล ยันต์ หรือไม่ก็กำลังกาย”
เสวียนเทียนชวนอธิบายสิ่งที่คาดการณ์ไว้ทั้งหมดโดยไม่ปล่อยให้เสียเวลา
หลังจากได้รับคำสั่งจากลู่หยวน เขาก็เริ่มวางแผนและติดตามสถานการณ์ทันที
กองกำลังเหล่านั้นซึ่งอยู่ใต้อาณัติของซ่งชิงถูกไป๋ชิวเอ๋อร์แทรกซึมเข้าไปนานแล้ว
ภายใต้สภาพดังกล่าว ทำให้การตรวจสอบสิ่งเหล่านี้จึงทำได้ค่อนข้างง่าย
เสวียนเทียนชวนถึงขั้นทำนายทั้งคืนจนในที่สุดก็สามารถกำหนดความเป็นไปได้มากมาย!
เมื่อทราบคำตอบของเสวียนเทียนชวน ลู่หยวนจึงพยักหน้าก่อนจะบังเกิดความคิดหนึ่งในใจ
“แต่มีกองกำลังซึ่งไม่อยู่ภายในขอบเขตการจับตาดูที่เริ่มผลัดเปลี่ยนตำแหน่งสำคัญอย่างรวดเร็วเหมือนเจ้าพวกนี้ใช่หรือเปล่า?”
เสวียนเทียนชวนตอบ “มีบ้าง แต่ตอนนี้พวกเขาล้วนอยู่ภายใต้การสังเกตการณ์!”
ทันทีที่สิ้นคำ สีหน้าของเสวียนเทียนชวนเริ่มผิดธรรมชาติ “นายท่าน มีอีกเรื่องหนึ่ง”
ลู่หยวนเหลือบมอง “เรื่องอะไร?”
“ตระกูลของเซียวเทียนซึ่งตั้งอยู่ในทะเลใต้เป็นตระกูลเล็กที่อยู่ใจกลางเมืองชายแดน แต่จากข่าวที่รับทราบมาเมื่อเช้า นี้ ว่ากันว่าฉือเซ่ากับจ้าวเยี่ยนผู้อยู่ใต้อาณัติซ่งชิงต่างไปรวมอยู่กับตระกูลของเซียวเทียนแล้ว”
เสวียนเทียนชวนคิ้วขมวด “แม้ข่าวล่าสุดจะเป็นพวกเขาเข้ามาในตระกูลเซียว แต่คาดว่ามันเป็นการเข้ามาด้วยเจตนาที่ไม่ดี”
ลู่หยวนหรี่ตา เขาพอจะคาดเดาได้ว่าคนของซ่งชิงต้องเข้ามาเอาอะไรบางอย่างเป็นแน่
ทันทีที่สองคนนี้เข้าไป ผู้คนทั้งหลายในตระกูลเซียวอาจจะถึงแก่ความตาย
ค่าโชคชะตาของเซียวเทียนยังพอมีอยู่ ส่วนกลิ่นอายของตัวเอกยังคงอยู่ที่นั่น หากไม่มีอุบัติเหตุอะไรเกิดขึ้น เด็กคนนี้จะต้องรีบกลับมาเพื่อทำการต่อสู้ครั้งใหญ่อย่างแน่นอน!
ลู่หยวนสอบถาม “ตอนนี้เซียวเทียนอยู่ไหน?”
เสวียนเทียนชวนตอบ “เขาออกจากเกาะที่เข้าไปฝึกฝนแล้ว ว่ากันว่าตอนนี้เขาแข็งแกร่งขึ้นมาก! อย่างน้อยก็อยู่ขั้นเซียนยุทธ์!”
“โห?”
ลู่หยวนยิ้มกว้าง “เด็กคนนี้เติบโตไวนัก เพียงช่วงเวลาไม่นาน เขาได้เข้าสู่ขั้นเซียนยุทธ์งั้นหรือ?”
เสวียนเทียนชวนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ระดับการบ่มเพาะที่ก้าวกระโดดของเซียวเทียนถือว่าพิเศษสำหรับแผ่นดินหยวนหง!
ทว่าเสวียนเทียนชวนไม่ประหลาดใจ ถึงอย่างไรลู่หยวนเป็นคนที่ก้าวเข้าสู่สองขั้นจนไปถึงขั้นจ้าวยุทธ์ได้ในคราวเดียว ส่วนที่เหลือจึงไม่ส่งผลกระทบอะไรกับเขาอีกต่อไป!
“เมื่อเซียวเทียนกลับมา เรื่องนี้จะพัฒนาไปอีกขั้น ให้คนของพวกเรานิ่งเฉยไปสักระยะแล้วปล่อยให้เรื่องดังกล่าวดำเนินต่อไป”
ลู่หยวนยิ้มบาง “แต่ให้คนของพวกเราจับตาดูอย่างใกล้ชิด อย่างน้อยจะปล่อยให้ทุกคนในตระกูลเซียวตายไม่ได้ พวกเราต้องลงมือเมื่อถึงคราวจำเป็น ก็ไม่จำเป็นต้องช่วยทั้งหมด ช่วยเพียงคนหนุ่มสาวบางส่วนก็พอ”
“ยามมนุษย์สูญเสียคนสำคัญที่สุดเท่านั้นจึงจะสามารถมุ่งสนใจไปที่ความเกลียดชังตลอดชีวิตจนเกิดเป็นเป้าหมายได้! ข้าอยากให้เซียวเทียนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับซ่งชิง!”
เสวียนเทียนชวนรู้สึกเย็นสันหลังวาบเมื่อได้ฟังคำพูดของลู่หยวน จากนั้นจึงคำนับแล้วตอบคำ “ขอรับ!”
บทที่ 552 เพราะข้าคือตัวเอก!
บทที่ 552 เพราะข้าคือตัวเอก!
สีหน้าของลู่หยวนสงบยิ่ง เขาไม่ได้กังวลเรื่องเฉินจงขณะเสียงแจ้งเตือนของระบบก็ดังขึ้นในใจของเขา!
[แจ้งเตือนจากระบบ: ครั้งนี้ท่านใช้ค่าโชคชะตาวายร้ายไปทั้งสิ้นหนึ่งแสนสามหมื่นแต้ม! ท่านใช้ค่าโชคชะตาวายร้ายทั้งหมดแล้ว! ส่วนเกินของค่าโชคชะตาวายร้ายได้ถูกหักออกจากราชวงศ์อู๋ซวง!]
[ท่านลู่หยวน ค่าโชคชะตาวายร้ายในตอนนี้: 0!]
ลู่หยวนพลันกลับมามีสติขณะสายตาจับจ้องเฉินจง แล้วมุมปากของเขาก็ยกยิ้ม
เฉินจงรู้สึกเย็นสันหลังวาบเมื่อเห็นรอยยิ้มของลู่หยวน
ด้วยเหตุผลบางอย่าง รอยยิ้มของลู่หยวนในตอนนี้ไม่ต่างจากราชาแห่งยมโลก!
“ค่าโชคชะตาหนึ่งหมื่นแต้มนับว่าคุ้มค่า…”
ลู่หยวนพึมพำ
เฉินจงไม่เข้าใจว่าลู่หยวนหมายถึงอะไร ดังนั้นเขาจึงกลืนน้ำลายแล้วเอ่ย “บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ หากท่านต้องการวิชายุทธ์หรือของสิ่งใด ข้าสามารถพาไปที่แดนเซียนได้! ข้ารู้จักกับมหาจักรพรรดิหลายคนที่อยู่ในนั้น ข้ารู้ว่าพวกเขาเก่งอะไรและมีความแข็งแกร่งมากน้อยแค่ไหน!”
“ท่านกับข้าร่วมมือกันเพื่อเข้าสู่แดนเซียน จากนั้นครองบัลลังก์มหาจักรพรรดิด้วยกันเป็นอย่างไร!”
เดิมทีเฉินจงเป็นเพียงกลุ่มวิญญาณที่หลบหนีออกมา หลังจากผ่านไปพักใหญ่ เขาก็มาถึงแผ่นดินหยวนหงแล้วยึดครองร่างของคนผู้นี้ หากตอนนี้ตายขึ้นมา อย่าว่าแต่วิญญาณถูกทำลายเลย ต่อให้หลบหนีไปได้ ตนก็ไม่ทราบว่าจะได้พบร่างที่เหมาะสมอีกครั้งเมื่อไหร่!
ยิ่งกว่านั้น เมื่อครู่เฉินจงสัมผัสได้เช่นกันว่าลู่หยวนในตอนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา ในการต่อสู้กับซ่งชิงเมื่อครู่ ทั้งสองต่างแสดงพลังที่ไม่ได้เป็นของโลกใบนี้ออกมา!
เขาสามารถยืนยันได้ว่าพลังของทั้งสองเมื่อครู่จะต้องทำให้เกิดความโกลาหลในแดนเซียนอย่างแน่นอน!
หากลู่หยวนสามารถให้การช่วยเหลือหรือเกิดสนใจที่จะกลายเป็นมหาจักรพรรดิในแดนเซียนขึ้นมา เช่นนั้นมันก็เป็นการดีที่สุดสำหรับเฉินจง!
ด้วยอำนาจของลู่หยวน น้อยคนนักในแดนเซียนที่เคยทำร้ายเขาจะต้องก้มกราบร้องขอชีวิตอย่างแน่นอน!
เมื่อกลับมายืนหยัดในแดนเซียนอีกครั้ง เขาจะกลับมาเป็นราชาอีกหน!
ลู่หยวนยิ่งยิ้มกว้าง “หมายความว่า ตอนโดนล้อมสังหาร พวกเขากลับพลาดร่องรอยวิญญาณของเจ้าไปงั้นหรือ?”
ทันทีที่สิ้นคำ ลู่หยวนก็ยกง้าวขึ้นแล้วแทงไปที่หัวใจของเฉินจง!
มีเพียงเสียงพรวดดังขึ้นขณะง้าวแทงเข้าไปในกาย โลหิตสาดกระเซ็น แล้วใบหน้าของเฉินจงก็ซีดเผือดทันที!
วิญญาณพุ่งออกมาจากร่าง!
สีหน้าของลู่หยวนยังคงสงบขณะเอ่ยอย่างแผ่วเบา “หอคอยอสูรสวรรค์ อาหารพิเศษมาแล้ว”
แม้วิญญาณจะไม่เข้าใจคำพูดของลู่หยวน แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะนิ่งเฉยก่อนจะระดมกำลังทั้งหมดเพื่อหลบหนี!
เพียงหนึ่งอึดใจ วิญญาณก็ทะยานออกไปหลายร้อยลี้ จนร่างของลู่หยวนเล็กเกินกว่าจะมองเห็น!
แต่เขายังคงไม่หยุดทะยานออกไปเร็วขึ้น ขอเพียงออกจากดินแดนลับของซากปรักหักพังก่อนหน้านี้ได้ก็พอแล้ว
ไม่สิ!
หากออกจากพื้นที่เขาบูรพาแห่งนี้โดยไวก็จะยิ่งปลอดภัย!
แม้ความสามารถของลู่หยวนจะยอดเยี่ยม แต่แผ่นดินหยวนหงยังคงมีทรัพยากรจำนวนมาก ขอเพียงระมัดระวังเสียหน่อยแล้วตามหาคนที่มีพรสวรรค์เพียบพร้อมเพื่อยึดร่างอีกครั้ง เขาก็จะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง!
ยิ่งกว่านั้น เท่าที่เฉินจงได้เห็น ลู่หยวนจะต้องสู้กับซ่งชิงคนนั้นอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้น เขตอาคมระหว่างแดนเซียนกับแผ่นดินหยวนหงก็จะพังทลายในไม่ช้า!
เขาอาจจะใช้โอกาสนี้เพื่อเข้าสู่แดนเซียนทันที หากระวังตัวเลี่ยงการเผชิญหน้ากับลู่หยวนเหมือนไม่กี่วันก่อนก็คงไม่เป็นอะไร!
ไม่ช้าก็เร็ว ตำแหน่งมหาจักรพรรดิในแดนเซียนก็ยังตกอยู่ในมือของเขาอยู่ดี!
เมื่อวิญญาณตนนั้นกำลังตระเตรียมทุกอย่างจนชัดแจ้ง ทันใดนั้นเสียงทุ้มต่ำก็ดังข้างหูของเขา!
ชิ้ง!
ฟ้าดินสูญสิ้นสีสันในบัดดล!
ท้องนภาและปฐพีที่เดิมพังทลายก็หยุดนิ่ง!
วิญญาณตนนั้นรู้สึกเพียงว่านอกจากการมองเห็นแล้ว ประสาทสัมผัสที่เหลือต่างหายไป!
พละกำลังภายในทั้งหมดมลายไปในพริบตา ร่างกายที่ยังคงทะยานไปข้างหน้าก็หยุดชะงักเช่นกัน!
ร่างของลู่หยวนปรากฏตรงหน้าร่างวิญญาณขณะถือง้าวไว้ในมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างถือหอคอยขนาดเล็กซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นอายมารเอาไว้
วิญญาณตนนั้นสูญเสียการได้ยินขณะพื้นที่โดยรอบถูกปิดกั้นอย่างแน่นหนา แล้วสีสันทั้งหลายก็หายไปจนไม่เหลือร่องรอยแม้แต่น้อย!
สิ่งที่มองเห็นมีเพียงมุมปากที่ยกยิ้มของลู่หยวนกำลังขยับไปมา ไม่ทราบว่ากำลังเอ่ยสิ่งใด
จากนั้น หอคอยขนาดเล็กก็สั่นไหวเล็กน้อยราวกับตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง!
กลิ่นอายมารนับพันปรากฏขึ้นจากหอคอย แล้วสีดำที่เป็นเพียงสีเดียวในโลกใบนี้ก็กลืนกินร่างวิญญาณเข้าไปทันที!
ร่างวิญญาณเฝ้าดูร่างของตัวเองสลายเข้าไปในกลิ่นอายมารทีละน้อยก่อนจะกลายเป็นความว่างเปล่า!
แต่ว่าเขาไม่อาจส่งเสียงได้แม้แต่น้อย
[แจ้งเตือนจากระบบ: ท่านฝืนสังหารบุตรแห่งโชคชะตา เฉินจง! หลังจากรับการลงทัณฑ์จากวิถีสวรรค์เรียบร้อย ค่าโชคชะตาวายร้ายจึงจะถูกคำนวณอีกครั้ง!]
เมื่อสิ้นเสียงระบบ กลิ่นอายมารก็กัดกินวิญญาณเสร็จก่อนจะกลับคืนสู่หอคอยอสูรสวรรค์
หอคอยนั้นระเบิดออกมา กลิ่นอายมารซึ่งอยู่โดยรอบก็เข้ามารวมตัวข้างใน
จากนั้นหอคอยขนาดเล็กก็หายไป ทว่าผ่านไปสักพัก บรรยากาศรอบข้างก็กลับสู่ความปกติ แล้วทุกสิ่งที่เดิมหยุดนิ่งก็เริ่มเคลื่อนไหว
ลู่หยวนเงยหน้าขึ้นก่อนจะพบว่าท้องนภาพังทลายจนสิ้น มีเพียงหมู่เมฆสีทองที่ยังคงเคลื่อนตัวไปมา
ภายใต้ผืนฟ้า สรรพสิ่งกว้างใหญ่และเงียบงัน มีเพียงร่างหนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้วงอากาศกับกระบี่หักที่อยู่ข้างกาย โดยใบหน้าหันไปทางท้องนภา!
นางไม่ใช่ใครอื่นนอกจากกู้ชิงหรัน!
ราวกับสัมผัสบางสิ่งได้ กู้ชิงหรันผู้อยู่เหนือห้วงอากาศก็หันมามองด้านข้าง แล้วสายตาก็จับจ้องไปทางลู่หยวนที่อยู่ห่างออกไป!
ทั้งสองมองหน้ากันก่อนจะเห็นความซื่อตรงของอีกฝ่าย
ซวี่รั่วหลิงมองลู่หยวนจากด้านข้างขณะสายตาแปรเปลี่ยนเป็นความระแวดระวังเล็กน้อย โดยทั่วร่างของนางเต็มไปด้วยอำนาจมหาศาล!
กู้ชิงหรันผู้อยู่เหนือห้วงอากาศก็ไม่ต่างกัน ปราณกระบี่ที่เดิมปกติกลับก่อตัวเป็นคลื่นอันคลุ้มคลั่ง ภายในไม่กี่อึดใจ จิตวิญญาณต่อสู้ของนางก็แผ่ขยายไปทุกแห่งหน!
ซวี่รั่วหลิงพลันบังเกิดความคิดเมื่อเห็นเช่นนี้
ในฐานะคู่รักย่อมไม่เบื่อหน่ายที่จะทะเลาะกัน!
ตู้ม!
ฟ้าร้องดังกึกก้องบนท้องนภาราวกับบางสิ่งกำลังจะออกมาจากวังวนสีทองเหนือศีรษะ!
ลู่หยวนก้าวไปข้างหน้าขณะทะยานขึ้นท้องนภา จากนั้นจึงมายืนอยู่ข้างกู้ชิงหรัน
ง้าวมังกรครามแปดแดนร้างแผดเสียงคำรามก่อนจะเคลื่อนมาอยู่ด้านหลังของลู่หยวน
“หลังจากวันนี้ พวกเรามาคุยเกี่ยวกับแดนเซียนกันเถอะ”
ลู่หยวนพลันเอ่ยคำด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
กู้ชิงหรันพยักหน้าเล็กน้อยขณะดวงตาเผยร่องรอยของรอยยิ้ม “หากมีวันพรุ่งนี้ เรื่องของเขาบูรพาก็เป็นอันจบสิ้น เจ้าสามารถพาข้ากลับไปแดนเหนือในช่วงที่มีเวลาว่างได้หรือไม่?”
รอยยิ้มของลู่หยวนปรากฏขณะเหลือบมองกู้ชิงหรัน “เจ้าอยากแต่งงานกับข้าจริงหรือ?”
กู้ชิงหรันถามกลับแทนที่จะตอบ “พวกเราหมั้นกันแล้ว อย่าบอกนะว่าเจ้าต้องการถอนหมั้น?”
“เหตุใดถึงกลับคำเล่า?”
ลู่หยวนหัวเราะเสียงดังขณะสายตาเต็มไปด้วยความแน่วแน่ “เจ้าเป็นของข้า!”
บนท้องนภาในยามนี้ หมู่เมฆกระจายตัวออกไป ซากปรักหักพังที่เดิมพังทลายก็แตกสลายในทันที!
ยามนี้ผืนฟ้าแท้จริงปรากฏ ทั่วทั้งแผ่นดินหยวนหงมองเห็นความผันผวนของท้องฟ้าในโลกนี้!
กู้ชิงหรันเงยหน้ามองท้องนภา หมู่เมฆนับไม่ถ้วนเคลื่อนลงมาสู่ฟ้าดินราวกับต้องการหลอมรวมเข้าด้วยกัน นางรู้สึกสับสนชั่วขณะ “ยังมีวันพรุ่งนี้หรือไม่?”
“มี!”
ลู่หยวนตัดสินใจอย่างเด็ดขาด แล้วจิตสังหารก็เริ่มปรากฏในแววตา “เพราะข้าคือตัวเอก!”
