บทที่ 563 บรรพชนตระกูลหลิงปรากฏตัว
บทที่ 563 บรรพชนตระกูลหลิงปรากฏตัว
แม้บรรพชนตระกูลหลิงจะเห็นเสวียนเทียนชวน ทว่าสีหน้าจริงจังของเขาไม่สั่นคลอนแม้แต่น้อย “ข้ามาที่นี่เพื่อพบบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่”
น้ำเสียงของบรรพชนตระกูลหลิงค่อนข้างลุ่มลึก แม้กระทั่งเสวียนเทียนชวนยังไม่เข้าใจว่าบรรพชนตระกูลหลิงตั้งใจจะมาที่นี่เพราะอะไร
“บุตรศักดิ์สิทธิ์เก็บตัวเมื่อวันก่อน หากท่านต้องการอะไรเชิญแจ้งมาได้ เดี๋ยวข้าจัดการให้”
ท่าทีของเสวียนเทียนชวนยังเต็มไปด้วยความสุภาพ “หรือต่อให้ทำไม่ได้ ท่านสามารถแจ้งให้ทราบได้เช่นกัน แล้วข้าจะแจ้งให้บุตรศักดิ์สิทธิ์ทราบทันทีที่ออกจากการเก็บตัว!”
บรรพชนตระกูลหลิงยังคงยืนกรานคำเดิม “ข้าอยากพบบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่!”
ในเวลานี้ ลู่หยวนอยู่ระหว่างการเก็บตัว ดังนั้นบรรพชนตระกูลหลิงจึงไม่สามารถพบอีกฝ่ายได้
หลังจากครุ่นคิดสักพัก เสวียนเทียนชวนจึงบังเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา
เหตุผลที่เป็นไปได้มากที่สุดที่บรรพชนตระกูลหลิงลงมือด้วยตัวเองน่าจะเป็นเพราะหลิงอวิ๋น!
เขาเริ่มทำนายทันที แล้วสีหน้าของเขาประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นผลลัพธ์ของมัน
“มีบางอย่างเกิดขึ้นกับหลิงอวิ๋นหรือ?”
สีหน้าของบรรพชนตระกูลหลิงไม่สู้ดีและค่อนข้างหมองหม่น “ในเมื่อบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่เก็บตัว ข้าก็จะไม่รบกวน แต่อย่างน้อยขออยู่รอบนอกที่ที่เขาเก็บตัวหน่อยเถอะ! ”
เสวียนเทียนชวนชั่งน้ำหนักขณะนำบรรพชนตระกูลหลิงมาอยู่นอกลานวังของลู่หยวน!
เมื่อทุกคนเห็นว่ามีคนมา สายตาของพวกเขาต่างจับจ้องไปทางเสวียนเทียนชวนกับบรรพชนตระกูลหลิง
พวกเขาย่อมไม่กังวลตัวเสวียนเทียนชวน แต่กับบรรพชนตระกูลหลิงคนนี้… พวกเขายังคงระแวดระวังเล็กน้อย!
กู้ชิงหรันที่ขัดสมาธิอยู่ด้านหนึ่งของชายคาทำเพียงเหลือบมองคนทั้งสองที่ก้าวเข้ามา จากนั้นจึงหลับตาเพื่อทำการฝึกตนต่อ
ทว่าเจตจำนงกระบี่ภายในร่างถูกตระเตรียมรอไว้ที่นอกวังของลู่หยวนแล้ว แม้แต่อากาศยังมิอาจเล็ดลอดเข้าไปได้
ต่อให้สายลมจะพัดผ่าน แต่กู้ชิงหรันก็สามารถบดขยี้มันให้กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้!
หากมีสิ่งแปลกปลอมในตัวของบรรพชนตระกูลหลิงจริง นางย่อมลงมือสังหารทันทีที่อีกฝ่ายก้าวเข้ามา
สิ้นเสียง “โครม” พื้นแตกร้าว แล้วหอกจึงทะลวงลุกเข้าไป
บรรพชนตระกูลหลิงนั่งขัดสมาธิ จากนั้นหยิบตะเกียงสว่างออกมาแล้วแขวนไว้กับหอก
แสงและเงาสลัวราวกับจะดับลงทุกเมื่อปรากฏขึ้นภายในตะเกียง
แล้วตะเกียงก็เคลื่อนไหวไปมาตามแรงลม
เสวียนเทียนชวนรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยเมื่อเห็นแสงสว่างเจิดจ้าดังกล่าว
เพราะดวงประทีปนี้คือแสงแห่งชีวิตของหลิงอวิ๋น!
ยามแสงสว่างหมองหม่น ย่อมหมายถึงชีวิตของนางตกอยู่ในอันตรายมากขึ้น
หากหลิงอวิ๋นตาย แสงสว่างนี้ย่อมมอดดับตามไปด้วย!
บรรพชนตระกูลหลิงจ้องมองไปที่ลานวังซึ่งอยู่ด้านหลังแสงสลัวดังกล่าว
เดิมทีหลิงอวิ๋นไปหาลู่หยวน แต่นางตกลงไปในดินแดนลับบางอย่างหลังจากเข้าสู่เขาบูรพา ซึ่งในตอนแรกนางปลอดภัยดีและยังสามารถติดต่อผ่านยันต์ได้
แต่ทันใดนั้น แสงชีวิตของนางเริ่มอ่อนกำลังลง ในเวลาเพียงไม่กี่วัน แสงสว่างก็ยิ่งเลือนรางราวกับจะดับลงเมื่อใดก็ได้!
เมื่อเห็นเช่นนั้น บรรพชนตระกูลหลิงจึงส่งคนจำนวนมากไปค้นหาตามสถานที่ที่หลิงอวิ๋นหายตัวไป ถึงกระนั้นพวกเขายังไม่พบอะไร ไม่เว้นแม้กระทั่งทางเข้าดินแดนลับที่นางกล่าวถึงผ่านยันต์ในตอนนั้น!
คราวนี้บรรพชนตระกูลหลิงเข้าใจเช่นกันว่าพวกเขาไม่อาจพึ่งพละกำลังตัวเองในการตามหาหลิงอวิ๋นได้!
ในตอนนี้เองที่ข่าวลู่หยวนกลับแดนมัชฌิมได้แพร่กระจายออกไป บรรพชนตระกูลหลิงจึงรู้สึกว่ายังพอมีหวัง!
ลู่หยวนคือใคร?!
หากเขาลงมือ ความหวังย่อมก่อเกิดอย่างแน่นอน!
หลังจากนั้นจึงเกิดเหตุการณ์อย่างที่เห็นในตอนนี้!
…
ตอนนี้บรรพชนตระกูลหลิงนั่งอยู่นอกลานวังของลู่หยวนโดยไม่ขยับไปไหนเป็นเวลาสามวันเต็ม!
สายตาของเขาจับจ้องไปกลางลานวังอย่างมุ่งมั่น ทันใดนั้น แสงจากตะเกียงชีวิตตรงหน้าเริ่มหมองหม่นอีกครั้งจนถึงขั้นเริ่มเผยท่าทีที่จะมอดดับ!
เสวียนเทียนชวนเฝ้ามองด้วยความกังวลเช่นกัน ส่วนบรรพชนตระกูลหลิงกลับไม่เอ่ยคำอะไร เสวียนเทียนชวนจึงทำได้เพียงส่งคนของตนเองกับไป๋ชิวเอ๋อร์เพื่อออกตามหาร่องรอยของหลิงอวิ๋น!
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา นางถูกขังอยู่ในพื้นที่หนึ่งของเขาบูรพา ทว่าแม้ผ่านไปเนิ่นนานกลับยังไม่สามารถระบุรายละเอียดแน่ชัดได้
เสวียนเทียนชวนเริ่มจะเข้าใจจุดประสงค์ในการมาที่นี่ของบรรพชนตระกูลหลิงเช่นกัน ตอนนี้หลิงอวิ๋นหายตัวไปจนไม่สามารถตามรอยได้ มันเกินความสามารถที่พวกเขาจะทำได้ แต่หากลู่หยวนลงมือด้วยตัวเองก็อาจมีหวังที่จะพลิกสถานการณ์!
ผ่านไปอีกหนึ่งวัน ตะเกียงชีวิตก็ยิ่งหมองหม่นและอ่อนกำลังพร้อมจะดับลงทุกเมื่อ!
เห็นได้ชัดว่าสีหน้าของบรรพชนตระกูลหลิงเริ่มปรากฏแวววิตกกังวล
เพราะหลิงอวิ๋นนับเป็นบุคคลสำคัญต่อตระกูลหลิงค่อนข้างมาก!
ยังไม่รวมถึงความสามารถในการฝึกวิถีหอกในตอนนี้ของนางแกร่งพอที่จะทัดเทียมกับทุกคนภายในตระกูลหลิงในรอบหนึ่งหมื่นปี!
หลิงอวิ๋นในตอนนี้นับว่าเป็นกำลังรบสูงสุดของตระกูลหลิง ยิ่งกว่านั้น นางยังเป็นสายสัมพันธ์เพียงหนึ่งเดียวที่เชื่อมระหว่างตระกูลกับลู่หยวนเอาไว้!
หากหลิงอวิ๋นตาย การปฏิบัติต่อตระกูลหลิงของลู่หยวนคงไม่เหมือนวันวานอีกต่อไป
ราชวงศ์แดนมัชฌิม ตระกูลเสวียน รวมถึงแดนเหนือที่อยู่ใต้อาณัติลู่หยวนจะปฏิบัติต่อตระกูลหลิงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป!
ถึงตอนนั้น หากไร้การสนับสนุนจากกองกำลังเหล่านี้ แล้วตระกูลหลิงจะไปได้ไกลสักเพียงใด?
ต่อให้ไม่สนเรื่องพวกนี้ หลิงอวิ๋นก็ยังคงเป็นความหวังและเป็นที่นับหน้าถือตามาโดยตลอด หากนางตายขึ้นมา เขา… จะเลือกผู้นำตระกูลคนต่อไปได้อย่างไร?
แม้ในใจของบรรพชนตระกูลหลิงจะวิตกกังวล แต่ภายนอกกลับสะกดกลั้นความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้!
ดวงอาทิตย์สีแดงคล้อยต่ำ ม่านราตรีปรากฏ จันทรายามค่ำลอยขึ้นมา
“ชิ้ง!”
เสียงโอ่อ่าประหนึ่งมหาวิถีดังขึ้นจากภายในห้องโถงของลู่หยวน!
สายฟ้าที่ก่อตัวบนท้องนภามาหลายวันฟาดลงมาในทันที!
“ครืนนน!”
เสียงฟ้าร้องอันคลุ้มคลั่งกระจายออกไปไกลทั่วทั้งแดนมัชฌิมนับแสนลี้!
สายฟ้าประหนึ่งเสาแห่งสวรรค์เคลื่อนลงมาตรงลานวังของลู่หยวน
ผู้คนที่คุ้มกันบริเวณดังกล่าวต่างตกตะลึง
พวกเขาต่างตระหนักถึงอดีตของลู่หยวน สายฟ้าที่อีกฝ่ายเคยประสบก่อนหน้านี้สร้างความตกตะลึงทั่วทั้งฟ้าดิน
พวกเขาเตรียมใจสำหรับการทะลวงของลู่หยวนในวันนี้แล้ว รวมถึงคาดการณ์เอาไว้ว่าสายฟ้าสวรรค์ที่ฟาดลงมาในคราวนี้จะรุนแรงกว่าเดิมหลายเท่า
แต่พอได้เห็นตอนนี้ก็ยังอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง!
สายฟ้าประหนึ่งเสาแห่งสวรรค์ที่ฟาดลงมาจากท้องนภาสามารถกวาดล้างเมืองหลวงแดนมัชฌิมทั้งหมดได้!
ยามอยู่ต่อหน้าสายฟ้าเช่นนี้ คนอย่างพวกเขาจะต่างอะไรกับมดปลวกบนแดนดินกัน?!
ขณะพวกเขาตกตะลึง คนในชุดสีขาวกลับทะยานเข้ามาพร้อมกับเจตจำนงกระบี่อันเย็นเยือกเริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
เสียงที่ชัดเจนและเย็นชาดังขึ้น “ถอย!”
คนเหล่านี้ต่างมองไปทางต้นเสียง ก่อนจะพบว่าคนผู้นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากกู้ชิงหรัน!
พวกเขานับเป็นกองกำลังระดับสูงในหมู่ตระกูลเสวียน ก่อนลู่หยวนจะกลับมา ไม่ว่าใครต่างก็ทราบเรื่องตัวตนคู่หมั้นของอีกฝ่าย ทุกคนจึงพากันเอ่ยคำด้วยความเคารพ “น้อมรับคำสั่ง!”
พวกเขาต่างถอยกลับไป เหลือไว้เพียงกู้ชิงหรันผู้ยืนอยู่ใต้สายฟ้าดังกล่าว!
กู้ชิงหรันสวมชุดสีขาว ตกแต่งด้วยมงกุฎสีทองกับปิ่นหยก ดวงตาเย็นชาหาใดเปรียบ ในมือถือกระบี่หักขณะที่เจตจำนงกระบี่ตัดผ่านไปทั่วหล้า
ทันทีที่นางปรากฏตัว พลังกระบี่อันยอดเยี่ยมก็พุ่งทะยานอย่างต่อเนื่องจนไปถึงท้องนภาอย่างไม่หวั่นเกรงต่อสายฟ้าสวรรค์ที่ฟาดลงมา!
เสียงของลู่หยวนดังก้องเช่นกัน “ชิงหรัน ถ่วงเวลาให้ข้าสามอึดใจ!”
บทที่ 555 บดขยี้
บทที่ 555 บดขยี้
ก่อนชายชราจะทันได้ตอบสนอง เขาก็สัมผัสได้ว่าร่างกายตัวเองถูกยกขึ้น แล้วทุกสิ่งตรงหน้าก็หมุนคว้างอย่างรวดเร็ว!
แรงกดดันอันน่าตกตะลึงเคลื่อนตัวมาจากห้วงอากาศรอบข้างกดทับลู่หยวน!
ลู่หยวนหยุดนิ่งขณะย่อตัวเล็กน้อย ในที่สุดการมองเห็นของชายชราก็เด่นชัดก่อนจะพบแรงกดดันถึงฆาตกำลังเข้ามาใกล้ เขาหวาดกลัวจนดวงตาเบิกกว้างพลางแผดเสียงคำราม “ลู่หยวน พวกเราเอาชนะไม่ได้หรอก!”
“จะกลัวไปไย ตอนนี้ข้ากำลังโกงให้อยู่!”
“ตู้ม!”
แรงกดดันเคลื่อนลงมาขณะเกิดการระเบิดในอากาศธาตุ คลื่นอากาศสั่นสะเทือนไปทุกทิศทางพร้อมกับแสงสว่างเจิดจ้าไร้ที่สิ้นสุด แล้วหลุมดำขนาดใหญ่ไร้ก้นปรากฏขึ้นจากอากาศธาตุก่อนจะกลืนกินสรรพสิ่งรอบข้าง!
ทันทีที่แสงสว่างหายไป นอกจากกู้ชิงหรันกับตราประทับที่กักขังนางเอาไว้ก็ไม่หลงเหลือสิ่งใดอีก
หลังจากกลิ่นอายของหญิงสาวทำการตรวจสอบ นางก็ไม่พบกลิ่นอายที่เป็นของลู่หยวนอยู่ในดินแดนแม้แต่น้อย
นางเผยรอยยิ้มหยัน “ขยะก็คือขยะ การโจมตีแค่นี้ก็รับไม่ได้ เหอะ บางครั้งข้าก็คิดนะว่าคนโง่อวดฉลาดถึงกับโง่เขลาและน่ารักได้ขนาดนี้”
“ข้าคิดว่าเจ้าพูดถูก เจ้าช่างเป็นคนโง่เขลาที่น่ารักเหลือเกิน”
น้ำเสียงที่จงใจกดให้ทุ้มต่ำดังมาจากที่ใดไม่ทราบ
หญิงสาวคนนั้นตกตะลึงชั่วขณะก่อนจะตื่นตัวทันที!
จิตเทวะของนางตรวจสอบรอบข้างแต่กลับไม่พบอะไร!
หลังจากตรวจสอบซ้ำอีกหลายครั้งแต่ก็ไม่พบสิ่งใด นางจึงหันกลับมามองสาวใช้ผู้ติดสอยห้อยตามมาด้วย “เจ้าได้ยินเสียงหรือไม่?”
สาวใช้เงยหน้าเล็กน้อยและกำลังจะตอบด้วยความเคารพ แต่ทันใดนั้นดวงตาของนางก็เบิกกว้าง “นายท่าน ข้างหลัง!”
หญิงสาวคนนั้นพลันหันไปมองเมื่อได้ยินเช่นนี้!
“หญิงแก่หน้าเหลือง ตายเพื่อข้าซะเถอะ!”
ใบหน้าแก่เหี่ยวย่นพลันปรากฏแก่สายตาของหญิงสาวคนนั้น จากนั้นก็ขยายใหญ่ขึ้นไม่มีสิ้นสุด!
“ตู้ม!”
ใบหน้าของชายชราและหญิงสาวคนนั้นกระแทกเข้าหากัน!
สาวใช้ผู้อยู่ข้างกายตอบสนองทันที นางถือกล่องกระบี่ด้วยหมายจะลงมือปลิดชีพ ลู่หยวนมองเพียงปราดเดียวก็ทราบทันทีว่าของชิ้นนี้ไม่ธรรมดา!
ทันทีที่เท้าสัมผัสพื้น เขาก็คลายมือออกก่อนจะหายไปในพริบตา จากนั้นก็ปรากฏตรงหน้าสาวใช้อีกครั้ง
เขาฉวยโอกาสจากความไม่พร้อมของสาวใช้ด้วยการเตะเข้าไปที่กล่องกระบี่!
ทันใดนั้นกลิ่นอายแปลกประหลาดยิ่งก็รวมตัวในมือของเขา แล้วพลันระเบิดออกมาก่อนจะกระแทกเข้าใส่หน้าอกของอีกฝ่าย!
“โครม!”
สาวใช้ถูกกลิ่นอายกระแทกเข้าใส่จนกระเด็นออกมาไกลหลายร้อยลี้!
กล่องกระบี่ตกลงมาก่อนจะถูกมือของลู่หยวนคว้าเอาไว้ ไม่ว่าสัมผัสส่วนไหนก็รู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือก
เมื่อลู่หยวนถือมันไว้ เขาก็ประหลาดใจที่พบว่าปราณวิญญาณในร่างกายเริ่มเคลื่อนตัว!
การจองจำของหญิงสาวคนนั้นคล้ายกับพังทลายในพริบตา!
น้ำเสียงร้อนรนของตี้อู่เหอซ่านดังขึ้น “นายท่าน! ได้ยินพวกข้าหรือไม่?!”
ลู่หยวนถือกล่องกระบี่เอาไว้ขณะตอบอย่างสงบ “ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว”
ผู้คนทั้งหลายที่อยู่ในจิตเทวะของเขาต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ตี้อู่เหอซ่านเอ่ยคำทันที ”นายท่าน ผู้หญิงคนนี้ที่บุกเข้ามาในดินแดนจะต้องมีของดีติดตัวเป็นแน่! ของสิ่งนั้นสามารถป้องกันเขตอาคมได้ในเวลาอันสั้น! หากท่านได้สิ่งนี้มาจะต้องเป็นประโยชน์มหาศาลอย่างแน่นอน!”
ลู่หยวนเข้าใจความหมายของตี้อู่เหอซ่านเช่นกัน
แผ่นดินหยวนหงถูกตัดขาดจากแดนเซียนมานานแล้ว แต่ก็ยังมีคนในแดนเซียนที่สามารถใช้สิ่งของเพื่อเข้าสู่แผ่นดินหยวนหงได้
ของชิ้นนี้สามารถทลายสิ่งกีดขวางประเภทนี้ได้จนแม้แต่วิถีสวรรค์ยังยินยอม
แม้ระยะเวลาสั้น ปกป้องได้เพียงไม่กี่คนและส่งมาที่นี่ได้เพียงอย่างเดียว แต่มันสามารถทลายแม้กระทั่งการกีดกันระดับนั้นได้
แน่นอนว่าในแผ่นดินหยวนหง เขาสามารถทลายต่อเส้นทางได้แทบทุกหนแห่ง!
หากนำไปใช้อย่างเหมาะสม สิ่งนี้จะต้องเป็นของดีหาใดเปรียบอย่างแน่นอน!
มุมปากของลู่หยวนยกยิ้มขณะถือกล่องกระบี่เอาไว้ แล้วห้วงอากาศรอบข้างก็พร่ามัว เพียงหนึ่งอึดใจ เขาก็ปรากฏตัวตรงหน้าหญิงสาวคนนั้นอีกครั้ง
นางในตอนนี้เพิ่งผลักชายชราออกไป!
หญิงสาวคนนั้นยิ่งเดือดดาล ไม่รู้หรือว่าตัวตนของนางคืออะไร?!
กล้าดีอย่างไรถึงมากลั่นแกล้งกันแบบนี้?!
“เจ้าหนู ตายเสียเถอะ!”
ทันทีที่สิ้นเสียงตะโกนด้วยโทสะ ห้วงอากาศตรงหน้าก็เกิดการสั่นไหว
ร่างของลู่หยวนปรากฏขึ้นอีกครั้งพร้อมกับกล่องกระบี่ขนาดใหญ่ที่ถูกยกขึ้นสูง
หญิงสาวคนนั้นตกตะลึงชั่วขณะ ในใจของนางมีเพียงประโยคเดียวเท่านั้น ‘เจ้าเด็กนี่สามารถยกกล่องกระบี่นี้ได้งั้นหรือ?!’
“ส่งของมาให้ข้าซะ”
รอยยิ้มที่ดูอ่อนโยนยิ่งปรากฏบนใบหน้าของลู่หยวน
“ส่งของอะไร?”
นางพึมพำอย่างแผ่วเบา
“ไม่ให้งั้นหรือ”
ลู่หยวนเผยรอยยิ้มอ่อนโยน “เอาเถอะ ข้าไม่รีบร้อนอยู่แล้ว”
สิ้นคำ ปราณวิญญาณส่วนใหญ่ของเขาก็ถูกถ่ายทอดเข้าไปในกล่องกระบี่
กล่องกระบี่พลันส่องแสง แล้วเจตจำนงกระบี่ที่สามารถกำราบโลกได้ก็ปะทุขึ้น!
“ชิ้ง!”
กระบี่ทั่วทั้งแผ่นดินหยวนหงเริ่มส่งเสียงร้องออกมาอย่างแผ่วเบา แล้วฝักกระบี่แต่ละอันต่างหันไปทางเดียวกันราวกับกำลังสักการะบางสิ่ง!
ผู้ใช้กระบี่ทั่วหล้าต่างสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ยากจะอธิบายจากส่วนลึกของจิตวิญญาณ พวกเขาแต่ละคนต่างพากันคุกเข่าไปทางหนึ่ง!
แม้กระทั่งสัตว์ประหลาดเฒ่าผู้อาศัยอยู่ในส่วนลึกยังพากันคุกเข่าไปทางหนึ่งอย่างจริงใจ!
เพียงพริบตา ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างคุกเข่าท่ามกลางเสียงคำรามของกระบี่นับไม่ถ้วน
มือของลู่หยวนที่ถือกล่องกระบี่เอาไว้ก็เคลื่อนลงมา
“โครม!”
กล่องกระบี่พลันกระแทกเข้าที่ศีรษะของหญิงสาวคนนั้นจนเกิดเสียงดังกังวาน
“ดังใช้ได้ เริ่มต้นได้ดี”
ลู่หยวนพึมพำกับตัวเองขณะขยับมือฟาดต่อไปครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไร้ความปรานี
แต่หลังจากฟาดไปหลายสิบครั้ง ศีรษะของนางก็เต็มไปด้วยหยาดโลหิต
แต่ละการโจมตีทำให้ร่างของหญิงสาวคนนั้นกระเด็นออกไปในระยะหนึ่ง
หลังจากผ่านไปหลายสิบครั้ง นางก็ไม่ไกลจากพื้น
ลู่หยวนยกขึ้นอีกครั้งก่อนจะฟาดลงไป
“โครม!”
สิ้นเสียงก้องกังวาน หญิงสาวคนนั้นก็กระแทกกับพื้นขณะควันธุลีอบอวลทุกหนแห่ง โดยใบหน้าของนางเต็มไปด้วยโลหิต!
ลู่หยวนเคลื่อนลงมาตรงหน้านางอีกครั้งขณะเงื้อกล่องกระบี่ขึ้นสูง “ยังไม่ให้งั้นหรือ ดูซิว่าเจ้าจะทนได้สักกี่น้ำ!”
ในตอนนี้หญิงสาวคนนั้นทนไม่ไหวอีกต่อไป “เจ้าต้องการอะไร โปรดบอกข้ามาเถิด!”
ทันทีที่เอ่ย คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเสียงร่ำไห้
หญิงสาวคนนั้นไม่มีท่าทีคุกคามและหยิ่งผยองเหมือนก่อนหน้า นางเอามือกุมศีรษะที่โชกไปด้วยโลหิตขณะดวงตาปรากฏหยาดน้ำให้เห็น
วันนี้นางถูกกดดันและทุบตีเข้าแล้ว!
หากลู่หยวนไม่ถือกล่องกระบี่เอาไว้ นางอาจจะมีโอกาสชนะอยู่บ้าง
อย่างน้อยที่สุด นางก็ไม่ต้องมาถูกทุบตีเช่นนี้!
ขนาดโดนทุบตีไปสิบกว่าครั้งก็ยังไม่สามารถสวนคืนกลับไปได้!
ดังที่คาดเอาไว้ กล่องกระบี่นี้ไม่ใช่ของธรรมดา!
นี่คือกล่องกระบี่ของกระบี่ไท่อี มันถูกหลอมโดยเทพสงครามซึ่งเจตจำนงกระบี่ที่อยู่ภายในมีพลังมากพอที่จะสามารถบดขยี้ทั่วทั้งแดนเซียนได้!
นับประสาอะไรกับนางผู้เป็นองครักษ์แห่งแดนเซียนผู้ต่ำต้อย
ถ้าอยากสู้นักก็มาสู้กัน ลุยกันให้ตายไปข้าง!
แต่นี่เล่นทุบตีครั้งแล้วครั้งเล่าพร้อมบอกว่าส่งของมาซะ
เจ้าก็บอกมาให้ชัดสิว่าต้องการให้ส่งของอะไรให้!
หากไม่อธิบายให้ชัดแล้วนางจะไปตรัสรู้ได้อย่างไร!
แบบนี้ไม่เท่ากับเป็นการกลั่นแกล้งหรอกหรือ!
