ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา – บทที่ 564 สายฟ้าฟาด แดนเซียนเกาะเมฆา

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 564 สายฟ้าฟาด แดนเซียนเกาะเมฆา

บทที่ 564 สายฟ้าฟาด แดนเซียนเกาะเมฆา

กู้ชิงหรันเงยหน้าขึ้น แล้วอำนาจกระบี่ที่ปะทุออกจากร่างก็ปัดป้องอสนีเกรี้ยวกราดทั้งหมดเอาไว้!

“ครืนนน!”

พายุฝนฟ้าคะนอง รวมถึงสายฟ้าแลบประหนึ่งกรงเล็บทั้งห้าของมังกรยักษ์พุ่งผ่านไปด้านข้างแล้วฟาดลงมาจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว!

ทุกคนที่เพิ่งถอยห่างออกมาตกตะลึงอยู่ภายใน พวกเขาลุกขึ้นก่อนจะถอยไปด้านหลังอีกครั้งในทันที!

“เปรี้ยง!”

สายฟ้าฟาดลงมาด้วยพลังทำลายล้างอันเกรี้ยวกราด ทำให้ทั่วหล้าสั่นสะเทือน!

ทุกอย่างพังทลายในพริบตา!

บรรพชนตระกูลหลิงผู้นั่งขัดสมาธิอยู่นอกลานวังไม่มีความตั้งใจที่จะถอยแม้แต่น้อย เขาเพียงกุมหอกข้างกายเอาไว้มั่น!

“วิ้ง!”

เจตจำนงหอกที่คลุ้มคลั่งประหนึ่งวันสิ้นโลกเคลื่อนลงมาขณะปัดป้องสายฟ้าทั้งหลายที่ฟาดลงมา!

แม้กู้ชิงหรันจะรับมือสายฟ้าเอาไว้ได้อย่างยากลำบาก แต่หลังจากผ่านไปเพียงหนึ่งอึดใจ มันยังคงโจมตีเข้ามามิอาจหยุดยั้งได้!

อำนาจกระบี่ของกู้ชิงหรันไม่อาจต้านทานได้อีกต่อไป!

“โฮก!”

หมู่เมฆเคลื่อนตัวบนท้องนภาเหนือแดนมัชฌิม แล้วมือสีทองขนาดใหญ่จึงก่อตัวขึ้นในทันที!

มือนั้นเคลื่อนลงมาในพริบตาพร้อมกับพลังบดขยี้โลกอันคลุ้มคลั่งและเกรี้ยวกราด!

“ตู้ม!”

มือขนาดใหญ่พุ่งลงมาอย่างรุนแรงราวกับเป็นการโจมตีจากทวยเทพ มันกระแทกเข้าใส่โล่ของอำนาจกระบี่กู้ชิงหรัน!

กระบี่ส่งเสียงดังกึกก้องประหนึ่งอยู่ในมือของเทพธิดาขณะพยายามโจมตีมือนั้นที่กำลังบดขยี้ลงมา!

“วิ้ง!”

ผ่านไปสักพัก ฟ้าดินตกอยู่ในความเงียบสงบ ทั่วทั้งแดนมัชฌิมคล้ายกับถูกกักขังอยู่ในพื้นที่แปลกประหลาดยิ่ง มันทั้งเงียบงันและสงบนิ่งประหนึ่งผิวน้ำ!

“ตู้ม!”

เสียงคำรามดังขึ้นในทันที แล้วคลื่นอากาศก็สั่นสะเทือนทุกทิศทางไปไกลถึงหนึ่งหมื่นลี้เพียงแค่หนึ่งอึดใจ!

ทำเอาหูของทุกคนทั่วทั้งแดนมัชฌิมเกิดอาการเจ็บปวดอยู่ครู่หนึ่ง!

พลังสั่นสะเทือนดังกล่าวทำให้หัวใจของทุกคนสั่นไหว หลายคนรู้สึกเจ็บปวดยิ่งเมื่อลมปราณและโลหิตพลุ่งพล่าน แล้วพวกเขาพลันล้มลงกับพื้นประหนึ่งชีวิตจะดับสูญได้ทุกเมื่อ!

กู้ชิงหรันยืนอยู่ใต้มือยักษ์ขณะทานทนต่อพลังโจมตี

ทว่านางยังคงยืนตัวตรงแม้จะมีโลหิตไหลทะลักออกมาจากรูทวารทั้งเจ็ด! มือที่ถือกระบี่หักสั่นไหว

อำนาจกระบี่ที่ปกป้องลานวังของลู่หยวนเอาไว้พังทลาย ทำให้พลังส่วนใหญ่หายไป หากการโจมตีระลอกใหม่เข้ามา เกรงว่าอำนาจกระบี่ของกู้ชิงหรันจะพังทลายอย่างรวดเร็ว!

แต่ถึงอย่างนั้น นางก็ยังคงยืนหยัดเช่นเคย ไม่มีทีท่ายินยอมแม้แต่น้อย!

ตอนนี้พลังรอบข้างยังคงก่อตัวขึ้นเติมเต็มโล่ของอำนาจกระบี่อย่างต่อเนื่อง!

“ไท่… อี…”

เสียงหนึ่งที่ยากจะแยกแยะว่าเป็นชายหรือหญิงดังขึ้นอย่างเกรี้ยวกราดจากภายในหมู่เมฆ มันสง่างามไร้ที่ติประหนึ่งทวยเทพกำลังต่อว่า!

สายฟ้านับพันระเบิดก่อนจะครอบคลุมทั่วท้องนภา!

กู้ชิงหรันไม่มีร่องรอยของความหวาดกลัว ซึ่งแรงสั่นสะเทือนนั้นทำให้อาการสั่นเทาที่มือหายไป!

นางมีสีหน้าเด็ดเดี่ยวขณะยื่นมือซ้ายออกไป แล้วกล่องกระบี่ไท่อีก็ปรากฏในทันที!

“ชิ้ง!”

โล่จากอำนาจกระบี่พลุ่งพล่านในพริบตา แล้วเจตจำนงกระบี่จากร่างของกู้ชิงหรันที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนล้วนเพิ่มขึ้นและแผดเผาอย่างต่อเนื่อง!

“เหลืออีกหนึ่งอึดใจ”

กู้ชิงหรันพึมพำกับตัวเองขณะโลหิตยังคงไหลออกจากปากอย่างต่อเนื่อง ทำให้ชุดสีขาวเปรอะเปื้อนอย่างเลี่ยงไม่ได้

เสียงดังกล่าวยังคงดังมาจากหมู่เมฆ “ไท่อี นอกจากเจตจำนงทวยเทพแล้ว สรรพสิ่งบนโลกใบนี้มิอาจขัดขืนได้! หากเจ้ารับฟังคำแนะนำของข้าก็จงกลับที่ที่ตัวเองเคยอยู่เสีย! โลกใบนี้ต่อสู้กันมานับแสนปีแล้วอย่างไร? มันเกี่ยวอะไรกับเจ้า?!”

“มหาวิถีตกอยู่ในความโกลาหล สถานการณ์ถูกกำหนดมานานแล้ว เจ้าจะเปลี่ยนแปลงมันได้อย่างไร?!”

ทว่ากู้ชิงหรันไม่ยินยอมแล้วเอ่ยต่ออย่างเนิบช้า “ยังเหลืออีกครึ่งอึดใจ”

“ดื้อด้านเสียจริง!”

เสียงดังกล่าวประหนึ่งฟ้าร้องที่ดังกึกก้องไปทั่วท้องนภา

มือขนาดใหญ่อีกข้างพลันเข้าปกคลุมหมู่เมฆ!

ห้วงอากาศเหนือแดนมัชฌิมพังทลาย แล้วทั่วท้องนภาถูกแทนที่ด้วยมือดังกล่าว!

อำนาจไร้ที่สิ้นสุดไม่เพียงครอบคลุมแดนมัชฌิมเท่านั้น แต่ทั่วทั้งแผ่นดินหยวนหงก็โดนลูกหลงไปด้วย

ผู้คนทั้งหลายในสี่ดินแดนที่เหลือต่างจ้องมองก่อนจะพบว่าห้วงอากาศถูกปกคลุมด้วยหลุมดำไร้ซึ่งแสงสว่างกับความมืด แล้วฟ้าดินผสานเข้าด้วยกันราวกับท้องนภากำลังพังทลาย!

สัตว์อสูรกระจัดกระจาย แผ่นดินสั่นสะเทือน แม่น้ำไหลย้อนกลับ วิญญาณชั่วร้ายตกอยู่ในความอลหม่าน!

เพียงชั่วพริบตา ทั่วทั้งแผ่นดินหยวนหงก็ตกอยู่ในสถานการณ์วันสิ้นโลก!

ในห้วงอากาศแดนเหนือ ลู่ปู้ฝานที่อยู่บนเกาะเมฆายืนตัวตรงขณะสายตาจับจ้องไปทางแดนมัชฌิม

แม้โลกภายนอกกำลังสั่นสะเทือน ทว่าเกาะแห่งนี้กลับสงบสุข

ลู่ปู้ฝานยกยิ้ม ซึ่งใบหน้าของเขาเหมือนกับลู่หยวนทุกประการ

ทว่าหากให้ผู้ที่สนิทกับลู่หยวนมาจับจ้องอย่างใกล้ชิด พวกเขาย่อมบอกได้ทันทีว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ลู่หยวน!

รอยยิ้มของลู่หยวนให้ความรู้สึกเหมือนกับชายผู้ต้องการครอบครองโลก มันเป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายซึ่งไม่กลัวเกรงโลกเป็นอย่างใด

แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของลู่ปู้ฝานให้ความรู้สึกที่ร้ายกาจยิ่งกว่านั้นประหนึ่งผู้ผ่านช่วงเวลามานานนับแสนปี

“ในที่สุดลู่หยวนก็ก้าวไปอีกขั้น เหอะเหอะ คราวนี้ตระกูลลู่จะเกิดเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้ง ส่วนตัวหมากที่ข้าวางเอาไว้จนถึงตอนนี้ยังไม่ถูกใช้…”

ขณะครุ่นคิดถึงตรงนี้ ลู่ปู้ฝานจึงยกมือขึ้นวาดตัวอักษรเหนือห้วงอากาศ แล้วแสงยันต์สีทองพร่างพราวขณะชื่อจำนวนมากเคลื่อนลงมา

เขาลดมือลง แล้วแสงสว่างบนชื่อเหล่านั้นก็หม่นแสง

เมื่อปรากฏตัวอีกครั้ง มันกลับปรากฏบนโต๊ะของลู่เทียนเหอ

ลู่ปู้ฝานเอามือไพล่หลังขณะเงยหน้าแล้วสูดหายใจเข้า

“แผ่นดินหยวนหงมีที่ว่างสำหรับตระกูลลู่ แม้แต่แดนเซียนก็มีที่ว่างสำหรับตระกูลลู่เช่นกัน!”

“แล้วหนึ่งหมื่นปีต่อจากนี้ วิถีสวรรค์จะมีที่ว่างสำหรับตระกูลลู่ด้วย!”

…….

ในแดนเซียนซึ่งดินแดนมหาจักรพรรดิทั้งหลายมาบรรจบกัน มหาจักรพรรดิทั้งห้าต่างมารวมตัวในวังโอ่อ่า

สถานที่นี้เต็มไปด้วยแสงสว่างกับกลิ่นอายเซียน อิฐและหินทุกก้อนต่างมีปราณวิญญาณเป็นของตัวเอง

ในวังดังกล่าวประกอบด้วยเก้าที่นั่ง ตอนนี้มีคนนั่งจับจองไปแล้วห้าที่

คนที่นั่งอยู่ในตำแหน่งทิศตะวันออกคือมหาจักรพรรดิจิ่วเทียน!

คนที่นั่งอยู่ข้างเขาคือมหาจักรพรรดิเหลยอวี้!

อีกสามคนนั่งอยู่ทิศเหนือ ทิศใต้ และทิศตะวันตก

ภายในวังดังกล่าวไม่มีใครเอ่ยอะไร ซึ่งดวงตาแต่ละคู่ต่างหลุบต่ำขณะจ้องมองเงาว่างเปล่าซึ่งอยู่ระหว่างที่นั่งทั้งเก้า

เงานั้นกำลังฉายสิ่งที่เกิดขึ้นในแผ่นดินหยวนหง!

จักรพรรดินีเหยาจีที่สวมชุดหรูหราล้ำค่าพลันยิ้มบางเมื่อเห็นมือยักษ์สองข้างเคลื่อนลงมา “ตงฟาง ข้าคิดว่าเจ้าฆ่าคนนี้ไม่ได้หรอก แค่ผ่านกระบี่ไท่อียังทำไม่ได้เลย!”

คนที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากนางสวมชุดเกราะสีดำ กลิ่นอายรอบข้างเขาเงียบสงัดยิ่งประหนึ่งจักรพรรดิทั่วไปไร้ความน่าสนใจ!

คนผู้นี้คือ “ตงฟาง” ที่จักรพรรดินีเหยาจีเพิ่งเอ่ยถึง

หลังจากผ่านไปหลายอึดใจ มหาจักรพรรดิตงฟางจึงเอ่ยอย่างเนิบช้า “หากสังหารไท่อีขึ้นมา ตอนที่เทพสงครามตื่นขึ้น ข้าจะอธิบายอย่างไร?”

ไม่มีผู้ใดกล่าวโต้แย้ง

จักรพรรดินีเหยาจียิ้มหยันอีกครั้ง “ตงฟาง เจ้าแข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเรา หากคราวนี้ยังไม่ได้อะไรกลับมาอีก มันจะไม่กลายเป็นเรื่องน่าขบขันหรอกหรือ?”

บทที่ 556 สังหารผู้มาจากแดนเซียน

บทที่ 556 สังหารผู้มาจากแดนเซียน

ลู่หยวนถือกล่องกระบี่ในมือขณะยิ้มกว้าง “ข้าอยากช่วยเจ้าทะลวงดินแดนบางอย่าง”

ผู้หญิงคนนั้นตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว นางเงยหน้ามองอย่างเกรี้ยวกราดขณะเอ่ยคำอย่างชอบธรรมทันที “ไม่…”

แต่ก่อนจะทันได้เอ่ยคำจบ นางก็เห็นลู่หยวนยกกล่องกระบี่ขึ้นอีกครั้ง ซึ่งอำนาจสูงสุดเคลื่อนตัวกดทับลงมา

“โครม!”

สิ้นเสียงดังสนั่น กล่องกระบี่ฟาดเข้าใส่ศีรษะของผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง!

นางผู้กำลังจะพ่นคำออกมาทำการเปลี่ยนใจ “ไม่ใช่เจ้าแล้วจะให้ใคร!”

“ฟู่!”

กล่องกระบี่หยุดเหนือศีรษะของผู้หญิงคนนั้นทันที แล้วปราณกระบี่เหนือกล่องกระบี่ขนัดนิ่งอยู่กับที่พร้อมกับน้ำเสียงคุกคามที่ผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด

หัวใจของผู้หญิงคนนั้นเต้นราวกับฟ้าร้อง ความเร็วของมันลดลงเมื่อเห็นกล่องกระบี่หยุดนิ่ง

ลู่หยวนยิ้มกว้าง “แล้วเจ้ายังจะยืนบื้ออะไรอีก เอามา!”

ผู้หญิงคนนั้นกลืนน้ำลายขณะยกมือขวาขึ้น แล้วเส้นใยบางอย่างถักทอบนฝ่ามือก่อนหยกไม่ราบเรียบจะปรากฏขึ้น

“นี่คือศิลาทะลวงดินแดน มันสามารถทะลวงดินแดนได้ภายในระยะเวลาหนึ่งโดยไม่มีการกีดกันหรืออุปสรรคแต่อย่างใด! ต่อให้เป็นวิถีสวรรค์ก็สามารถทะลวงได้!”

ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยต่อ “เพียงแต่จำนวนครั้งที่ใช้สิ่งนี้ได้ค่อนข้างจำกัด ศิลาทะลวงดินแดนในมือข้าใช้ได้เพียงหนึ่งถึงสองครั้งเท่านั้น”

“ชิ”

ลู่หยวนจิปากด้วยท่าทางไม่ค่อยพอใจ

แม้เจ้านี่จะเป็นของดี แต่มันกลับใช้ได้เพียงหนึ่งถึงสองครั้งเท่านั้น

ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้จักใช้อย่างประหยัดหรือไง แล้วทำไมถึงไม่เอาของใหม่มาให้เล่า?!

ในเมื่อมันเป็นแบบนี้แล้ว ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย!

ลู่หยวนพลันเอ่ยถาม

ผู้หญิงคนนั้นตอบตามตรง “ใช่ว่าทุกคนจะมีของที่สามารถทะลวงดินแดนเพียงแต่มหาจักรพรรดิทุกคนจะครอบครองศิลาทะลวงดินแดนเอาไว้เป็นจำนวนมาก”

“แต่ว่านับตั้งแต่เส้นทางระหว่างแดนเซียนกับแดนมนุษย์จำนวนมากถูกปิด มหาจักรพรรดิเหล่านี้ส่งคนหรือไม่ก็ทะลวงดินแดนมาสู่แดนมนุษย์ด้วยตัวเองผ่านบางสิ่งบางอย่าง ทำให้ศิลาทะลวงดินแดนถูกใช้จนเกือบหมดสิ้น ดังนั้นในตอนนี้ คาดว่ามหาจักรพรรดิเหล่านั้นผู้อยู่ทั่วทั้งแดนเซียนเพียงครอบครองมันหนึ่งถึงสองก้อนเท่านั้น”

ผู้หญิงคนนั้นยื่นศิลาทะลวงดินแดนด้วยความเคารพขณะหลุบตา นางมีท่าทียอมจำนนสุดขีด

ลู่หยวนยื่นมือออกไปเพื่อรับศิลาดังกล่าว

แต่ในตอนนี้เอง ผู้หญิงคนนั้นที่หลุบตาและใบหน้าโชกไปด้วยโลหิตแผ่จิตสังหารเย็นยะเยือกในดวงตา!

ทันทีที่ลู่หยวนรับศิลาทะลวงดินแดน เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลระเบิดออกมาจากร่างของอีกฝ่าย แล้วมือของเขาก็ถูกพันธนาการเอาไว้อย่างแน่นหนา

เพียงแค่หนึ่งอึดใจนี้ก็มากพอจะให้นางฉวยโอกาสได้!

“มนุษย์ เจ้ากล้ามาท้าทายทวยเทพอย่างพวกข้าเสียได้ ตายซะ!”

ทันทีที่สิ้นคำ แรงกดดันมหาศาลก็เคลื่อนลงมาอย่างรุนแรง แล้วดาบสั้นก็ปรากฏในมือของนางก่อนจะตรงเข้ามาที่หน้าอกของลู่หยวน!

ดาบเคลื่อนผ่านชั้นห้วงอากาศในพริบตาและกำลังจะเสียบเข้าที่หน้าอกของอีกฝ่าย

พวกตี้อู่เหอซ่านที่อยู่ในร่างของลู่หยวนพากันตื่นตัวก่อนจะรวบรวมพละกำลังทั้งหลายเพื่อปัดป้องการโจมตีให้ลู่หยวน

แม้กระทั่งชุ่ยฮวากับวั่งไฉก็มอบพลังทั้งหลายให้เพื่อหมายจะปกป้องเขา!

แต่ถึงอย่างไรผู้หญิงคนนั้นก็มาจากแดนเซียน ต่อให้เป็นเพียงร่างจำแลงที่ทะลวงดินแดนจนสูญเสียพลังส่วนใหญ่ แต่นางก็ยังทรงพลังกว่าเศษเสี้ยววิญญาณของตี้อู่เหอซ่าน!

ดาบสั้นเคลื่อนทะลวงโล่ของพวกตี้อู่เหอซ่าน ซึ่งมันอยู่ห่างจากหัวใจของลู่หยวนเพียงสามชุ่น!

ในตอนนี้ ผู้หญิงคนนั้นก็เผยรอยยิ้มออกมา

เหอะ หากคนจากแดนมนุษย์ผู้ต่ำต้อยไม่สามารถถือกล่องกระบี่ไท่อีเอาไว้ คิดหรือว่าจะสามารถต่อกรกับนางได้?!

แค่พันธนาการเพียงชั่วครู่ก็มากพอจะจัดการเจ้าเด็กสารเลวนี่ได้แล้ว!

ผู้หญิงคนนั้นเผยรอยยิ้มชั่วร้ายขณะพลังในมือยิ่งเพิ่มขึ้น มันทะลวงผ่านอำนาจมังกรกับเฝยเฝยที่ปกป้องลู่หยวนเข้าไป!

ในช่วงวิกฤตนั้นเอง!

“เคร้ง!”

เสียงแจ่มชัดดังขึ้น แล้วดาบสั้นของผู้หญิงที่กำลังรุกคืบอย่างไร้อุปสรรคก็ถูกหยุดไว้ทันที!

รอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้าของนางพลันหายไป แล้วกระบี่หักก็เข้ามาปัดป้องดาบสั้นบริเวณหน้าอกของลู่หยวน

กลิ่นอายเย็นเยือกค่อยแผ่ซ่านมาจากข้างกาย ขณะร่างในชุดสีขาวผู้สวมมงกุฎสีทองกับปิ่นหยกปรากฏข้างกาย แล้วจิตสังหารก็ปรากฏ นางไม่ใช่ใครอื่นนอกจากกู้ชิงหรัน!

“ไท่อีหรือ?!”

ผู้หญิงคนนั้นพ่นลมออกจมูกอย่างเย็นชา “เจ้าปกป้องเจ้าเด็กสารเลวนี่งั้นหรือ?!”

กู้ชิงหรันคิ้วขมวดด้วยความมุ่งมั่นยิ่ง “ชื่อของข้าคือกู้ชิงหรัน!”

“เหอะ เจ้าคิดหรือว่าแค่เปลี่ยนชื่อแล้วจะสามารถล้างชะตากรรมนั่นได้?!”

ผู้หญิงคนนั้นเปิดปาก “สักวันเจ้าก็ต้องเป็นไท่อี แล้วมันจะเป็นเช่นนั้นชั่วนิจนิรันดร์!”

“นี่คือเกียรติและโชคชะตาของเจ้า! หากวันนี้ไม่กลับคืนสู่จุดเดิม ไม่ช้าก็เร็วเจ้าก็ต้องกลับไปอยู่ดี! เจ้า…”

ก่อนนางจะทันเอ่ยคำจบ เสียงของลู่หยวนก็ดังมาจากข้างกาย “พูดมากน่ารำคาญ”

นางหันมามองก่อนจะพบว่ากล่องกระบี่ถูกยกขึ้นอีกครั้ง!

“ฟู่!”

“โครม!”

สิ้นเสียงดังกึกก้อง ผู้หญิงคนนั้นก็ถูกฟาดศีรษะอีกครั้ง!

พละกำลังที่เพิ่งก่อตัวขึ้นมาสลายไปในบัดดล!

ร่างของนางล้มลงก่อนจะถูกฝังลงไปในดิน

ผู้หญิงคนนั้นสั่นสะท้านขณะรวบรวมพละกำลังอย่างยากลำบาก นางทราบเช่นกันว่าร่างจำแลงกำลังจะตายในไม่ช้า

เมื่อร่างจำแลงตายก็จะเกิดผลกระทบกับการบำเพ็ญของร่างหลัก

ผู้หญิงคนนั้นลืมตาขึ้นเล็กน้อยขณะเงยหน้า แล้วภาพของกล่องกระบี่ไท่อีก็ปรากฏอีกหน

นางรู้สึกเหมือนกับหัวใจกำลังจะแตกสลาย

พลังของกระบี่ไท่อีเล่มนี้ยังไม่ตื่นขึ้นมา ต่อให้นำมันมาใช้ต่อสู้ก็อาจจะไม่สามารถเอาชนะนางได้

แต่เด็กคนนี้ยังคงดื้อดึงที่จะถือกล่องกระบี่เอาไว้!

ผู้หญิงคนนั้นมองกล่องกระบี่ที่เคลื่อนลงมาก่อนจะค่อยหลับตาลง

นางจะต้องเป็นคนแรกที่ถูกทุบตีจนตายด้วยกล่องกระบี่ไท่อีเป็นแน่!

“โครม!”

กล่องกระบี่เคลื่อนลงมา แล้วชีวิตของผู้หญิงคนนั้นก็หายไป

“นางหนังเหนียวเหลือเกิน ต้องทุบตีหลายครั้งกว่าจะตาย”

ลู่หยวนถือกล่องกระบี่ขณะพึมพำกับตัวเอง

กู้ชิงหรันเหลือบมองเขาโดยไม่เอ่ยคำอะไร

“แล้วอีกคนล่ะ?”

ลู่หยวนกลับมามีสติขณะมองรอบข้าง จากนั้นก็จับจ้องไปทางสาวใช้ผู้ห่างออกไปหลายร้อยลี้อย่างรวดเร็ว

นางเห็นผู้หญิงคนนั้นถูกทุบตีจนตายเต็มสองตา เมื่อเห็นลู่หยวนหันสายตามาในตอนนี้ ภาพจำของเขาจึงไม่ต่างจากราชาแห่งนรกที่กำลังจับจ้อง!

สาวใช้ยืนอยู่กับที่ขณะกลืนน้ำลาย จากนั้นจึงหันหลังแล้วหนีหายไปไกล

แต่ขณะที่หลบหนี นางก็เห็นความผันผวนในห้วงอากาศก่อนร่างหนึ่งในชุดขาวพาดกล่องกระบี่ไว้บนบ่าจะปรากฏ!

“โครม!”

ศีรษะของสาวใช้เจ็บแปลบพร้อมกับพละกำลังที่หายไป ร่างของนางก็ล้มลงพลัน

ลู่หยวนตามติดไปตลอดทางก้าวแล้วก้าวเล่า เมื่อสาวใช้ล้มลงกับพื้น นางก็สิ้นลมหายใจ

เกรงว่าคนในแดนเซียนอาจจะไม่มีใครคาดคิดว่าจักรพรรดินีเหยาจีผู้นี้จะถูกทุบตีจนตายโดยใครบางคนจากแดนมนุษย์ที่ถือกล่องกระบี่เอาไว้

หากตายหนึ่งก็มีอีกสองที่ต้องตาย

[แจ้งเตือนจากระบบ: ทัณฑ์แห่งวิถีสวรรค์สิ้นสุดลงแล้ว ท่านจะได้รับการคำนวณจากการสังหารบุตรแห่งโชคชะตาเฉินจง!

[ค่าโชคชะตาวายร้ายที่ท่านใช้มีค่ามากกว่าที่ได้รับจากการฆ่าบุตรแห่งโชคชะตาเฉินจง ส่วนเกินจะถูกหักออกจากค่าโชคชะตาของราชวงศ์อู๋ซวง!]

[ค่าชะตาวายร้ายที่เหลืออยู่ของท่านในตอน: 0!]

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

Status: Ongoing
นิยายแปลเรื่อง ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา เรื่องย่อ : ลู่หยวน ชายหนุ่มผู้กลับชาติมาเกิดใหม่ในมหาแดนโชคชะตา พร้อมกับตำแหน่งคุณชายแห่งตำหนักธารสุญญะผู้โฉดชั่ว! ทั้งก่อกรรมทำเข็ญ ทั้งลักพาตัวลูกหลานของกองกำลังอื่นมากักขังไว้นับไม่ถ้วน หนึ่งในนั้นคือสาวงามผู้กำลังจะมีผู้ฝึกยุทธ์รูปหล่อตามมาช่วยชีวิต บัดซบ… ไม่ว่าจะคิดอย่างไร นี่มันบทบาทของตัวร้ายกากเดนชัด ๆ! ในระหว่างที่กำลังปวดหัวกับชีวิตใหม่อยู่นั้นเอง กล่องข้อความก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า บ่งบอกว่าการเชื่อมต่อกับระบบวายร้ายสำเร็จแล้ว! ด้วยระบบที่สามารถช่วงชิงโชคชะตาของเหล่าตัวเอกได้ ตำนานจอมวายร้ายสุดอหังการ์ผู้โค่นล้มพระเอกทั่วหล้าจึงเปิดฉากขึ้น!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท