ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ – บทที่ 391 ยอดสมบัติปะทะยอดสมบัติ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 391 ยอดสมบัติปะทะยอดสมบัติ

“ใต้เท้า แท้จริงแล้วท่านมีจุดประสงค์ใดต่อวังสวรรค์กันแน่”

จักรพรรดิสวรรค์ตรัสถามด้วยสีหน้าว่างเปล่า แม้ว่าจะเข้ามาในแดนความฝันอย่างกะทันหัน แต่มันกักขังเขาไม่ได้ นี่คือสิ่งที่เขามั่นใจ

หานเจวี๋ยเอ่ยขึ้น “วังสวรรค์ไม่ได้สลักสำคัญสำหรับข้า รากฐานของวังสวรรค์ยังอ่อนแอนัก เหตุผลที่ข้ามาเตือนเจ้า ก็เพราะวังสวรรค์เป็นจุดสนใจของสายตาปวงประชา ข้ายังไม่อยากเห็นวังสวรรค์ต้องล่มสลายไป”

คำพูดดังกล่าวไม่มีเนื้อหาสาระอันใด นอกจากการเสแสร้งเท่านั้น

หานเจวี๋ยจงใจกล่าวเช่นนี้ แต่เมื่อจักรพรรดิสวรรค์ฟังแล้วจะเข้าใจว่าอย่างไร ก็ไม่เกี่ยวกับเขา

ตราบใดที่จักรพรรดิสวรรค์คิดไม่ถึงว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการคือเขา ก็นับว่าดีมากแล้ว!

ได้ยินเช่นนั้น จักรพรรดิสวรรค์ก็ขมวดคิ้วอีกหน

แม้ว่าคำพูดเหล่านี้จะสามารถสื่อถึงความหมายได้นานาประการ แต่ก็ไม่อาจตัดความเป็นไปได้ที่ว่าอีกฝ่ายอาจจะเป็นศัตรูของวังสวรรค์ออกไปได้

จากนั้นหานเจวี๋ยก็ทำลายแดนความฝันจนแหลกสลาย

พูดมากก็ผิดพลาดมาก จบแต่เพียงเท่านี้ดีกว่า

หลังจากกลับมายังโลกแห่งความเป็นจริง หานเจวี๋ยไม่ได้รับสัญญาณที่บ่งบอกว่าความชื่นชอบของอีกฝ่ายลดลงแต่อย่างใด

เมื่อก่อนเขาเคยคิดว่า หากอีกฝ่ายประทับใจในตัวเขาแต่เกลียดชังตัวตนอีกตัวตนหนึ่งของเขา จะตัดสินอย่างไรได้

ดูเหมือนว่าตอนนี้ ระบบจะเลือกความประทับใจที่ฝ่ายตรงข้ามมีต่อร่างต้นของเขาจากหนึ่งในสองคน

หานเจวี๋ยใช้ความสามารถวิวัฒนาการต่อ ถามขึ้นในใจว่า “ข้าอยากรู้ว่าจักรพรรดิสวรรค์จะมีชีวิตรอดพ้นในมหาเคราะห์ครั้งนี้หรือไม่”

[จำเป็นต้องหักอายุขัยสองพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการ!

[เป็นไปได้ในขณะนี้]

เป็นไปได้ในขณะนี้ก็แสดงว่าอ้างอิงจากแนวทางที่ดำเนินไปในปัจจุบัน จักรพรรดิสวรรค์ยังสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้

หานเจวี๋ยถอนหายใจอย่างโล่งอก

เขารู้สึกว่าจักรพรรดิสวรรค์กำลังติดหนี้บุญคุณเขาอยู่

ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะวิวัฒนาการมหาเคราะห์สักกี่ครั้ง จักรพรรดิสวรรค์ก็ล้วนดับดิ้นเสมอ

เพื่อจักรพรรดิสวรรค์แล้ว หานเจวี๋ยต้องสละอายุขัยของเขาสักกี่ปี สุดจะประเมินได้!

หานเจวี๋ยเลิกคิดมาก แล้วฝึกบำเพ็ญต่อ

ต่อไป เขาจะพยายามวิวัฒนาการอนาคตให้น้อยที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

แน่นอนว่าหากมันข้องเกี่ยวกับความปลอดภัยของเขา หานเจวี๋ยก็จะค้นหาความเป็นไปได้ที่จะทำลายแผนการจนสุดกำลัง

ยี่สิบปีต่อมา

ตู้ม!

เกาะสำนักซ่อนเร้นสั่นสะเทือน ราวกับชนเข้ากับวัตถุขนาดใหญ่

หานเจวี๋ยถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา เขาลืมตาขึ้นและพบว่าภายนอกเกาะสำนักซ่อนเร้นมีระฆังทองขนาดมหึมาที่มีไอปราณสีดำทะมึนแผ่ซ่านออกมา บนยอดระฆังทองยักษ์นั้นมีร่างร่างหนึ่งยืนตระหง่านอยู่

ตี้หล่านเทียนนั่นเอง! ทำไมคนผู้นี้ถึงโผล่มาที่นี่ได้

ตี้หล่านเทียนทอดสายตามองลงมาเบื้องล่าง และกล่าวพึมพำ “แรงกรรมที่อยู่โดยรอบหลั่งไหลเข้ามายังที่แห่งนี้ อีกทั้งยังมีค่ายกลกีดกันต้าหลัวอีก หรือนี่จะเป็นอาณาเขตเต๋า ไม่ก็แดนลึกลับของผู้ใด”

เสียงหานเจวี๋ยลอยออกมา “สหายเต๋า ท่านมีเจตนาอันใด” น้ำเสียงของเขาไม่มีความเกรงใจแม้แต่น้อย เวลานี้ไม่อาจทำตัวนอบน้อมได้

หานเจวี๋ยไม่อยากใช้เจียงอี้มาผูกมิตรเช่นกัน หากทำเช่นนั้นจะเป็นการเปิดเผยตัวตนและตบะของเขาได้

ตี้หล่านเทียนเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ “ใต้เท้าเป็นใคร ถึงได้มาหลบซ่อนตัวอยู่ในแดนชำระบาปเก้าขุมแห่งนี้! ข้าคือตี้หล่านเทียนแห่งเผ่าเทพอีกาทอง ตั้งแต่บัดนี้ไปข้าจะยึดครองแดนชำระบาปเก้าขุม หากสหายเต๋าต้องการเข้าร่วมเผ่าเทพอีกาทอง ข้าก็ขอต้อนรับด้วยความยินดี หากไม่ ก็ขอเชิญท่านจากไปเสีย”

ไปหรือ

หานเจวี๋ยหัวเราะ และเอ่ยถามออกมาตามตรง “หากเข้าร่วม สามารถฝึกบำเพ็ญต่อไปได้หรือไม่”

ตี้หล่านเทียนยิ้มและกล่าว “นั่นก็ขึ้นอยู่กับ…”

ร่างร่างหนึ่งพุ่งทะยานออกมาจากเกาะสำนักซ่อนเร้น เป็นองครักษ์หลี่ว์ปู้นั่นเอง เขาส่งระฆังบรรพกษัตริย์ลอยละลิ่วขึ้นไปในอากาศด้วยหมัดเดียว

ตี้หล่านเทียนย่อตัวลง ใช้พลังเวทของตนควบคุมระฆังบรรพกษัตริย์ให้มั่นคง เมื่อเห็นหลี่ว์ปู้ ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างโดยไม่รู้ตัว พลางตะโกนลั่น “จู่ถู! ทำไมถึงเป็นเจ้า”

หลี่ว์ปู้มีสีหน้าไร้ความรู้สึก

ตี้หล่านเทียนคลี่ยิ้มและกล่าว “ที่แท้ก็เป็นเจ้านี่เองที่ซ่อนตัวอยู่ที่นี่ เช่นนั้นก็ไม่มีปัญหา ยามที่ข้าไม่อยู่ที่นี่ เจ้าก็ฝึกบำเพ็ญต่อไปเถิด”

พูดจบ เขาก็หันหลังจากไป

หลี่ว์ปู้เองก็กลับเข้าไปในสำนักซ่อนเร้นดังเดิม

ไก่คุกรัตติกาลจ้องมองไปยังเจียงอี้ และด่ากราดยกใหญ่ “พวกเผ่าเทพอีกาทองอย่างพวกเจ้ามันชั่วช้าเหมือนกันหมดเลยหรือไร”

คนอื่นๆ ล้วนแต่รู้สึกโกรธแค้น

เจียงอี้กล่าวด้วยความอึดอัดใจ “นั่นมันเขา! ไม่ใช่ข้า!”

ดูเหมือนเขาจะลืมตัวไปว่าแต่ก่อนเขาเองก็มีนิสัยไม่เห็นหัวคนอื่น หน้าด้านไร้ยางอายเช่นนี้เหมือนกัน

ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน

หานเจวี๋ยเริ่มดำเนินแบบจำลองการทดสอบกับตี้หล่านเทียน

เขาอยากทดสอบดูว่าระฆังบรรพกษัตริย์ของตี้หล่านเทียนจะสามารถทำลายเกราะป้องกันของบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรได้หรือไม่

ผ่านไปชั่วก้านธูป เขาก็ลืมตาขึ้นมา

เฉพาะของวิเศษอย่างเดียว ระฆังบรรพกษัตริย์ไม่อาจทำลายเกราะป้องกันของบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรได้ แต่ตบะของตี้หล่านเทียนทรงพลังถึงขีดสุด สามารถสั่นสะเทือนหานเจวี๋ยให้ตายทั้งเป็นได้

ไม่อาจเอาชนะชายผู้นี้ได้เลย!

หานเจวี๋ยรู้สึกถึงวิกฤติที่กัดกินลึกลงไปในใจ

แดนชำระบาปเก้าขุมไม่ปลอดภัยอีกต่อไป

แม้ว่าจะมีหลี่ว์ปู้ที่สามารถต้านทานตี้หล่านเทียนได้ แต่เขาไม่มีทางต้านทานเผ่าเทพอีกาทองทั้งเผ่าได้

หานเจวี๋ยควบคุมเกาะสำนักซ่อนเร้นและเริ่มการกหลบหนีไปยังที่ใดที่หนึ่งอีกครั้ง

เขายังไม่มีแผนที่จะไปจากแดนชำระบาปเก้าขุม เพราะไม่มีที่อื่นที่ดีกว่านี้อีกแล้ว หากตี้หล่านเทียนคิดจะกำจัดเขาจริงๆ เขาก็คงต้องให้เจียงอี้ออกหน้าแทนอย่างเลี่ยงไม่ได้

ไม่กี่เดือนหลังจากนั้น สงครามก็ปะทุขึ้นในแดนชำระบาปเก้าขุม เผ่าเทพอีกาทองก่อสงครามกับเผ่าวิหคชาตและนิกายเจี๋ย

หานเจวี๋ยเห็นผ่านจดหมายว่าจิ่งเทียนกงและหวงจุนเทียนถูกโจมตีไม่หยุด ดูเหมือนว่านี่จะเป็นสงครามที่รุนแรงมากพอสมควรทีเดียว

ตี้หล่านเทียนเสียสติไปแล้วจริงๆ เขาต้องการครอบครองแดนชำระบาปเก้าขุมให้ได้

หานเจวี๋ยต้องสาปแช่งตี้หล่านเทียนอย่างเลี่ยงไม่ได้ หากตี้หล่านเทียนชนะ ต่อไปจะต้องหันมาเล่นงานเขาแน่นอน

สิบวันต่อมา สงครามในแดนชำระบาปเก้าขุมดูเหมือนจะมาถึงจุดสิ้นสุดอย่างกะทันหัน

หานเจวี๋ยผลาญอายุขัยของตนไปกว่าสองพันล้านปี ก็ยังไม่มีมารกำเนิดขึ้นในใจของตี้หล่านเทียน

คนผู้นี้กลายเป็นปีศาจไปเสียเอง จะเอามารในใจมาจากไหน

แต่ดูเหมือนว่าคำสาปแช่งของหานเจวี๋ยจะประสบความสำเร็จอย่างงดงาม จนบีบให้ตี้หล่านเทียนต้องยอมยุติสงครามอย่างไม่อาจเลี่ยงได้

ณ เผ่าเทพอีกาทอง ในพระราชวังเพลิงคำรามวังหนึ่ง ตี้หล่านเทียนอยู่ที่นั่นเพียงลำพัง

ใบหน้าของเขามืดหม่น ข้างกายคือระฆังบรรพกษัตริย์ที่ถูกทำให้หดเล็กลง

“พลังของคำสาปแช่งที่แข็งแกร่งถึงเพียงนั้น ต้องเป็นเจ้าแดนต้องห้ามอันธการแน่ เหตุใดเจ้าแดนต้องห้ามอันธการถึงได้หมายหัวข้า”

“หรือข่าวลือที่ว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการซ่อนตัวอยู่ที่แดนชำระบาปเก้าขุมจะเป็นเรื่องจริง หรือว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการเป็นคนของนิกายเจี๋ย”

ยิ่งคิดมากเท่าไร ตี้หล่านเทียนก็ยิ่งเห็นความเป็นไปได้มากขึ้นเท่านั้น

เขาอยู่ในแดนชำระบาปเก้าขุมมาสักพักแล้ว เหตุใดเจ้าแดนต้องห้ามอันธการถึงเพิ่งจะสาปแช่งเขาตอนที่เขาเริ่มก่อสงครามกับนิกายเจี๋ย

ส่วนจู่ถู ไม่น่าจะเป็นเขาไปได้ จู่ถูถูกเจ้าแดนต้องห้ามอันธการสาปแช่งจนสิ้นลมไปแล้ว แม้จะไม่รู้ว่าเหตุใดเขาถึงยังมีชีวิตอยู่ แต่วังเทพก็ล่มสลายไปแล้ว หรือว่าเขาจะตั้งตนเป็นผู้บำเพ็ญอิสระขึ้นมา

การจะตั้งตนเป็นผู้บำเพ็ญอิสระเช่นนี้มีราคาที่ต้องจ่ายสูงมากทีเดียว!

“โธ่โว้ย ยังต้องรวบรวมมรรคผลของบรรพชนมารก่อน จะผลีผลามลงมือไม่ได้”

ดวงตาของตี้หล่านเทียนวาววับ เขาคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ มุมปากของเขายกขึ้นทันที

อีกด้านหนึ่ง

นิกายเจี๋ย

พระราชวังแห่งหนึ่ง ผู้นำนิกายเจี๋ยขั้นสูงหลายสิบคนมาชุมนุมกัน รวมไปถึงหวงจุนเทียนด้วย

จิ่งเทียนกงหัวเราะร่วน “ในขณะสู้รบกลิ่นอายของตี้หล่านเทียนไม่ชอบมาพากล ต้องเป็นเพราะเจ้าแดนต้องห้ามอันธการสาปแช่งเขาเป็นแน่ ข้าบอกแล้วว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการเฝ้ามองเราอยู่ เขาต้องสนับสนุนนิกายเจี๋ยแน่!”

เหล่าสาวกนิกายเจี๋ยต่างมองหน้ากัน เมื่อก่อนพวกเขาไม่เชื่อ จนกระทั่งการต่อสู้ที่ผ่านมาทำให้พวกเขาเชื่อสนิทใจ

เดิมทีพวกเขาไม่สามารถเอาชนะตี้หล่านเทียนได้ แต่พลังเวทของตี้หล่านเทียนกลับปะทุออกมา กลิ่นอายความโชคร้ายพันพัวไปทั้งตัว หากไม่ใช่เพราะถูกสาปแช่งยังจะเป็นอะไรได้อีก

หวงจุนเทียนขมวดคิ้วแน่น ในใจเกิดความกริ่งเกรง

‘ท่านรองเจ้านิกายสมคบคิดกับเจ้าแดนต้องห้ามอันธการจริงๆ หรือ แล้วอริยะแห่งนิกายเจี๋ยจะไม่บันดาลโทสะเอาหรือไร’

จิ่งเทียนกงกล่าว “ตี้หล่านเทียนมีใจมักใหญ่ใฝ่สูง ซ้ำยังคิดจะครอบครองแดนชำระบาปเก้าขุม เป็นปฏิปักษ์ต่อมรรคาสวรรค์ พวกเราต้องหาทางโค่นล้มเผ่าเทพอีกาทองให้จงได้ ลำพังพละกำลังของพวกเราและเผ่าวิหคชาดย่อมไม่เพียงพอ เราต้องระดมกำลังจากฝ่ายอื่นด้วย!”

……………………………………

บทที่ 388 พลิกวิกฤตเป็นโอกาส อภัยให้ไม่ได้!

“ขอบพระคุณเจ้าสำนัก หากข้ารอดจากเคราะห์นี้ไปได้ จะกลับมาแสวงหามหามรรคไปพร้อมกับท่านแน่นอน หากไม่ได้รับความเห็นชอบจากท่าน จะไม่เป็นฝ่ายร้องขอออกไปอีกเด็ดขาด!”

ต้วนหงเฉินกล่าวด้วยความตื้นตัน จากนั้นก็โขกศีรษะให้หานเจวี๋ยหลายครั้ง

หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “สุดท้ายแล้วชีวิตก็เป็นของเจ้า หากว่าเจ้ายังรู้สึกว่าตนเป็นคนของสำนักซ่อนเร้นอยู่ เจ้าสามารถกลับมาได้ทุกเมื่อ แต่เจ้าอย่าได้หวังว่าข้าจะไปช่วยเจ้า ให้ความช่วยเหลือเจ้า อย่างน้อยๆ ในมหาเคราะห์ข้าก็ไม่อาจยื่นมือเข้าช่วยได้ เนื่องจากตัวข้าก็ต้องรับผิดชอบสำนักซ่อนเร้นทั้งสำนักเช่นกัน”

ต้วนหงเฉินพยักหน้าอย่างหนักแน่น เอ่ยตอบว่า “ข้าเข้าใจทุกอย่างขอรับ อันที่จริงชีวิตในสำนักซ่อนเร้นของข้าก็ดียิ่งนัก ท่านไม่เคยปฏิบัติต่อข้าอย่างเลวร้ายเลย ข้าซาบซึ้งมาโดยตลอด จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้สำนักซ่อนเร้นเด็ดขาด วันหน้าหากข้าช่วงชิงโชคชะตาอันยิ่งใหญ่มาได้ จะกลับมาแทนคุณสำนักซ่อนเร้นแน่นอน”

หานเจวี๋ยหลับตาลงโบกแขนเสื้อ สื่อว่าให้ออกไปได้

ต้วนหงเฉินลุกขึ้นโค้งคำนับ จากนั้นก็ก้าวออกไป

หานเจวี๋ยมิได้ถ่ายทอดวิชาอัญเชิญเทพให้เขา ถึงแม้ค่าความประทับที่เขามีต่อหานเจวี๋ยจะถึงหกดาวแล้ว แต่ความประทับใจที่หานเจวี๋ยมีต่อเขาค่อนข้างจำกัด ยิ่งไปกว่านั้นคือคนผู้นี้เป็นผู้ฝ่าเคราะห์

มีความเป็นได้แปดถึงเก้าส่วนที่ต้วนหงเฉินจะสิ้นชีพในมหาเคราะห์

มีผู้ฝ่าเคราะห์มากมายถึงเพียงนั้น สุดท้ายจะเหลือรอดอยู่สักกี่คน

หานเจวี๋ยอดนึกห่วงพวกจักรพรรดิสวรรค์ จี้เซียนเสิน ฟางเหลียงและโจวฝานไม่ได้

สหายของเขากลายเป็นผู้ฝ่าเคราะห์ไปไม่น้อย คาดว่าอาจต้องตายกันหลายคน มิเช่นนั้นคงไม่สมเหตุสมผล

หานเจวี๋ยหวังให้พวกเขารอดชีวิตกันทั้งหมด หากว่าตายกันจริงๆ เช่นนั้นเขาก็ทำได้เพียงไว้อาลัยให้เงียบๆ

ด้วยระดับของหานเจวี๋ยในปัจจุบัน เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสละทุกสิ่ง ถึงขั้นที่ต้องแลกด้วยชีวิตของตัวเองเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ต่อให้เป็นจักรพรรดิสวรรค์ก็ไม่มีข้อยกเว้น!

แม้ว่าจักรพรรดิสวรรค์จะดีต่อหานเจวี๋ยยิ่งนัก แต่หานเจวี๋ยก็ทำได้เพียงให้ความช่วยเหลือในขอบเขตสถานการณ์ที่จะไม่ส่งผลคุกคามถึงชีวิตของตน

หากจำเป็นต้องเลือกระหว่างชีวิตของตนกับจักรพรรดิสวรรค์ หานเจวี๋ยก็ทำได้เพียงเลือกตนเองไว้ก่อน

ไม่ว่าจะเปลี่ยนจากจักรพรรดิสวรรค์ไปเป็นคนอื่น ก็จะเป็นแบบนี้เหมือนกัน!

หากว่าเขาตายไปด้วย เช่นนั้นทุกอย่างที่ทำมาจะมีความหมายอันใด

ในช่วงเวลาแห่งการบำเพ็ญอันเนิ่นนาน หานเจวี๋ยเตือนตัวเองอยู่เสมอ อย่าได้หลงลืมปณิธานแรกเริ่ม

บางทีรอจนเขาก้าวไปจนถึงปลายทางของเส้นทางบำเพ็ญ เขาก็คงทำทุกอย่างได้ตามปรารถนา บรรลุสิ่งที่หวัง รวมถึงการชดเชยต่อเรื่องที่น่าเสียใจในอดีตด้วย

….

การจากไปของต้วนหงเฉินก่อให้เกิดระลอกคลื่นเล็กๆ ขึ้นในสำนักซ่อนเร้น ถึงอย่างไรก็อยู่ด้วยกันมานาน ทุกคนยังคงสะท้อนใจนัก เนื่องด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเริ่มถกประเด็นเรื่องผู้ฝ่าเคราะห์กันขึ้นมา

ในฐานะบรรพชนพุทธภควัต ฉู่ซื่อเหรินทราบเรื่องมากที่สุด จึงเริ่มอธิบายให้ทุกคนรู้ว่าผู้ฝ่าเคราะห์คืออะไร

หานเจวี๋ยไม่ได้ใส่ใจว่าพวกเขาคุยอะไรกัน เพียงสงบใจฝึกบำเพ็ญ

ชีวิตก็เป็นเช่นนี้ มีผู้คนผ่านเข้ามาและมีผู้คนเดินจากไปอยู่เสมอ

หานเจวี๋ยตั้งใจฝึกบำเพ็ญ ตั้งเป้าหมายไว้ที่ระดับต้าหลัว

ระดับปฐมเทพขั้นสี่อยู่ห่างจากระดับต้าหลัวครึ่งทางแล้ว

วันเวลาไหลผ่านไปดั่งกระสวยทอผ้า

ชั่วพริบตาเดียวเวลาก็ผ่านพ้นไปสี่สิบปี

ในระหว่างนี้ สิงหงเสวียนใช้วิชาอัญเชิญเทพเรียกหาหานเจวี๋ยหนึ่งครั้ง เคี่ยวกรำกันอยู่เกินครึ่งปี หานเจวี๋ยถึงได้กลับมา

จะเรียกว่าเคี่ยวกรำก็ไม่ได้ ในมุมมองของหานเจวี๋ย นับว่าเป็นการผ่อนคลายที่หาได้ยากนัก

สิงหงเสวียนมีวิธีทำให้หานเจวี๋ยพอใจได้ตลอด นางปฏิบัติต่อหานเจวี๋ยด้วยความเร่าร้อนอยู่เสมอ หานเจวี๋ยจึงต้องถ่ายทอดพลังวิเศษให้นาง ช่วยให้นางแข็งแกร่งขึ้น

ความรู้สึกก็เป็นเช่นนี้ มีทั้งให้ทั้งรับสลับกันอยู่เสมอ

หากมีคนใดคนหนึ่งเป็นฝ่ายให้อยู่ตลอด นั่นไม่ถูกต้องเลย และไม่ยุติธรรมด้วยเช่นกัน

ในวันนี้

หานเจวี๋ยหยุดฝึกบำเพ็ญ หยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา จากนั้นก็สาปแช่งหลี่เสวียนเอ้าเล่นๆ

เขาตรวจดูจดหมายไปด้วย

[ต้วนหงเฉินสหายของท่านเข้าร่วมลัทธิอันธการ พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]

[จักรพรรดิสวรรค์สหายของท่านเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ]

[หลงเฮ่าศิษย์ของท่านความโชคร้ายพัวพันกาย บังเกิดจิตมาร เนื่องจากคำสาปแช่งของเซวี่ยหมิงเหอสหายของท่าน]

[โจวฝานสหายของท่านทะลวงระดับในระหว่างความเป็นความตาย ตระหนักรู้มหามรรคพิฆาต พิสูจน์ระดับจักรพรรดิ]

[หลี่เต้าคงสหายของท่านเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ เนื่องจากมียอดสมบัติคุ้มกาย จึงไม่ได้รับผลกระทบ]

[ตี้หล่านเทียนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากหลี่เต้าคงสหายของท่าน บาดเจ็บสาหัส]

[หวงจุนเทียนสหายของท่านได้รับการชี้ทางเบิกปัญญาดวงชะตานิกายเจี๋ย ตบะเพิ่มพูน กลายเป็นผู้ฝ่าเคราะห์]

[ซูฉีศิษย์ของท่านพกพาโชคร้ายมหาศาลหวนคืนมรรคาสวรรค์ เผชิญกับการสะกดจองจำจากมรรคาสวรรค์]

….

ต้วนหงเฉินผู้นี้มุ่งตรงไปเข้าร่วมลัทธิอันธการ เห็นทีว่าสายสัมพันธ์ระหว่างเขาและเซวี่ยมิงเหอจะไม่ตื้นเขินเลย

เซวี่ยหมิงเหอรู้ความยิ่ง ให้ความช่วยเหลือจักรพรรดิสวรรค์อย่างจริงจัง แต่เมื่อเห็นหลงเฮ่าประสบโชคร้าย หานเจวี๋ยรู้สึกบอกไม่ถูกอยู่บ้าง

เมื่อไล่อ่านลงไปอีก

โจวฝานพิสูจน์จักรพรรดิ!

นี่เป็นเรื่องที่ทำให้หานเจวี๋ยตกตะลึง

คนผู้นี้เป็นตัวเอกจริงๆ!

ตั้งแต่คราแรกที่หานเจวี๋ยได้พบเขา คุณสมบัติธรรมดาทั่วไป แต่พลิกวิกฤตเป็นโอกาสได้เสมอ จากประสบการณ์ที่ผ่านมานี่คือพระเอกนิยายแฟนตาซีแน่นอน

หลังจากคนผู้นี้โบยบินก้าวหน้า แนวโน้มภาพรวมมิได้ถดถอยลงเลย พุ่งทะยานไปดั่งทะลวงลำไผ่ ฝ่าฟันไปตลอดทาง ไม่น่าเชื่อว่าจะแข็งแกร่งถึงขั้นพิสูจน์จักรพรรดิได้

หากคนผู้นี้รอดชีวิตจากมหาเคราะห์ได้ อนาคตย่อมไร้ขีดจำกัด

เพียงแต่หานเจวี๋ยยังคงไม่เข้าใจอยู่ดี โจวฝานอาศัยสิ่งใดถึงได้มีสูตรโกงขนาดนี้

โชคดีที่ค่าความประทับที่โจวฝานมีต่อเขาไม่เคยลดลง ไม่มีทางจะสร้างภัยคุกคามต่อเขา

ตี้หล่านเทียนถูกหลี่เต้าคงทำให้บาดเจ็บสาหัส สำหรับเรื่องนี้ หานเจวี๋ยได้แต่ชื่นชมในตัวหลี่เต้าคง

คนผู้นี้ไม่เคยลิ้มรสชาติแห่งความพ่ายแพ้เลย!!

เจียงตู๋กูพลาดท่าแล้ว หลี่เต้าคงก็ยังบุกตะลุยไปทั่ว

หวงจุนเทียนกลายเป็นผู้ฝ่าเคราะห์ บอกได้คำเดียวว่าโชคร้าย ยังมีซูฉีอีกคน กลับมาเร็วถึงเพียงนี้ คิดจะทำตัวเป็นไม้กวนอาจม ปั่นให้มหาเคราะห์วุ่นวายกว่าเดิมหรือ

หานเจวี๋ยอ่านอยู่สักพัก ในใจมีความรู้สึกอย่างเดียวเท่านั้น

มหาเคราะห์กำลังทวีความดุเดือดขึ้น!

อันตราย!

อันตรายขึ้นเรื่อยๆ แล้ว!

หานเจวี๋ยต้องบรรลุต้าหลัวให้ได้ในเร็ววัน เช่นนี้อาจจะสามารถยกระดับระบบหรือไม่ยกระดับอาณาเขตเต๋าได้ เมื่อเป็นแบบนี้ความปลอดภัยของเขาก็จะเพิ่มขึ้น

ด้วยโอบอุ้มความคิดเช่นนี้ไว้ หลังจากหานเจวี๋ยสาปแช่งหลี่เต้าคงเรียบร้อยก็จมจ่อมอยู่กับการฝึกบำเพ็ญ

….

วังสวรรค์ ณ พระราชวังเทียมเมฆา

เทพเซียนมาชุมนุม ส่งเสียงเซ็งแซ่ปานตลาดสด

หลี่เต้าคง หลี่เสวียนเอ้า ยอดแม่ทัพเทพ แม่ทัพเทพยุทธ์และแม่ทัพเทพสวรรค์ล้วนอยู่กันพร้อมหน้า

สายตาของจักรพรรดิสวรรค์มองไปที่ยอดแม่ทัพเทพ กลิ่นอายของยอดแม่ทัพเทพแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสามยอดแม่ทัพเทพ แต่ก่อนเขาท้าสู้กับเทพสงครามที่ประตูสวรรค์เพื่อช่วงชิงดวงชะตา ผ่านมานานหลายปี ไม่มีเทพสงครามคนใดเอาชนะเขาได้เลย จนกระทั่งปัจจุบันนี้ก็ไม่มีผู้ใดกล้ามาท้าสู้กับเขาอีก

ดวงชะตาถ่ายเทสู่ร่าง ยอดแม่ทัพเทพได้รับการยอมรับจากมรรคาสวรรค์แล้วว่าเป็นเทพสงครามที่แข็งแกร่งที่สุด!

แม่ทัพเทพยุทธ์สังเกตเห็นสายตาของจักรพรรดิสวรรค์ จึงแอบขบริมฝีปาก

หลี่เสวียนเอ้าก็พิจารณายอดแม่ทัพเทพเช่นกัน เอ่ยหยอกเย้าด้วยรอยยิ้ม “ยอดแม่ทัพเทพ สำเร็จเป็นต้าหลัวแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง”

ยอดแม่ทัพเทพเอ่ยตอบด้วยสีหน้าที่ไม่แปรเปลี่ยน “พูดไปเจ้าก็คงไม่เข้าใจ”

ใบหน้าหลี่เสวียนเอ้าเขียวคล้ำในทันใด

หลี่เต้าคงยิ้มละไมกล่าวไปว่า “หากมีเวลาว่างแล้วมาประลองกันดูเถิด ให้ข้าได้สอนเจ้าว่าต้าหลัวนั้นสู้กันอย่างไร”

เมื่อเผชิญหน้ากับหลี่เต้าคง จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้อันร้อนแรงแผ่ซ่านออกมาจากดวงตาของยอดแม่ทัพเทพ แต่ก็มิได้เอ่ยวาจาตอบโต้

จักรพรรดิสวรรค์พลันเปิดปากกล่าวขึ้นว่า “วังมังกรและเผ่าเทพอีกาทองร่วมมือกัน แต่พวกเขาปราชัยไปแล้ว คงไม่อาจตั้งตัวกลับมาได้ภายในระยะเวลาอันสั้น แต่วังสวรรค์จะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูใหม่อีกครั้ง เกี่ยวกับเผ่ามนุษย์ พวกเจ้าคิดเห็นอย่างไร”

ทันทีที่เอ่ยเช่นนี้ เหล่าเทพเซียนพากันสงบปากลง เงยหน้ามองจักรพรรดิสวรรค์ สีหน้าต่างกันไป

นับตั้งแต่มหาเคราะห์เปิดฉากขึ้น ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ของเผ่ามนุษย์ล้วนมารวมตัวกัน ยามนี้ก่อตัวเป็นกลุ่มอิทธิพลแล้ว เขาไม่เชื่อถือในเทพเซียน ไม่ศรัทธาอริยะอีกต่อไป ประกาศว่าจะต่อสู้เพื่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ของตน

ด้วยฐานะตัวเอกแห่งมรรคาสวรรค์ ข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเผ่ามนุษย์คือจำนวนคน รวมถึงความสัมพันธ์เส้นสายที่เชื่อมต่อกันไปนับไม่ถ้วน กลุ่มอิทธิพลใหญ่ๆ แทบทั้งหมดล้วนมีคนของเผ่ามนุษย์อยู่

หลี่เต้าคงเอ่ยขึ้นก่อน “ถึงแม้นิกายเหรินจะมีรากฐานจากเผ่ามนุษย์ แต่ตอนนี้เผ่ามนุษย์เลอะเลือนงมงายก่อความวุ่นวายต่อองค์รวม ควรได้รับบทเรียนเสียบ้าง พวกเขาเดิมทีก็เป็นตัวเอกแห่งมรรคาสวรรค์อยู่แล้ว ยังคิดจะควบคุมมรรคาสวรรค์อีก ความผิดฐานละเมิดลบหลู่ อภัยให้ไม่ได้!”

………………………………………………………………

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

Status: Ongoing
ชาติก่อนอายุสั้น ไม่ทันได้ใช้ชีวิต ชาตินี้จึงขอพากเพียรบำเพ็ญเซียน ลาภยศสตรีมีหรือจะสู้การเป็นอมตะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท