บทที่ 976 สถานการณ์ไม่สู้ดี คู่ต่อสู้แข็งแกร่งเกินไป!
บทที่ 976 สถานการณ์ไม่สู้ดี คู่ต่อสู้แข็งแกร่งเกินไป!
“ได้เลย!”
“เช่นนั้นต้องเป็นข้าแน่นอน!”
ทั้งหมดตอบกลับด้วยความตื่นเต้น มั่นใจในตัวเองอย่างยิ่งยวด
“คอยดูข้าสำแดงฝีมือแล้วกัน!”
เด็กสาวหัวเราะน้อย ๆ นัยน์ตาคู่นั้นมีอักขระพิเศษบางอย่างปรากฏ สายตาทะลุทะลวงไปนับหมื่นลี้เพื่อกวาดมอง
นี่เป็นอภินิหารเนตรที่สามชนิดหนึ่ง ไม่ว่าเรื่องราวใดล้วนเผยธาตุแท้เมื่ออยู่ต่อหน้าดวงตาคู่นี้ ไม่อาจซ่อนตัวได้อีก
“เจอแล้ว!”
นางคลี่ยิ้มละไม ไม่ธรรมดาจริง ๆ ถึงขั้นสืบพบตำแหน่งของซีและเต่าชราได้
“น้องจื่อเฉียว เจ้าช้าไปแล้ว…”
เด็กหนุ่มผู้หนึ่งหัวเราะเบา ๆ ฝีมือน่าทึ่งยิ่งกว่า ขว้างไม้เสียบออกไป พลังพิเศษบางอย่างเข้ามานำร่อง ลมหายใจต่อมาก็ปรากฏตัวในที่ที่ซีและเต่าชราอยู่
สิ่งนี้เป็นศาสตราทรงพลังชิ้นหนึ่ง แฝงไว้ด้วยแสนยานุภาพเกินหยั่ง ขอบเขตสูงส่ง
จากนั้นเขาก็โผล่ไปอยู่ด้านซีและเต่าชราด้วย
ซีและเต่าชราเคร่งเครียดลง
ก่อนนี้พวกเขารู้สึกได้ว่าสายตาบางคนมองพาดผ่านพวกเขา ต่อมา ไม้เสียบแท่งหนึ่งกลับปรากฏออกมาตรงพวกเขา
คนกลุ่มนี้เป็นอย่างไรกัน?
พวกเขาซ่อนเร้นพลังปราณ ซ้ำยังมีค่ายกลเร้นกาย กระนั้นยังไม่ไหว ถูกคนกลุ่มนี้พบตัวจนได้
สีหน้าของซีเคร่งเครียด ดูท่าคนหนุ่มสาวกลุ่มนี้จะไม่ธรรมดายิ่ง
“พวกเรามิได้เจตนาร้าย เพียงแต่หลงเข้ามาเท่านั้น พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้”
ซีคลายค่ายกลเร้นกายแล้วก้าวออกมา
เริ่มจากสายตาที่พาดผ่านพวกเขา ต่อมามีไม้เสียบปรากฏ จากนั้นเด็กหนุ่มคนหนึ่งปรากฏกาย
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นางกับเต่าชราถูกจับได้แล้ว
“เพียงแต่หลงเข้ามาหรือ”
เด็กหนุ่มส่ายหัวเบา ๆ “ที่นี่หาใช่สถานที่ที่เข้ามาได้ง่าย ๆ คำที่เจ้าว่าหลงเข้ามานั้นไม่สมเหตุสมผลเลย”
สถานที่นี้ไม่ธรรมดา ตั้งใจเข้ามายังเข้ามิได้ ไฉนเลยจะหลงเข้ามาได้กัน เป็นไปไม่ได้
ซีต้องปิดบังอะไรไว้แน่
“เยวี่ยหัว เจ้าช่างน่าชังนัก ข้าเป็นคนเจอตัวก่อนแท้ ๆ เจ้ากลับเอ่ยว่าเป็นเจ้า!”
เด็กสาวผู้ถูกเรียกว่าน้องจื่อเฉียวมาถึงที่นี่ด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยว
“ผู้ใดถึงก่อนถือเป็นผลงานผู้นั้น”
เยวี่ยหัวเอ่ยยิ้ม ๆ “บอกได้แค่ว่า น้องจื่อเฉียวช้าเกินไป”
เวลานั้น พวกเด็กหนุ่มผมเงินก็มาถึงที่นี่เช่นกัน
คิ้วเรียวงามของซีขมวดหากันโดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าผู้ใดในกลุ่มนี้ล้วนไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะเด็กหนุ่มผมเงิน ยิ่งให้ความรู้สึกต่อนางเหลือแสน
บางทีเด็กหนุ่มผมเงินอาจก้าวสู่ขอบเขตอิสระขั้นเก้าแล้วก็ได้!
หากเป็นเช่นนั้นคงตึงมือยิ่ง
ด้วยพลังของนางในตอนนี้ อย่างมากก็สู้ได้แค่สิ่งมีชีวิตขอบเขตอิสระขั้นแปด หากต้องปะทะกับสิ่งมีชีวิตขั้นเก้า นางไม่มีทางชนะได้เลย
ห่างกันเกินไป
“เคยมีคนผู้หนึ่งมาเยือนที่นี่เช่นกัน เจ้าเกี่ยวข้องกับคนผู้นั้นหรือไม่”
เด็กหนุ่มผมเงินจ้องมองซีด้วยสายตาดุดัน เขาสงสัยว่าซีมีความเกี่ยวข้องกับคนผู้นั้นที่เคยเหยียบที่นี่
หาไม่แล้ว ซีไม่มีทางโผล่มาที่นี่ได้
“ใครกัน”
ซีเอ่ยถาม ไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มผมเงินกล่าวถึงผู้ใด
“แสร้งเลอะเลือนหรือ ดูเหมือนคนผู้นั้นถูกพวกเจ้าฝั่งนั้นขนานนามว่าผู้เบิกทาง…”
ลู่สวิ้น เด็กหนุ่มผมเงินแค่นเสียงเย็น เขาไม่เคยพบคนผู้นั้น แต่เคยได้ยินมาก่อน
คนผู้นั้นไม่ธรรมดาจริง ๆ ที่มาถึงที่นี่ เป็นสิ่งมีชีวิตมายาตนเดียวที่มาเหยียบที่นี่!
พวกเขาเรียกสิ่งมีชีวิตที่นี่ว่า ‘สิ่งมีชีวิตมายา’
นอกจากนี้ จากที่เขารู้มา วีรกรรมน่าทึ่งไม่ได้มีเพียงที่นี่ เขาเคยค้นพบสุสานด้วย
คิดมาถึงนี่ แม้แต่เขายังอดนับถือคนผู้นั้นไม่ได้
สถานีเปลี่ยนถ่าย กลุ่มสุสาน ไม่ว่าที่ใดก็ล้วนไม่ใช่สิ่งที่สิ่งมีชีวิตมายาจับต้องได้ง่าย ๆ
โดยเฉพาะสุสานที่ยิ่งไม่ธรรมดาไปใหญ่ ต่อให้พวกเขาเองยังมิอาจจับต้อง หลังมาถึงที่นี่ก็ใช่ว่าจะหาเจอ ค้นพบกลุ่มสุสาน
สุสานนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง เกี่ยวพันกับความลับสำคัญบางอย่าง
คนผู้นั้นไม่เพียงแต่ได้พบ แต่ยังมีชีวิตรอดกลับไปได้ด้วย เก่งกาจจริง ๆ
สิ่งมีชีวิตมายาอย่างซีมาปรากฏกายที่นี่ เป็นผลให้เขานึกถึงคนผู้นั้นทันที สงสัยว่าซีอาจเกี่ยวข้องกับคนผู้นั้น ถึงมาเหยียบที่นี่ได้
มิฉะนั้น นางไม่มีทางมาถึงที่นี่
ซีคาดการณ์ขอบเขตของเขาไม่ผิด เขาอยู่ในขอบเขตอิสระขั้นเก้าเท่านั้น ทั้งยังบำเพ็ญจนอยู่ในขั้นเก้าตอนกลาง พลังกล้าแกร่งเป็นอย่างยิ่ง
เขาจับสัมผัสขอบเขตของซีได้ว่าเพิ่งถึงขอบเขตอิสระขั้นหกเท่านั้น
บางทีขอบเขตระดับนี้นับว่าสูงมากสำหรับสิ่งมีชีวิตมายา ทว่าสำหรับพวกเขานับว่าดาษดื่นไม่มีสิ่งใดพิเศษ ความสามารถไม่พอให้ค้นพบสถานีถ่ายเปลี่ยนแห่งนี้ และไม่มีพลังพอให้มาถึงสถานีถ่ายเปลี่ยน
โดยเฉพาะเมื่อบ่าวอาภรณ์แดงเคยสาธยายเรื่องราวที่เกี่ยวกับซีมาก่อน
ซีนั้นมิใช่สิ่งมีชีวิตมายาทั่วไป ถึงขั้นสร้างการเชื่อมต่อกับเต๋าในดินแดนนี้ เห็นได้ชัดว่าสำเร็จซึ่งวิถียกแก่นอันแท้จริงแล้ว
เรื่องนี้ยิ่งทำให้เขาแน่ใจว่าซีมีความเกี่ยวข้องกับคนผู้นั้น
นอกจากคนผู้นั้นมิเคยมีผู้ใดมาเยือนสถานีเปลี่ยนถ่าย ได้พบกลุ่มสุสาน
คนผู้นั้นเคยมาเยือนสถานีถ่ายเปลี่ยน ได้พบกลุ่มสุสาน ย่อมต้องเคยรับรู้ถึงวิถียกแก่นอันแท้จริงอย่างไม่ต้องสงสัย และมีโอกาสสูงว่าได้เกิดการรู้แจ้ง ตรัสรู้ในวิถียกแก่นอันแท้จริงได้ส่วนหนึ่ง
ถึงอย่างไรคนผู้นั้นก็น่ากลัวอย่างแท้จริง ถือเป็นบุคคลชั้นยอดในบรรดาสิ่งมีชีวิตมายา ครั้นจะตรัสรู้ในวิถียกแก่นอันแท้จริงได้ส่วนหนึ่งไม่นับว่าแปลก
วิถียกแก่นอันแท้จริงนั้นเปลี่ยนได้เพียงโฉม พื้นฐานนั้นยังคงเดิม
เห็นได้ชัดว่าซีเกี่ยวข้องกับคนผู้นั้น
คนผู้นั้นเล่าเรื่องราวที่นี่ให้ซีฟัง ทั้งยังถ่ายทอดวิถียกแก่นอันแท้จริงให้ซีอีกด้วย
“ผู้เบิกทาง?”
ซีเลิกคิ้ว คิดย้อนไปหลายอย่าง
ดูท่าที่ผู้เบิกทาง ‘ป่วย’ มีความเกี่ยวข้องกับทางนี้แน่นอน
“พวกเราไม่มีความเกี่ยวข้องกับเขา แค่เพียงหลงเข้ามาจริง ๆ!”
ซีสั่นศีรษะปฏิเสธว่ามีความสัมพันธ์กับผู้เบิกทาง ยืนกรานว่าแค่หลงเข้ามา
ไม่ต้องเอ่ยว่านางไม่มีความเกี่ยวข้องกับผู้เบิกทางจริง ๆ ต่อให้มีนางก็ไม่ยอมรับ
เพราะสัมผัสได้ว่าเด็กหนุ่มผมเงินตั้งตนเป็นศัตรูกับผู้เบิกทาง หากยอมรับว่ามีความเกี่ยวข้องกับผู้เบิกทาง นางกับเต่าชรายิ่งไม่อาจไปจากที่นี่ได้
“ช่างปะไร จับตัวนางไว้ก็จะรู้ทุกอย่างเอง!” เยวี่ยหัวคลี่ยิ้ม
“เยวี่ยหัว ข้าเป็นผู้เจอนางก่อน!”
เด็กสาวนามจื่อเฉียวเอ่ยเสียงขุ่นเคือง “เจ้าไม่รู้จักเสียสละให้ข้าบ้างเลยหรือ ไม่มีความรักหยกถนอมบุปผาเสียเลย!”
“ใช่แล้วเยวี่ยหัว เจ้าดู น้องจื่อเฉียวโกรธแล้วนะ เจ้าก็เสียสละให้น้องจื่อเฉียวเถิด!”
“สิ่งมีชีวิตมายาตนหนึ่งเท่านั้น หาได้สลักสำคัญ รอให้ถึงคราวพวกเราเข้าไปยังดินแดนอุปโลกน์ย่อมเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตมายา ถึงครานั้น เจ้าอยากฆ่ากี่ตนก็ได้ไม่ใช่หรือ”
หนุ่มสาวคนอื่น ๆ พากันเอ่ยต่อเยวี่ยหัว
“ก็ได้!”
เยวี่ยหัวได้แต่ยอมสละให้ด้วยความจนใจ
อันที่จริงเขาไม่อยากสละให้ และอยากบอกเหลือเกินว่าสิ่งมีชีวิตมายาตนอื่นไฉนเลยจะเทียบเทียมซี ใช่ว่าสิ่งมีชีวิตมายาเข้ามาถึงที่นี่ได้ทุกตนเสียเมื่อไหร่!
เขาอยากประมือกับสิ่งมีชีวิตมายาอย่างซีเหลือเกิน!
ทว่าทุกคนพากันเข้าข้างจื่อเฉียว เขาไม่อาจดึงดันแย้งได้อีก เช่นนั้นจะดูเหมือนใจคอของเขาคับแคบ
เยวี่ยหัวลอบถอนหายใจ บางครั้งบุรุษช่างไม่เท่าเทียมสตรีเลย หลายต่อหลายครั้งที่สตรีมีอภิสิทธิ์เหนือบุรุษ โดยเฉพาะสตรีรูปงาม
“ขอบคุณท่านพี่เยวี่ยหัว”
น้องจื่อเฉียวเอ่ยเสียงหวานใสต่อเยวี่ยหัว
เยวี่ยหัวประดักประเดิดในใจ อะไรกัน ก่อนนี้ยังโวยวายตะคอกใส่เขา เรียกเขาด้วยชื่อแซ่เต็มยศ บัดนี้กลับเรียกเขาว่าท่านพี่อย่างนั้นหรือ!
สตรีนั้นแปรปรวนจริง ๆ เปลี่ยนท่าทีไวยิ่งนัก
“อย่าเล่นงานนางถึงตายล่ะ เก็บนางไว้ยังมีประโยชน์”
ลู่สวิ้น เด็กหนุ่มผมเงินกำชับน้องจื่อเฉียว
เห็นได้ชัดว่าวาจาของเขามีอำนาจ น้องจื่อเฉียวมิกล้าปฏิบัติต่อลู่สวิ้นเฉกเช่นที่ปฏิบัติต่อเยวี่ยหัว
“ได้เลย ท่านพี่ลู่สวิ้น!”
น้องจื่อเฉียวพยักหน้าอย่างว่านอนสอนง่าย
จากนั้นนางก็ก้าวออกไปด้านหน้า จ้องมองซีอย่างเย่อหยิ่ง “เจ้าสิ่งมีชีวิตมายาต่ำต้อย สิ่งที่ไม่ควรดำรงอยู่ตั้งแต่แรก เจ้าจะยอมแพ้ด้วยตนเอง หรือยอมแพ้ด้วยตนเองเล่า”
นางทะนงประดุจนกยูง สายตาเปี่ยมไปด้วยความดูแคลน
หมายความว่าอย่างไร ยอมแพ้ด้วยตนเองหรือยอมแพ้ด้วยตนเอง?
พูดกับไม่พูดต่างกันไฉน?
หลังเต่าชราได้ยินคำกล่าวของจื่อเฉียวก็เดือดดาลเหลือแสน
และยิ่งได้เห็นท่าทางยโสของจื่อเฉียวเขายิ่งโมโห ภาวนาให้ซีอัดจื่อเฉียวให้เละในใจ ให้จื่อเฉียวผู้นี้ทะนงตนมิได้อีก
ทว่ามันได้แต่คิดไปอย่างนั้น
มันรู้ดีว่าสถานการณ์ฝ่ายพวกตนคงไม่สู้ดีเท่าไหร่ มิฉะนั้นซีคงไม่พร่ำเอ่ยวาจาอยู่อย่างนี้ นางได้พามันไปจากที่นี่นานแล้ว
‘ซีมีพลังของท่านผู้นั้นคอยคุ้มครอง คงไม่เป็นอันใดกระมัง!’
มันคิดในใจ พอวางใจลงได้บ้าง
มันซึ่งติดตามอยู่ข้างกายซีมานานเคยเห็นพลังท่านผู้นั้นมาหลายต่อหลายครา
แม้ว่ากลุ่มหนุ่มสาวตรงหน้านี้จะไม่ธรรมดา แต่ก็ยังรู้สึกว่าพลังของท่านผู้นั้นสามารถกำราบกลุ่มหนุ่มสาวนี้ได้
“ข้าไม่อยากเป็นศัตรูกับทุกท่าน และไม่ทราบสถานการณ์ของที่นี่จริง ๆ ทั้งยังไม่รู้จักพวกท่านเลยสักนิด รวมถึงไม่อยากรู้จักด้วย”
ซีปริปาก “พวกเราเพียงแต่หลงเข้ามาเท่านั้น หวังว่าทุกท่านจะไม่ทำให้ทุกอย่างเลวร้ายจนมิอาจแก้ไข!”
เพียะ!
แส้ยาวสีแดงเส้นหนึ่งปรากฏในมือจื่อเฉียว หวดฟาดใส่ซีทันที
“พล่ามวาจาไร้สาระอยู่ไย ข้าบอกแล้วว่าเจ้ามีแต่ต้องยอมแพ้เท่านั้น!”
จื่อเฉียวแค่นเสียงเย็น ลงมืออย่างโหดเหี้ยม แส้ยาวสีแดงหวดใส่ใบหน้าของซี
ซีงดงามเกินไปจนนางอิจฉา ถึงอย่างไรลู่สวิ้นก็กล่าวไว้ว่าขอแค่ไม่ฆ่าซีเป็นพอ นางจึงต้องการทำให้อีกฝ่ายเสียโฉมเป็นอันดับแรก
ศาสตราชิ้นนี้ถือกำเนิดขึ้นจากดินแดนของพวกเขา สร้างความเสียหายต่อสิ่งมีชีวิตมายาได้อย่างฉกรรจ์ เมื่อหวดกระทบใบหน้าของสิ่งมีชีวิตอย่างซี รอยแผลจะไม่มีวันหายไป ประดับอยู่บนใบหน้าซีไปตลอดกาล
กฎการยกแก่นถักทออยู่บนแส้แดง สิ่งมีชีวิตมายามิอาจลบล้าง
ซีเคลื่อนไหว แสงกระบี่นับล้านพวยพุ่ง เคล็ดกระบี่สูงส่งถูกสำแดงออกมาและหยุดยั้งแส้แดงไว้มิให้มันฟาดลงมา
แววตาจื่อเฉียวทอประกายประหลาดใจ
แม้นางจะรู้ว่าซีสำเร็จซึ่งวิถียกแก่นจนสามารถต่อสู้กับนางได้ กระนั้นก็คิดไม่ถึงว่าวิถียกแก่นของซีจะทรงพลังเพียงนี้ ซ้ำซียังใช้วิถียกแก่นได้อย่างช่ำชอง จนสามารถผสานเข้าไปในเคล็ดกระบี่
สิ่งมีชีวิตมายาทำได้ขนาดนี้จริงหรือ
นางอดสงสัยขึ้นมามิได้
“คนผู้นั้นเก่งกาจจริง ๆ เพียงเพราะเคยสัมผัสกับวิถียกแก่นก็บำเพ็ญวิถียกแก่นจนอยู่ในระดับนี้ได้เชียวหรือ”
ดวงตาลู่สวิ้นวาวโรจน์ “ในสถานการณ์ที่มิมีผู้ใดชี้แนะ คนผู้นั้นทำได้ถึงเพียงนี้นับว่าไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง คู่ควรกับสมญานามผู้เบิกทางจากสิ่งมีชีวิตมายาแล้ว!”
เขาไม่คิดว่านี่เป็นผลจากการฝึกฝนของซีเอง
เขายังมองว่าซีมีความเกี่ยวข้องกับคนผู้นั้น เป็นคนผู้นั้นที่วิเศษล้ำเลิศ บำเพ็ญวิถียกแก่นจนอยู่ในระดับลุ่มลึก แล้วจึงถ่ายทอดให้ซีทั้งหมด
“คิดอะไรอยู่ ผู้ที่ลักขโมยวิชาอย่างเจ้าคิดจริงหรือว่าสามารถต่อกรกับข้าได้?!”
จื่อเฉียวยิ้มเย็น เอ่ยด้วยท่าทางดุดัน “วิถียกแก่นอันแท้จริงหาใช่สิ่งที่สิ่งมีชีวิตมายาอย่างพวกเจ้าบำเพ็ญได้ นั่นคือสิ่งที่เกิดจากการทุ่มเทกายใจค้นคว้าอย่างหนักโดยบรรพบุรุษอเนกอนันต์ของเรา!”
นางสะบัดแส้แดงแล้วเอ่ยต่อ “จากนี้ไป จะให้เจ้าได้เห็นว่าวิถียกแก่นอันแท้จริงเป็นอย่างไร! วิถียกแก่นอันแท้จริงแข็งแกร่งเพียงใด!”
พูดจบ นางก็บุกเข้าไปหาซีอีกครั้ง
เป้าหมายของนางยังคงชัดเจน ใบหน้าของซีที่งดงามจนนางอิจฉาริษยา!