บทที่ 250 ไม่ถือว่าเป็นเรื่องอันตราย แต่นับเป็นการดูหมิ่นอย่างร้ายแรง!
ณ เมืองชิงซาน
ในลานบ้านเล็ก ๆ ของหลี่จิ่วเต้า
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนและสือเฟิงมาถึงยังลานข้าง ๆ ด้วยต้องการจะช่วยถมดินเทวา
หลี่จิ่วเต้าหยิบจอบที่พิงอยู่มุมลานเดินตามออกไป
อ๊ะ?
ไม่นะ!
จะต้องพรวนดินอีกครั้งหรือ?!
ทันทีที่ถูกหยิบขึ้นมา ญาณแห่งจอบเซียนก็รู้สึกเศร้าใจจนอยากจะร้องไห้ออกมา
ใช่แล้ว
ตอนเริ่มพรวนดินในคราแรก มันตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับตะโกนกู่ร้องในใจว่าจะพรวนดินให้ท่านเซียนไปตลอดชีวิต!
ทว่าหลังจากนั้นมันถึงกับต้องตกตะลึง!
ดินในลานข้าง ๆ คือดินชนิดใดกัน คุณภาพเทียบกับดินในลานท่านเซียนไม่ได้แม้แต่น้อย!
ทุกครั้งที่ลงจอบไปบนดินในลานของท่านเซียน มันมักจะเต็มไปด้วยความสุขยามได้จมลงไป แล้วถูกโอบล้อมด้วยดินเทวาอันเปี่ยมล้นไปด้วยพลัง
ทว่าดินในลานข้าง ๆ นั้น…อนิจจา มันอัดอั้นตันใจจนอยากจนลืมไปเสียให้สิ้น!
ดินที่นั่นไม่มีอะไรเลย นอกจากสิ่งเจือปนมากมายจนน่าขยะแขยง ไม่มีกระทั่งร่องรอยของพลังปราณ สกปรกเสียจนเกือบทำให้วิญญาณของมันสูญสลาย!
แถมยังต้องพรวนดินไปไม่รู้ตั้งกี่ชั่วยาม!
แม้สำหรับมันแล้วการพรวนดินจะเป็นเพียงเรื่องง่ายราวกับปอกกล้วยเข้าปาก ทว่ามันกลับรู้สึกสะอึดสะเอียนเหลือแสน ไม่คาดคิดเลยว่าวันหนึ่งมันจะต้องมาพรวนดินที่แย่เช่นนี้!
เรื่องธรรมดาเช่นนี้ ไม่ถือว่าเป็นเรื่องอันตราย แต่นับเป็นการดูหมิ่นอย่างร้ายแรง!
หากไม่ได้เป็นท่านเซียน แต่เป็นผู้อื่นละก็ มันคงหมดความอดทนแล้วทุบคนผู้นั้นให้ตายด้วยจอบ!
ท่านเซียนต้องการจะพรวนดินอีกหรือ?
ในใจของมันอยากจะร่ำไห้ออกมา พึ่งได้พักไม่นาน มันก็ต้องกลับไปพรวนดินที่สกปรกเกินทนอีกแล้ว
น่าเวทนายิ่งนัก!
ฮือออ ข้าไม่อยากกลับไปพรวนดินอีกแล้ว!
มันอยากจะร้องไห้ออกมาด้วยความอัดอั้นใจ
ทว่านี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่มันสามารถทำอะไรได้
ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร…
หลับตาเอาไว้ พอลืมตามาทุกอย่างก็จะผ่านไปแล้ว!
มันจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว!
มันทำได้แต่เพียงปลอบใจตัวเอง แล้วเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม
เอ๊ะ!?
เมื่อจอบถูกเหวี่ยงลงไป มันก็พลันชะงักทันที
ไม่ใช่ดินแบบเดิม!
ดินถูกเปลี่ยนไปแล้ว!
อารมณ์ของมันกลายเป็นตื่นเต้นอย่างมากในทันใด
สวรรค์!
แม้ว่าดินที่ถูกเปลี่ยนมาจะไม่ดีเท่ากับดินในลานบ้านของท่านเซียน แต่ก็ไม่แตกต่างกันมากนัก ทันทีที่มันถูกเหวี่ยงลงไปก็สัมผัสได้ถึงพลังอันอุดมสมบูรณ์ในทันที!
ช่างสบายเหลือเกิน!
มันถูกพลังโอบล้อมคล้ายได้แหวกว่ายอยู่ในทะเลซึมซับความชุ่มชื้น ไม่ต้องกล่าวก็รู้ว่ามันสบายมากแค่ไหน!
ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว หลังจากนี้มันอยากเป็นจอบพรวนดินให้กับท่านเซียนไปตลอดชีวิต!
มันกู่ร้องปณิธานของตนเองขึ้นมาในใจอีกครั้ง
นี่คือเสียงภายในใจของมันที่คนนอกไม่รับรู้ แต่หากรับรู้ก็คงได้แต่ถามว่ามันไม่คิดจะรักษาหน้าหน่อยหรือ ไหนก่อนหน้านี้เพิ่งกล่าวไปว่าจะไม่พรวนดินอีกแล้ว!
“เป็นดินที่ดีจริง ๆ”
หลี่จิ่วเต้ากล่าวขึ้นมา ขณะพรวนดิน
ดินที่ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนและสือเฟิงนำมานั้นดูแล้วคุณภาพดีเป็นอย่างมาก ต้องสามารถปลูกผักดี ๆ ขึ้นมาได้อย่างแน่นอน
หลังจากพรวนดินเสร็จแล้ว เขาก็หว่านเมล็ดพันธุ์ลงไป
เมล็ดที่พึ่งหว่านลงไปก็ต้องได้รับน้ำ ไม่เช่นนั้นอย่าว่าแต่จะให้มันงอกออกมาเลย จะพากันเน่าตายกันตั้งแต่ในดินเสียด้วยซ้ำ
ลุงจางมีบ่อน้ำอยู่ในลานบ้านของตนเอง ทว่าคานไม้ เชือก และถังตักน้ำที่แขวนเอาไว้ล้วนเก่า รวมถึงชำรุดทรุดโทรมมิน้อยแล้ว
ดังนั้นช่วงสองวันที่ผ่านมานี้ หลี่จิ่วเต้าจึงได้เปลี่ยนพวกมันใหม่หมดด้วยตัวเอง ทำให้เขาสามารถตักน้ำขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนี้เขายังขุดบ่อน้ำเล็ก ๆ ขึ้นมาด้วยมือในลานบ้านของตน
ทั้งคานไม้ เชือก และถึงน้ำ รวมทั้งทักษะการขุดบ่อน้ำก็ล้วนเป็นสิ่งที่ได้รับมาจากระบบ
ผู้เฒ่าเวิงจากสำหนักไท่หัวเคยมอบสระน้ำเล็ก ๆ หนึ่งสระให้กับเขา แล้วบอกว่าด้านในมีน้ำอมฤตไท่อีอยู่สามสิบหยด หนึ่งหยดเปรียบได้กับหนึ่งทะเลสาปอันกว้างใหญ่
ทว่าเขาไม่ชอบที่จะใช้มัน ดังนั้นเมื่อเซี่ยเหยียนมาจึงจะขอให้นางใช้มันช่วยรดน้ำดอกไม้
ส่วนตัวเขาตามปกติแล้วจะตักน้ำจากบ่อน้ำขึ้นมารดน้ำ
หนึ่งหยดเปรียบได้กับทะสาปอันกว้างใหญ่ ทำให้เขามักจะกังวลอยู่เสมอว่าหากเขาบังเอิญทำมันไหลออกมาเกิน ถึงคราวนั้นคงได้แต่มานั่งเสียใจที่ทำให้เมืองชิงซานจมลงไปใต้น้ำ
เขาจึงไม่เคยใช้มันด้วยตัวเองมาก่อน
ผู้เฒ่าเฮ่อและสือเฟิงต่างก็เป็นผู้ฝึกตน ย่อมควรจะรู้วิธีใช้น้ำอมฤตนั่น
แต่พวกเขาไม่เหมือนเซี่ยเหยียน ผู้เฒ่าเฮ่อและสือเฟิงต่างก็เป็นแขก จะขอให้มาช่วยเขารดน้ำได้อย่างไร
อีกอย่างทั้งสองย่อมต้องไม่เคยทำไร่ทำนามาก่อน หากรดน้ำมากเกินไปก็จะไม่ดีเอา
เมื่อผู้เฒ่าเฮ่อและสือเฟิงเห็นเขากำลังตักน้ำ ก็ตรงเข้ามาจะช่วยเหลือ แต่เขาไม่ยอม ทั้งยังปฏิเสธความช่วยเหลือ
แน่ล่ะ จะปล่อยให้แขกทำงานได้อย่างไรกัน?
เขาเองก็มีวิธีต้อนรับแขกของตนเอง ไม่มีทางให้แขกไปทำงาน เว้นแต่จะเป็นคนที่คุ้ยเคยกันดีจนไม่นับว่าเป็นแขก อย่างเช่นเซี่ยเหยียน
นอกจากนี้ เขาเองก็ไม่ได้ต้องลำบากลำบนอะไรขนาดนั้น บ่อน้ำเองก็มีอยู่ข้าง ๆ ไม่จำเป็นต้องรบกวนผู้เฒ่าเฮ่อและสือเฟิง
‘ท่านเซียนก็คือท่านเซียน!’
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนและสือเฟิงที่ยืนอยู่ข้างปากบ่อน้ำ ร้องออกมาหลังจากที่เห็นน้ำที่ท่านเซียนตักขึ้นมาจากบ่อน้ำ ภายในใจเต็มไปด้วยความตกตะลึง ซ้ำยังเลื่อมใสศรัทธาต่อท่านเซียนเป็นอย่างยิ่ง
เดิมทีน้ำที่อยู่ในบ่อก็เป็นเพียงน้ำธรรมดาไม่มีพลังวิญญาณแม้แต่น้อย ทว่าเมื่อมันถูกตักขึ้นมา น้ำธรรมดากลับเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นชนิดพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน!
พวกเขาสัมผัสได้ถึงแก่นพลังชีวิตที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่งจากน้ำในถังประหนึ่งมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ มันมีพลังมากเสียยิ่งกว่าผักที่พวกเขานำมาเสียอีก!
ถังไม้นี้คือสิ่งใดกันแน่?
เพียงแค่ชั่วพริบตา น้ำธรรมดาเหล่านี้ก็ได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงจนเปี่ยมล้นด้วยพลังชีวิต!
หากได้ดื่มลงไปสักอึก อายุขัยของพวกเขาคงเพิ่มขึ้นอย่างมากเป็นแน่!
จะน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
สรรพคุณของถังไม้กล่าวได้ว่าถึงขั้นฝืนลิขิตฟ้า!
ของที่ท่านเซียนใช้ล้วนแล้วแต่พิเศษเหนือจินตนาการ!
ในใจของพวกเขาท่วมท้นไปด้วยอารมณ์ ต่อหน้าท่านเซียนแล้ว พวกเขาก็ไม่ต่างอะไรไปจากปุถุชนทั่วไป วิธีการของท่านเซียนนั้นอยู่เหนือจินตนาการของพวกเขา ช่างน่าประหลาดใจจนอธิบายไม่ได้!
“ทั้งสองท่านอยู่รับประทานอาหารต่อเถอะ!”
หลังจากรดน้ำเสร็จแล้ว หลี่จิ่วเต้าก็เชิญเชื้อผู้เฒ่าเฮ่อและสือเฟิงรับประทานมื้อเย็นด้วยความอบอุ่น
ทั้งสองอุตส่าห์นำผักคุณภาพดีจำนวนมากมาให้เขา ไหนจะดินและเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดนั้นอีก เขาย่อมต้องปฏิบัติต่อคนทั้งสองเป็นอย่างดี
…
ณ เขาไท่หัว
ลำแสงพร่างพราวทอประกายออกมาจากที่ไกลลิบ
“ข้ากลับมาเยือนที่นี่อีกครั้งแล้ว!”
ชายหนุ่มที่ร่างกายอาบไล้ด้วยแสงสว่างจ้า มองไปทางตำแหน่งที่ตั้งของสำนักไท่หัวด้วยรอยยิ้มเหยียดที่มุมปาก
เมื่อครั้งล่าสุดที่มายังที่แห่งนี้ ความแข็งแกร่งของเขาต่ำเกินไป ไม่สามารถต่อกรกับเวิงอู๋โยวผู้เป็นบรรพชนสำนักไท่หัวได้ จึงไม่อาจทำสิ่งใดได้ตามใจนึก
ยามนั้นเขามาที่แห่งนี้เพื่อตามหาเซี่ยเหยียน ทว่านางกลับไม่อยู่ เมื่อถามประมุขสำนักไท่หัวว่านางไปที่แห่งใด อีกฝ่ายกลับไม่ยอมตอบ
ตอนนั้นเขาโกรธเป็นอย่างมากและต้องการจะเปิดฉากการสังหารในสำนักไท่หัว ทำให้ถูกเวิงอู๋โยวจัดการ
ครั้งนั้นวิญญาณนักบุญหลิงเซิ่งกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว เมื่อไม่สามารถหยิบยืมพลังของอีกฝ่าย เขาจึงไม่อาจต่อกรกับเวิงอู๋โยว จนต้องยอมรับความพ่ายแพ้ไปโดยปริยาย
หลังจากนั้นหลิงเซิ่งก็ได้ช่วยให้เขาควบคุมศิษย์สำนักไท่หัวผู้หนึ่งจนทราบตำแหน่งของเซี่ยเหยียน และได้รับรู้ว่าเซี่ยเหยียนและหลี่จิ่วเต่าสนิทสนมกันเป็นอย่างมาก
“คราวนี้ไม่ว่าข้าจะทำสิ่งใด ก็จะไม่มีใครหยุดข้าได้!”
ผู้มาเยือนไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจาก หนิงเจี๋ย
ดวงตาของเขาทอประกายเย็นยะเยียบ ความทุกข์ทรมานในแดนต้องห้ามนวปรภพจะต้องไม่สูญเปล่า เขาจะต้องแก้แค้นให้ได้อย่างสาสมที่สุด!
