ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 184 ประทัด(ต้น)

ตอนที่ 184 ประทัด(ต้น)

หลังจากที่​ทาน​มื้อ​เที่ยง​กับ​ไท่ฮู​หยิน​เรียบร้อย​แล้ว​ ​ก็​กลับ​ไป​ยัง​ที่พัก​ของ​ตน​ ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​เดินตาม​สือ​อี​เหนียง​เข้า​เรือน​หลัก​ด้วย​ความลังเลใจ​เล็กน้อย

สือ​อี​เหนียง​สังเกตเห็น​ว่านาง​เหมือน​มี​อะไร​จะ​พูด​กับ​ตน​อย่างไร​อย่างนั้น​ ​ลี่ว​์​อวิ​๋น​และ​หง​ซิ่ว​กำลัง​ปูที่นอน​เพื่อให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​ได้​กลับมา​นอน​พัก​ยาม​บ่าย​ ​ส่วน​นาง​กับ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ไป​ก็​ยัง​ห้อง​ปีก​ทิศตะวันออก

“​เป็น​อะไร​ไป​”​ ​นาง​ยิ้ม​พร้อมกับ​ถาม​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์

เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ลังเล​อยู่​ครู่ใหญ่​ ​สุดท้าย​จึง​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ท่าน​แม่​ ​ข้า​อยาก​ไปร​่วม​เทศกาล​ตรุษจีน​เป็นเพื่อน​ป้า​สะใภ้​รอง​เจ้าค่ะ​”

สือ​อี​เหนียง​อึ้ง​ไป​เล็กน้อย

เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​จึง​รีบ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ป้า​สะใภ้​รอง​อยู่​ที่​ซี​ซาน​คนเดียว​…​ตรงนี้​ยัง​มีพี​่​ใหญ่​ ​พี่​รอง​ ​น้อง​สาม​แล้วก็​จุน​เกอ​…​ข้า​เอง​ก็​เป็น​เด็กผู้หญิง​…​”

ความหมาย​ก็​คือ​ ​ที่​เรือน​คน​เยอะ​ ​เพิ่ม​นาง​มาสั​กคน​ไม่ได้​เยอะ​ขึ้น​ ​ขาด​นาง​ไป​หนึ่ง​คน​ก็​ไม่น้อย​ลง​แต่อย่างใด​ ​แต่ฮู​หยิน​สอง​อยู่ตัว​คนเดียว​ ​หาก​นาง​ไป​อยู่​ด้วย​ ​ก็​จะ​รู้สึก​มี​เพื่อน​ขึ้น​มา

ดี​!

ถือเป็น​ความคิด​ที่​ดี

แต่​อย่างไร​เสีย​ ​นาง​ก็​เป็น​ถึง​คุณหนู​ใหญ่​ของ​จวน​สกุล​สวี​ ​ไม่อยู่​ร่วม​ส่งท้าย​ปีใหม่​ ​เกรง​ว่า​ไท่ฮู​หยิน​คงจะ​เป็น​คน​แรก​ที่จะ​ไม่​อนุญาต

มองดู​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ที่​ทั้งเป็น​คน​เอาใจใส่​และ​ละเอียดอ่อน​ ​สือ​อี​เหนียง​จึง​ใจอ่อน​ยอม​ถอย​ไป​หนึ่ง​ก้าว

“​ข้า​จะ​บอก​เรื่อง​นี้​กับ​พ่อ​เจ้า​ให้​ ​ดู​ว่า​พ่อ​เจ้า​จะ​ว่า​อย่างไร​”

เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​รู้ดี​ว่า​สิ่ง​ที่​ตน​ขอ​ไป​นั้น​มัน​มากเกินไป​ ​แต่​เมื่อ​นึกถึง​สีหน้า​ที่​เยือกเย็น​ของ​ป้า​สะใภ้​รอง​ขึ้น​มา​ ​เงา​แผ่น​หลัง​ที่​แสน​จะ​โดดเดี่ยวเดียวดาย​ ​สุดท้าย​นาง​ก็​อด​ไม่ได้​ที่จะ​พูด​ความในใจ​ออกมา​ ​ตอนนี้​เมื่อ​ได้ยิน​ว่า​สือ​อี​เหนียง​จะ​ช่วย​ตน​พูด​ ​นาง​จึง​ค่อยๆ​ ​เผย​รอยยิ้ม​ออกมา​ ​“​ขอบคุณ​ท่าน​แม่เจ้า​ค่ะ​!​”

สือ​อี​เหนียง​มอง​รอยยิ้ม​พริ้มพราย​ของ​นาง​ที่​ราวกับ​ฤดูใบไม้ผลิ​เดือน​ห้า​ก็​ไม่​ปาน​ ​นาง​รอบคอบ​และ​ระมัดระวัง​เสมอมา​ ​คอย​เป็นกังวล​ตลอดเวลา​ว่าน​้ำ​เสียง​ที่​ตน​พูด​ออก​ไป​นั้น​จะ​สุภาพ​หรือไม่​ ​หาก​เรื่อง​นี้​ไม่สำเร็จ​ ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ไม่​ยิ่ง​เสียใจ​เข้าไป​ใหญ่​หรือ

“​เจ้า​อย่า​พึ่ง​รีบ​ดีใจ​ไป​เสียก่อน​”​ ​นาง​รีบ​พูด​ตัดกำลัง​ใจ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ ​“​ยัง​ไม่รู้​ว่า​พ่อ​เจ้า​จะ​ยอมรับ​ปาก​หรือไม่​”

แต่​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ไม่​คิด​เช่นนั้น​ ​นาง​ยังคง​ยิ้มแย้ม​ดังเช่น​เดิม​ ​“​ไม่ว่า​จะ​รับปาก​หรือไม่​ ​แต่​ท่าน​แม่​ก็​ยอม​ช่วย​ข้า​พูด​กับ​ท่าน​พ่อ​”

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​ขึ้น​เล็กน้อย

นาง​นึกไม่ถึง​มาก​่อน​เลย​ ​ว่า​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​จะ​เป็น​เด็ก​ที่​รู้จัก​ซาบซึ้ง​ใน​น้ำใจ​ขนาด​นี้

เมื่อ​กลับ​ไป​ถึง​ห้อง​แล้ว​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​กำลัง​เอน​ตัว​พิง​หมอน​อ่านหนังสือ​อยู่​ ​เขา​เงยหน้า​ขึ้น​มาม​อง​นาง​ครู่หนึ่ง​ ​จากนั้น​ก็​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ไปหา​เจ้า​ ​มีเรื่อง​อัน​ใด​หรือไม่​”

เขา​ออกตัว​ถาม​นาง​ก่อน​ ​ไม่มี​โอกาส​ใด​จะ​เหมาะ​ไป​กว่านี​้​อีกแล้ว

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พร้อมกับ​บอกเล่า​ความตั้งใจ​ของ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ ​“​…​ฟัง​จาก​น้ำเสียง​ของ​พี่สะใภ้​สาม​ ​ปีใหม่​ก็​จะ​สั่ง​คน​ไป​ส่ง​ของ​ให้​กับ​พี่สะใภ้​รอง​ ​หากว่า​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ตาม​ไป​ด้วย​ ​ไม่รู้​ว่า​พี่สะใภ้​รอง​จะ​ดีใจ​แค่ไหน​กัน​!​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ครุ่นคิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​จากนั้น​ก็​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ประเดี๋ยว​ข้า​จะ​ไป​ปรึกษา​กับ​ท่าน​แม่​ดู​”

เขา​ยอม​ออกหน้า​ช่วย​ ​เรื่อง​นี้​ก็​ถือว่า​ง่าย​ขึ้น​มาก​แล้ว

สือ​อี​เหนียง​ถอนหายใจ​ออกมา​เบา​ๆ​ ​และ​ถือโอกาส​นี้​ถาม​เรื่องฮู​หยิน​สอง​ขึ้น​มา​ ​“​…​เหตุใด​ถึง​ไม่​รับ​เลี้ยง​หรือ​รับ​หลาน​มา​เป็น​บุตรบุญธรรม​สัก​คน​ ​เช่นนี้​จะ​สามารถ​ช่วย​คลี่คลาย​ปม​ของ​จวน​สอง​ ​อีกทั้ง​ยัง​สามารถ​ช่วย​ให้​พี่สะใภ้​รอง​ไม่รู้​สึก​โดดเดี่ยวเดียวดาย​อีกด้วย​”

สีหน้า​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ปรากฏ​แววตา​เศร้าสลด​ ​ผ่าน​ไป​ครู่ใหญ่​จึง​ค่อย​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​พี่สะใภ้​รอง​ไม่​ยินยอม​ ​ข้า​เอง​ก็​ไม่​สามารถ​ไป​บังคับ​ได้​”​ ​พูด​จบ​เขา​ก็​วาง​หนังสือ​ลง​ ​จากนั้น​ก็​เอน​ตัว​ลงนอน​ ​“​ข้า​จะ​นอน​พัก​เสียหน่อย​”​ ​ราวกับว่า​ไม่​อยาก​พูดถึง​เรื่อง​นี้​อย่างไร​อย่างนั้น​ ​จากนั้น​ก็​พลิกตัว​หัน​เข้า​ด้านใน​แล้ว​นอนหลับ​ไป

สือ​อี​เหนียง​รู้สึก​แปลกใจ​เป็นอย่างมาก​ ​พอนึก​ๆ​ ​ดูแล​้ว​เรื่อง​นี้​ก็​เป็นเรื่อง​ภายใน​ครอบครัว​ของ​เขา​เอง​ ​จึง​ไม่ได้​ถาม​อะไร​ต่อ​ ​นาง​ช่วย​เขา​ห่ม​ผ้า​ ​จากนั้น​ก็​ไป​นอน​พัก​ที่​ห้อง​ปลาย​สุด​ทิศตะวันออก​ของ​เรือน​หน​่​วน​เก๋อ

ตอนที่​ตื่นขึ้น​มา​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​ไม่ได้​อยู่​ใน​เรือน​แล้ว

“​ท่าน​โหว​เห็น​ว่าฮู​หยิน​ยัง​นอน​อยู่​ ​ก็​เลย​ไป​ที่​เรือน​ปั้น​เย​่ว​์​พั่น​แล้ว​เจ้าค่ะ​”​ ​ลี่ว​์​อวิ​๋น​สังเกต​สีหน้า​ของ​สือ​อี​เหนียง​พลาง​ตอบกลับ​อย่างระมัดระวัง

สือ​อี​เหนียง​พยักหน้า​เล็กน้อย​ ​เมื่อ​เห็น​ว่า​เวลา​ก็​ไม่​เช้า​แล้ว​ ​จึง​หันไป​สั่ง​นาง​ให้​ย้าย​โต๊ะ​ปัก​ผ้า​ไป​ที่​เตียง​เตา​ริม​หน้าต่าง​ของ​ห้อง​ชั้นใน​ ​“​…​ไม่​คืบหน้า​เลย​”

“​ปัก​อักษร​ ​‘​ปั้น​’​ ​เสร็จ​แล้ว​”​ ​ลี่ว​์​อวิ​๋น​ยิ้ม​พร้อมกับ​เข้าไป​ย้าย​โต๊ะ​ปัก​ผ้า​ ​“​ท่าน​งาน​ล้นมือ​เหลือเกิน​นี่​เจ้า​คะ​”

ขณะที่​กำลัง​พูดคุย​กัน​อยู่​นั้น​ ​หู่​พั่ว​ก็​เดิน​เข้ามา​พอดี​ ​“​สะใภ้​หลิว​หยวน​รุ่ย​มา​เจ้าค่ะ​”

นี่​ก็​ใกล้​จะ​ปีใหม่​แล้ว​ ​มา​เวลานี้​ ​เกรง​ว่า​คงจะ​มีเรื่อง​เร่งด่วน​กระมัง

สือ​อี​เหนียง​ให้​หู่​พั่ว​รีบ​ไป​พานาง​เข้ามา

ครั้งนี้​นาง​สวม​ชุด​เป้ย​จื่อ​ผ้า​ถัก​สี​ดอก​ติง​เซียง​ม่วงอ่อน​ๆ​ ​เส้น​ผม​แวว​เงา​เป็นระเบียบเรียบร้อย​ ​มองดู​แล้ว​มีชีวิตชีวา​ยิ่งนัก

นาง​ย่อ​ตัว​ทำความเคารพ​สือ​อี​เหนียง​ ​จากนั้น​ก็​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ใกล้​จะ​ตรุษจีน​แล้ว​ ​ถึงแม้ว่า​เรา​จะ​ห่าง​กัน​มาก​ ​แต่​ก็​อยาก​จะ​มาคา​รวะฮู​หยิน​เสียหน่อย​ ​พอ​มานึ​กดู​แล้ว​ ​ช่วงนี้​เกรง​ว่าฮู​หยิน​คงจะ​ยุ่ง​อยู่​กับ​การจัดเตรียม​ต้อนรับ​เหล่า​บรรดา​ขุนนาง​และฮู​หยิน​ทั้งหลาย​ ​มาร​บก​วน​ท่าน​ในเวลานี้​เกรง​ว่า​จะ​ไม่​เหมาะ​ควร​ ​ทุกคน​จึง​ให้​บ่าว​ออกหน้า​แทน​ ​อยาก​ให้ฮู​หยิน​มอบ​อักษร​ ​‘​โชคดี​มีสุข​’​ ​ให้​พวกเรา​ใช้​ติด​ใน​จวน​เพื่อ​เป็น​สิริมงคล​เสียหน่อย​ ​จะ​ได้​เสริม​บารมี​ของ​ท่าน​เอง​ด้วย​เจ้าค่ะ​”

ช่างพูด​เสีย​จริง

คน​ติดตาม​ของ​นางใน​จวน​มี​เพียง​ว่าน​ต้า​เสี่ยน​คนเดียว​ที่​คอย​อยู่​ปรนนิบัติ​รับใช้​และ​คอย​ทำ​ธุระ​ให้​ ​ถึง​เวลา​ก็​สามารถ​ติดตาม​ผู้ดูแล​มาคา​รวะ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เนื่องใน​วัน​ปีใหม่​ได้​ด้วย​ ​ไม่ต้อง​พูดถึง​คนอื่น​คน​ไกล​ ​ถึงแม้ว่า​จะ​รีบร้อน​มาคา​รวะ​วัน​ปีใหม่​ก่อน​ ​มา​ผสม​ปนเป​กัน​กับ​หญิง​วัยกลางคน​ทั้งหลาย​ที่​เป็น​ผู้ลากมากดี​ของ​จวน​สกุล​สวี​และ​จาก​เรือน​อื่นๆ​ ​ก็​จะ​กลายเป็น​ซอมซ่อ​และ​ดูกระ​จอก​ไป​โดยทันที​ ​หาก​มี​แค่​คน​ของ​จวน​ของ​สือ​อี​เหนียง​จวน​เดียว​ก็​ว่า​ไป​อย่าง​ ​แต่​สกุล​สวี​อยู่​ด้วยกัน​ตั้ง​หลาย​ครอบครัว​ ​หาก​มี​การเปรียบ​เทียบ​กัน​แล้ว​ ​จะ​ต้อง​มีพ​วก​แบ่ง​ชนชั้น​ที่​ชอบ​ประจบประแจง​เบื้องบน​ข่มเหง​รังแก​เบื้องล่าง​พูดจา​ไป​เรื่อย​อย่างแน่นอน​ ​มาส​ร้าง​ความลำบาก​ใจ​ให้​กับ​สือ​อี​เหนียง​ ​สู้​ไม่​มา​เสีย​ยังดี​กว่า

สือ​อี​เหนียง​ไม่ได้​กลัว​ว่า​คนอื่น​จะ​หัวเราะเยาะ​ตน​ ​เพียงแค่​รู้สึก​ว่า​อากาศ​หนาวเย็น​ขนาด​นี้​ ​เดินทาง​ตั้ง​ไกล​เพื่อมา​คารวะ​ตน​ ​ก็​อด​ไม่ได้​ที่จะ​รู้สึก​ว่า​เป็นการ​ระดม​คน​เสียมา​กก​ว่า​ ​ได้ยิน​สะใภ้​หลิว​หยวน​รุ่ย​พูด​เช่นนี้​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็ได้​ให้​ลี่ว​์​อวิ​๋น​ไป​เอา​พู่กัน​และ​หมึก​ ​ให้​หง​ซิ่ว​ไป​นำ​กระดาษ​โรย​ทองสี​แดงสด​กว้าง​ยาว​ราว​สิบ​นิ้ว​ไป​เขียน​ที่​ห้อง​ปลาย​สุดทาง​ทิศตะวันออก​ของ​เรือน​หน​่​วน​เก๋อ​ ​สือ​อี​เหนียง​เขียน​อักษร​ ​‘​โชคดี​มีสุข​’​ ​รวดเดียว​เจ็ด​ถึง​แปด​ตัวอักษร

สะใภ้​หลิว​หยวน​รุ่ย​ที่อยู่​ข้างๆ​ ​เอาแต่​พูด​คำ​ว่า​ ​‘​ดี​’​ ​ไม่หยุดหย่อน​ ​หลังจากที่​สือ​อี​เหนียง​เขียน​เสร็จ​แล้ว​ ​ก็​มองดู​ลี่ว​์​อวิ​๋น​และ​หง​ซิ่ว​นำ​พู่กัน​และ​กระดาษ​โรย​ทอง​ไป​ตาก​ให้​แห้ง​ที่​ห้องโถง​ ​จากนั้น​ก็​เข้าไป​ช่วย​ประคอง​สือ​อี​เหนียง​ไป​ยัง​เตียง​เตา​ใหญ่​ที่​ห้อง​ปีก​ทิศตะวันตก

“​…ฮู​หยิน​อักษร​นี้​เขียน​ได้​มีชีวิตชีวา​และ​ทรงพลัง​เป็นอย่างมาก​ ​สะใภ้​ว่าน​อี้​จง​เห็น​แล้ว​คงจะ​ทั้ง​ทอดถอนใจ​และ​คร่ำครวญ​อย่างแน่นอน​”​ ​นาง​พูดจา​อย่างระมัดระวัง​พร้อมกับ​สังเกต​สีหน้า​ของ​สือ​อี​เหนียง​ไป​ด้วย​ ​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ท่าน​ไม่รู้​ ​ว่า​หลังจาก​สะใภ้​ว่าน​อี้​จง​ทราบ​เรื่อง​ที่​ท่าน​มี​เจตนา​จะ​ให้​คนใช้​คนสนิท​ของ​ท่าน​แต่งงาน​กับ​บุตรชาย​ของ​นาง​ ​ก็​เอาแต่​วิ่ง​มาหา​บ่าว​ทุกวัน​ ​หาก​ไม่​ชวน​คุย​เรื่อง​ซี่โครง​หมู​ก็​ชวน​คุย​ถึง​เรื่อง​เครื่องใน​หมู​แทน​ ​ทำเอา​บ่าว​กลั้น​ขำ​แทบ​ไม่ไหว​เลย​เจ้าค่ะ​”

นาง​คง​กำลัง​หยั่งเชิง​ตน​อยู่​กระมัง​!

สือ​อี​เหนียง​เอาแต่​ยิ้ม​ไม่ได้​พูด​อะไร​ออกมา​ ​และ​ได้​ชวน​นาง​คุย​เรื่อง​อื่น​แทน

สะใภ้​หลิว​หยวน​รุ่ย​ถือว่า​ข่มอารมณ์​ไว้​ได้ดี​ ​นาง​สามารถ​พูดคุย​ไป​ตาม​เจตนา​และ​อารมณ์​ของ​สือ​อี​เหนียง​ได้​ ​ไม่ได้​พูดถึง​เรื่อง​ว่าน​อี้​จง​อีก

สือ​อี​เหนียง​มอง​แล้วก็​แอบ​พยักหน้า​เบา​ๆ​ ​จู่ๆ​ ​ก็​เปลี่ยน​เรื่อง​ไป​คุย​เกี่ยวกับ​เรื่อง​หลัก​ทำนองคลองธรรม​แทน​ ​จน​ไป​ถึง​เรื่อง​ผู้ดูแล​หลัก​ของ​ตระกูล

เมื่อ​หลิว​หยวน​รุ่ย​ได้​สืบ​ความ​เรื่อง​นี้​มา​อย่างชัดเจน​ตั้งแต่​เนิ่นๆ​ ​ว่า​ผู้ดูแล​หลัก​ของ​จวน​สกุล​สวี​นั้น​เป็นฮู​หยิน​สาม​ ​บางคน​คิด​ว่า​ไม่ช้าก็เร็ว​ ​วันข้างหน้า​สือ​อี​เหนียง​ก็​จะ​ต้อง​รับ​ตำแหน่งหน้าที่​เป็น​ผู้ดูแล​หลัก​ของ​ตระกูล​อยู่ดี​ ​แต่​หนึ่ง​นั้น​เพราะ​นางอายุ​ยังน้อย​ ​สอง​คือ​คนใน​จวน​นั้น​ค่อนข้าง​มาก​ ​แต่​ตน​ไม่ได้​เป็น​คน​ติดตาม​ของ​สือ​อี​เหนียง​เสียหน่อย​ ​วันข้างหน้า​หาก​จะ​หา​คน​ช่วย​ทำ​ธุระ​ที่​ดี​ๆ​ ​หน่อย​ ​ก็​คงจะ​ไม่​ตก​มาถึง​ตัวเอง​อย่างแน่นอน​ ​สู้​ฉวยโอกาส​ที่ฮู​หยิน​สาม​กำลังจะ​เปลี่ยน​ตำแหน่ง​ครั้งนี้​ ​หา​จุดยืน​สักที​่​ให้​กับ​ตนเอง​ ​หลังจากที่​สือ​อี​เหนียง​ได้​ขึ้น​เป็น​ผู้ดูแล​หลัก​แล้ว​ ​คงจะ​ไม่​เปลี่ยนคน​ทั้งหมด​หรอก​กระมัง​ ​ไม่แน่​บางที​ตน​อาจจะ​โชคดี​ได้​ตำแหน่ง​ที่มั่น​คง​สัก​ตำแหน่ง​ก็​เป็นได้

ใน​ตอนแรก​นาง​คิด​ว่า​หาก​เปลี่ยน​มา​เป็น​ตน​ ​เกรง​ว่า​คงจะ​ทำ​เช่นนี้​เหมือนกัน​ ​แต่​หลังจากที่​สะใภ้​หลิว​หยวน​รุ่ย​ได้​ทำความรู้จัก​และ​ได้​ใกล้ชิด​สนิทสนม​กับ​สือ​อี​เหนียง​แล้ว​ ​ก็​เปลี่ยนความคิด​ไป​ในทันที

ฮู​หยิน​ทั้ง​สี่​อายุ​ยังน้อย​ ​แต่​จิตใจ​นั้น​ไม่ได้​น้อย​แล้ว​ ​ไม่ว่า​ทำ​อะไร​ก็​สุขุม​หนักแน่น​ ​แม้ว่า​นาง​จะ​อายุ​ยี่สิบ​กว่า​ปี​แล้ว​ ​แต่​ก็​ใช่​ว่า​จะ​สามารถ​ทำ​เช่นนั้น​ได้​ ​และ​ก็​ยัง​ได้ยิน​มา​ว่าที่​นาง​แต่งงาน​เข้า​จวน​ก็​เพราะ​ไท่ฮู​หยิน​ชื่นชอบ​ ​แม้แต่​ท่าน​โหวก​็​คอย​เกรงใจ​และ​ให้เกียรติ​นาง​เสมอ​ ​จึง​รีบ​เปลี่ยน​การกระทำ​จาก​เดิมที​ที่​ไม่​ให้ความสนใจ​และ​ความเคารพ​ ​ไป​เป็น​ประจบประแจง​ทวีคูณ​ขึ้น​มา

เห็น​สือ​อี​เหนียง​ถาม​ตน​เกี่ยวกับ​เรื่อง​ที่​เรือน​ขึ้น​มา​ ​ก็​คิด​เอา​ว่า​สือ​อี​เหนียง​นั้น​กำลัง​เตรียมตัว​จะ​ขึ้น​เป็นเจ้าของ​จวน​ใน​ภายภาคหน้า​ ​จึง​ไม่กล้า​สะเพร่า​ประมาท​ ​เล่า​ทุกอย่าง​ที่นาง​รู้​ออกมา​จน​หมด​ ​สิ่ง​ที่​ไม่รู้​ก็​พยายาม​เล่า​ทุกอย่าง​ที่​เคย​ได้ยิน​มาทั​้ง​หมด​ ​น้ำเสียง​คำพูดคำจา​ค่อนข้าง​กระตือรือร้น​ ​นาง​เล่า​ด้วย​ความตื่นเต้น​และ​เบิกบานใจ​เป็นอย่างมาก

สือ​อี​เหนียง​สังเกตเห็น​ว่า​สะใภ้​หลิว​หยวน​รุ่ย​นั้น​ไม่เพียงแต่​ฉลาด​หัวไว​ไหวพริบดี​ ​นาง​ยัง​เป็น​คนพูด​จา​ไพเราะ​น่าฟัง​และ​ไม่​โอ้อวด​คุยโต​ ​มี​มนุษยสัมพันธ์​ที่​ดี​ ​ค่อนข้าง​พอใจ​เป็นอย่างมาก​ ​นาง​เป็น​คนฟัง​มาก​แต่​พูด​ถาม​น้อย

ขณะที่​พูดคุย​กัน​อยู่​นั้น​ ​ก็​มีสาว​ใช้​เข้ามา​เรียน​ว่า​ ​“​พ่อบ้าน​ไป๋​ให้​คน​มาส​่​งม​่าน​เก๋​อปู​้​เจ้าค่ะ​”

เร็ว​ขนาด​นี้​เชียว​หรือ

สือ​อี​เหนียง​งุนงง​เป็นอย่างมาก​ ​จึง​ให้​ลี่ว​์​อวิ​๋​นรีบ​ไปรั​บมา

หลิว​หยวน​รุ่ย​รีบ​เปลี่ยน​เรื่อง​คุย​ทันที​ ​และ​ได้​ไปดู​ม่าน​มุ้ง​ของ​เตียง​เป็นเพื่อน​สือ​อี​เหนียง

นำมา​ห้า​หลัง​ใน​คราว​เดียว​ ​สอง​หลัง​เป็น​ลาย​เรียบง่าย​ธรรมดา​ ​หลัง​หนึ่ง​ปัก​ลาย​ต้น​หญ้า​และ​แมลง​ ​หลัง​หนึ่ง​ปัก​ลาย​บุปผา​ ​ส่วน​อีก​หลัง​นั้น​ปัก​ลาย​สัญลักษณ์​ ​‘​มงคล​ห้า​ประการ​’​ ​ฝี​เข็ม​การ​ปัก​เย็บ​ละเอียดอ่อน​เป็นอย่างมาก​ ​โดยเฉพาะ​ลาย​ธรรมดา​ ​ดู​พลิ้วไหว​และ​นุ่มนวล​ดุจ​ควันไฟ​ ​มอง​ปราด​เดียว​ก็​รู้​แล้ว​ว่า​ไม่ใช่​เนื้อผ้า​ธรรมดา​ทั่วไป​ ​สือ​อี​เหนียง​รู้สึก​ชื่นชอบ​เป็นอย่างมาก

“​พ่อบ้าน​ไป๋​บอกว่า​หากฮู​หยิน​ไม่​ถูกใจ​ ​ก็​ให้​บอกกล่าว​ ​จะ​ได้​ให้​กรม​ราชกิจ​ภายใน​ของ​วัง​ช่วย​ตัดเย็บ​ให้​เจ้าค่ะ​”

“​ไม่ต้อง​แล้ว​”​ ​นานๆ​ ​ครั้ง​ไม่เป็นไร​หรอก​ ​แต่​หาก​ไปร​บก​วน​กรม​ราชกิจ​ภายใน​เสีย​ทุกครั้ง​ ​ก็​ไม่​เหมาะ​ควร​เท่าไร​นัก​ ​“​เช่นนี้​ดีมาก​แล้ว​”

สาวใช้​จึง​ได้​กลับ​ไป​แจ้ง​กับ​พ่อบ้าน​ไป๋​ว่า​สือ​อี​เหนียง​นั้น​เลือก​หลัง​ที่​มี​ลาย​ปัก​เรียบง่าย​ ​จากนั้น​ก็​ให้​หู่​พั่ว​เปลี่ยน​ม่าน​มุ้ง​สีแดง​สด​หลัง​เดิม​เป็น​ม่าน​เตียง​หลัง​ใหม่

สะใภ้​หลิว​หยวน​รุ่ย​ที่อยู่​ข้างๆ​ ​เห็น​แล้วก็​อึ้ง​จน​ตาค้าง

นาง​ครุ่นคิด​ใน​ใจ​ ​มิน่าเล่า​ ​ทุกครั้งที่​จวน​สกุล​หลัว​พูดถึง​จวน​สกุล​สวี​ ​ก็​มักจะ​เผย​ให้​เห็น​ถึง​สีหน้า​ที่​อิจฉาริษยา​เสมอ

นาง​ยิ้ม​พร้อมกับ​รีบ​เข้าไป​ช่วย​ ​กล้า​ที่จะ​ช่วย​เปลี่ยน​ม่าน​มุ้ง​สีแดง​สด​ ​แต่​ไม่กล้า​ที่จะ​ช่วย​กางมุ้ง​หลัง​ใหม่​ลาย​เรียบง่าย​ที่​ละเอียดอ่อน​ผืน​นั้น

ยัง​ไม่ทัน​ที่จะ​เปลี่ยน​เสร็จ​ ​หง​ซิ่ว​ก็ได้​นำ​อักษร​ ​‘​โชคดี​มีสุข​’​ ​ที่​หมึก​แห้ง​แล้ว​เข้ามา​ ​จากนั้น​ก็​มีสาว​ใช้​เข้ามา​เรียน​ว่า​อี๋​เหนียง​ทั้ง​สาม​มาถึง​แล้ว

สะใภ้​หลิว​หยวน​รุ่ย​ที่​ค่อนข้าง​ฉลาด​และ​หัวไว​ ​นาง​รีบ​เข้าไป​รับ​กระดาษ​ที่​เขียน​อักษร​ ​‘​โชคดี​มีสุข​’​ ​กล่าว​ขอบคุณ​สือ​อี​เหนียง​ ​จากนั้น​ก็​มีสาว​ใช้​นำทาง​พานา​งอ​อก​ไป

สือ​อี​เหนียง​ไป​ยัง​เตียง​เตา​ห้อง​ปีก​ทาง​ทิศตะวันออก​ ​อี๋​เหนียง​ทั้ง​สาม​นั่งลง​ล้อมรอบ​เตียง​เตา​ ​หลังจาก​สาวใช้​ชงชา​เข้ามา​ให้​เรียบร้อย​แล้ว​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็ได้​ให้​หู่​พั่ว​ไป​นำ​หนังสือ​รายการ​สิ่งของ​ที่จะ​มอบให้​ทั้ง​สี่​เรือน​มา​อ่าน​ให้​อี๋​เหนียง​ทั้ง​สาม​ฟัง

ฉิน​อี๋​เหนียง​ประหลาดใจ​เป็นอย่างมาก​ ​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​เอง​ก็​เริ่ม​ตื่นตระหนก​ตกใจ​ ​จากนั้น​ก็​ค่อยๆ​ ​เปลี่ยนเป็น​สีหน้า​ที่​เหมือนกับ​ว่า​เข้าใจ​ขึ้น​มา​ ​ส่วน​เฉียว​เหลียน​ฝัง​นั่ง​จิบ​ชา​อยู่​ข้างๆ​ ​ด้วย​สีหน้า​ที่​เรียบ​เฉย​ ​ราวกับว่า​เรื่อง​พวก​นี้​ไม่ได้​มี​ความเกี่ยวข้อง​กับ​นาง​ใดๆ​ ​ทั้งสิ้น

เมื่อ​หู่​พั่ว​อ่าน​จบ​แล้ว​ ​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​ก็​รีบ​พูด​ขึ้น​ทันที​ว่า​ ​“​พี่​หญิง​ ​ท่าน​เป็น​นาย​หญิง​ใหญ่​ของ​จวน​หลัง​นี้​ ​แน่นอน​ว่า​เรื่อง​ใน​จวน​ต้อง​ถือ​คำพูด​ท่าน​เป็นหลัก​ ​ไหน​เลย​จะ​ต้อง​มาถึง​พวก​ข้า​ ​ช่วย​ออก​ความคิดเห็น​กัน​!​”

ฉิน​อี๋​เหนียง​ไม่เข้าใจ​จุดประสงค์​ที่แท้​จริง​ของ​สือ​อี​เหนียง​ ​แต่​นาง​เข้าใจ​ความหมาย​คำพูด​ของ​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​ ​จึง​รีบ​พูดตาม​หลัง​ว่า​ ​“ฮู​หยิน​ ​ข้า​กับ​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​คิดเห็น​ตรงกัน​ ​แต่​ล้วน​ฟัง​ท่าน​เจ้าค่ะ​”

เฉียว​อี๋​เหนียง​ได้ยิน​แล้ว​กลับหัว​เราะ​เยาะ​ออกมา​เบา​ๆ

สิ่ง​ที่​กองกลาง​แบ่ง​มา​ให้​ก็​เป็น​เพียงแค่​เงิน​ ​ขนม​ ​และ​ของกิน​ใน​ปีใหม่​ ​ไม่ใช่​การ​แบ่งปัน​ผลประโยชน์​กำไร​ของ​การค้า​อะไร​เสียหน่อย​ ​แน่นอน​ว่า​สือ​อี​เหนียง​คงจะ​ไม่​มา​แสดง​ความใจกว้าง​ใจใหญ่​อยู่​แล้ว

สือ​อี​เหนียง​เห็น​ว่า​เฉียว​เหลียน​ฝัง​ไม่ได้​ออก​ความคิดเห็น​อะไร​ ​และ​ก็​ไม่ได้​สนใจ​ตน​ด้วย​ ​นาง​จึง​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ทุกคน​ได้​อยู่ร่วม​กัน​ถือเป็น​บุญวาสนา​ ​ข้า​เอง​ก็​ไม่ได้​มี​เจตนา​อื่นใด​ ​ของ​ไม่ได้​มากมาย​ ​แต่ละ​เรือน​ก็​แบ่ง​ตาม​จำนวน​คน​ให้​ทั่วถึง​ ​ฉลอง​ปีใหม่​ดี​ๆ​ ​ก็​ถือว่า​เป็น​เจตนา​ของ​ข้า​”​ ​จากนั้น​ก็​ยิ้ม​แล้ว​พูด​ต่อไป​ว่า​ ​“​หาก​พวก​เจ้า​รู้สึก​ว่า​ของ​มัน​น้อย​ไป​ ​ข้า​เอง​ก็​ไม่​สามารถ​เพิ่ม​ให้​มากกว่า​นี้​ได้​”

“​จะ​รู้สึก​น้อย​ได้​อย่างไร​!​”​ ​ฉิน​อี๋​เหนียง​พูด​ขึ้น​ด้วย​ความ​เก้อเขิน​ว่า​ ​“​ปีนี​้​ยัง​มากกว่า​ปี​ที่แล้ว​ตั้ง​สอง​ร้อย​ตำลึง​เจ้าค่ะ​”

สือ​อี​เหนียง​ใจเต้น​แรง​ขึ้น​มา​ ​นาง​เก็บอาการ​พร้อมกับ​ยิ้ม​แล้ว​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​เช่นนั้น​ก็ดี​!​”​ ​จากนั้น​ก็​มอบ​หนังสือ​รายการ​ที่จะ​ต้อง​แบ่ง​ของ​ให้​กับ​สวี​ซื่อ​อวี​้​ ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ ​จุน​เกอ​และ​อี๋​เหนียง​ทั้ง​สาม​ให้​กับ​ทุกคน​ ​“​อีก​ประเดี๋ยว​ทุกคน​ก็​ให้​สาวใช้​ที่​ดูแล​กุญแจ​ของ​แต่ละคน​มา​เอา​ของ​กับ​หู่​พั่ว​ก็แล้วกัน​!​”

ฉิน​อี๋​เหนียง​ขานรับ​ ​“​เจ้าค่ะ​”​ ​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​ยิ้ม​พร้อมกับ​กล่าว​ขอบคุณ​สือ​อี​เหนียง​ ​ราวกับว่า​สือ​อี​เหนียง​ได้​ให้​ของมีค่า​แก่​พวก​นาง​อย่างไร​อย่างนั้น​ ​ดูดี​ใจ​และ​กระตือรือร้น​เป็นอย่างมาก​ ​ส่วน​เฉียว​อี๋​เหนียง​ ​นาง​เพียงแค่​พยักหน้า​เล็กน้อย​ด้วย​สีหน้า​ที่​เย็นชา

สือ​อี​เหนียง​ก็​เริ่ม​พูดถึง​เรื่อง​หน้าที่​ของ​เวร​ยาม​ที่​คอย​ดูแล​ขึ้น​มา​ ​“​…​ฟัง​จาก​น้ำเสียง​ของ​ท่าน​โหว​ ​ปีใหม่​นี้​อาจจะ​จุด​พลุ​ ​เมื่อถึง​เวลา​ที่​เรือน​ก็​จะ​มี​แขกเหรื่อ​มาร​่ว​มงาน​ ​มี​ละคร​งิ้ว​ ​พวก​เจ้า​แต่ละ​จวน​ต้อง​จัดการ​แบ่งหน้าที่​ดูแล​ของ​เวร​ยาม​ให้​ดี​ ​จะ​ได้​ไม่ต้อง​เกิด​ปัญหา​เรื่อง​ลักเล็กขโมยน้อย​ของ​คนนอก​ ​หรือ​มี​คน​ไป​ชน​ข้าวของ​ล้ม​เข้า​ ​ทำให้เกิด​ไฟไหม้​โดยที่​ไม่ได้ตั้งใจ​ ​เขียน​รายชื่อ​ของ​เวร​ยาม​ทั้งหมด​ที่​ดูแล​ทั้ง​กลางวัน​และ​กลางคืน​ของ​ทุกวัน​มา​ให้​หู่​พั่ว​ด้วย​”

ทั้ง​สาม​อึ้ง​ไป​ตาม​ๆ​ ​กัน

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท