ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 202 ปรากฏตัว(ต้น)

ตอนที่ 202 ปรากฏตัว(ต้น)

สวี​ลิ่ง​อี๋​วิ่ง​วุ่น​เข้าออก​ไปมา​ทั้งวัน​ ​แม้แต่​มื้อ​เที่ยง​และ​มื้อ​ค่ำ​ก็​ทาน​จาก​ข้างนอก​ทั้งนั้น

สือ​อี​เหนียง​ก็​ยังคง​เป็น​เหมือนเช่น​เคย​ ​ไป​ที่​เรือน​ของ​ไท่ฮู​หยิน​ก่อน

ฮู​หยิน​สาม​ไป​ถึง​ก่อน​นาน​แล้ว​ ​กำลัง​พูดคุย​กับ​ไท่ฮู​หยิน​ด้วย​สีหน้า​ที่​ยิ้มแย้ม​ ​แต่​สีหน้า​ของ​ไท่ฮู​หยิน​ไม่​ค่อย​ดี​เท่าไร​นัก​ ​ดูเหมือนว่า​กำลัง​ฟัง​ด้วย​จิตใจ​ที่​เหม่อลอย

เมื่อ​เห็น​สือ​อี​เหนียง​เข้ามา​ ​ไท่ฮู​หยิน​ก็ได้​ให้ฮู​หยิน​สาม​กลับ​ไป​ก่อน​ ​แล้วจึง​อยู่​คุย​กับ​สือ​อี​เหนียง

“​…​ดวงตา​เด็ก​คน​นั้น​เป็น​ตา​ชั้นเดียว​จริงๆ​ ​หรือ​”​ ​ไท่ฮู​หยิน​ถาม​ขึ้นรา​วกับ​ว่า​ไม่เชื่อ​อย่างไร​อย่างนั้น

สือ​อี​เหนียง​พยักหน้า​เบา​ๆ​ ​นาง​อยาก​ที่จะ​ช่วย​เรียกร้อง​ให้​กับ​เฟิ​่ง​ชิง​สักหน่อย​ ​จึง​ได้​บอก​เรื่อง​บาดแผล​บน​ร่างกาย​ให้​กับ​ไท่ฮู​หยิน

ไท่ฮู​หยิน​นิ่งเงียบ​ไป​ครู่ใหญ่​ ​จู่ๆ​ ​ก็​พูดถึง​จุน​เกอ​ขึ้น​มา​ ​“​…​หาก​ต้น​ฤดูใบไม้ผลิ​ปีหน้า​ความรู้​เพิ่มพูน​มากขึ้น​ ​ข้า​จะ​ให้​เว​่ย​จื่อ​ไป​ฝึก​คัดตัว​อักษร​เป็นเพื่อน​เขา​ที่​เรือน​หน​่​วน​เก๋อ​”​

สือ​อี​เหนียง​เห็น​ว่า​ไท่ฮู​หยิน​หลีกเลี่ยง​ที่จะ​พูดถึง​เรื่อง​นี้​ ​จึง​พูด​ไป​ตามเนื้อผ้า​อย่าง​ไม่รีบร้อน​ ​“​ฝึก​คัด​อักษร​เสียหน่อย​ก็ดี​เจ้าค่ะ​ ​เวลา​เจอ​อาจารย์​จะ​ได้​ไม่ต้อง​ตื่นตระหนก​จน​เกินไป​และ​ไม่รู้​อะไร​สัก​อย่าง​ ​จะ​กลายเป็น​ไม่ยอม​เรียน​เอา​ได้​”

“​ข้า​เอง​ก็​คิด​เช่นนั้น​”​ ​ไท่ฮู​หยิน​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​เด็กน้อย​ ​ลงมือ​ก่อน​ได้เปรียบ​กว่า​เสมอ​ ​ยิ่ง​เรียนรู้​ก็​ยิ่ง​แกร่ง​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​มี​ความตั้งใจ​จะ​ให้​จุน​เกอ​ไป​เรียน​กับ​พี่ชาย​ทั้ง​สาม​ด้วย​ ​แต่​ข้า​คิด​ว่า​เรียน​อยู่​ใน​จวน​ตระกูล​ดีกว่า​ ​อย่างไร​เสีย​ฉิน​เกอ​และ​คนอื่นๆ​ ​ก็​ถือว่า​เป็น​เด็ก​ที่​โตก​ว่า​ ​สิ่ง​ที่จะ​ต้อง​เรียนรู้​ค่อนข้าง​มาก​ ​จุน​เกอ​ตาม​ไป​เรียน​ด้วย​ ​จะ​รู้สึก​กดดัน​รอบด้าน​ไป​หมด​ ​พลอย​จะ​ทำให้​เขา​เกิด​ความหวาดกลัว​ใน​ใจ​…​”​ ​ไท่ฮู​หยิน​ก็ได้​พูดคุย​ถึง​เรื่อง​การเรียน​ของ​เด็ก​ๆ​ ​กับ​สือ​อี​เหนียง​ขึ้น​มา

สือ​อี​เหนียง​อยู่​คุย​เป็นเพื่อน​ไท่ฮู​หยิน​ ​แล้วจึง​ได้​พากัน​ไปดู​จุน​เกอ​ ​จากนั้น​ก็​เดิน​ไป​ส่ง​ไท่ฮู​หยิน​ไป​ยัง​ห้อง​สวดมนต์​ ​เสร็จ​แล้วก็​ค่อย​ไปหา​เฟิ​่ง​ชิง

ปินจ​วี​๋​เดิน​ออกมา​รับ​สือ​อี​เหนียง​ ​“ฮู​หยิน​ ​ข้าวของ​จัดเตรียม​เสร็จ​เรียบร้อย​แล้ว​ ​สามารถ​ออกเดินทาง​ได้​ตลอดเวลา​เจ้าค่ะ​”

เมื่อวาน​นี้​นาง​นอนค้าง​ที่​เรือน​ปั้น​เย​่ว​์​พั่น​เป็นเพื่อน​ตง​ชิง

สือ​อี​เหนียง​พยักหน้า​รับรู้​ ​จากนั้น​ก็​เดิน​เข้าไป​ใน​หอนอ​นพร​้​อม​กับ​นาง

เฟิ​่ง​ชิง​สวม​เสื้อ​อ่าว​สีบานเย็น​ตัว​เก่า​ของ​บุตรสาว​หนาน​หย่ง​ ​เนื้อตัว​สะอาดสะอ้าน​ ​ริมฝีปาก​แดง​เลือดฝาด​ฟัน​ขาวสะอาด​ ​ราวกับ​เป็น​เด็กผู้หญิง​อย่างไร​อย่างนั้น​ ​ดู​งดงาม​เป็นอย่างมาก​ ​ตง​ชิง​นั่งยองๆ​ ​และ​กำลัง​พูด​อะไร​บางอย่าง​กับ​เขา​ ​เมื่อ​ได้ยิน​เสียง​เคลื่อนไหว​ ​เขา​ก็​เงยหน้า​ขึ้น​มา​เจอ​สือ​อี​เหนียง​ ​ก็​รีบ​หยิบ​กล่อง​อาหาร​ที่อยู่​ข้างๆ​ ​ขึ้น​มาก​อด​ไว้​แน่น​ ​จ้องมอง​สือ​อี​เหนียง​ด้วย​สายตา​ที่​หวาดระแวง

เมื่อ​ตง​ชิง​รู้​ว่า​สือ​อี​เหนียง​มาก​็​รีบ​ลุกขึ้น​ย่อ​ตัว​ทำความเคารพ​ ​พลาง​ยิ้ม​เจื่อน​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“ฮู​หยิน​ ​บ่าว​และ​ปินจ​วี​๋​เกลี้ยกล่อม​คุณชาย​น้อย​เฟิ​่ง​ชิง​ไป​ครึ่ง​ค่อนวัน​ ​ไม่ว่า​อย่างไร​คุณชาย​น้อย​เฟิ​่ง​ชิง​ก็​ไม่ยอม​วาง​กล่อง​อาหาร​ลง​เลย​ ​เดิน​ไป​ที่ไหน​ก็​เอาแต่​กอด​กล่อง​อาหาร​ไว้​ ​บ่าว​จนปัญญา​แล้ว​จริงๆ​ ​เจ้าค่ะ​”

ปินจ​วี​๋​ที่อยู่​ข้างๆ​ ​ก็ได้​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​จริง​เจ้าค่ะฮู​หยิน​ ​พวก​บ่าว​ช่วยกัน​เกลี้ยกล่อม​แล้ว​”

“​กล่อง​อาหาร​ยัง​มี​ขนม​อยู่​กระมัง​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ครุ่นคิด​อยู่​คู่​หนึ่ง​แล้วจึง​ได้​พูด​ขึ้น

ปินจ​วี​๋​จึง​รีบ​พยักหน้า​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ยัง​มี​ขนม​หลูต​๋า​กุ่น​หนึ่ง​ห่อ​ ​ขนม​ข้าวเหนียว​หนึ่ง​ห่อ​แล้วก็​ขนม​ถั่วลันเตา​เหลือง​กวน​อีก​หนึ่ง​ห่อ​เจ้าค่ะ​”

เด็ก​คน​นี้​คงจะ​หิว​จน​หวาดกลัว​ไป​แล้ว​!

สือ​อี​เหนียง​ทอดถอนใจ​เบา​ๆ​ ​“​เอา​ขนม​ออกจาก​กล่อง​ ​ประเดี๋ยว​เขา​ก็​คงจะ​ทิ้ง​กล่อง​อาหาร​ไป​”​ ​จากนั้น​ก็ได้​พูด​เรื่อง​ที่​เฟิ​่ง​ชิง​จะ​อยู่​ที่​จวน​ต่อให้​พวก​นาง​ฟัง​ ​“​…​อาศัย​อยู่​ที่​เรือน​ปั้น​เย​่ว​์​พั่น​ต่อ​ชั่วคราว​ ​ปินจ​วี​๋​เจ้า​ก็​เข้ามา​ดู​บ่อยๆ​ ​ช่วย​แบ่งเบา​นิดๆ​ ​หน่อย​ๆ​”​ ​จากนั้น​ก็ได้​กำชับ​พวก​นาง​ว่า​ ​“​ที่นี่​มีบ​่อ​น้ำ​ ​มี​ลำคลอง​ ​พวก​เจ้า​จะ​ต้อง​ระวัง​เป็นอย่างมาก​ ​ห้าม​ให้​คุณชาย​น้อย​เฟิ​่ง​ชิง​คลาด​สายตา​โดย​เด็ดขาด​”

ทั้งสอง​ขานรับ​ ​“​เจ้าค่ะ​”​ ​พร้อมกัน​ ​ปินจ​วี​๋​ก็ได้​ยิ้ม​ออกหน้าออกตา​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“ฮู​หยิน​สอง​พักอาศัย​อยู่​ที่​ซี​ซาน​ ​ที่นั่น​ระเบียบ​ขั้นตอน​เข้มงวด​ ​พี่​ตง​ชิง​ยัง​แอบ​กังวล​ว่า​จะ​ไป​เสียมารยาท​อยู่​เลย​เจ้าค่ะ​!​ ​ยังดี​ที่​ไม่ต้อง​ไป​แล้ว​”

ตง​ชิง​ได้ยิน​แล้ว​ใบหน้า​ก็​แดง​ระเรื่อ​ขึ้น​มา​ ​“​บ่าว​กลัว​ว่า​จะ​ไป​ทำให้ฮู​หยิน​ขายหน้า​นี่​เจ้า​คะ​”

สือ​อี​เหนียง​พอ​จะเข้า​ใจความ​กังวล​ของ​พวก​นาง

ฮู​หยิน​สอง​เป็น​คนที​่​ดูแล​้ว​สูงส่ง​สง่างาม​ ​คน​ปกติ​ทั่วไป​เวลา​อยู่​ต่อหน้า​นาง​ก็​จะ​รู้สึก​อาย​และ​ทำตัว​ไม่​ถูก

สือ​อี​เหนียง​จึง​ยิ้ม​ให้กำลังใจ​พวก​นาง​ ​“​ควร​ทำ​อะไร​ก็​ทำ​ไป​ ​มีสิ​่ง​ใด​ให้​น่ากลัว​กัน​”​ ​จากนั้น​ก็ได้​เร่ง​พวก​นาง​ ​“​ไป​เอา​ขนม​ออกจาก​กล่อง​ใส่​อาหาร​ก่อน​ ​เปลี่ยนไป​ใส่​กล่อง​กระดาษ​แทน​ ​แล้ว​ให้​เฟิ​่ง​ชิง​ถือ​ไว้​กับ​ตัว​”​ ​พูด​จบ​ก็​ลูบ​ศีรษะ​ของ​เฟิ​่ง​ชิง​เบา​ๆ​ ​“​ต่อไป​เจ้า​จะ​มี​ของกิน​ทุกวัน​ ​ก็​จะ​ไม่ต้อง​เป็น​แบบนี้​แล้ว​”

รอยยิ้ม​ของ​ตง​ชิง​และ​ปินจ​วี​๋​ก็​ค่อยๆ​ ​หาย​ไป​ ​ต่าง​ก็​พากัน​จ้องมอง​เฟิ​่ง​ชิง​ด้วย​ความรู้สึก​สงสาร​และ​เห็นใจ

เฟิ​่ง​ชิง​เห็น​ว่า​ทุกคน​ต่าง​พากัน​จ้องมอง​เขา​ ​ก็​รีบ​กอด​กล่อง​อาหาร​แน่น​ยิ่งขึ้น

สือ​อี​เหนียง​อด​ไม่ได้​ที่จะ​ทอดถอนใจ​ ​ย่อ​ตัว​ลง​แล้ว​ช่วย​เขา​จัดระเบียบ​เสื้อผ้า​ ​จากนั้น​ก็​บอก​เรื่อง​ที่​เขา​ยัง​ไม่ต้อง​ไป​ที่​ซี​ซาน​กับ​เขา​ ​“​…​เจ้า​จะ​ต้อง​เชื่อฟัง​ ​อยู่​ที่นี่​กับ​พี่​ตง​ชิง​ ​หากว่า​อยาก​ไป​เล่น​ที่ใด​ ​ห้าม​แอบ​ไป​คนเดียว​เด็ดขาด​ ​ไป​บอก​กับ​พี่​ตง​ชิง​ให้​นาง​เป็น​คน​พา​เจ้า​ไป​”

เฟิ​่ง​ชิง​ไม่เข้าใจ​ว่า​สือ​อี​เหนียง​กำลัง​พูด​อธิบาย​อะไร​ ​เขา​รู้​เพียงแต่ว่า​เขา​สามารถ​อยู่​ที่นี่​ต่อไป​ได้

เขา​จึง​รีบ​พยักหน้า​ไม่​หยุด​ ​รอยยิ้ม​ของ​เขา​สดใส​ราวกับ​แสงแดด​เดือน​หก​ก็​ไม่​ปาน​ ​ยัง​หยิบ​ขนม​ข้าวเหนียว​มา​ให้​สือ​อี​เหนียง​ทาน

สือ​อี​เหนียง​ไม่เอา​ ​แต่​เฟิ​่ง​ชิง​กลับ​พยายาม​ที่จะ​ยัดเยียด​ให้​นาง​จนได้​ ​“​อร่อย​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​กัด​ไป​แค่นิด​เดียว​เท่านั้น​ ​จากนั้น​ก็​ฉวยโอกาส​ย้าย​ขนมจาก​กล่อง​ไม้​ไป​ไว้​ใน​กล่อง​กระดาษ​ ​พูด​เตือน​เฟิ​่ง​ชิง​ ​ตง​ชิง​และ​ปินจ​วี​๋​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​แล้วจึง​ไป​ค่อย​ไป​ที่​เรือน​ของฮู​หยิน​สาม​ต่อ

เรื่อง​ที่​ต้อง​กำชับ​ก็​กำชับ​ไป​หมด​แล้ว​ ​ตอนนี้​เพียงแค่​ต้องเต​รี​ยม​ตัวรับ​มือ​กับ​สถานการณ์​ที่​อาจจะ​เกิดขึ้น​อย่างกะทันหัน​ให้​ได้​ก็​พอแล้ว

สือ​อี​เหนียง​นั่งลง​ตรงข้าม​กับ​นาง​ ฮู​หยิน​สาม​ก็ได้​พูด​ขึ้น​ด้วย​เสียงต่ำ​ว่า​ ​“​เหตุใด​ถึง​มา​เอา​ป่านนี้​ ​ท่าน​แม่​ไม่ได้​เป็น​อะไร​ใช่​หรือไม่​ ​ข้า​รู้สึก​เหมือนว่า​สีหน้า​ของ​นาง​ไม่​ค่อย​ดี​เท่าไร​นัก​!​”​ ​น้ำเสียง​แฝง​ไป​ด้วย​ความ​ประชดประชัน

สือ​อี​เหนียง​ตอบกลับ​ด้วย​ความคลุมเครือ​พร้อมกับ​รีบ​เปลี่ยน​เรื่อง​คุย​ ​ทั้งสอง​พูดคุย​เรื่อง​ปีใหม่​อยู่​พัก​หนึ่ง​ ​จากนั้น​สือ​อี​เหนียง​ก็​หา​ข้ออ้าง​ขอก​ลับ​เรือน​ของ​นาง​ไป​ ​แล้วจึง​ให้​ลี่ว​์​อวิ​๋น​ย้าย​โต๊ะ​ปัก​ผ้า​ไป​ที่​เตียง​เตา​ ​นาง​ค่อยๆ​ ​สงบสติอารมณ์​ของ​ตัวเอง​ลง​ ​จากนั้น​ก็​เริ่ม​ปัก​ลาย​ผ้า​ของ​ฉาก​บานพับ

ปัก​ไป​เพียง​ไม่​กี่​เข็ม​ ​ก็​มีสาว​ใช้​เข้ามา​เรียน​ว่า​ ​“​นาย​หญิง​เฉียน​สำนัก​ศึกษา​มา​เจ้าค่ะ​”

สือ​อี​เหนียง​อึ้ง​ไป​ชั่วขณะ

ไม่รู้​ว่า​เจตนา​จะ​หลีกเลี่ยง​หรือ​เพราะ​ตั้งครรภ์​ร่างกาย​จึง​ไม่​ค่อย​สะดวก​ ​ตั้งแต่​ตน​แต่งงาน​เข้า​จวน​สกุล​สวี​ ​อู่​เหนียง​ไม่เคย​มาหา​ตน​เลย​สักครั้ง​ ​และ​สือ​อี​เหนียง​เอง​ก็​คิด​ว่า​ ​‘​เหนือ​ตน​ยัง​มี​แม่​ย่า​ที่​ต้อง​เคารพ​ ​ล่าง​มายั​งมี​สามี​ที่​ต้อง​ปรนนิบัติ​’​ ​ออก​นอกบ้าน​ไม่​สะดวก​เท่าไร​นัก​ ​ก็​เลย​ไม่ได้​ไป​เยี่ยมเยียน​อู่​เหนียง

เมื่อ​นึกถึง​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ที่​จู่ๆ​ ​ก็​มาหา​ตั้งแต่​เช้าตรู่​…​หรือว่า​นาง​เอง​ก็ได้​ยิน​ข่าวลือ​เรื่อง​นี้​ด้วย​?

สือ​อี​เหนียง​ครุ่นคิด​ ​จากนั้น​ก็ได้​หันไป​สั่ง​กับ​สาวใช้​ว่า​ ​“​รีบ​เชิญ​ไป​ดื่ม​ชา​ที่​ห้อง​ปีก​ทิศตะวันออก​”

จากนั้น​สือ​อี​เหนียง​ก็ได้​จัดระเบียบ​เสื้อผ้า​หน้า​ผม​ที่​หน้า​กระจก​ ​แล้วก็​ตรง​ไป​ยัง​ห้อง​ปีก​ทิศตะวันออก​ทันที

อู่​เหนียง​สวม​ชุด​อ่าว​สีแดง​สด​ลาย​ดอก​โบตั๋น​บานสะพรั่ง​ ​ดู​สมบูรณ์​กว่า​ตอน​เจอ​หน้า​ครั้งก่อน​ ​แต่กลับ​ดู​งดงาม​มีเสน่ห์​เสีย​ยิ่งกว่า

“​พี่​หญิง​ห้า​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ย่อ​ตัว​ทำความเคารพ​นาง​ด้วย​สีหน้า​ที่​ยิ้มแย้ม

จื่อ​เวย​เข้าไป​ช่วย​ประคอง​แขน​ของ​อู่​เหนียง​ย่อ​ตัวเล็ก​น้อย​เพื่อ​ทำความเคารพ​ตอบ

สือ​อี​เหนียง​เดิน​เข้าไป​ช่วย​ประคอง​นาง​ไป​นั่ง​ที่​เตียง​เตา​ใหญ่​ริม​หน้าต่าง​ ​จากนั้น​ก็​มีสาว​ใช้​ยก​ชา​ขึ้น​มา​ให้​ ​สือ​อี​เหนียง​รับ​ถ้วยชามา​ให้​นาง​ด้วยตัวเอง​ ​แล้วจึง​ค่อย​นั่งลง​ฝั่ง​ตรงข้าม

“​พี่​หญิง​วันนี้​ทำไม​ถึง​มี​เวลา​มา​เยี่ยม​ข้า​ได้​ ​พี่เขย​เล่า​ ​ไม่​มาด​้ว​ยกัน​หรือ​”

“​ข้า​อยาก​มา​”​ ​อู่​เหนียง​ก็ได้​ชี้​ไป​ยัง​ท้องที่​กลม​และ​นูน​ของ​ตัวเอง​ ​“​แต่​เจ้า​นี่​ไม่ยอม​น่ะ​สิ​”​ ​แล้วก็​ได้​พูด​ต่อไป​ว่า​ ​“​จะ​ปีใหม่​แล้ว​ ​ทาง​ฝั่ง​ซุ่น​อ๋อง​ ​รอง​เจ้ากรม​ตู้​แห่ง​กรมโยธาธิการ​ ​ผู้อาวุโส​ของ​สำนัก​ศึกษา​ ​ล้วนแล้วแต่​ต้อง​เคลื่อนไหว​ขยับขยาย​ทั้งสิ้น​ ​พี่เขย​ของ​เจ้า​ยุ่ง​จน​เท้า​ไม่​แตะ​พื้นเสีย​ด้วยซ้ำ​”​ ​น้ำเสียง​เคล้า​ไป​ด้วย​ความ​ลำพองใจ

สือ​อี​เหนียง​พูด​ต่อ​จาก​นาง​ด้วย​รอยยิ้ม​ว่า​ ​“​สอง​สาม​วัน​มานี​้​ ​ถึงแม้ว่า​หิมะ​จะ​ไม่​ตก​ ​แต่​ลม​เหนือ​พัด​ค่อนข้าง​แรง​ ​พี่​หญิง​จะ​ต้อง​กำชับ​พี่เขย​ให้​ระวัง​สุขภาพ​ร่างกาย​ด้วย​”

“​แน่นอน​อยู่​แล้ว​”​ ​สีหน้า​ท่าที​ของ​อู่​เหนียง​เต็มไปด้วย​ความภาคภูมิใจ​ ​“​พี่เขย​ของ​เจ้า​มีนิ​สัย​เหมือน​เด็ก​ ​ไม่ว่า​จะ​สวมใส่​เสื้อผ้า​อะไร​ ​ทาน​อะไร​ ​ก็​ต้อง​ให้​ข้า​ดูแล​จัดการ​ทั้งหมด​ ​บางที​ข้า​ก็​อยาก​จะ​แอบ​อู้งาน​บ้าง​ ​ให้​จื่อย​่​วน​ปรนนิบัติ​แทน​สักประเดี๋ยว​ ​แต่​เขา​ก็​ไม่ยอม​…​”​ ​หว่าง​คิ้ว​ของ​นาง​ปรากฏ​สีหน้า​เขินอาย​ ​บอกเล่า​ถึง​ชีวิต​หลัง​แต่งงาน​ที่​มีความสุข​ของ​นาง

สือ​อี​เหนียง​ยัง​เป็น​ดังเช่น​เมื่อก่อน​ ​รับฟัง​เงียบๆ​ ​อย่างตั้งใจ​ ​เผย​ให้​เห็น​รอยยิ้ม​บาง​ๆ​ ​คอย​พูดแทรก​บ้าง​เป็น​บางครั้งบางคราว​เพื่อให้​นาง​สนุก​กับ​การ​เล่า​มากยิ่งขึ้น

ไม่นาน​ ​ก็​วกกลับ​มา​พูดถึง​เรื่อง​เด็ก

อู่​เหนียง​ส่งสายตา​ให้​กับ​สือ​อี​เหนียง​ ​บอกเป็นนัย​ว่า​ให้​บ่าว​รับใช้​ที่​คอย​ปรนนิบัติ​ถอย​ออก​ไป​ก่อน

สือ​อี​เหนียง​เห็น​แล้วก็​เข้าใจ​ได้​ในทันที​ ​อู่​เหนียง​คงจะ​ได้ยิน​ข่าวลือ​ที่​ซุบซิบ​กัน​อย่างแน่นอน

เพียงแต่ว่า​ไม่รู้​ว่านา​งมา​ด้วย​ตัว​ของ​นาง​เอง​ ​หรือว่า​เฉียน​หมิง​เป็น​คน​ให้​นาง​มา

สือ​อี​เหนียง​ครุ่นคิด​ ​จากนั้น​ก็ได้​ให้​คนที​่​ปรนนิบัติ​รับใช้​ถอย​ออก​ไป​จน​หมด

“​น้อง​หญิง​สิบเอ็ด​”​ ​อู่​เหนียง​จ้องมอง​สือ​อี​เหนียง​ด้วย​แววตา​ที่​เต็มไปด้วย​ความเห็นใจ​ ​“​เจ้า​รู้เรื่อง​ที่​ท่าน​โหว​เลี้ยง​อนุ​อีก​คน​อยู่​ข้างนอก​หรือไม่​ ​ยัง​ได้​ให้กำเนิด​บุตรชาย​อีกด้วย​…​”

ถึงแม้ว่า​จะ​แตกต่าง​จาก​ต้นฉบับ​ ​แต่​เนื้อหา​ไม่ได้​แตกต่าง​กัน​เท่าไร​นัก

สือ​อี​เหนียง​และ​อู่​เหนียง​ไม่ได้​คิด​ไป​ใน​ทิศทาง​เดียวกัน​ ​จึง​ไม่​อยาก​ที่จะ​พูดมาก​จน​เกินไป​ ​พูด​เพียง​ว่า​ ​“​เมื่อเช้า​พี่ใหญ่​เอง​ก็ได้​มาที​่​นี่​ ​เขา​บอก​ข้า​หมด​แล้ว​”

อู่​เหนียง​ค่อนข้าง​ตกตะลึง​เป็นอย่างมาก

เมื่อวาน​นี้​ ​เฉียน​หมิง​ได้ยิน​ข่าวคราว​แล้วก็​รีบ​มาป​รึก​ษา​หารือ​กับ​นาง​ ​“​…​ ​น้อง​หญิง​สิบเอ็ด​อยู่​แต่​ใน​เรือน​ ​เกรง​ว่า​คงจะ​ไม่รู้​เรื่อง​นี้​ ​พรุ่งนี้​เจ้า​ไป​ที่​จวน​หย่ง​ผิง​โหว​แต่เช้า​ ​แจ้ง​เรื่อง​นี้​กับ​นาง​”

ยัง​จำได้​ตอนที่​เพิ่งจะ​ได้ยิน​ข่าวลือ​ ​นาง​รู้สึก​ร้อนใจ​เป็นอย่างมาก​ ​“​ทำไม​ถึง​เกิดเรื่อง​เช่นนี้​ขึ้น​ได้​ ​รีบ​ไป​บอก​เรื่อง​นี้​ให้​พี่ใหญ่​และ​ท่าน​พ่อ​ก่อน​ ​พวกเขา​จะ​ได้คิด​วางแผน​และ​เตรียมรับมือ​ได้​เร็ว​ขึ้น​”

“​เจ้า​นะ​เจ้า​!​”​ ​เฉียน​หมิง​ได้ยิน​แล้วก็​หัวเราะ​ขึ้น​มา​ ​“​ทำไม​ถึง​ได้​ทำตัว​เหมือน​เด็ก​เช่นนี้​ ​ทำ​อะไร​ไม่รู้​จักระ​วังหน้า​ระวัง​หลัง​”

นาง​ได้ยิน​แล้วก็​รู้สึก​งงงวย​ไป​หมด

เฉียน​หมิง​จึง​ได้​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​เจ้า​ลอง​คิดดู​ ​เกิดเรื่อง​เช่นนี้​กับ​จวน​สกุล​สวี​ ​คน​ทั่วไป​จะ​กล้า​เอ่ยปาก​พูด​ได้​อย่างไร​ ​แต่​เจ้า​ไม่​เหมือนกัน​ ​นาง​เป็น​น้องสาว​ร่วม​สายเลือด​ที่​เติบโต​มา​พร้อมกับ​เจ้า​ ​ตอนที่​เรา​เปิดร้าน​ผลไม้​ตากแห้ง​ ​ท่าน​โหว​ช่วย​ออก​ทั้ง​เงิน​ออก​ทั้ง​แรง​ ​ถึงแม้​จะ​เป็นการ​ยื่น​หมู​มา​ไก่​ไป​ ​เรา​ก็​ควรจะ​ไปดู​เสียหน่อย​ถึง​จะ​ถูก​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​ ​เรา​เอง​ก็​กำลัง​เตรียม​ที่จะ​ร่วม​ทำ​ธุรกิจ​การค้า​กับ​จวน​สกุล​เหวิน​ ​เรื่อง​ที่จะ​ต้อง​ขอ​รบกวน​น้อง​หญิง​สิบเอ็ด​ยัง​มี​อีก​มาก​ ​เจ้า​ฉวยโอกาส​นี้​ไป​ทำความ​สนิทสนม​กับ​นาง​ให้​มากยิ่งขึ้น​ ​มี​แต่​ผลดี​ไม่มีผล​ร้าย​”

เมื่อ​ได้ยิน​แล้วก็​อด​ที่​ไม่ได้​ที่จะ​รู้สึก​หวั่นไหว

เฉียน​หมิง​รู้จัก​กับ​คุณชาย​สาม​จวน​สกุล​เหวิน​ผ่าน​งานเลี้ยง​สุรา​งาน​หนึ่ง​ ​คุณชาย​สาม​สกุล​เหวิน​ได้ยิน​มา​ว่า​เฉียน​หมิง​แต่งงาน​กับ​คุณหนู​ห้า​สกุล​หลัว​ ​จึง​ค่อนข้าง​ให้​ความ​สนิทสนม​ ​ต่อมา​ก็ได้​ยิน​ว่าการ​เงิน​ของ​เฉียน​หมิง​ไม่​ค่อย​ดี​เท่าไร​นัก​ ​จึง​ได้​นำ​ใบ​แสดง​หนี้​เสบียงอาหาร​ของ​จวน​เซ​วี​ยนถง​ราว​ห้า​พัน​หาบ​ออกมา​ ​“​ข้า​เก็บ​ตั๋วเงิน​เกลือ​แค่​สอง​พัน​แปด​ร้อย​หาบ​ส่วนที่เหลือ​เป็น​ของ​เจ้า​”​ ​เฉียน​หมิง​แปลกใจ​เป็นอย่างมาก​ ​คุณชาย​สาม​สกุล​เหวิ​นพูด​ขึ้น​ว่า​ ​”​เจ้า​กลับ​ไป​ลอง​คำนวณ​รวมยอด​ดี​ๆ​”​ ​ต่อมา​ ​เฉียน​หมิง​ก็ได้​ไป​สืบสาว​ราว​ความ​มา​ว่า​ต้อง​ใช้​เสบียงอาหาร​ราว​ห้า​พัน​หาบ​แลก​กับ​หนังสือ​อนุญาต​จำหน่าย​เกลือ​ ​นอก​เสีย​จาก​ว่า​ใช้​วิธี​อาศัย​ความกตัญญู​ต่างๆ​ ​นานา​ ​แต่​หา​ได้มา​กสุด​เพียง​สาม​พัน​หาบ​เท่านั้น​ ​แต่​ถ้าหากว่า​ได้​ผู้บัญชาการ​กองทัพ​ทหาร​ของ​เซ​วี​ยนถง​ช่วย​ออกหน้า​ให้​ ​สูญเสีย​มาก​สุด​ก็​ราว​ห้า​ร้อย​หาบ​เท่านั้น​ ​ส่วนที่เหลือ​ก็​เป็น​กำไร​ของ​ตัวเอง​ล้วน​ๆ

ครั้ง​ที่แล้ว​เปิดร้าน​ผลไม้​ตากแห้ง​ ​ทำเอา​นาง​ขาดทุน​จน​ย่อยยับ

หาก​ไม่ใช่​เพราะ​ปิดกิจการ​เร็ว​ ​และ​รีบ​ขายต่อ​ร้านค้า​ออก​ไป​ทันที​ ​รอ​จน​ครบกำหนด​ค่าเช่า​ร้านค้า​ใน​ปีหน้า​ ​เกรง​ว่า​ห้า​ร้อย​ตำลึง​เงิน​คงจะ​ขาดทุน​จน​หมดเกลี้ยง​กระมัง

ธุรกิจ​การค้า​ที่​ไม่ต้อง​ทำการ​ลงทุน​เพียงแค่​รอ​รับ​ผลกำไร​เหมาะกับ​พวกเขา​ที่สุด

เพียงแต่ว่า​ ​หาก​อยาก​จะ​ให้การ​ค้าขาย​ครั้งนี้​สำเร็จ​ลุล่วง​ ​ก็​จำเป็น​จะ​ต้อง​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​ที่​สนิท​กับ​ทาง​ผู้บัญชาการ​กองทัพ​ทหาร​ฟั่น​เหวย​กัง​จวน​เซ​วี​ยนถง​ช่วย​ออกหน้า​ ​แต่กลับ​หา​โอกาส​ที่​เหมาะสม​เพื่อ​จะ​พูด​เรื่อง​นี้​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไม่ได้​เลย​ ​เรื่อง​นี้​จึง​ล่าช้า​จนถึง​ตอนนี้

ยาม​นี้​จวน​สกุล​สวี​เกิดเรื่อง​เช่นนี้​ขึ้น​ ​หากว่า​สือ​อี​เหนียง​รู้เรื่อง​นี้​เข้า​ ​คงจะ​สับสน​มึนงง​ใจ​ทำตัว​ไม่​ถูก​เป็นแน่​ ​ถึง​เวลา​นั้น​หาก​นาง​ช่วย​สือ​อี​เหนียง​ชี้แนะ​ออก​ความคิดเห็น​ ​สือ​อี​เหนียง​คงจะ​รู้สึก​ซาบซึ้ง​และ​ตื้นตันใจ​ใน​ตัวนาง​ ​จากนั้น​ก็​ค่อย​มา​พูด​เรื่อง​ทุกข์ร้อน​ของ​นาง​เอง​…

แต่​เมื่อ​นึกถึง​บิดา​และ​พี่ใหญ่​ของ​นาง​ ​นาง​ก็​รู้สึก​เป็นกังวล​ใจ​ขึ้น​มา

หาก​ไม่​บอก​เรื่อง​นี้​กับ​ท่าน​พ่อ​และ​พี่ใหญ่​ ​นาง​ก็​จะ​รู้สึก​กระวนกระวายใจ​ไม่​หาย

ดูเหมือน​จะ​รู้​ว่านาง​เป็นกังวล​ใจ​อย่างไร​อย่างนั้น​ ​เฉียน​หมิง​บีบ​จมูก​ที่​งดงาม​ของ​นาง​เบา​ๆ​ ​จากนั้น​ก็​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​เด็ก​โง่​!​ ​ทาง​พ่อตา​กับ​พี่ใหญ่​ก็​ยัง​มี​ข้า​ไง​ ​รอ​เจ้า​กลับ​จาก​เหอฮ​วาห​ลี่​แล้ว​เรา​ค่อย​ไป​ที่​ตรอก​กง​เสียน​ก็​ยัง​ไม่​สาย​!​”

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท