ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 208 เทศกาล(ต้น)

ตอนที่ 208 เทศกาล(ต้น)

สวี​ลิ่ง​อี๋​และ​สือ​อี​เหนียง​กลับมา​ถึง​เหอฮ​วาห​ลี่​เมื่อยา​มโหย​่ว​ ​รีบ​ไป​เปลี่ยนเสื้อ​ผ้า​ ​ล้างหน้าล้างตา​แล้วไป​ที่​เรือน​ของ​ไท่ฮู​หยิน​

ใน​ลาน​เงียบสงัด​ ​ได้ยิน​เสียงหัวเราะ​ของ​สวี​ซื่อ​เจี่ยน​และ​จุน​เกอ​มาจาก​ไกลๆ​ ​เข้าไป​ใน​เรือน​ก็​ยิ่ง​คึกคัก​มากกว่า​เดิม

สวี​ซื่อ​เจี่ย​นกำ​ลัง​แข่ง​เตะ​ลูกขนไก่​กับ​จุน​เกอ​ใน​ห้องโถง​ ​สวี​ซื่อ​ฉิน​เป็น​คน​ช่วย​จุน​เกอ​นับ​แต้ม​ ​ส่วน​สวี​ซื่อ​อวี​้​นั้น​ช่วย​สวี​ซื่อ​เจี่ย​นนับ​แต้ม

คุณชาย​สาม​นั่ง​หัวเราะ​พลาง​มองดู​พวกเขา​อยู่​บน​เก้าอี้​ทาง​ทิศตะวันตก​ ​แล้วยัง​คอย​บอก​ให้​ระวัง​ ​อย่า​เตะ​สูง​จน​เกินไป​ ​สนุกสนาน​ไป​กับ​พวกเขา​ ​ส่วนฮู​หยิน​สาม​นั่ง​ข้างล่าง​สามี​ของ​ตัวเอง​ ​ถึงแม้ว่า​นาง​จะ​ยิ้ม​แล้ว​มองดู​สวี​ซื่อ​เจี่ยน​และ​จุน​เกอ​ ​แต่​สายตา​ของ​นาง​กลับ​เหม่อลอย​ ​ราวกับ​จิตใจ​ไม่อยู่​กับ​เนื้อ​กับ​ตัว​

คุณชาย​ห้า​ ​สวี​ลิ่ง​ควน​สวม​ชุด​ลาย​ดอก​สีฟ้า​ ​นั่ง​อยู่​บน​เก้าอี้​ทาง​ทิศตะวันออก​ ​เขา​เม้มปาก​แน่น​ ​สีหน้า​เคร่งขรึม​ ​เมื่อ​เทียบ​กับ​วัน​ปกติ​แล้ว​ ​เขา​ดู​สง่างาม​และ​สงบนิ่ง​มากกว่า​ ​แต่ฮู​หยิน​ห้า​ที่นั่ง​อยู่​ข้างล่าง​เขา​กลับ​ตรงกันข้าม​โดยสิ้นเชิง​ ​นาง​หัวเราะ​พลาง​มอง​ไป​ที่​สวี​ซื่อ​เจี่ยน​และ​จุน​เกอ​ ​อีกทั้ง​ยัง​หันไป​พูดคุย​กับ​สามี​ของ​ตัวเอง​เป็นครั้งคราว​ ​ท่าทาง​ดูร​่า​เริง​มีชีวิตชีวา

เมื่อ​เห็น​สวี​ลิ่ง​อี๋​และ​สือ​อี​เหนียง​เดิน​เข้ามา​ ​เขา​ก็​รีบ​ลุกขึ้น​ยืน​อย่างรวดเร็ว​ ​ทำเอาฮู​หยิน​ห้า​ที่​หันหน้า​ไป​คุย​กับ​เขา​ถึงกับ​ตกใจ​

“​ท่าน​เป็น​อะไร​ไป​”​ ​นาง​ถาม​พร้อมกับ​มองออก​ไป​ทาง​ประตู

ทุกคน​ก็​มอง​ไป​ทาง​ประตู

เสียง​คึกคัก​ใน​ห้อง​พลัน​เงียบ​ลง​ทันที

สวี​ซื่อ​ฉิน​และ​สวี​ซื่อ​อวี​้​หยุด​นับ​เลข​พร้อมกัน​อย่าง​ไม่ได้​นัดหมาย​ ​สวี​ซื่อ​เจี่ยน​และ​จุน​เกอ​ก็​ยืน​นิ่ง​อยู่​ตรงนั้น

“​ที่แท้​ก็​ท่าน​โหว​และ​พี่สะใภ้​มา​แล้ว​นี่เอง​!​”​ ฮู​หยิน​ห้า​พยุง​ท้อง​โต​ยืน​ขึ้น​ ​นาง​ยิ้ม​ทักทาย​สวี​ลิ่ง​อี๋​และ​สือ​อี​เหนียง​ ​น้ำเสียง​ที่​สดใส​ของ​นาง​ทำลาย​ความ​เงียบ​ใน​ห้อง​ไป

“​พี่​สี่​!​ ​พี่สะใภ้​สี่​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​ควน​พึมพำ​ ​เขามอง​ไป​ที่​สวี​ลิ่ง​อี๋​ด้วย​สายตา​ที่​แน่วแน่

แต่​สวี​ลิ่ง​อี๋​กลับ​ไม่​มองหน้า​เขา​แม้แต่น้อย​ ​เขา​ประสานมือ​คารวะ​คุณชาย​สาม​ ​“​พี่​สาม​”

“​กลับมา​แล้ว​หรือ​!​”​ ​คุณชาย​สาม​ยิ้ม​แล้ว​ลุกขึ้น​ประสานมือ​ตอบ​ ​ถือว่า​คำนับ​กลับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​“​ทุกคน​กำลัง​รอ​พวก​เจ้า​ทานข้าว​อยู่​”

“​ใช่​เจ้าค่ะ​ ​ใช่​เจ้าค่ะ​!​”​ ฮู​หยิน​สาม​รีบ​ยิ้ม​แล้ว​พูดตาม​สามี​ ​“​ทุกคน​กำลัง​รอท่าน​โหว​มาทา​นข​้าว​เจ้าค่ะ​!​”​ ​นาง​มีชีวิตชีวา​มากขึ้น​ ​มอง​ไป​ที่​สือ​อี​เหนียง​ด้วย​สายตา​ที่​เฉียบแหลม​ ​เหมือน​อยากรู้อยากเห็น​และ​จับผิด​อะไร​บางอย่าง​ ​ราวกับว่า​สือ​อี​เหนียง​กลายเป็น​คนที​่​ไม่​เหมือน​คนอื่น​

ดูเหมือนว่า​ ฮู​หยิน​สาม​จะ​ได้ยิน​ข่าวลือ​เรื่อง​เด็ก​คน​นั้นแล​้ว​ ​แต่​ไม่รู้​ว่าฮู​หยิน​ห้า​ได้ยิน​แล้ว​หรือยัง​…

สือ​อี​เหนียง​ครุ่นคิด​แล้ว​คำนับ​กลับฮู​หยิน​สาม​ ​แต่​สายตา​กลับ​เหลือบมอง​ไป​ที่ฮู​หยิน​ห้า​

นาง​กำลัง​ยิ้ม​มุม​ปาก​ ​มอง​มาที​่​ตัวเอง​ด้วย​สายตา​ที่​เหมือน​จะ​ยิ้ม​แต่​ก็​ไม่​ยิ้ม

นาง​น่าจะ​ได้ยิน​เรื่อง​นี้​แล้ว​…

ความคิด​นี้​วาบ​ขึ้น​มา​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็​หันไป​สบตา​นาง​พอดี​

ฮู​หยิน​ห้า​ยิ้ม​มุม​ปาก​ ​จากนั้น​รอยยิ้ม​ก็​สดใส​ขึ้น​มา​ ​“​พี่สะใภ้​สี่​!​”

นาง​เรียก​สือ​อี​เหนียง​อย่างสนิทสนม

ดูเหมือนว่า​รอยยิ้ม​ที่​บอกว่า​เรื่อง​นี้​ไม่เกี่ยว​ข้อง​กับ​ตัวเอง​หาย​ไปรา​วกั​บน​้ำ​ไหล

สม​แล้ว​ที่​ฮ่องเต้​คน​ก่อน​แต่งตั้ง​ให้​เป็น​เซี​่​ยน​จู่​…​ดูท่า​ที​ของ​นาง​ ​ช่าง​มี​ความ​เป็น​สกุล​ใหญ่​สกุล​โตระ​ดับ​ต้นๆ

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​พยักหน้า​ให้​นาง​ ​สวี​ซื่อ​ฉิน​ ​สวี​ซื่อ​วี​้​ ​สวี​ซื่อ​เจี่ยน​และ​จุน​เกอ​พากัน​เดิน​เข้ามา​คำนับ​พวกเขา

นาง​ดึง​สติก​ลับ​มา​แล้ว​ทักทาย​พวก​เด็ก​ๆ​ ​อย่าง​เป็นกันเอง

สือ​อี​เหนียง​พยักหน้า​เบา​ๆ​ ​แล้ว​มอง​เข้าไป​ห้อง​ข้างใน​ ​“​ท่าน​แม่​เล่า​”

ใช่​แล้ว​!​ ​ทุกคน​ล้วน​อยู่​พร้อมหน้าพร้อมตา​กันที่​นี่​ ​แต่กลับ​ไม่เห็น​ไท่ฮู​หยิน

สือ​อี​เหนียง​ก็​มอง​เข้าไป​ใน​ห้อง​ข้างใน

ปากขอ​งคุณ​ชาย​สาม​กระตุก​ ​เขา​กำลังจะ​ตอบ​ ​แต่ฮู​หยิน​สาม​ชิง​พูด​ก่อน​ว่า​ ​“​ท่าน​แม่​อยู่​ที่​ห้อง​พระ​ ​บอกว่า​รอท่าน​โหวก​ลับ​มา​แล้ว​ค่อย​ทานข้าว​พร้อมกัน​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ได้ยิน​เช่นนี้​ก็​ตกใจ​ ​เขา​เหลือบมอง​ไป​ที่​สือ​อี​เหนียง​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ข้า​จะ​ไป​เชิญ​ท่าน​แม่​มาทา​นข​้าว​”​

ไป​ตรอก​กง​เสียน​ก่อน​ ​จากนั้น​ก็​ไป​ตรอก​หง​เติง​ ​เหตุการณ์​เป็น​เช่นไร​ ​ญาติ​ๆ​ ​ว่า​เช่นไร​ ​คิดดู​แล้ว​ ​เขา​คง​ต้อง​ปรึกษา​กับ​ไท่ฮู​หยิน

สือ​อี​เหนียง​พยักหน้า​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​เบา​ๆ​ ​บอกว่า​ตัวเอง​รู้​แล้ว​ ​จากนั้น​ก็​ยิ้ม​แล้ว​พูด​กับฮู​หยิน​สาม​และฮู​หยิน​ห้าว​่า​ ​“​โทษ​ข้า​ที่มา​สาย​ ​บอก​ให้​สาวใช้​ยก​อาหาร​เข้ามา​เถิด​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ไป​ที่​ห้อง​พระ​ด้วย​ความ​โล่งใจ​

ฮู​หยิน​สาม​มองดู​แผ่น​หลัง​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​แล้ว​ยิ้ม​ ​จากนั้น​ก็​มอง​มาที​่​สือ​อี​เหนียง​ ​“​ปีใหม่​เช่นนี้​ ​พวก​เจ้า​ไป​ไหน​กัน​มา​”​ ​นาง​ไม่ได้​บอก​ให้​สาวใช้​ยก​อาหาร​เข้ามา​ทันที

สือ​อี​เหนียง​เหลือบมอง​สวี​ลิ่ง​ควน​และฮู​หยิน​ห้า

สีหน้า​ของ​สวี​ลิ่ง​ควน​ตึงเครียด​ ​แต่​สายตา​ของฮู​หยิน​ห้า​กลับเป็น​ประกาย​ ​นาง​เอียงหู​ออกมา​เตรียม​ฟัง

นาง​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ไป​ตรอก​กง​เสียน​กับ​ท่าน​โหว​เจ้าค่ะ​”​ ​ไม่ได้​อธิบาย​มาก​ไป​กว่านี​้

ฮู​หยิน​สาม​ทำ​สายตา​ผิดหวัง​ ​แต่ฮู​หยิน​ห้า​กลับ​ยิ้ม​อย่าว​แผ่วเบา​ ​ราวกับว่า​ ​เจ้า​ไม่​พูด​ข้า​ก็​เข้าใจ

แต่​คุณชาย​สาม​ที่​เห็น​เช่นนี้​กลับ​ขมวดคิ้ว​มุ่น​ ​เขา​พูด​กับ​ภรรยา​ของ​ตัวเอง​ ​“​รีบ​ไป​จัด​อาหาร​เถิด​ ​เด็ก​ๆ​ ​หิว​กัน​แล้ว​”

ฮู​หยิน​สาม​ได้ยิน​เช่นนี้​ก็​โมโห​สามี​ตัวเอง​ ​นาง​จิก​ตา​ใส่​เขา​ ​จากนั้น​ก็​เรียก​สาวใช้​จัด​อาหาร​อย่าง​ไม่พอใจ​

คุณชาย​สาม​ทำท่า​ทีม​อง​ไม่เห็น​ ​ยิ้ม​แล้ว​พูด​กับ​สือ​อี​เหนียง​ว่า​ ​“​อากาศ​หนาว​ๆ​ ​เช่นนี้​ ​น้อง​สะใภ้​สี่​รีบ​ไป​นั่ง​ที่​ห้อง​ปีก​ทาง​ทิศตะวันออก​ให้​ร่างกาย​อบอุ่น​เถิด​”​ ​สีหน้า​ดู​เป็นห่วง

สือ​อี​เหนียง​รู้สึก​ซาบซึ้ง​ ​นาง​ยิ้ม​แล้ว​เอ่ย​ขอบคุณ​คุณชาย​สาม​ ​คิด​ว่า​สวี​ลิ่ง​อี๋​และ​ไท่ฮู​หยิน​คงจะ​ยัง​ไม่​กลับมา​ตอนนี้​ ​นาง​จึง​ขอ​ความคิดเห็น​จาก​คุณชาย​สาม​ ​“​…​เช่นนั้น​ ​ทุกคน​ก็​ไป​นั่ง​รอด​้ว​ยกั​นที​่​ห้อง​ปีก​ทาง​ทิศตะวันออก​กก​่อน​ ​ดี​หรือไม่​เจ้า​คะ​”

คุณชาย​สาม​ครุ่นคิด​แล้ว​พูดว่า​ ​“​พวกเรา​รอ​อยู่​ที่นี่​ดีกว่า​”​ ​พูด​จบ​ก็​กลับ​ไป​นั่ง​ที่​เดิม​

คนอื่น​เห็น​เช่นนี้​ก็​พากั​นนั​่ง​ลง

คุณชาย​สาม​ยิ้ม​อย่าง​เป็นมิตร​ ​คุณชาย​ห้า​นั่ง​อย่าง​เคร่งขรึม​ ฮู​หยิน​ห้า​ยิ้มแย้ม​สดใส​ ​สีหน้า​สบาย​อก​สบายใจ​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็​ยิ้ม​ ​ก้มหน้า​ลง​ไม่พูดไม่จา​ ​สวี​ซื่อ​อวี​้​นั่ง​ตัวตรง​ ​ราวกับ​กำลัง​คิด​อะไร​บางอย่าง​ ​มี​แค่​สวี​ซื่อ​เจี่ยน​และ​จุน​เกอ​ที่​เอา​หัว​ชนกัน​ ​พูด​กระซิบ​อะไร​กัน​ก็​ไม่รู้​ ​ทำให้​สวี​ซื่อ​ฉิน​หันไป​มอง​พวกเขา​เป็นครั้งคราว​ ​บอก​ให้​พวกเขา​เงียบๆ​ ​หน่อย​ ​แต่​น่าเสียดาย​ที่​สวี​ซื่อ​เจี่ยน​เอาแต่​พูด​กับ​จุน​เกอ​ ​เขา​ไม่ได้​สังเกตเห็น​สายตา​ของ​สวี​ซื่อ​ฉิน​ ​ยิ่ง​พูด​ยิ่ง​เสียงดัง​ ​จากนั้น​ก็​หัวเราะ​คิกคัก

“​ซื่อ​เจี่ยน​!​”​ ​คุณชาย​สาม​ทน​ดูไม่ได้​แล้ว​ ​เขา​เรียก​บุตรชาย​ของ​ตัวเอง​ ​ถึงแม้ว่า​จะ​ดูเหมือน​ตำหนิ​ ​แต่​น้ำเสียง​กลับ​อ่อนโยน

สวี​ซื่อ​เจี่ยน​ได้ยิน​เช่นนี้​ก็​รีบ​นั่ง​ตัวตรง​

“​เด็ก​ๆ​ ​นั่ง​นิ่ง​ๆ​ ​ได้ที่​ไหน​กัน​เจ้า​คะ​”​ ฮู​หยิน​ห้า​เห็น​เช่นนี้​ก็​ยิ้ม​ ​“​ล้วนแต่​เป็น​คนใน​ครอบครัว​กัน​ทั้งนั้น​ ​คุณชาย​สาม​ไม่ต้อง​พิธีรีตอง​มาก​นัก​หรอก​เจ้าค่ะ​”​

คุณชาย​สาม​ได้ยิน​เช่นนี้​ก็​หัวเราะ​ ​“​ไม่​สอน​ตั้งแต่​ตอน​เด็ก​ ​โต​ขึ้น​แล้ว​กลายเป็นนิสัย​มัน​จะ​สั่งสอน​ไม่ได้​”

เขา​กำลัง​พูด​ ฮู​หยิน​สาม​ก็​เดิน​เข้ามา​ ​ได้ยิน​แค่​ครึ่ง​เดียว​นาง​ก็​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​สั่งสอน​ใคร​ไม่ได้​เจ้า​คะ​”

คุณชาย​สาม​กำลังจะ​พูด​ ฮู​หยิน​ห้า​ก็​ชิง​พูด​ก่อน​ว่า​ ​“​คุณชาย​สาม​บอกว่า​เจี่ยน​เกอ​โต​แล้ว​ ​สั่งสอน​เขา​ไม่ได้​แล้ว​”

นาง​หันไป​มอง​ ​ทำให้​ผู้คน​รู้สึก​ว่านาง​พูดเป็นนัย

ฮู​หยิน​สาม​ได้ยิน​เช่นนี้​ก็​สีหน้า​มืดมน​ลง​ ​กำลังจะ​พูด​อะไร​บางอย่าง​ ​แต่กลับ​เห็น​สวี​ลิ่ง​อี๋​และ​ไท่ฮู​หยิน​เดิน​เข้ามา​พอดี​

นาง​ฝืน​กัดฟัน​เอาไว้​ ​ยิ้ม​แล้ว​เดิน​เข้าไป​ต้อนรับ​ ​“​ท่าน​แม่​ ​ท่าน​มา​แล้ว​”

ทุกคน​ยืน​ขึ้น​ทักทาย​ไท่ฮู​หยิน

ไท่ฮู​หยิน​พยักหน้า​ ​แล้ว​พูด​กับฮู​หยิน​สาม​อย่าง​นิ่งเฉย​ ​“​ทานข้าว​กัน​เถิด​”​ ​จากนั้น​ก็​เดิน​ไป​ที่​ห้อง​ปีก​ทาง​ทิศตะวันออก

ฮู​หยิน​สาม​ย่อเข่า​คำนับ​แล้ว​ตอบรับ​ ​“​เจ้าค่ะ​”​ ​เรียก​สาวใช้​จัด​อาหาร​ ​คนอื่นๆ​ ​ก็​เดิน​ไป​นั่ง​ใน​ห้อง​ปีก​ทาง​ทิศตะวันออก​กับ​ไท่ฮู​หยิน​

สวี​ลิ่ง​อี๋​ส่งสายตา​ว่า​ทุกอย่าง​เป็นไป​ด้วยดี​ให้​สือ​อี​เหนียง​

*****

หลัง​ทานข้าว​เสร็จ​ ​ทุกคน​ก็​ล้อมรอบ​ไท่ฮู​หยิน​ไป​ที่​ห้อง​ทาง​ทิศตะวันตก

ครั้งนี้​ ​ไท่ฮู​หยิน​นั่ง​บน​เตียง​เตา​ข้างหน้า​ต่าง​ ​แต่​สวี​ลิ่ง​อี๋​กลับ​ยืน​อยู่​ทางซ้าย​มือ​ของ​ไท่ฮู​หยิน

คุณชาย​สาม​และฮู​หยิน​สาม​ขยิบตา​ให้​กัน​ ​จากนั้น​พวกเขา​สอง​คน​ก็​ไป​ยืน​อยู่​ทางขวามือ​ของ​ไท่ฮู​หยิน​เงียบๆ

ฮู​หยิน​ห้า​เห็น​เช่นนี้​ก็​ยิ้ม​อย่าง​แผ่วเบา​ ​ดึง​เสื้อ​ของ​สวี​ลิ่ง​ควน​ ​จากนั้น​ก็​ไป​ยืน​อยู่​กับ​สือ​อี​เหนียง​ที่​ยืน​อยู่​ด้านหลัง​สวี​ลิ่ง​อี๋

สวี​ลิ่ง​ควน​ลังเล​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​จากนั้น​ก็​ไป​ยืน​ข้าง​สวี​ลิ่ง​อี๋

พวก​เด็ก​ๆ​ ​หันมา​มองหน้า​กัน

สวี​ซื่อ​ฉิน​และ​สวี​ซื่อ​เจี่ยน​ยืน​ข้าง​ท่าน​แม่​ของ​ตัวเอง​ ​ส่วน​สวี​ซื่อ​อวี​้​ลาก​จุน​เกอ​ไป​ยืน​อยู่​ข้าง​สวี​ลิ่ง​ควน

สาวใช้​ที่​ยก​ชา​เข้ามา​ล้วนแต่​ตัวสั่น​ ​วาง​ชาลง​เบา​ๆ​ ​แล้ว​รีบ​ออก​ไป

ไท่ฮู​หยิน​หยิบ​ถ้วย​ชา​ขึ้น​มา​จิบ​อย่างระมัดระวัง

ใน​ห้อง​เงียบสงัด​จนได้​ยิน​แม้แต่​เสียง​เข็ม​ตก

ผ่าน​ไป​ครู่หนึ่ง​ ​นาง​วาง​ถ้วย​ชาลง​ ​กวาดตา​มองดู​บุตรชาย​ ​ลูกสะใภ้​และ​หลาน​ๆ​ ​ของ​ตัวเอง​จากนั้น​ก็​พูด​ช้าๆ​ ​“​สอง​สาม​วันก่อน​ ​ท่าน​โหว​ฝัน​ถึงถ​งอี​๋​เหนียง​ ​นาง​บอกว่า​ตัวเอง​โดดเดี่ยวเดียวดาย​ ​ไม่มี​แม้แต่​คน​จุด​ธูป​ให้​ ​กลับชาติมาเกิด​ไม่ได้​ ​ช่าง​น่าสงสาร​เสีย​จริง​ ​ขอให้​ท่าน​โหว​เห็นแก่​นาง​ที่นาง​รับใช้​ท่าน​โหว​มาตั​้ง​แต่​ยัง​เด็ก​ ​ขอให้​ท่าน​โหว​รับ​เด็ก​มา​เลี้ยง​ในนามของ​นาง​ ​ให้​เขา​คอย​จุด​ธูป​ให้​นาง​ ​เพื่อ​ทำให้​นาง​ได้​ไป​เกิด​ใหม่​ ​ท่าน​โหวตื​่​นขึ​้​นมา​ก็​ไม่สบายใจ​ ​วัน​ต่อมา​ก็​ไป​ที่​วัด​ ​เตรียม​ที่จะ​รับ​เด็ก​คน​หนึ่ง​กลับมา​เลี้ยง​ในนามของถ​งอี​๋​เหนียง​ ​มัน​คง​เป็น​โชคชะตา​ ​มี​เด็ก​คน​หนึ่ง​ที่​หน้าตา​เหมือน​สกุล​สวี​ของ​เรา​ราวกับ​แกะ​ ​ท่าน​โหว​จึง​นึกถึง​เรื่อง​ที่​ฝัน​ถึงถ​งอี​๋​เหนียง​ ​คิด​ว่านี​่​มัน​คือ​เจตนา​ของ​พระเจ้า​”​ ​พูด​จบ​ก็​เหลือบ​ไป​มอง​สือ​อี​เหนียง​ ​“​จากนั้น​ก็​ปรึกษา​กับ​สือ​อี​เหนียง​ ​คน​ของ​สกุล​หลัว​และ​ข้า​จึง​ตัดสินใจ​รับ​เด็ก​คน​นั้น​กลับมา​ ​เลี้ยง​ในนามของถ​งอี​๋​เหนียง​ ​ถือว่า​ทำ​เพื่อ​…​”

ไท่ฮู​หยิน​ยัง​พูด​ไม่​จบ​ ​สวี​ลิ่ง​ควน​ก็​เดิน​ไป​ข้างหน้า​ ​“​ท่าน​แม่​…​”

สายตา​ของ​ทุกคน​มอง​ไป​ที่​เขา

“​เรื่อง​นี้​…​”

เขา​พึ่ง​พูด​ออกมา​สอง​คำ​ ​ไท่ฮู​หยิน​ก็​ตบ​ลง​บน​โต๊ะ​ที่อยู่​บน​เตียง​เตา​ขัดจังหวะ​เขา​

“​ลิ่ง​ควน​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ทำ​สีหน้า​มืดมน​ ​มอง​ไป​ที่​สวี​ลิ่ง​ควน​ด้วย​สายตา​ที่​เย็นชา​ ​“​ท่าน​แม่​กำลัง​พูด​อยู่​ ​เจ้า​พูดแทรก​ได้​เช่นไร​ ​กลับ​ไป​ยืน​ฟัง​เดี๋ยวนี้​!​”

สวี​ลิ่ง​ควน​ทำ​สีหน้า​หดหู่​ ​เขา​ตัวสั่น​ ​จากนั้น​ก็​ยืน​ตัวตรง​ตาม​สายตา​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​เขามอง​ไป​ที่​พี่ชาย​ของ​ตัวเอง​ด้วย​สายตา​ที่​แน่วแน่

สือ​อี​เหนียง​นึกถึง​ท่าที​ของ​สวี​ลิ่ง​ควน​ตอนที่​พวกเขา​เดิน​เข้ามา​ ​จากนั้น​ก็​นึกถึง​ท่าที​ของ​เขา​ตอนนี้​ ​นาง​แอบ​คิดในใจ​ ​คนที​่​มี​ความแน่วแน่​ใน​ใจ​เท่านั้น​ถึง​จะ​ไม่​กลัว​อุปสรรค​ใด

หรือว่า​ ​เขา​อยาก​เปิดเผย​ความจริง​เพื่อที่จะ​รับผิดชอบ​เอง​คนเดียว​?

เห็นได้ชัด​ว่า​คนที​่​คิด​เหมือน​สือ​อี​เหนียง​ยัง​มี​ไท่ฮู​หยิน​อีก​คน​หนึ่ง

ไม่​รอ​ให้​สวี​ลิ่ง​ควน​พูด​อะไร​ ​นาง​ก็​พูดเสี​ยง​ดัง​ว่า​ ​“​สวี​ลิ่ง​ควน​ ​ข้า​รัก​เจ้า​ ​แต่​เจ้า​กลับ​ไม่รู้​จัก​กฎเกณฑ์​ ​ข้า​กำลัง​พูด​เรื่องสำคัญ​กับ​พวก​เจ้า​ ​เจ้า​ยัง​กล้า​พูดแทรก​ ​หรือ​เจ้า​เห็น​ว่า​ท่าน​พ่อ​ของ​เจ้า​ไม่อยู่​แล้ว​ ​ไม่เห็น​ท่าน​แม่​อย่าง​ข้า​อยู่​ใน​สายตา​แล้ว​”

ไท่ฮู​หยิน​บอกว่า​สวี​ลิ่ง​ควน​ไม่มี​ความกตัญญู​กตเวที​

พูด​เช่นนี้​รุนแรง​เกินไป

สีหน้า​ของ​สวี​ลิ่ง​ควน​เปลี่ยนไป​ ​เขา​คุกเข่า​ลง​ราวกับ​ภูเขา​หยก​และ​เสาทอง​คำ​ที่​ล้ม​ครืน​ ​“​ควน​เอ๋อร​์​ไม่กล้า​ขอรับ​…​”

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท