เฉียวเหลียนฝังย่อเข่าคำนับ เอ่ยเรียก “ฮูหยิน”
สืออีเหนียงยิ้มอย่างแผ่วเบาแล้วเชิญนางเข้าไปในห้องข้างใน “ท่านโหวก็อยู่ข้างใน อี๋เหนียงไปนั่งข้างในเถิด”
เฉียวเหลียนฝังยิ้มแล้วเดินเข้าไปข้างใน
สวีลิ่งอี๋เห็นเฉียวเหลียนฝังก็ตกใจ “ดึกมากแล้ว เจ้ามีเรื่องอันใด”
เฉียวเหลียนฝังได้ยินเช่นนี้ก็ทำสีหน้าผิดหวังแล้วก้มหน้าลง
คอที่เรียวขาวและงดงาม ช่างน่าเย้ายวน
สืออีเหนียงได้ยินสวีลิ่งอี๋ถอนหายใจเบาๆ
“มีเรื่องอันใดหรือ” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนลงไม่น้อย
สืออีเหนียงเห็นเฉียวเหลียนฝังก้มหน้าลงแล้วยิ้ม
นางก็ยิ้ม บอกให้หู่พั่วไปยกเก้าอี้เข้ามา “อี๋เหนียงนั่งคุยกันเถิด” จากนั้นก็บอกให้สาวใช้ไปยกชาเข้ามา “ข้าไปดูว่าเจี้ยเกอนอนแล้วหรือยัง” นางหาข้ออ้างขอตัวออกไป
“ฮูหยิน!” เฉียวเหลียนฝังเรียกนางให้หยุด “ข้ามาหาท่านเจ้าค่ะ” สายตาเป็นประกาย
สืออีเหนียงยิ้มแล้วนั่งลงตรงข้ามสวีลิ่งอี๋
เฉียวเหลียนฝังยืนอยู่ข้างหน้าพวกเขาสองคน
“ฮูหยิน ข้าไม่ได้เจอท่านแม่หลายวันแล้วจึงอยากไปเยี่ยมนางบ้าง ฮูหยินโปรดอนุญาติเฉียวเหลียนฝังด้วยเจ้าค่ะ”
เพราะเรื่องตั้งครรภ์?
สืออีเหนียงยิ้มแล้วมองไปที่สวีลิ่งอี๋
สวีลิ่งอี๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าให้สืออีเหนียงเบาๆ
สืออีเหนียงยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่รู้ว่าอี๋เหนียงจะออกเดินทางเมื่อไร ในเมื่อกลับไปเยี่ยมท่านแม่ อย่างน้อยก็ต้องเตรียมของขวัญกลับไปด้วยถึงจะไม่เสียมารยาท ข้าจะได้ไปเตรียมของ”
เฉียวเหลียนฝังเห็นว่าสืออีเหนียงมองสีหน้าของสวีลิ่งอี๋ นางก็หัวเราะเย้ยหยันอยู่ใจใน
ถึงแม้ว่าเจ้าจะเป็นภรรยาสืบทอดแล้วอย่างไร ไม่ต้องพูดเรื่องสถานการณ์ของสกุลหลัวตอนนี้ ไม่ได้เจริญรุ่งเรืองเหมือนสมัยนายท่านใหญ่คนก่อนแล้ว และถึงแม้ว่าจะเจริญรุ่งเรืองเหมือนตอนนั้น แต่ภรรยาต้องเคารพสามี หรือว่านางสามารถมองข้ามท่านโหวเช่นนั้นหรือ
ในใจคิดเช่นนี้ แต่ปากกลับพูดด้วยความเคารพ “พรุ่งนี้เป็นวันที่ลูกพี่ลูกน้องของข้ากลับสกุลเดิม ตอนที่ข้าอยู่ที่จวนข้าสนิทกับนางมากที่สุด ตอนที่นางแต่งงานข้าก็ไม่ได้ไปส่งนาง หากฮูหยินอนุญาติ ข้าอยากกลับไปพรุ่งนี้ จะได้ถือโอกาสกลับไปหานางด้วยเจ้าค่ะ”
ดูเหมือนจะรีบร้อนไม่เบา!
สืออีเหนียงเหลือบมองสวีลิ่งอี๋ เห็นว่าเขาไม่คัดค้านอะไร นางก็พยักหน้า “เช่นนั้นก็พรุ่งนี้เถิด” จากนั้นก็เรียกหู่พั่วจัดการรถม้าและของขวัญให้เฉียวเหลียนฝัง
เฉียวเหลียนฝังย่อเข่าคำนับ พูดคุยกันสองสามประโยค จากนั้นก็ลุกขึ้นขอตัวลา “ไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของทานโหวและฮูหยินดีกว่าเจ้าค่ะ” พูดจบก็เหลือบมองสวีลิ่งอี๋
สวีลิ่งอี๋พยักหน้า สืออีเหนียงก็ยิ้มแล้วบอกให้ลู่อวิ๋นออกไปส่งนาง
หู่พั่วเตรียมของให้เฉียวเหลียนฝังทั้งคืน เช้าวันต่อมา ถือโอกาสตอนที่สืออีเหนียงและสวีลิ่งอี๋ทานข้าวนำรายการมาให้พวกเขาดู “ท่านโหว ฮูหยิน ท่านดูสิเจ้าคะ ต้องการเพิ่มหรือลดสิ่งใดหรือไม่เจ้าคะ”
สืออีเหนียงเหลือบมองสวีลิ่งอี๋
“เจ้าตัดสินใจเถิด” สวีลิ่งอี๋พูด
สืออีเหนียงหยิบรายการมาดู จัดตามของที่เหวินอี๋เหนียงส่งไปให้สกุลเดิม นางยิ้มแล้วคืนรายงานให้หู่พั่ว “เจ้าช่างความจำดีเสียจริง”
หู่พั่วยิ้มแล้วพูดว่า “บ่าวไม่ได้ความจำดีเหมือนที่ฮูหยินพูดเจ้าค่ะ แค่กลัวว่าจะทำให้เฉียวอี๋เหนียงล่าช้า เมื่อคืนจึงไปดูสมุดบัญชีของปีที่แล้วที่เรือนของฮูหยินสาม เพราะว่าไม่มีรายการส่งของขวัญกลับสกุลเดิมของฉินอี๋เหนียง จึงจัดตามของเหวินอี๋เหนียงเจ้าค่ะ เพื่อเรื่องนี้ บ่าวยังไปขอคำแนะนำจากฮูหยินสาม ฮูหยินสามบอกว่า เฉียวอี๋เหนียงและเหวินอี๋เหนียงเป็นพี่น้องเรือนเดียวกัน จัดตามเหวินอี๋เหนียงเหมาะสมที่สุดเจ้าค่ะ บ่าวถึงกล้านำมาให้ท่านโหวและท่านดู”
สืออีเหนียงได้ยินเช่นนี้ก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมในใจ
หู่พั่วคนนี้ ฉลาดขึ้นเรื่อยๆ ตัวเองแค่แนะนำนิดหน่อย นางก็รู้ว่าต่อไปควรจะทำเช่นไร พูดเช่นไร
ฉินอี๋เหนียงมีสถานะเป็นสาวใช้ สกุลเดิมไม่มีใครตั้งนานแล้ว แน่นอนว่านางไม่มีปัญหาเรื่องสกุลเดิม แต่เหวินอี๋เหนียงเป็นสกุลหนึ่งในเศรษฐีผู้ยิ่งใหญ่ของต้าโจว เป็นตระกูลพ่อค้า สามาถช่วยกิจการของสกุลสวีได้ พวกเขาใจกว้างมาตลอด สกุลสวีก็ไม่มีทางตระหนี่ขี้เหนียวทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะ ดังนั้นเมื่อมีคนสกุลเหวินมาเยี่ยมที่จวน พวกเขาก็จะให้รางวัลอย่างงาม ตามหลักแล้ว สถานะของเฉียวเหลียนฝังสามารถเทียบกับฉินอี๋เหนียงได้ แล้วยังสามารถเทียบกับอี้อี๋เหนียงและอี๋เหนียงสองสามคนที่เสียชีวิตไปแล้ว นับว่าไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่ว่าหู่พั่วนำไปเทียบกับเหวินอี๋เหนียง ไม่เพียงแต่เทียบกับเหวินอี๋เหนียง แล้วยังนำรายการไปปรึกษากับฮูหยินสาม แล้วฮูหยินสามก็ยังเป็นคนดูแลจวน ค่าใช้จ่ายจำนวนมากขนาดนี้แน่นอนว่าต้องไปบอกไท่ฮูหยิน ความจริงแล้วหู่พั่วถือโอกาสนี้ทำให้คนในสกุลสวีรู้ว่าสืออีเหนียงใจกว้างต่อเฉียวเหลียนฝังมากแค่ไหน
ต้องรู้ว่า สกุลเหวินรับของของเหวินอี๋เหนียง พวกเขาไม่มีทางรับไปอย่างเดียว แต่ว่าจวนเฉิงกั๋วกงยากที่จะพูด หนึ่งคือเฉียวเหลียนฝังส่งของพวกนี้ให้ใคร หากนางส่งให้ท่านแม่ของตัวเอง แล้วเฉียวฮูหยินจะจ่ายเงินจำนวนมากขนาดนี้เพื่อส่งของขวัญกลับมาให้นางเช่นนั้นหรือ สองคือท่านพ่อของเฉียวเหลียนฝังเสียชีวิตไปแล้ว จวนเฉิงกั๋วกงยังจะออกหน้าแทนหลานสาวคนนี้หรือไม่ สกุลเฉียวก็ไม่ใช่สกุลธรรมดา ทำสิ่งใดย่อมมีกฎเกณฑ์ จะส่งของขวัญกลับมาให้บุตรสาวที่แต่งออกเรือนไปแล้วอย่างไร ก็ต้องทำตามกฎเกณฑ์ จะฝ่าฝืนกฎเพื่อเฉียวเหลียนฝัง เฉียวฮูหยินจะทำเช่นนั้นหรือไม่ ใครก็บอกไม่ได้
เป็นเช่นนี้ หากสกุลเฉียวส่งของขวัญกลับมาตามที่รับของขวัญไป นางก็แค่เป็นเหวินอี๋เหนียงคนที่สอง ไม่มีอะไรน่าแปลกใจ แต่หากไม่ส่งของขวัญกลับมาตามที่รับของขวัญไป ด้วยสถานะอนุภรรยาของเฉียวเหลียนฝังแล้ว ใช่ว่าจะทำเช่นนั้นไม่ได้ แต่หากทำเช่นนั้น จวนเฉิงกั๋วกงคงจะถูกมองว่าเกาะคนอื่น
เท่ากับว่าขุดหลุมให้เฉียวเหลียนฝังกระโดดลงไป!
ขึ้นอยู่กับว่าเฉียวเหลียนฝังฉลาดหรือไม่ จะกระโดดลงไปหรือไม่
แต่ว่า ไม่ว่านางจะกระโดดลงไปหรือไม่กระโดดลงไปมันก็ไม่มีผลกระทบอะไรต่อตน เพราะตนได้กลายเป็นฮูหยินที่จิตใจดีไปแล้ว
“เช่นนั้นก็เขียนรายการในกระดาษสีแดง แล้วนำไปให้ซิ่วหยวน สาวใช้ของเฉียวอี๋เหนียงเถิด”
สืออีเหนียงรู้สึกว่า ด้วยนิสัยของเฉียวเหลียนฝัง หากตนนำรายการไปให้เฉียวเหลียนฝังต่อหน้าสวีลิ่งอี๋ เฉียวเหลียนฝังคงจะคิดว่านางบ้านนอก เกรงว่าจะให้สาวใช้รับไปโดยที่ไม่มองเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นนางจึงบอกให้หู่พั่วนำรายการไปให้ซิ่วหยวน ต้องรู้ว่า ในใจคิดเช่นไรแล้วจะทำตัวเช่นไรต่อหน้าสาธารณะ นั้นไม่ใช่เรื่องเดียวกัน
หู่พั่วตอบรับแล้วเดินออกไป
สวีลิ่งอี๋ยิ้มแล้วพูดว่า “เจ้าช่างใจกว้างเสียจริง”
สวีลิ่งอี๋หัวเราะ “ก็เพราะว่าท่านโหวมีของเยอะแยะเจ้าค่ะ ข้าถึงได้กล้าใจกว้างเช่นนี้” พูดอีกว่า “ยิ่งไปกว่านั้น เฉียวอี๋เหนียงคอยรับใช้ท่านโหว นางกลับสกุลเดิมไปอย่างโอ่อ่า ก็ถือเป็นหน้าเป็นตาให้ท่านโหวเจ้าค่ะ”
สวีลิ่งอี๋ค่อนข้างมีความคิดที่ว่าลูกผู้ชายเป็นผู้นำ จึงไม่ได้ปริปากพูดอะไร เพียงก้มหน้าก้มตาทานข้าว
ผ่านไปไม่นาน เฉียวเหลียนฝังก็มาขอตัวลาสวีลิ่งอี๋และสืออีเหนียง
นางม้วนผมมวยดอกโบตั๋น สวมเครื่องประดับไข่มุกและปิ่นระย้าสีทอง สวมเสื้อกั๊กยาวลายดอกไม้และผีเสื้อสีชมพู แต่งหน้าอ่อนๆ ใบหน้ายิ้มแย้ม สีหน้ามีชีวิตชีวา ดูไม่เย็นชาและเย่อหยิ่งเหมือนวันปกติ แต่ราวกับนกน้อยที่ถูกปล่อยออกจากกรง สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุข
มองออกอย่างชัดเจนว่า เฉียวเหลียนฝังมีความสุขที่ได้กลับไปหาท่านแม่ของตัวเอง
“ท่านโหว ฮูหยิน หากไม่มีเรื่องใดแล้ว เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ” นางคำนับสวีลิ่งอี๋และสืออีเหนียงอย่างนอบน้อม หู่พั่วที่เดินตามนางเข้ามาก็พยักหน้าให้สืออีเหนียงเบาๆ หมายความว่าจัดการเรียบร้อยแล้ว
สืออีเหนียงมองไปที่สวีลิ่งอี๋อย่างสงบนิ่ง
“เจอกับเฉียวฮูหยิน ถามไถ่นางแทนข้าด้วย” สวีลิ่งอี๋พูดอย่างอ่อนโยน
เฉียวเหลียนฝังย่อเข่าคำนับ
สืออีเหนียงให้หู่พั่วมอบถุงเงินให้เฉียวเหลียนฝัง “นำไปให้สาวใช้และท่านป้า เป็นหน้าเป็นตาให้ท่านโหว”
สายตาของเฉียวเหลียนฝังตกใจ นางยิ้มแล้วเอ่ยขอบคุณ ซิ่วหยวนรีบเดินเข้ามารับถุงเงินไป จากนั้นหู่พั่วก็ไปส่งพวกทั้งนางสองคนออกไป
สวีลิ่งอี๋ออกไปลานข้างนอก หินและอิฐที่ใช้ในการต่อเติมเรือนถูกขนเข้ามาเรื่อยๆ สวีลิ่งอี๋ยังมีเรื่องนี้ให้ต้องจัดการ บางครั้งเขาก็จะไปดูกับพ่อบ้านไป๋
สืออีเหนียงไปที่เรือนหน่วนเก๋อกับหู่พั่ว
“บ่าวมอบรายการให้ซิ่วหยวน ซิ่วหยวนรับไปแล้วก็จะยัดเข้าแขนเสื้อ บ่าวจึงจงใจพูดว่า เจ้าลองดูก่อน หากมีสิ่งใดที่อยากจะเพิ่มหรือลด ข้าจะได้รีบไปจัดการ กลับไปที่จวนเฉิงกั๋วกงแล้วจะได้ไม่ถูกคนอื่นหัวเราะเยาะเอา ประเดี๋ยวเฉียวอี๋เหนียงจะเสียหน้า ฮูหยินของข้าก็จะเสียหน้าไปด้วย ซิ่วหยวนยังอยากจะปฏิเสธ แต่ท่าทีของบ่าวแน่วแน่ ซิ่วหยวนจึงเปิดรายการดู” พูดจบหู่พั่วก็ยิ้ม “ตอนนั้นสีหน้าของนางเปลี่ยนไปทันที ตอบกลับบ่าวมาอย่างใจลอย จากนั้นก็นำรายการไปให้เฉียวอี๋เหนียงดู บ่าวก็ไม่สนใจ เดินตามไปหน้าด้านๆ เจ้าค่ะ แน่นอนว่าซิ่วหยวนไม่กล้าพูดอะไรกับเฉียววอี๋เหนียง นางชี้รายการให้เฉียวอี๋เหนียงดู”
สืออีเหนียงพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม
“เฉียวอี๋เหนียงเห็นแล้วก็ตกใจ ถามว่าใครเป็นคนจัดการ บ่าวจึงบอกว่าฮูหยินสามเป็นคนจัดการเจ้าค่ะ จัดตามเหวินอี๋เหนียง หากอี๋เหนียงคิดว่ามันไม่เหมาะสม บ่าวก็จะไปรายงานท่านโหวและฮูหยิน” หู่พั่วเล่า “เฉียวอี๋เหนียงถือรายการด้วยสีหน้าที่ไม่มั่นใจ ผ่านไปไม่นาน นางก็เงยหน้ายิ้มให้บ่าว บอกว่า ‘ในเมื่อเป็นความเมตตาของฮูหยิน ข้าจะกล้าปฏิเสธทำให้ฮูหยินเสียน้ำใจได้เช่นไร’ จากนั้นก็บอกให้ซิ่วหยวนเก็บรายการไว้เจ้าค่ะ”
สืออีเหนียงนึกถึงท่าทีที่นอบน้อมของเฉียวเหลียนฝังเมื่อครู่ พูดพึมพำเบาๆ “ดูเหมือนว่า เฉียวอี๋เหนียงคงจะตั้งครรภ์แล้วจริงๆ ”
หู่พั่วฉงนใจ
สืออีเหนียงอธิบายให้นางฟัง “แม้แต่ซิ่วหยวนยังมองออกว่าของขวัญครั้งนี้ยิ่งใหญ่เกินไป แล้วเฉียวอี๋เหนียงจะมองไม่ออกได้อย่างไร ในเมื่อนางรู้แล้วแต่ยังกล้ารับไว้ นางจะต้องมีที่พึ่งแน่นอน ไม่เชื่อเจ้าก็ลองดู เมื่อนางกลับมา จวนเฉิงกั๋วกงอย่างมากก็จะต้องส่งหีบของขวัญสี่สีแปดสีกลับมาด้วย”
ตั้งครรภ์เพื่อสกุล เป็นการอุทิศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของลูกสะใภ้ ไม่มีของขวัญอะไรที่ยิ่งใหญ่ไปกว่านี้
ตอนเย็น เฉียวเหลียนฝังนำกล่องของขวัญแปดสีกลับมาจริงๆ
สืออีเหนียงบอกหู่พั่ว “เข้าไปเรียกป้าเถามาหาข้า ข้ามีเรื่องจะพูดกับนาง”
หู่พั่วเดินออกไปเรียกป้าเถาอย่างไม่มีความสุข
สาวใช้ในเรือนส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นคนที่ป้าเถาแนะนำมา บ้างก็คิดว่า หู่พั่วนั้นมีเล่ห์เหลี่ยม ทุกคนต่างก็เห็นว่าสืออีเหนียงมีอำนาจขึ้นทุกวัน สาวใช้บางคนคิดว่า ตนไม่ใช่คนสนิทของสืออีเหนียง ไม่ช้าก็เร็วคงจะถูกไล่ออก เจอเรื่องอะไรก็ทำเป็นไม่รู้เรื่อง สาวใช้บางคนคิดว่า ตอนที่หยวนเหนียงยังมีชีวิตอยู่ ตัวเองไม่ได้ประจบประแจงนาง ตอนนี้เปลี่ยนฮูหยินคนใหม่แล้ว ตนก็ไม่ได้แย่ไปกว่าคนอื่น มีอะไรก็สนิทสนมกับหู่พั่วไว้ดีกว่า แล้วยังมีสาวใช้บางคนคิดว่า ตอนที่เข้ามาในจวน หยวนเหนียงนั้นดีกับตัวเอง ป้าเถาเป็นคนมีความสามารถ เจอเรื่องอะไรก็ต้องฟังความคิดเห็นของป้าเถา
เรื่องของเฉียวเหลียนฝังนั้นป้าเถาก็พอจะได้ยินแล้วบ้าง เห็นว่าหู่พั่วมาหาตัวเองด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดี นางก็พอจะรู้อยู่แล้ว แต่เมื่อมาถึงห้องข้างในแล้วเห็นท่าทีสงบนิ่งของสืออีเหนียง นางก็สับสน พลันไม่มั่นใจเรื่องที่เฉียวเหลียนฝังตั้งครรภ์ขึ้นมาทันที
สืออีเหนียงเชิญป้าเถามานั่งที่เรือนหน่วนเก๋อ พูดอย่างตรงไปตรงมา “เฉียวอี๋เหนียงตั้งครรภ์แล้ว ท่านป้ามีความเห็นเช่นไร”
