ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 255 ยุ่งยาก(ปลาย)

ตอนที่ 255 ยุ่งยาก(ปลาย)

ประตู​ที่​กว้างใหญ่​ประดับ​ด้วย​ใบหน้า​สัตว์ร้าย​เคลือบ​ทอง​

​สือ​อี​เหนียง​ค่อยๆ​ ​เปิดม่าน​รถม้า​ขึ้น​แล้ว​มองออก​ไป​ข้างนอก​เงียบๆ

​จวน​เม่ากั​๋​วกง​เปิด​ประตู​ใหญ่​ ​หน้า​ประตู​มี​รถม้า​จอด​อยู่​หลาย​คัน​ ​ชาย​เฒ่า​คน​หนึ่ง​กำลัง​สั่ง​บ่าว​รับใช้​ที่​สวม​เสื้อผ้า​สีเขียว​ตั้ง​บันได​แขวน​ผ้า​ขาว​หน้า​ประตู​ ​เมื่อ​เห็น​ว่า​มี​รถม้า​เข้ามา​ ​เขา​ก็​ยืน​เขย่ง​เท้า​มองออก​ไป​ ​จากนั้น​ก็​รีบ​เดิน​เข้าไป​ต้อนรับ​

​หลิน​ปัว​เดิน​เข้าไป​ยื่น​เทียบ​เชิญ​ให้​เขา​

​ชาย​เฒ่า​คน​นั้น​เห็น​แล้วก็​ประกบ​มือ​คำนับ​หลิน​ปัว​ ​จากนั้น​ก็​เรียก​บ่าว​รับใช้​สอง​คนที​่​แขวน​ผ้า​ขาว​มานำ​ธรณีประตู​ลง​ ​สือ​อี​เหนียง​และ​คุณนาย​ใหญ่​สกุล​หลัว​รอ​ให้​รถม้า​ของ​สกุล​ญาติ​เข้าไป​ใน​ลาน​ก่อน​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ ​เฉียน​หมิง​และ​คนอื่นๆ​ ​ลงมาก​จาก​รถม้า​ ​ชาย​เฒ่า​คน​นั้น​ต้อนรับ​พวกเขา​ไป​ห้องโถง​หลัง

​ลาน​ข้างนอก​ของ​จวน​เม่ากั​๋​วก​งก​ว้าง​ขวาง​อย่างมาก​ ​มีบ​่า​วรับ​ใช้​เจ็ด​แปด​คน​ตั้ง​ซุ้ม​ไว้อาลัย​อยู่​ที่นั่น​ ​และ​คน​ส่วนใหญ่​ก็​ลอบ​พูดคุย​กัน​อยู่​ใต้​ชายคา​หรือ​มุม​ห้อง​ ​ทำให้​พิธี​ดู​ไม่​จริงจัง​ ​ไร้ค​วาม​เป็นระเบียบ

​ศพ​ของ​หวัง​หลัง​นำ​กลับมา​เมื่อ​ตอนเที่ยง​ของ​วันก่อน​ ​แต่​ตอนนี้​เรื่อง​งานศพ​ยัง​เตรียมการ​ไม่​เรียบร้อย

​สือ​อี​เหนียง​ส่ายหน้า​เบา​ๆ​ ​แล้ว​ปล่อย​ม่าน​ลง

​ถึงแม้ว่า​สือ​เหนียง​จะ​เป็น​คนดู​แล​สกุล​ ​แต่​จะ​ให้​ต้นไม้​ต้น​เดียว​แตก​กิ่งก้านสาขา​มากมาย​ก็​คง​เป็นเรื่อง​ยาก

​คนที​่​มาต​้อ​นรับ​พวก​นาง​คือ​สะใภ้​หยวน​เป่า​จู้

​นาง​สวม​เสื้อกั๊ก​ยาว​ ​ม้วน​ผม​ขึ้น​เป็น​มวย​ ​ประดับ​ด้วย​ดอก​กล้วยไม้​หยก​สีขาว​หนึ่ง​ดอก​ ​มองดู​แล้ว​สดชื่น​สบาย​ตา​ ​นาง​เดิน​เข้ามา​คำนับ​ทุกคน​ด้วย​ความเคารพ​ ​พา​พวก​นาง​ไป​คารวะ​หวังฮู​หยิน​ผู้เฒ่า​ที่​ป่วย​ติด​เตียง​สีหน้า​เหม่อลอย​ไร้​ชีวิตชีวา​ก่อน​ ​จากนั้น​ก็​พา​พวก​นาง​ไป​ยัง​เรือน​ของ​สือ​เหนียง​

​ดูเหมือนว่า​ซื่อ​เหนียง​จะ​รู้เรื่อง​ของ​หวัง​หลัง​เป็น​อย่างดี​ ​นาง​ถาม​สะใภ้​หยวน​เป่า​จู้​เบา​ๆ​ ​“​เจียงฮู​หยิน​สบายดี​หรือไม่​”

​สะใภ้​หยวน​เป่า​จู้​พูด​อย่าง​นิ่ง​สงบ​ ​“ฮู​หยิน​เสียใจ​มาก​ ​แล้วยัง​เป็นหวัด​ ​ตอนนี้​พักผ่อน​อยู่​ที่​เรือน​ของ​นายท่าน​ใหญ่​เจ้าค่ะ​ ​มีฮู​หยิน​ใหญ่​คอย​ดูแล​ ​แล้วยัง​มีคุณ​ชายน้อย​และ​คุณหนู​คอย​รับใช้​ ​คิด​ว่า​ไม่​กี่​วัน​ก็​คงจะ​หาย​ดีเจ​้า​ค่ะ​”

​ซื่อ​เหนียง​ได้ยิน​เช่นนี้​ก็​ถอนหายใจ​ ​พูด​กับ​สือ​อี​เหนียง​ ​“​สอง​สาม​วันก่อน​ยัง​หนาว​จน​ต้อง​สวม​เสื้อคลุม​ ​สอง​สาม​วันนี้​กลับ​มี​แดดออก​ ​สวม​ได้​แค่​เสื้อผ้า​ฝ้าย​ ​ไม่​แปลกที่​มี​คน​เป็นหวัด​เยอะ​ขึ้น​”

​ก่อนที่จะ​มา​จวน​สกุล​หวัง​ ​บรรดา​สตรี​ของ​สกุล​หลัว​ไป​เยี่ยม​สือ​อี​เหนียง​ที่​จวน​สกุล​สวี​ก่อน​ ​สือ​อี​เหนียง​จึง​บอก​ให้​ทุกคน​อยู่​ทานข้าว​เช้า​ด้วยกัน​ ​เพื่อที่จะ​ได้มา​ไว้อาลัย​พร้อมกัน

​“​โชคดี​ที่​คุณหนู​สิบเอ็ด​ของ​เรา​ยัง​เยาว์วัย​จึง​พอทน​ได้​”​ ​คุณนาย​สาม​สกุล​หลัว​ยิ้ม​ ​“​ดื่ม​ซุป​ขิง​ก็​ไม่เป็นอะไร​แล้ว​”

​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​อย่าง​แผ่วเบา​ ​นาง​ค่อยๆ​ ​เดิน​ช้า​ลง​ ​ให้​คุณนาย​ใหญ่​เดิน​อยู่​ข้างหน้า​สุด​ ​ตัวเอง​เดิน​เข้าไป​ใน​เรือน​ของ​สือ​เหนียง​ตาม​คุณนาย​สี่​

​สือ​เหนียง​ ​จิน​เหลียน​และ​อิ​๋น​ผิง​เปลี่ยนเป็น​สวม​เสื้อผ้า​ฝ้าย​สีขาว​พระจันทร์​หมด​แล้ว​ ​ประดับ​ด้วย​ดอกไม้​สีขาว​ ​จิน​เหลียน​และ​อิ​๋น​ผิง​ตาแดง​ก่ำ​ ​สีหน้า​ซีดเซียว​ ​ยก​ชา​เข้ามา​ให้​ทุกคน​ด้วย​สีหน้า​ที่​ไร้​ชีวิตชีวา

​คุณนาย​ใหญ่​เห็น​เช่นนี้​ก็​ถอนหายใจ​

​พวก​นาง​สอง​คน​ล้วนแต่​เป็นสาว​ใช้​ที่หวัง​หลัง​รับ​เป็นสาว​ใช้​ห้อง​ข้าง​ ​สือ​เหนียง​ยัง​สามารถ​ไว้ทุกข์​ได้​ ​แต่​พวก​นาง​ไม่มี​สถานะ​ ​ไม่รู้​ว่า​อนาคต​จะ​อยู่​ที่ไหน​

​สือ​เหนียง​นั่ง​ไขว้ขา​อยู่​บน​เตียง​เตา​ข้างหน้า​ต่าง​ ​มองออก​ไปนอก​หน้าต่าง​อย่าง​เหม่อลอย​ ​ไม่สน​ใจ​ใคร​ทั้งสิ้น

​ทุกคน​ไถ่ถาม​สอง​สาม​ประโยค​ ​แต่​ไม่มี​คน​ตอบกลับ​ ​บรรยากาศ​ก็​เริ่ม​อึมครึม

​คุณนาย​สี่​ออกมา​กอบกู้​สถานการณ์​ ​“​นี่​เป็นเรื่อง​ใหญ่​ ​คุณหนู​สิบ​ก็​คงจะ​เหนื่อย​แล้ว​ ​เรา​ไป​นั่ง​ที่​ห้องโถง​กัน​เถิด​เจ้าค่ะ​”

​ทุกคน​ไม่​คัดค้าน​ ​พากัน​ไป​นั่ง​ที่​ห้องโถง​แล้ว​พูดคุย​กัน

​“​…​ออกเรือน​ไป​พร้อมกัน​ ​แต่​ท้อง​ของ​ชี​เหนียง​ก็​ยัง​ไม่มี​การเคลื่อนไหว​เลย​”​ ​วันนี้​อู่​เหนียง​ไม่​มา​ ​คุณนาย​สาม​จึง​คิดถึง​ชี​เหนียง​ที่​แต่งงาน​ไป​อยู่​ที่​ซาน​ตง​ขึ้น​มา

​ทุกคน​หันมา​มอง​ที่​สือ​อี​เหนียง​และ​คุณนาย​สี่​

​สือ​อี​เหนียง​แสร้งทำ​เป็น​ไม่เข้าใจ​ ​แต่​คุณนาย​สี่​กลับ​หน้าแดง​ ​นาง​เปลี่ยน​เรื่อง​ ​“​ได้ยิน​มา​ว่าน​้​อง​ห้า​กำลังจะ​หมั้น​?​ ​ขอ​หมั้น​กับ​หลานสาว​คนเล​็ก​ของ​สกุล​เดิม​ของ​พี่สะใภ้​สาม​หรือ​เจ้า​คะ​”

​ไม่​กี่​วันก่อน​นาย​หญิง​สาม​เขียนจดหมาย​เรื่อง​นี้​มาบ​อก​นายท่าน​ใหญ่​ ​ความหมาย​ก็​คือ​บอก​ให้​นายท่าน​ใหญ่​นำ​เงิน​ออกมา​จาก​ส่วนกลาง​ ​ตั้งแต่​นายท่าน​ใหญ่​ไม่ได้​เป็น​ขุนนาง​ ​รายได้​ของ​ร้านค้า​สกุล​หลัว​ก็​ไม่​เหมือน​เมื่อก่อน​ ​แล้ว​อีก​อย่าง​ ​นาย​หญิง​ใหญ่​ป่วย​ติด​เตียง​ ​รายจ่าย​ของ​สกุล​ส่วนใหญ่​เป็นเรื่อง​ยา​ ​คุณนาย​ใหญ่​รวบรวม​ตั๋วเงิน​ห้า​ร้อย​ตำลึง​ให้​คน​ส่ง​ไป​แล้ว

​เรื่อง​นี้​สือ​อี​เหนียง​และ​คนอื่นๆ​ ​ได้ยิน​เป็นครั้งแรก​ ​ซื่อ​เหนียง​พึมพำ​ ​บอก​ให้​คุณนาย​ใหญ่​รีบ​ยืนยัน

​คุณนาย​ใหญ่​พยักหน้า​ ​“​บอกว่า​จะ​แลก​หนังสือ​ผูกดวง​ช่วง​กลางเดือน​สี่​”

​“​อูฐ​ผอมแห้ง​ก็​ยัง​ตัว​ใหญ่​กว่า​ม้า[1] ​สกุล​หลิว​ก็​เป็น​สกุล​ขุนนาง​ ​น้อง​ห้า​ช่าง​มี​วาสนา​”

​ในที่สุด​หัวข้อ​สนทนา​ของ​ทุกคน​ก็​เปลี่ยนไป​

​คุณนาย​สี่​ลอบ​ถอนหายใจ​ ​ก็​เห็น​สือ​อี​เหนียง​ส่ง​ยิ้ม​ให้​นาง​

​นาง​ก้มหน้า​ลง​ด้วย​ความ​เขินอาย​

​จากนั้น​ก็​มีสาว​ใช้​เข้ามา​เชิญ​พวก​นาง​ไป​ดื่ม​ชา​ที่​โถง​บุปผา

​สือ​อี​เหนียง​ถือโอกาส​ลุกขึ้น​ขอตัว​ลา

​ทุกคน​ยื้อ​นาง​เอาไว้​ ​แต่​เมื่อ​เห็น​นาง​ยืนกราน​ว่า​จะ​ไป​จึง​ไม่​บังคับ​นาง​ ​สือ​อี​เหนียง​บอก​ให้​ลี่ว​์​อวิ​๋น​ไป​บอก​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​จากนั้น​ก็​พา​หง​ซิ่ว​และ​เยี​่​ยน​หร​งก​ลับ​จวน​

​ไท่ฮู​หยิน​กำลัง​หัวเราะ​อย่าง​มีความสุข​ ​สือ​อี​เหนียง​เข้าไป​คารวะ​ไท่ฮู​หยิน​ ​เด็ก​ๆ​ ​สอง​สาม​คน​ก็​ยิ้ม​แล้ว​เดิน​เข้ามา​คำนับ​นาง​

​ฮุ่ย​เจี่ย​เอ๋อร​์​สวม​เสื้อผ้า​ฝ้าย​สีแดง​ลาย​ดอกไม้​ ​สวม​เครื่องประดับ​สร้อยคอ​สีทอง​ ​ต่างหู​มรกต​ขนาด​เท่า​ไข่​นก​พิราบ​ ​ยืน​ผอม​เพรียว​อยู่​ตรงนั้น​ราวกับ​ต้น​ดอก​โบตั๋น​

​“​ท่าน​อาสะใภ้​ ​ได้ยิน​มา​ว่า​ท่าน​ไป​คารวะ​คุณชาย​หวัง​ที่​จวน​เม่ากั​๋​วก​งมา​หรือ​เจ้า​คะ​ ​กำลัง​เสียใจ​ที่​ไม่ได้​เจอ​ท่าน​ ​คิดไม่ถึง​ว่า​ท่าน​จะ​กลับมา​เร็ว​เช่นนี้​”​ ​นาง​พูด​อย่างรวดเร็ว

​“​ฮุ่ย​เจี่ย​เอ๋อร​์​เกรงใจ​เกินไป​แล้ว​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​ ​“​ข้า​ยัง​ไม่ได้​ขอบคุณ​ที่​ฮุ่ย​เจี่ย​เอ๋อร​์​ต้อนรับ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ของ​เรา​ครั้งก่อน​เลย​”

​“​ท่าน​อาสะใภ้​ไม่ต้อง​เกรงใจ​เจ้าค่ะ​”​ ​ฮุ่ย​เจี่ย​เอ๋อร​์​ยิ้ม​ ​“​เรา​อยู่​ข้าง​กัน​ ​เดิมที​ก็​ต้อง​ไปมาหาสู่​กัน​บ่อยๆ​ ​อยู่​แล้ว​เจ้าค่ะ​”​

​พูดจา​ได้​อย่างเหมาะสม​พอดิบพอดี​ต่าง​กับ​เมื่อก่อน​ ​หรือ​ปีใหม่​แล้วก็​โต​ขึ้น​แล้ว​?

​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​พูดคุย​กับ​นาง​สอง​สาม​ประโยค​ ​อยู่​ทานข้าว​เที่ยง​ที่​เรือน​ของ​ไท่ฮู​หยิน​ ​พา​ฮุ่ย​เจี่ย​เอ๋อร​์​ ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ ​สือ​เอ้อร​์​เหนียง​ ​จุน​เกอ​และ​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยก​ลับ​ไป​ที่​ลาน​ของ​ตัวเอง​ ​เพราะว่า​เรื่อง​อายุ​ ​สวี​ซื่อ​ฉิน​ ​สวี​ซื่อ​อวี​้​และ​สวี​ซื่อ​เจี่ยน​จึง​ไม่ได้​มาด​้วย​

​ทันทีที่​ฮุ่ย​เจี่ย​เอ๋อร​์​เข้ามา​ใน​ห้อง​ก็​เห็น​โต๊ะ​ปัก​ผ้า​ที่​ถูก​วาง​ไว้​บน​เตียง​เตา

​“​นี่​คือ​…​”​ ​สายตา​ของ​นาง​เป็นประกาย​

​สือ​เอ้อร​์​เหนียง​เดิน​เข้าไป​ ​“​พี่​หญิง​สิบเอ็ด​ ​นี้​คือ​ ​‘​ลม​หุบเขา​’​ ​ที่​ท่าน​ปัก​หรือ​เจ้า​คะ​ ​ข้า​ได้ยิน​อี๋​เหนียง​หก​บอกว่า​ ​ตอนที่​ท่าน​อยู่​ที่​สกุล​เดิม​ยัง​เคย​ปัก​ภาพ​อายุ​ร้อย​ปี​”

​นาง​สวม​เสื้อกั๊ก​ยาว​สีเหลือง​ ​กระโปรง​สีเขียว​ ​ไม่มี​อี๋​เหนียง​หก​ ​นาง​จึง​ดู​สดใส​มากกว่า​ปกติ​ ​ช่าง​น่ารักน่าเอ็นดู​

​“​ตอนที่​ยัง​ไม่ได้​แต่งงาน​มี​เวลา​มาก​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​อย่าง​คลุมเครือ​ ​“​แต่​ตอนนี้​ไม่มีเวลา​แล้ว​”

​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ได้ยิน​เช่นนี้​ก็​เดิน​เข้าไป​ ​“​ผ่าน​ไป​แค่​ไม่​กี่​วัน​ ​ท่าน​แม่​ปัก​เพิ่ม​อีก​ตั้ง​หนึ่ง​ตัว​”

​วันนี้​นาง​สวม​เสื้อผ้า​แพร​สีขาว​พระจันทร์​ ​กระโปรง​สีเขียว​อม​ฟ้า​ ​รูปร่าง​ผอม​เพรียว​ ​ราวกับ​ดอกบัว​สีขาว

​“​มี​เวลา​ข้า​ก็​ปัก​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​เรียก​พวก​นาง​ไป​นั่ง​บน​เตียง​เตา​ ​บอก​สาวใช้​ยก​ผลไม้​เข้ามา​ต้อนรับ​พวก​นาง​

​สือ​เอ้อร​์​เหนียง​ยก​กระโปรง​ขึ้น​อย่างระมัดระวัง​ ​แต่​ฮุ่ย​เจี่ย​เอ๋อร​์​กลับ​นั่งลง​อย่าง​ไม่สน​ใจ​อะไร​ ​กอด​หมอน​ไว้​ใน​อ้อมแขน​ของ​ตัวเอง​ ​“​ท่าน​อาสะใภ้​ปัก​มานาน​แค่ไหน​แล้ว​เจ้า​คะ​”

​สือ​อี​เหนียง​อุ้ม​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ขึ้น​มาบน​เตียง​เตา​ ​“​สอง​สาม​เดือน​แล้ว​”

​นาง​ได้ยิน​เช่นนี้​ก็​ปิดปาก​หัวเราะ​ ​“​หาก​ข้ามี​เวลา​เหมือน​ท่าน​อาสะใภ้​ ​ข้า​ยอม​จับ​พู่กัน​เขียน​ ​‘​บทกวี​ฉัง​เหมิน[2]’​ ​เกรง​ว่า​คงจะ​ง่าย​กว่า​ไม่น้อย​เจ้าค่ะ​”

​เปรียบเทียบ​ ​‘​ลม​หุบเขา​’​ ​กับ​ ​‘​บทกวี​ฉัง​เหมิน​’​…​ฮุ่ย​เจี่ย​เอ๋อร​์​คงจะ​คิด​ว่า​ตน​อยาก​จะ​ถือโอกาส​นี้​บอก​นาง​ว่า​ ​สตรีที​่​เย็บปักถักร้อย​เป็น​นอกจาก​จะ​เย็บปักถักร้อย​เป็น​แล้ว​ ​แล้วยัง​สามารถ​มัดใจ​สามี​ได้​อีกด้วย​

​สือ​อี​เหนียง​ตกใจ​

​แต่ว่า​ ​ในเมื่อ​นาง​คิด​เช่นนี้​ ​ไม่​สู้​คล้อยตาม​นาง​ไป​ดีกว่า

​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ดังนั้น​ ​‘​เสวียน​จี​ถู​’​ ​ของ​ซู​ฮุ่ย[3]ที่​ทุกคน​ยกย่อง​ ​แต่​เฉิน​อา​เจียว[4]กลับ​เหลือ​เพียง​ชื่อเสียง​ของ​ความอิจฉา​ที่​บรรลุผล​”​

​เป็น​บทกวี​การแสดง​ความรัก​ต่อ​สามี​เหมือนกัน​ ​อัน​หนึ่ง​ทำ​ด้วย​ผ้า​ทอ​ ​อีก​อัน​หนึ่ง​ใช้​พู่กัน​เขียน​ ​แต่​ผลลัพธ์​กลับ​ไม่​เหมือนกัน​

​แน่นอน​ว่า​เรื่องราว​ไม่ได้​ง่ายดาย​ขนาด​นั้น​ ​มีกลิ่น​อาย​ของ​ความ​เจ้าเล่ห์​ ​แต่​สำหรับ​เด็ก​ที่​ชาญฉลาด​และ​มั่นใจ​ใน​ตนเอง​อย่าง​ฮุ่ย​เจี่ย​เอ๋อร​์​ ​มัน​คือ​วิธี​ที่​ดีที​่​สุด

​นาง​ครุ่นคิด​ ​จากนั้น​ก็​พูดน้อย​ลง​ ​ตอน​กลับ​ไป​ยัง​นำ​ผ้าเช็ดหน้า​สอง​ผืน​กลับ​ไป​ด้วย

​สือ​อี​เหนียง​ถอนหายใจ​ด้วย​ความ​โล่งอก

สตรี​ใน​สังคม​ยุค​นี้​มี​ข้อจำกัด​มากมาย​ ​หาก​อยาก​มีชีวิต​อิสระ​ ​แค่​ความกล้าหาญ​นั้น​ไม่​เพียงพอ​

​หลังจาก​ส่ง​แขก​ตัว​น้อย​ออก​ไป​แล้ว​ ​สือ​อี​เหนียง​กับ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ก็​ไป​ที่​เรือน​ของฮู​หยิน​ห้า​

​ป้า​สือ​ห้าม​สือ​อี​เหนียง​ไว้​ด้านนอก​ประตู​อย่าง​อ้อมค้อม​ ​“​…​บอกว่า​ไม่​ค่อย​สบาย​ ​พึ่ง​จะ​พักผ่อน​ไป​เจ้าค่ะ​”

คงจะ​กลัว​ว่า​ตน​ยัง​ไม่​หาย​ดี​ ​จะ​แพร่เชื้อ​ให้​บุตร​ของ​นาง​!

​สือ​อี​เหนียง​เข้าใจ

หาก​เป็นตัว​เอง​ก็​คงจะ​คิด​ขัดขวาง​เอาไว้​เช่นกัน​ ​แค่​มาหา​เป็น​พิธี​ก็​พอแล้ว​

​สือ​อี​เหนียง​จึง​ไม่ได้​พยายาม​ ​เพียง​ซักถาม​ถึง​เรื่อง​ของ​เด็ก​ด้วย​ความเป็นห่วง

​ป้า​สือ​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ขาว​ๆ​ ​อ้วน​ๆ​ ​เจ้าค่ะ​ ​ทาน​แล้วก็​นอน​ ​ตื่นขึ้น​มาก​็​ร้องไห้​สอง​สาม​ครั้ง​ ​รู้ความ​อย่างมาก​ ​ดูก​็​รู้​ว่า​เป็น​เด็ก​ที่​เลี้ยง​ง่าย​เจ้าค่ะ​”

​สือ​อี​เหนียง​เอ่ย​ชื่นชม​สอง​สาม​ประโยค​ ​จากนั้น​ก็​ลุกขึ้น​เอ่ย​ขอตัว​ลา​

​ป้า​สือ​ส่ง​นาง​ออก​ไป​แล้ว​กลับ​ไป​ใน​ห้อง​

ฮู​หยิน​ห้า​ให้​ผ้าเช็ดหน้า​สีแดง​วาง​ที่​หน้าผาก​ของ​ตัวเอง​แล้ว​นอน​อยู่​บน​เตียง​ ​เห็น​ป้า​สือ​เดิน​เข้ามา​นาง​ก็​พูดว่า​ ​“​ไป​แล้ว​หรือยัง​”​

​“​ไป​แล้ว​เจ้าค่ะ​!​”​ ​ป้า​สือ​ยิ้ม​ ​เดิน​เข้าไป​มอง​ทารก​น้อย​ที่นอน​หลับ​อยู่​บน​เตียง​เล็ก

​“​รู้​ว่า​ตัวเอง​ไม่สบาย​แล้วยัง​ไม่​พักผ่อน​อยู่​ที่​เรือน​”​ ฮู​หยิน​ห้า​พูด​ด้วย​ความไม่พอใจ​ ​“​ทำให้​คนอื่น​ลำบากใจ​!​”

​ป้า​สือ​ไม่​อยาก​ทำให้​พวก​นาง​สอง​คน​ขัดแย้ง​กัน​ ​จึง​ตอบรับ​อย่าง​คลุมเครือ​ ​ยิ้ม​แล้ว​เปลี่ยน​เรื่อง​อย่างรวดเร็ว​ ​“​ไท่ฮู​หยิน​บอก​ให้​เว​่ย​จื่อ​นำ​รังนก​มา​ให้​เจ้าค่ะ​ ​บ่าว​บอก​ให้​โรง​ครัว​นำ​ไป​ต้ม​มา​แล้ว​ ​ประเดี๋ยว​ก็​ทาน​ได้​แล้ว​เจ้าค่ะ​”​ ​บอกว่า​ไท่ฮู​หยิน​เป็นห่วง​นาง

​แล้วก็​พูด​อีกว่า​ ​“​เมื่อ​ครู่​คุณชาย​ห้า​ส่ง​บ่าว​รับใช้​คนสนิท​มา​ ​บอกว่า​คืนนี้​มีธุระ​ ​ไม่​กลับมา​แล้ว​ ​ถาม​ว่าวั​นนี​้​คุณหนู​ทาน​อะไร​แล้ว​หรือยัง​ ​นอนหลับ​สบาย​หรือไม่​ ​ร้องไห้​หรือไม่​เจ้าค่ะ​”​ ​บอก​นาง​ว่า​ ​ถึงแม้ว่า​จะ​คลอด​บุตรสาว​ออกมา​ ​แต่​สวี​ลิ่ง​ควน​ก็​ชอบ​เหมือนกัน​

ฮู​หยิน​ห้า​หัวเราะ

​แต่ว่า​รอยยิ้ม​บน​ใบหน้า​ของ​นาง​ยัง​ไม่ทัน​หาย​ไป​ ​ก็​มีสาว​ใช้​เข้ามา​รายงาน​ด้วย​ความตกใจ​ ​“ฮู​หยิน​ ​แย่​แล้ว​เจ้าค่ะ​…​แม่นาง​เสี่ยว​หลาน​ ​แม่นาง​เสี่ยว​หลาน​…​ตัว​เต็มไปด้วย​เลือด​เจ้าค่ะ​…​”

ฮู​หยิน​ห้า​รีบ​ลุกขึ้น​มานั​่ง​ตัวตรง​ ​“​ใคร​เป็น​คน​ทำ​”​ ​สายตา​ของ​นาง​มอง​ไป​ที่​ป้า​สือ

​ป้า​สือ​ตกใจ​ ​ถาม​สาวใช้​คน​นั้น​ ​“​พูด​ให้​ชัดเจน​ ​เกิดเรื่อง​อัน​ใด​ขึ้น​กัน​แน่​”

​สาวใช้​คน​นั้น​ตัวสั่น​ ​“​เมื่อ​ครู่​ยัง​ปกติ​อยู่​เลย​…​ทาน​ซุป​ไก่​ไป​ชาม​หนึ่ง​…​จู่ๆ​ ​ก็​บอกว่า​ปวดท้อง​ ​พี่​เสี่ยว​เหมย​บอกว่า​นาง​ทาน​เยอะ​เกินไป​จึง​บอก​ให้​นาง​ออก​ไป​เดิน​ย่อย​…​ใคร​จะ​รู้​ว่ายัง​พูด​ไม่ทัน​จบ​…​นาง​ก็​อ้วก​ออกมา​เป็น​เลือด​…​”

ฮู​หยิน​ห้า​ตบ​ลง​บน​โต๊ะ​ข้างๆ​ ​เสียงดัง​ ​“​ไป​สืบมา​ให้​ข้า​ ​ต้อง​สืบมา​ให้​ได้​ว่า​ใคร​เป็น​คน​ทำ​”

​สีหน้า​ของ​ป้า​สือ​มืดมน​ลง

ฮู​หยิน​ห้า​พึ่ง​จะ​คลอ​บุตรสาว​คนโต​ ​สาวใช้​ห้อง​ข้าง​ที่​กำลัง​ตั้งครรภ์​ก็​แท้ง​…​คนอื่น​จะ​คิด​เช่นไร​!

​ไม่ใช่​พวก​นาง​ก็​จะ​กลายเป็น​พวก​นาง

​สีหน้า​ของ​นาง​เคร่งขรึม​ ​“ฮู​หยิน​ไม่ต้อง​เป็น​ห้วง​เจ้าค่ะ​ ​บ่าว​จะ​ไป​สืบ​ประเดี๋ยวนี้​”

—————————–

[1]อูฐ​ผอมแห้ง​ก็​ยัง​ตัว​ใหญ่​กว่า​ม้า ​สำนวน​จีน​หมายถึง​ ​คน​มี​ฐานะ​หรือ​บารมี​ ​หาก​ประสบ​ความลำบาก​ก็​ยังดี​กว่า​คนที​่​ยากจน​เป็น​ทุนเดิม

[2]บทกวี​ฉัง​เหมิน ​เป็น​บทกวี​จีน​ประพันธ์​โดย​ซือ​หม่า​เซียง​หรู

[3]ซู​ฮุ่ย ​เป็น​นักกวี​ชาวจีน

[4]เฉิน​อา​เจียว ​สตรีที​่​ขอให้​ซือ​หม่า​เซียง​หรู​แต่ง​บทกวี​ฉัง​เหมิน​ให้​ ​โดยที่​มา​ของ​กลอน​บท​นี้​คือ​ฮ่องเต้​ฮั่น​อู่​ตี้​ ​หลิว​ ​กษัตริย์​ของ​ราชวงศ์​ฮั่น​ ​แต่ง​ชายา​ชื่อ​เฉิน​อา​เจียว​ ​เมื่อ​ครั้ง​เป็น​รัชทายาท​ ​เพราะ​อา​หญิง​ของ​เฉิน​อา​เจียว​สัญญา​ว่า​จะ​ช่วย​สนับสนุน​พระองค์​ขึ้น​เป็น​ฮ่องเต้​ ​พอได้​เป็น​ฮ่องเต้​ก็​ตั้ง​นาง​เป็น​ฮองเฮา​ ​อยู่​ด้วยกัน​สิบ​กว่า​ปีก​็​ปลดออก​ ​ไล่​ไป​อยู่​ตำหนัก​ฉัง​เหมิน​ ​เฉิน​อา​เจียว​เลย​ไหว้วาน​ให้​ซือ​หม่า​เซียง​หรู​แต่ง​กลอน​บรรยาย​ความทุกข์​ของ​สตรีที​่​ถูก​ฮ่องเต้​ทอดทิ้ง​ ​ภายหลัง​เมื่อ​ฮ่องเต้​ได้​ฟัง​กลอน​บท​นี้​แล้วก็​ซาบซึ้ง​ตื้นตันใจ​รับ​นาง​กลับมา​เหมือนเดิม

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท