ซิ่งหลินยิ้มและพูดว่า “กำลังตรวจสอบบัญชีอยู่กับป้าหังในเรือน! บ่าวพาท่านไปดีกว่าเจ้าค่ะ”
สืออีเหนียงลังเลและพูดว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นข้าไม่ไปแล้วก็ได้” นางพูดแล้วบอกให้ตงชิงเอาห่อผ้าในมือให้กับซิ่งหลิน “นี่คือเสื้อที่ข้าตัดให้พี่ใหญ่ ชุดกระโปรงที่ตัดให้คุณนายใหญ่แล้วก็เสื้อกั๊กที่ตัดให้ซิวเกอ รบกวนพี่ซิ่งหลินเอาให้คุณนายใหญ่ด้วยนะเจ้าคะ” จากนั้นก็ให้ตงชิงเอากล่องให้นางกล่องหนึ่ง “นี่คือถุงผ้าที่ข้าทำตอนว่างๆ เจ้าเอาไปแบ่งให้กับพี่ๆ น้องๆ ถือว่าน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ของข้า”
ถึงแม้ว่าสิ่งของที่คุณหนูสิบเอ็ดปักเป็นของดี แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีใครเทียบนางได้ แต่คุณหนูสิบเอ็ดมักจะชอบสร้างสรรค์แบบใหม่ๆ เป็นแบบที่ไม่มีใครเทียบได้ แม้แต่อาจารย์เจี่ยนก็ชอบชมว่าคุณหนูฉลาด…ในเมื่อเป็นของฝากที่ตั้งใจเอามาให้ เช่นนั้นก็แสดงว่านางใช้เวลาไปไม่น้อย ซิ่งหลินไม่เปิดดูก็รู้ว่าถุงผ้าพวกนี้จะต้องทำให้สายตาของผู้คนเปล่งประกาย นางย่อคำนับสืออีเหนียงด้วยความดีใจ “ลำบากคุณหนูสิบเอ็ดแล้วเจ้าค่ะ” จากนั้นก็รับถุงผ้ามา ยิ้มแล้วพูดว่า “ในบรรดาคุณหนู ฝีมือของท่านดีที่สุด ครั้งก่อนที่รบกวนท่านปักเสื้อคลุมให้นายหญิงของเรา จนถึงทุกวันนี้คุณนายใหญ่ยังพูดไม่หยุด บอกว่าดอกเหมยที่ท่านปักราวกับดอกจริงๆ ตอนที่ญาติพี่น้องมาพบปะกันที่เยี่ยนจิง ทุกคนต่างถามว่าเป็นฝีมือของใคร ทำให้นางเป็นที่สนใจ ครั้งนี้ท่านปักเสื้อมาให้คุณชายใหญ่ คุณนายใหญ่และซิวเกอ หากคุณนายใหญ่รู้คงจะดีใจมาก! แล้วหากนายหญิงรู้ว่าท่านเอาของมาให้แต่ไม่เข้าไปที่เรือน ถึงตอนนั้นคุณนายใหญ่คงจะตำหนิว่าบ่าวไม่รู้จักกฎระเบียบ ไม่ว่าเช่นไรคุณหนูสิบเอ็ดก็เข้าไปดื่มชาก่อนเถิดนะเจ้าคะ”
สืออีเหนียงยืนกราน “อีกเดี๋ยวข้าค่อยมาหาคุณนายใหญ่ก็ไม่สาย”
ซิ่งหลินรั้งนางไว้ไม่อยู่ นางจึงส่งสืออีเหนียงออกไป จากนั้นก็เข้าไปที่เรือนของคุณนายใหญ่
คุณนายใหญ่กำลังตรวจสอบสมุดบัญชีและตัวเลข ป้าหังกำลังนับลูกคิด
ซิ่งหลินไม่กล้ารบกวน เมื่อป้าหังหยุดนับและรายงานตัวเลข คุณนายใหญ่จดลงในสมุดบัญชี นางถึงได้ยิ้มและเดินเข้าไปคำนับคุณนายใหญ่ “คุณนายใหญ่ เมื่อครู่คุณหนูสิบเอ็ดมา บอกว่าตัดเสื้อมาให้ท่านและคุณชายใหญ่ แล้วยังมีของซิวเกอด้วยเจ้าค่ะ” พูดจบก็ยกห่อผ้ามาให้นาง “คุณหนูสิบเอ็ดได้ยินว่าท่านกำลังตรวจสอบบัญชีอยู่กับป้าหัง นางยืนกรานที่จะไป บอกว่าจะมาหาท่านวันอื่น”
คุณนายใหญ่ได้ยินเช่นนี้ก็มองหน้าซิ่งหลินอย่างจริงจัง “ทำไมเจ้าถึงไม่รั้งนางไว้?”
ซิ่งหลินตกใจ
คุณนายใหญ่พูดว่า “เจ้าวางห่อผ้าไว้แล้วออกไปตรวจสอบบัญชีกับพวกนางให้เรียบร้อย”
“เจ้าค่ะ” ซิงหลินสีหน้าเคร่งขรึม ย่อคำนับแล้วเดินออกไป
ป้าหังยิ้มและพูดว่า “ซิ่งหลินยังเด็ก คุณนายใหญ่ค่อยๆ สอนเอาก็ได้เจ้าค่ะ!”
คุณนายใหญ่ส่ายหน้า “ปีนี้นางก็อายุสิบแปดแล้ว… เดิมทีข้าอยากให้คุณชายใหญ่แต่งนางเข้ามา ข้าจะได้มีคนคอยช่วยเหลือ ใครจะรู้…” นางถอนหายใจ “นางตัวแค่นี้แต่กลับกล้าเช่นนี้ แม้แต่คุณหนูสกุลหลัวก็กล้ามองข้าม เกรงว่าต่อไปคงจะสั่งสอนยาก”
“นางจะเป็นเช่นไรก็ขึ้นอยู่กับท่าน” ป้าหังยิ้ม “แล้วอีกอย่าง คุณชายใหญ่ของเราไม่เคยแตะต้องคนใกล้ตัว ตอนที่เถาหลินอยู่ที่นี่เขาก็ยังไม่คิดอะไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนหน้าตาอย่างซิ่งหลิน”
เถาหลิน ก็คือสาวใช้ที่ยั่วคุณชายใหญ่ใหญ่ตอนนั้น…
ได้ยินป้าหังพูดถึงชื่อนาง สีหน้าของคุณนายใหญ่ก็มืดมนลง “ขายขี้หน้าสกุลกู้ของเราจริงๆ ทำให้ข้าไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าคุณชายใหญ่!”
ป้าหังมองไปรอบๆ เห็นว่าไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร นางจึงพูดเบาๆ ว่า “คุณนายใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วง นายหญิงจัดการตั้งนานแล้ว รับรองว่าไม่มีใครรู้แน่นอนเจ้าค่ะ”
นายหญิงที่นางพูดถึงก็คือท่านแม่ของคุณนายใหญ่
คำพูดของป้าหังไม่ได้ทำให้สีหน้าของคุณนายใหญ่ดีขึ้น นางแกะห่อผ้าที่สืออีเหนียงส่งมาด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล “ไม่พูดเรื่องพวกนี้ดีกว่า…ดูสิว่าสืออีเหนียงตัดอะไรมาให้พวกข้า”
เสื้อของคุณชายใหญ่ปักเย็บอย่างละเอียด ดอกกล้วยไม้บนกระโปรงของคุณนายใหญ่ราวกับเป็นดอกจริง กวางบนเสื้อของซิวเกอราวกับมีชีวิต…
ป้าหังอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “น่าเสียดายที่นางไม่ได้อยู่ในท้องของนายหญิงใหญ่!”
“นั่นนะสิ” คุณนายใหญ่ทำหน้าสงสาร “ล้วนแต่เป็นโชคชะตา”
ทั้งสองนึกถึงหลัวหยวนเหนียงขึ้นมาพร้อมกัน
บรรยากาศพลันเงียบสงัด
ผ่านไปชั่วครู่ คุณนายใหญ่ก็ได้สติขึ้นมา “ใช่ๆ แล้วของขวัญของนายท่านสองและนายท่านสามล่ะ ถูกส่งไปแล้วหรือยัง?”
ป้าหังรีบตอบ “ส่งไปตามที่ป้าสวี่สั่งตั้งนานแล้วเจ้าค่ะ คาดว่าตอนนี้คงจะถึงแล้ว”
คุณนายใหญ่พยักหน้า จากนั้นก็พูดเรื่องบัญชีกับป้าหังต่อ
******
อาหารกลางวันของวันนี้เร็วกว่าปกติหนึ่งชั่วโมง หลังจากกินข้าวเสร็จ นายหญิงใหญ่ให้พวกนางไปพักผ่อนก่อน “…อย่าให้คนในสกุลสวีเห็นน้องสาวของฮูหยินไม่มีชีวิตชีวาราวกับมะเขือเหี่ยว! พวกเจ้าแต่งตัวเสร็จแล้วก็มาที่เรือนของข้า”
แน่นอนว่าอู่เหนียงกับสืออีเหนียงก็ไม่กล้าคัดค้าน พวกนางกลับไปพักผ่อนที่เรือนของตัวเอง ล้างหน้าล้างตา หวีผมเปลี่ยนเสื้อผ้า นายหญิงใหญ่กำลังจัดของที่เอามาจากอวี๋หังกับป้าสวี่ ประเดี๋ยวจะได้เอาไปให้สกุลสวี
ตอนบ่าย ทุกคนมารวมตัวกันที่ห้องของนายหญิงใหญ่
อู่เหนียงสวมเสื้อสีขาวข้างใน ข้างล่างสวมกระโปรงสีขาว ข้างนอกเป็นเสื้อกั๊กลายดอกสีแดงกุหลาบ ม้วนผมสีดำพร้อมกับปักปิ่นปักผมสีทองที่งดงาม ที่หูใส่ต่างหูหินสีม่วง มองดูแล้วช่างสง่างาม
นายหญิงใหญ่ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ไป ไปเปลี่ยนกระโปรงตัวนั้นเป็นสีเหลือง”
อู่เหนียงหน้าแดง แต่นางก็ไปเปลี่ยนกระโปรงตัวใหม่
สายตาของนายหญิงใหญ่มองไปที่สืออีเหนียง
ข้างในสวมเสื้อสีเขียวอ่อน ข้างล่างสวมกระโปรงสีเขียวถั่ว ข้างนอกสวมเสื้อกั๊กสีเหลืองที่มองดูแล้วสะอาดตา ม้วนผมขึ้นสองจุก ประดับด้วยดอกไม้ไข่มุกสองสามดอก ถึงแม้ว่าเสื้อผ้าจะดูหรูหราและเรียบง่าย แต่มันกลับดูจืดชืดไปหน่อย
นายหญิงใหญ่อดไม่ได้ที่จะจับหน้าผาก “วันนี้เป็นอะไรกัน แต่ละคนไม่ทำให้ข้าหมดห่วงสักคน”
“อาจจะเป็นเพราะตื่นเต้นเกินไปเจ้าค่ะ” ป้าสวี่นึกขึ้นได้ว่าตัวเองเคยไปดูเสื้อผ้าของคุณหนู นางยิ้มและอธิบาย
นายหญิงใหญ่ถอนหายใจและพูดกับสืออีเหนียง “สวมเสื้อข้างในสีชมพู เสื้อกั๊กสีม่วงอ่อน กระโปรงสีขาว ปล่อยผมแล้วม้วน ประดับดอกไม้ไข่มุกสักสองสามดอก…ไปเร็วเข้า!”
ช่วยไม่ได้ สืออีเหนียงจึงรีบกลับไปที่เรือน เปลี่ยนเสื้อผ้าตามที่นายหญิงใหญ่บอก
เมื่อนางกลับถึงเรือน อู่เหนียงก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว
เสื้อกั๊กสีแดงดอกกุหลาบกับกระโปรงสีเหลือง ในความสง่างามมีความสดใส และนาง เสื้อสีชมพูบวกกับเสื้อกั๊กสีม่วงอ่อน สัมผัสได้ถึงความสง่างามในความอ่อนโยน
ทันใดนั้นสืออีเหนียงก็ตระหนักขึ้นได้ว่า ตัวเองอยู่ในสกุลหลัวไม่มีโอกาสทำอะไรเลย
นางอดไม่ได้ที่จะกำมือแน่น
มันต้องมีวิธีอื่น…
******
รถม้าค่อยๆ แล่นออกจากตรอกกงเสียนในเป่าต้าฟาง เลี้ยวไปทางซ้ายก็ไปถึงถนนเป่าต้า ออกมาจากถนนเป่าต้าแล้วเลี้ยวขวาก็มาถึงถนนตงเจิ้ง จากนั้นก็แล่นไปทางตะวันตกตามถนนตงเจิ้ง ผ่านประตูเจิ้งอานและสวนหลวงไท่ฉือย่วน แล่นไปอีกประมาณหนึ่งก้านธูปก็มาถึงจวนหย่งผิงโหวที่เหอฮวาหลี่
เหอฮวาหลี่เดิมทีเรียกว่าเหอฮวาพัว ซึ่งเป็นทะเลสาบเล็กๆ ในไท่ฉือ ตอนที่องค์ฮ่องเต้ไท่จงซ่อมแซมไท่ฉือย่วน เขารู้สึกว่าที่ตั้งของมันค่อนข้างไกล จึงถูกองค์หญิงคนโตหนิงกั๋วเอาไป เอาทะเลสาบไปทำเป็นลานกว้าง ต่อมาองค์หญิงดื่มยาพิษฆ่าตัวตายเนื่องจากเข้าไปเข้าไปพัวพันกับคดีก่อกบฏของเจิ้งอานอ๋อง ถูกยึดทรัพย์สินของสกุล ลานนี้จึงถูกกรมพระราชวังยึดกลับไป ต่อมาสกุลสวีกลับมารับบรรดาศักดิ์ เดิมทีที่ตั้งของจวนสกุลสวีอยู่ที่ตรอกสือซือ แต่ถูกองค์ฮ่องเต้เซี่ยวจงนำไปมอบเป็นรางวัลให้กับท่านลุงของตัวเอง องค์ฮ่องเต้อิงจงจึงได้มอบลานขององค์หญิงหนิงกั๋วให้กับสกุลสวีแทน
“เช่นนั้นพี่หญิงใหญ่ก็อยู่ที่ลานของราชวงค์เช่นนั้นหรือเจ้าคะ?” ได้ยินนายหญิงใหญ่บอกว่ากำลังจะไปเหอฮวาหลี่ สายตาของอู่เหนียงก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“ก็ไม่ใช่ทั้งหมด” นายหญิงใหญ่หยุดพูด “ตอนนั้นเพราะคดีก่อกบฏของเจิ้งอานอ๋อง ความคับข้องใจที่มีมานานของเหล่าขุนนางก็ถูกชำระล้างออกไปมากมาย สกุลสวีเสนอแบ่งเขตอยู่กับติ้งกั๋วกง[1]สกุลเจิ้งและเวยเป่ยโหวสกุลหลินในลานขององค์หญิง ไม่เช่นนั้นเหอฮวาพัวจะเปลี่ยนชื่อเป็นเหอฮวาหลี่ได้เช่นไรเล่า”
เมื่อได้ยินว่าสกุลสวีแบ่งที่ดินอยู่กับคนอื่น อู่เหนียงก็ตกใจ
นายหญิงใหญ่มองความคิดของนางออก ในใจของนางก็รู้สึกไม่พอใจ จากนั้นก็พูดว่า “ถึงแม้ว่าสกุลเจิ้งจะได้ครอบครองเรือนหลัก สกุลหลินและสกุลสวีแบ่งลานที่เหลือ แต่ฮ่องเต้อิงจงเห็นว่าจวนเก่าของสกุลสวีไม่ได้เล็กไปกว่าลานขององค์หญิง เขาจึงมอบหนึ่งในสามของลานให้กับสกุลหลิน สกุลสวีจึงได้ครอบครองพื้นที่สองในสาม ลานนั้นเป็นลานที่องค์หญิงสร้างขึ้นเพื่อพักผ่อน ในลานมียอดเขาที่สูงชัน ดอกจื่อเถิงที่เบ่งบานสะพรั่ง งดงามเป็นอย่างมาก หากจะพูดถึงเรื่องพื้นที่ สกุลสวีอาจจะเทียบกับเหล่าขุนนางในเยี่ยนจิงไม่ได้ แต่เมื่อพูดถึงทิวทัศน์ที่สวยงาม พวกเขาก็ไม่น้อยหน้าเหมือนกัน”
อู่เหนียงรู้ว่าตัวเองเสียมารยาท นางจึงรีบยิ้มและพูดว่า “ข้าแค่กำลังคิดว่า อีกเดี๋ยวท่านแม่บอกให้พี่หญิงใหญ่ส่งคนพาข้าไปเดินชมได้หรือไม่…ข้าโตขนาดนี้แล้ว แต่กลับไม่เคยมาที่ที่สูงส่งเช่นนี้มาก่อน ข้าอยากจะเปิดหูเปิดตาบ้างเจ้าค่ะ”
สีหน้าของนายหญิงใหญ่ดีขึ้น “เรายังจะต้องอยู่ที่เยี่ยนจิงอีกสักพัก มีโอกาสอีกตั้งมากมาย”
ทันทีที่นางพูดจบ ก็มีคนพูดผ่านม่านรถม้า “นายหญิง เรากำลังผ่านไท่ฉือย่วนพอดี! ท่านอยากอยากจะเดินชมหรือไม่เจ้าคะ” คนที่พูดคือท่านป้าที่สกุลสวีส่งมา
อู่เหนียงได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้มออกมา แต่กลับถูกนายหญิงใหญ่จ้องใส่ จากนั้นนางก็พูดกับท่านป้าคนนั้นผ่านม่านอย่างไม่รีบร้อน “ไม่เป็นไร มองจากถนนตงเจิ้งไปก็เห็นเพียงต้นไม้ไม่กี่ต้น หากเป็นฤดูร้อนก็ยังจะน่าดูอยู่ แต่อากาศหนาวๆ เช่นนี้ ข้าคิดว่าเลี่ยงไปดีกว่า!”
ท่านป้าคนนั้นหัวเราะแล้วก็ไม่พูดอะไรอีก
นายหญิงใหญ่ตักเตือนอู่เหนียงและสืออีเหนียงเบาๆ “เมื่อถึงจวนของสกุลสวี่ อย่ามองซ้ายมองขวา อย่าก้มหน้าก้มตา อย่าตกใจอะไร พูดเมื่อควรจะพูด เมื่อไม่ควรพูดก็ยิ้มเข้าไว้ เขามอบอะไรให้ก็รับมา อย่าปฏิเสธไปๆ มาๆ ขนมที่ยกมาก็แค่ชิมก็พอ อย่าเอาแต่หดหัวราวกับคนที่ไม่เคยเห็นภายโลก…” นางพูดอะไรตั้งมากมาย ทำให้อู่เหนียงตื่นเต้น สืออีเหนียงเห็นเช่นนี้ แน่นอนว่านางก็ต้องทำเป็นอยู่ไม่เป็นสุข นายหญิงใหญ่จึงหยุดพูด “สรุปก็คือ สกุลสวี่สูงส่ง พวกเจ้าอย่าทำให้สกุลหลัวขายหน้า”
ทั้งสองคนรีบตอบกลับอย่างเชื่อฟัง “เจ้าค่ะ”
นายหญิงใหญ่ยกมือขึ้นจัดทรงผมของตัวเองแล้วก็ดึงกระโปรงให้เรียบ
สืออีเหนียงตกใจ
รถม้าหยุดเคลื่อน ข้างนอกมีคนกำลังกระซิบอะไรบางอย่าง ผ่านไปไม่นาน เสียงพวกนั้นก็หายไป จากนั้นรถม้าก็สั่นสะเทือนราวกับวิ่งทับอะไรบางอย่างและเริ่มเคลื่อนไปข้างหน้าอีกครั้ง
ในรถม้า ทุกคนไม่พูดไม่จา บรรยากาศค่อนข้างหดหู่
โชคดีที่รถม้าเคลื่อนที่ไปไม่นานมากเท่าไร ก็หยุดเคลื่อนอีกครั้ง
ม่านรถเปิดออก ใบหน้ากลมๆ ที่ยิ้มแย้มของป้าเถาก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าพวกนาง “นายหญิงใหญ่ ถึงแล้วเจ้าค่ะ!”
[1] กั๋วกง ตำแหน่งบรรดาศักดิ์สูงสุดของชั้นกง และเป็นตำแหน่งบรรดาศักดิ์สูงสุดที่ขุนนางจะได้รับพระราชทานจากองค์ฮ่องเต้ สามารถสืบทอดผ่านลูกหลานได้