ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 273 ปิติยินดี(ปลาย)

ตอนที่ 273 ปิติยินดี(ปลาย)

หลังจากที่​จัดงาน​เลี้ยง​ครบ​เดือน​ของ​ซิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​เรียบร้อย​แล้ว​ ฮู​หยิน​ห้า​ก็​รอ​แทบจะ​ไม่ไหว​ที่จะ​ย้าย​จาก​เรือน​จ้าว​จวง​ถัง​กลับ​ไป​ยัง​เรือน​เดิม​ของ​ตน​ ​จากนั้น​ก็ได้​พาบุ​ตร​สาว​และ​สวี​ลิ่ง​ควน​กลับ​ไป​ยัง​จวน​ของ​สกุล​เดิม​ ​พอต​กค​่ำ​ก็ได้​เดินทาง​กลับ​จวน​ ​ทั้งตัว​ของ​ซิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​เต็มไปด้วย​เส้น​ไหม​หลาก​สีสัน​ ​พอ​ไท่ฮู​หยิน​ได้​อุ้ม​แล้วก็​หัวเราะ​ชอบใจ​เสียงดัง​ ​“​…​ดูท่าน​โหว​ผู้เฒ่า​สิ​ ​เอ็นดู​ซิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ของ​เรา​ขนาด​ไหน​!​”

เด็ก​ครบ​เดือน​เพิ่งจะ​ออกจาก​เรือน​ครั้งแรก​ ​หาก​เป็น​เด็กผู้หญิง​ ​ญาติ​ๆ​ ​ของ​สกุล​เดิม​รวมไปถึง​มิตรสหาย​ก็​จะ​มอบ​เส้น​ไหม​หลาก​สีสัน​ให้​เด็กน้อย​ครอบครัว​ละ​หนึ่ง​เส้น​ ​ยิ่ง​จำนวน​เส้น​ไหม​เยอะ​มาก​เท่าไร​ ​ก็​แสดงว่า​ญาติ​สกุล​เดิม​มา​อวยพร​มาก​เท่านั้น

ฮู​หยิน​ห้า​ได้ยิน​แล้วก็​ตอบกลับ​ด้วย​รอยยิ้ม​ว่า​ ​“​พอได้​ยิน​ว่า​ซิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​จะ​กลับ​ไป​ ​เหล่า​บรรดา​อาสะใภ้​และ​พี่สะใภ้​ก็​พากั​นก​ลับ​มา​จน​หมด​…​ครึกครื้น​เป็นอย่างมาก​เจ้าค่ะ​!​”

ไท่ฮู​หยิน​ยิ้ม​ขึ้น​พร้อมกับ​พยักหน้า​เบา​ๆ

ฮู​หยิน​สอง​ที่นั่ง​อยู่​ฝั่ง​ตรงข้าม​ของ​ไท่ฮู​หยิน​ก็ได้​เข้ามา​อุ้ม​เด็ก​ต่อ​ ​ถึงแม้ว่า​ไท่ฮู​หยิน​จะ​ดูแล​ร่างกาย​เป็น​อย่างดี​ ​แต่​อย่างไร​เสีย​ก็​ถือว่า​อายุ​มาก​แล้ว​ ​อุ้ม​เล่น​ประเดี๋ยวเดียว​ไม่​เป็นปัญหา​ ​แต่​หาก​อุ้ม​นาน​แล้วก็​ถือว่า​เหนื่อย​เอาเรื่อง​เหมือนกัน

ไท่ฮู​หยิน​เอง​ก็​ไม่ได้​ฝืน​อุ้ม​ต่อ​ ​แต่​หันไป​คุย​เรื่อง​เทศกาล​ซาน​เย​่ว​์​ซาน​กับ​สือ​อี​เหนียง​ที่​ยืน​อยู่​ข้างๆ​ ​แทน​ ​“​…​ทุกปี​ของ​ช่วงเวลา​นี้​ก็​ต้อง​เชิญ​พวก​นาง​มาสัง​สรรค์​เสมอ​ ​แต่​ปีนี​้​เกิดเรื่อง​ขึ้น​ค่อนข้าง​เยอะ​”​ ​ไท่ฮู​หยิน​พูด​ขึ้น​พลาง​หันไป​มองฮู​หยิน​ห้า​ ​“​ยิ่ง​ต้อง​เชิญ​ผู้คน​มาสัง​สรรค์​ ​กลบเกลื่อน​เรื่อง​เหล่านี้​ให้​เงียบ​ไป​ถึง​จะ​ถูก​”

คงจะ​หมายถึง​เรื่อง​การตาย​อย่างกะทันหัน​ของ​เสี่ยว​หลาน​สอง​แม่​ลูก​กระมัง

“​ข้า​กำลัง​คิด​อยาก​จะ​ปรึกษาหารือ​เรื่อง​นี้​กับ​ท่าน​แม่​พอดี​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ตอบกลับ​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​อ่อนโยน​ ​“​ข้า​เห็น​ว่า​หนังสือ​บัญชี​ของ​จวน​มีค่า​ใช้จ่าย​ตรงนี้​ด้วย​ ​กำลัง​คิด​อยาก​จะ​มาถา​มท​่าน​แม่​ว่า​ปีนี​้​ควรจะ​ทำ​อย่างไร​ดีเจ​้า​ค่ะ​”

ประโยค​ถาม​เป็นนัย​ว่า​ปีนี​้​ควรจะ​จัดงาน​ใหญ่โต​หรือไม่

ฮู​หยิน​สอง​ได้ยิน​แล้วก็​กระแอม​ออกมา​เบา​ๆ

ไท่ฮู​หยิน​จึง​หันไป​ถามฮู​หยิน​สอง​ว่า​ ​“​เจ้า​มี​ความเห็น​ว่า​อย่างไร​”

ฮู​หยิน​สอง​ตอบกลับ​เสียง​เบา​ว่า​ ​“​เด็ก​เพิ่งจะ​จัดงาน​ครบ​เดือน​ไป​…​ข้าว​่า​จัด​เหมือน​ปี​ที่​ผ่านๆ​ ​มาดี​หรือไม่​เจ้า​คะ​”

คน​สมัยก่อน​ค่อนข้าง​ให้ความสำคัญ​กับ​เรื่อง​โชคชะตา​ ​มี​ความเชื่อ​ว่าความ​สุข​และ​ความโชคดี​ของ​ทั้ง​ชีวิต​นั้น​ถูก​กำหนด​ไว้​แล้ว​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​ยัง​ให้ความสำคัญ​กับ​สมดุล​ของ​หยิน​และ​หยาง​อีกด้วย​ ​หยิน​เกิด​จุติ​หยาง​แตกดับ​ ​หยิน​เพิ่มพูน​หยาง​สลาย​หาย​ไป​ ​หากว่า​ไป​ทำลาย​ขนบธรรมเนียม​เดิม​ตามอำเภอใจ​ภายใต้​ความเกี่ยวพัน​ของ​สมดุล​แห่ง​หยิน​และ​หยาง​ ​จะ​ส่งผล​กระทบ​ไป​ถึง​ความมั่งมี​ศรีสุข​และ​อายุขัย​ได้

ความหมาย​ของ​นาง​ก็​คือ​อายุ​เด็ก​ยังน้อย​เกินไป​ ​หาก​หรูหรา​ฟุ่มเฟือย​มาก​เกิน​จะ​ไป​ทำลาย​สมดุล​ของ​โชคชะตา​เด็ก​ได้​ ​นำมาซึ่ง​ผลพวง​ที่​ไม่ดี

ก่อนหน้านี้​ที่ฮู​หยิน​ห้า​คิด​อยาก​จะ​จัดงาน​ใหญ่โต​นั้น​ ​ประการ​แรก​คือ​ความตั้งใจ​ของ​ไท่ฮู​หยิน​ ​ที่ตั้ง​ใจ​จะ​เพิ่มพูน​บรรยากาศ​อัน​ชื่นมื่น​ให้​แก่​จวน​ ​ส่วน​ประการ​ที่สอง​นั้น​ ​นี่​คือ​งานเลี้ยง​แรก​หลังจากที่​บุตรสาว​เกิด​ ​ถึงแม้ว่า​ค่าใช้จ่าย​ต่างๆ​ ​นานา​ของ​ส่วนกลาง​จะ​ถูก​กำหนด​ไว้​แล้ว​ ​งานเลี้ยง​ครบ​เดือน​ของ​ซิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ ​สือ​อี​เหนียง​เอง​ก็ได้​จัดการ​ตาม​แบบ​เก่า​ ​เบิก​จาก​ส่วนกลาง​ออกมา​ห้าสิบ​ตำลึง​ ​ส่วน​ต่าง​และ​ค่าใช้จ่าย​เล็กน้อย​อื่นๆ​ ​พวกเขา​ออก​เอง​ทั้งหมด​ ​แต่​ใช่​ว่า​พวกเขา​จะ​ออก​ค่าใช้จ่าย​เหล่านี้​ไม่ไหว​เสียหน่อย​ ​เพื่อ​บุตรสาว​แล้ว​ ​ออก​เงิน​แค่นี้​ก็​ถือว่า​คุ้มค่า​มาก​แล้ว

แต่​พอได้​ยินฮู​หยิน​สอง​พูด​มา​เช่นนี้​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็​รีบ​เปลี่ยนความคิด​ทันที

“​ยัง​เป็น​พี่สะใภ้​สอง​ที่​คิด​พิจารณา​ได้​อย่าง​รอบคอบ​ ​ท่าน​แม่​ ​เช่นนั้น​ก็​จัดการ​ตาม​เจตนา​ของ​พี่สะใภ้​สอง​ดี​หรือไม่​เจ้า​คะ​”

ใน​ใจ​ไท่ฮู​หยิน​เอง​ก็ได้​เห็นด้วย​กับ​ความคิด​ของฮู​หยิน​สอง​ ​แต่​ที่​ไม่ได้​แสดงออก​ทันที​ ​ก็​เพราะ​กลัว​ว่าฮู​หยิน​ห้า​จะ​คิดมาก​ ​แต่​ตอนนี้​ทุกคน​เห็นพ้อง​เป็นหนึ่งเดียว​แล้ว​ ​ไท่ฮู​หยิน​จึง​พยักหน้า​เบา​ๆ​ ​พลาง​กำชับ​สือ​อี​เหนียง​ว่า​ ​“​เช่นนั้น​ก็​จัด​เหมือน​ปี​ที่แล้ว​ๆ​ ​มาก​็​แล้วกัน​!​”

สือ​อี​เหนียง​กำลัง​ขานรับ​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​และ​สวี​ลิ่ง​ควน​สอง​พี่น้อง​ก็​มาถึง​พอดี

ทุกคน​ต่าง​ก็​ทำความเคารพ​ซึ่งกันและกัน​ ​จากนั้น​สวี​ลิ่ง​ควน​ก็​รีบ​ตรง​ไป​อุ้ม​บุตรสาว​ทันที​ ​“​วันนี้​ไม่​ร้องไห้​หรือ​”​ ​เขา​หันไป​ถามฮู​หยิน​ห้า

ฮู​หยิน​ห้า​เดิน​ไป​หยุด​อยู่​ที่​ข้าง​กาย​สามี​ ​จ้องมอง​บุตรสาว​ด้วย​ใบหน้า​ที่​ยิ้มแย้ม​ ​“​ใคร​จะ​กล้า​แกล้ง​นางร้องไห้​เล่า​!​”

สวี​ลิ่ง​ควน​ได้ยิน​แล้วก็​ยิ้ม​กว้าง​ ​“​เวลา​เด็ก​ไม่สบาย​ตัว​ก็​จะ​ร้องไห้​ทันที​”​ ​ความหมาย​ก็​คือ​วันนี้​ดูแล​ได้ดี

เมื่อ​ทุกคน​ได้ยิน​แล้วก็​พากัน​หัวเราะ​ไป​ตาม​ๆ​ ​กัน

สายตา​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็ได้​จับจ้อง​ไป​ยัง​สือ​อี​เหนียง

ตั้งแต่​รับหน้าที่​ดูแล​จวน​ต่อ​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็​อยู่​ที่​โถง​บุปผา​เสีย​ส่วนใหญ่​ ​เวลา​อยู่​ที่​เรือน​ก็​มักจะ​มี​ป้า​รับใช้​เข้ามา​รายงาน​ไม่ขาดสาย​ ​ถึงแม้ว่า​เขา​จะ​ว่างเว้น​จาก​งาน​อยู่​ที่​เรือน​ ​แต่​เวลา​ที่​ใช้​ร่วมกัน​นั้น​กลับ​น้อยกว่า​เมื่อก่อน​มาก​ ​ไม่ได้​สงบ​เฉกเช่น​เมื่อก่อน​แล้ว​ ​วันนี้​ทั้งสอง​เจอกัน​แค่​ตอน​ทานอาหาร​เช้า​และ​ได้​พูดคุย​กัน​เพียง​ไม่​กี่​ประโยค​เท่านั้น

เขา​เห็น​สือ​อี​เหนียง​สวม​เสื้อ​อ่าว​สีชมพู​บานเย็น​ยืน​อยู่​ข้างๆ​ ​ไท่ฮู​หยิน​ ​เส้น​ผม​ดำขลับ​รวบ​ทรง​เรียบๆ​ ​ที่​ใบ​หู​สวม​ด้วย​ต่างหู​ไข่มุก​หนาน​จู​เม็ด​เล็ก​ ​ยืน​อยู่​ตรงนั้น​อย่างสงบ​นิ่ง​ ​สุขุม​เรียบร้อย​ประดุจ​ไข่มุก​หนาน​จู​ที่​ห้อย​อยู่​ปลาย​ติ่งหู​ของ​นาง​ ​เป็นความ​สงบ​ที่​งดงาม

เมื่อ​รู้สึก​ว่า​มี​คน​จ้องมอง​ตน​อยู่​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็ได้​หันไป​มอง​ ​จึง​เห็น​สวี​ลิ่ง​อี๋​ที่​ยืน​อยู่​ตรง​ประตู

เขา​สวม​ชุด​คลุม​เผา​จื่อ​ผ้าแพร​สีม่วง​น้ำเงิน​เรียบๆ​ ​มือ​ทั้งสอง​ข้าง​ไขว้หลัง​ ​ยืน​ตัวตรง​สง่าผ่าเผย​ ​จ้องมอง​นาง​ด้วย​สายตา​ที่​แวววาว​เคล้า​รอยยิ้ม​ที่​ราวกับ​เหมันตฤดู​ก็​ไม่​ปาน​ ​จึง​ทำให้​แววตา​นั้น​อ่อนโยน​กว่า​ปกติ​เป็นอย่างมาก

สือ​อี​เหนียง​ชะงัก​ไป​เล็กน้อย

หลังจากที่​หวัง​จิ​่ว​เป่า​เข้า​เมืองหลวง​มา​แล้ว​ ​ก็​มักจะ​มี​คน​มา​เยี่ยมเยียน​สวี​ลิ่ง​อี๋​อยู่​เสมอ​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​มักจะ​ใช้​เหตุผล​ที่ว่า​ข้อเท้า​ของ​เขา​อักเสบ​มาคอ​ยป​ฏิ​เสธ​ซ้ำแล้วซ้ำเล่า​ ​เขา​ยอม​เจอ​หน้า​เพียง​ไม่​กี่​คน​เท่านั้น​ ​นอกจาก​หวัง​ลี่​ ​หม่า​จั่ว​เหวิน​และ​สหาย​คนสนิท​เพียง​ไม่​กี่​คน​ ​ส่วน​คนอื่นๆ​ ​นั้น​เขา​ได้​ปฏิเสธ​จน​หมด​ ​เอาแต่​เก็บตัว​วาดภาพ​และ​เขียน​อักษร​อยู่​ใน​เรือน​ปั้น​เย​่ว​์​พั่น​เท่านั้น​ ​ไม่รู้​ว่าวั​นนี​้​เป็น​เพราะอะไร​ ​หลังจากที่​เขา​ทานอาหาร​เช้า​เสร็จ​เรียบร้อย​แล้ว​ ​ก็ได้​ออก​ไป​ยัง​ลาน​นอก​และ​ก็​พึ่ง​จะ​กลับมา

มีเรื่อง​น่ายินดี​เกิดขึ้น​หรือ​อย่างไร​กัน

ขณะที่​นาง​กำลัง​ครุ่นคิด​อยู่​นั้น​ ​ก็ได้​จ้องมอง​เขา​กลับ​ไป​ด้วย​สีหน้า​ที่​ฉงนใจ

สือ​อี​เหนียง​มีด​วง​ตา​ที่​งดงาม​ ​ตาดำ​ขาว​แบ่งแยก​ชัดเจน​ ​ดวงตา​กระจ่างสด​ใส​ ​ราวกับ​น้ำแร่​ที่​ไหล​ตาม​ร่องน้ำ​ท่ามกลาง​หุบเขา​ ​เวลา​จ้องมอง​ก็​พลอย​ทำให้​ผู้อื่น​รู้สึก​จิตใจ​สะอาด​ไป​ด้วย​ ​แต่​บางครั้ง​ก็​เป็นประกาย​แวววาว​ประดุจ​ดวงดาว​ยามค่ำคืน​ ​ระยิบระยับ​อย่าง​น่าอัศจรรย์​ ​พลอย​ทำให้​ผู้อื่น​ต้อง​มนต์​และ​เคลิบเคลิ้ม​ไป​ชั่วขณะ​…

สวี​ลิ่ง​อี๋​สังเกต​มอง​สือ​อี​เหนียง​อย่างละเอียด​ช้าๆ

จน​ทำให้​สือ​อี​เหนียง​เกิด​อาการ​ประหม่า​ขึ้น​มา

มีความรู้สึก​ว่า​สายตา​ของ​เขา​นั้น​จดจ่อ​เกินไป

หาก​ผู้อื่น​สังเกตเห็น​เข้า​ ​ไม่รู้​ว่า​จะ​เอา​ไป​พูด​อย่างไรบ้าง

นาง​จึง​รีบ​หันหน้า​หลบ​ ​นั่ง​ตัวตรง​และ​ก้มหน้า​ลง​ ​จากนั้น​ก็ได้​ยิน​เสียงหัวเราะ​ดัง​มาจาก​ข้างๆ​ ​ตามมา​ด้วย​เสียง​สวี​ลิ่ง​ควน​ที่​ถาม​สวี​ลิ่ง​อี๋​ว่า​ ​“​พี่​สี่​ ​ท่าน​เห็น​ว่า​อย่างไร​ขอรับ​”​ ​น้ำเสียง​ระมัดระวัง​ ​ฟัง​ดู​ว่า​กำลัง​หยั่งเชิง​อย่างเห็นได้ชัด

สวี​ลิ่ง​อี๋​เห็น​ว่า​สือ​อี​เหนียง​หลบสายตา​ของ​เขา​ ​จึง​ขมวดคิ้ว​เล็กน้อย​พร้อม​ยิ้ม​ขึ้น​บาง​ๆ​ ​นั่ง​ตัวตรง​ด้วย​ท่าที​ที่​สุขุม​ ​จากนั้น​เขา​ก็ได้​นึกถึง​สายตา​ที่​ลุกลี้ลุกลน​ของ​สือ​อี​เหนียง​เมื่อครู่นี้​…​ก็​แอบ​ยิ้ม​ขึ้น​ใน​ใจ​ ​รู้​ทั้ง​รู้​ว่าน​้ำ​เสียง​ของ​สวี​ลิ่ง​ควน​ไม่​ปกติ​ ​แต่​ก็​ไม่​อาจ​สงบอารมณ์​จิตใจ​ได้​ ​เขา​ตอบกลับ​ด้วย​คำพูด​ที่​ไม่​อาจ​ควบคุมตัว​เอง​ ​“​พวก​เจ้า​ตัดสินใจ​เอง​ก็​พอ​!​ ​ข้า​อย่างไร​ก็ได้​”

สวี​ลิ่ง​ควน​ได้ยิน​แล้วก็​ตกใจ​อ้าปากค้าง​ ​เขา​พูด​อะไร​ไม่​ออก​ไป​ชั่วขณะ​ด้วย​ความ​ตกตะลึง

ฮู​หยิน​ห้า​ก็​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ด้วย​น้ำเสียง​ออดอ้อน​ว่า​ ​“​ท่าน​แม่​ ​ท่าน​เอง​ได้ยิน​กับ​หู​ ​พี่​สี่​รับปาก​แล้ว​ ​เรา​เริ่ม​ตอน​วัน​ขึ้น​สอง​ค่ำ​ ​ขับร้อง​จนถึง​วัน​ขึ้น​สี่​ค่ำ​ ​คณะ​เต​๋​ออิน​ปาน​ ​คณะ​ฉัง​เซิง​ปาน​และ​คณะ​เจี​๋ย​เซียง​ตู้​ ​ผลัดกัน​แสดง​คณะ​ละ​หนึ่ง​วัน​”​ ​เมื่อ​พูด​จนถึง​ตรงนี้​ ​สีหน้า​น้ำเสียง​และ​แววตา​ของ​นาง​ก็​ดู​ตื่นเต้น​เป็นอย่างมาก​ ​“​ถึง​เวลา​นั้น​ ​โจว​เต​๋อ​ฮุ่ย​ ​เกิง​ฉัง​เซิง​และ​ไป๋​ซี​เซียง​ ​ล้วน​เชิญ​มา​ให้​หมด​ ​นี่​ถือเป็น​เหตุการณ์​ที่​ยิ่งใหญ่​และ​หา​ได้​ยาก​ยิ่ง​ใน​รอบ​ร้อย​ปี​ของ​สกุล​หลี​หยวน​เลย​เจ้าค่ะ​!​”

“​วันนี้​เจ้า​สี่​พูด​ง่าย​เสีย​จริง​!​”​ ​ไท่ฮู​หยิน​ยิ้ม​ตาหยี​อย่าง​มีความสุข​พลาง​หันไป​มอง​สวี​ลิ่ง​อี๋​สลับ​กับ​มอง​สือ​อี​เหนียง

สวี​ลิ่ง​อี๋​จึง​ได้​เข้าใจ​ใน​สิ่ง​ที่​สวี​ลิ่ง​ควน​ขอ​ ​ร่างกาย​ของ​เขา​จึง​แข็งทื่อ​ไป​ชั่วขณะ​ ​แต่​แล้วก็​กลับมา​เป็น​เหมือนเดิม​อย่างรวดเร็ว​ ​จากนั้น​เขา​ก็​พูด​ขึ้น​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​สุขุม​ว่า​ ​“​ยาก​ยิ่งนัก​ที่​ทุกคน​จะ​ดีอกดีใจ​กัน​ถ้วนหน้า​”

ไท่ฮู​หยิน​ได้ยิน​แล้วก็​พยักหน้า​ให้​เขา​เบา​ๆ​ ​ด้วย​รอยยิ้ม

ฮู​หยิน​สอง​กลับ​จ้องมอง​สวี​ลิ่ง​อี๋​ด้วย​รอยยิ้ม​ที่​เต็มไปด้วย​สีหน้า​ที่​ครุ่นคิด

ตอนแรก​คนที​่​ติติง​สวี​ลิ่ง​ควน​ว่า​ ​‘​หมกมุ่น​กับ​การ​เล่น​จน​สูญเสีย​ปณิธาน​’​ ​ก็​คือ​เขา​ ​แต่​วันนี้​คนที​่​เห็นด้วย​กับ​การ​เชิญ​คณะ​ละคร​งิ้ว​มา​แสดง​ใน​จวน​อย่างต่อเนื่อง​สาม​วัน​สาม​คืน​ก็​เป็น​เขา​…​สวี​ลิ่ง​อี๋​จึง​ทำตัว​ไม่​ค่อย​ถูก​เท่าไร​นัก​ ​จึง​ตัดสินใจ​เปลี่ยน​เรื่อง​สนทนา​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​เรียบ​เฉย​ ​“​วันนี้​ข้า​และ​พ่อบ้าน​ไป๋​ไปดู​หนังสือ​อนุ​ปฏิทิน​มา​ ​วัน​ขึ้น​สิบ​ค่ำ​เดือน​สาม​เป็น​วันดี​ ​ตั้งใจ​จะ​เลือก​วันนี้​ให้​เป็น​วัน​ดำเนินการ​ ​รีบ​ต่อเติม​บำรุง​ซ่อมแซม​ให้​เร็ว​ขึ้น​ ​จะ​ได้​ทัน​ใช้​ตอน​ฤดูร้อน​นี้​”

“​ดี​ ​ดี​ ​ดี​”​ ​ไท่ฮู​หยิน​ได้ยิน​แล้วก็​รีบ​พยักหน้า​เห็นด้วย​ ​“​แล้ว​พวก​เจ้า​ตั้งใจ​จะ​ย้าย​ไป​อยู่​ที่ใด​ก่อน​”

ซ่อมแซม​เรือน​เสร็จ​แล้วยัง​จะ​ต้อง​ว่าจ้าง​ช่างฝีมือ​ด้วย​ ​ชาย​หญิง​ไม่สนิท​ชิดเชื้อ​ ​แน่นอน​ว่า​หญิง​สตรีที​่​อยู่​ใน​เรือน​ไม่​ควร​พัก​อยู่​ที่นั่น​ ​จะ​ต้อง​ย้าย​ไป​อยู่​ที่อื่น​ก่อน

ไม่​รอ​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​ได้​ทันต​อบ​ ​ไท่ฮู​หยิน​ก็ได้​พูด​ต่อไป​ว่า​ ​“​ข้าว​่า​ย้าย​ไป​พัก​ที่​เรือน​ศาลา​ริมน้ำ​ฉุย​หลุน​ดีกว่า​!​ ​ถึงแม้ว่า​ที่นั่น​จะ​เป็น​ศาลาพักร้อน​ริมน้ำ​ ​แต่​ตอนที่​บิดา​ของ​เจ้า​ยัง​มีชีวิต​อยู่​ก็​มักจะ​ชอบ​ไป​ตกปลา​ที่นั่น​ ​จึง​ต่อเติม​เพิ่ม​เรือน​อยู่​หลัง​ศาลา​ริมน้ำ​ฉุย​หลุน​ไป​สาม​ห้อง​ ​เจี​้ย​เกอ​เอ๋อร​์​กับ​อวี​้​เกอ​เอ๋อร​์​ไป​พัก​ที่​ห้อง​ลี่​จิ​่ง​เซ​วี​ยน​ ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​มา​พัก​กับ​ข้า​ชั่วคราว​ก่อน​ ​เหล่า​บรรดา​อี๋​เหนียง​ก็​ให้​ไป​พัก​ที่​เรือน​อี​เซียง​ ​พวก​เจ้า​สอง​สามีภรรยา​ ​ถึงแม้ว่า​ที่นั่น​จะ​ไม่ได้​กว้างขวาง​ใหญ่โต​ ​แต่​ก็​ไม่ได้​ถือว่า​คับแคบ​”​ ​จากนั้น​ไท่ฮู​หยิน​ก็ได้​หันไป​หา​สือ​อี​เหนียง​ ​“​เจ้า​เห็น​ว่า​อย่างไร​”

เรือน​ที่​กว้างขวาง​ที่สุด​ใน​สวนดอกไม้​ก็​คือ​เรือน​จ้าว​จวง​ถัง​ ​แต่​เสี่ยว​หลาน​สอง​แม่​ลูก​ได้เสีย​ชีวิต​ลง​ที่นั่น​ ​หาก​ให้​นาง​ย้าย​ไป​พัก​ที่​แห่ง​นั้น​ ​ลึก​ๆ​ ​ก็​แอบ​รู้สึก​ลำบากใจ​อยู่ดี​ ​เรือน​เสา​หวา​ตั้งอยู่​ด้าน​ข้าง​ของ​ศาลา​ประตูน้ำ​อี้​ปี้​ ​ระเบียง​ทางเดิน​ของ​เรือน​จ้าว​จวง​ถัง​อยู่​ฝั่ง​ตรงข้าม​เรือน​เสา​หวา​ที่​ถูก​ขั้น​กลาง​ด้วย​คลอง​น้ำ​ ​เช่นนี้​สวี​ลิ่ง​อี๋​ที่​เข้า​ๆ​ ​ออก​ๆ​ ​ก็​จะ​ไม่​ค่อย​สะดวก​เท่าไร​นัก​ ​ไท่ฮู​หยิน​วางแผน​เช่นนี้​ถือเป็น​การตัดสินใจ​ดีที​่​สุด

สือ​อี​เหนียง​หันไป​มอง​สวี​ลิ่ง​อี๋

เรื่อง​เช่นนี้​แน่นอน​ว่า​จะ​ต้อง​ให้​คนใน​ครอบครัว​เห็นด้วย​ถึง​จะ​ถูก

สวี​ลิ่ง​อี๋​เอง​ก็​รู้สึก​ว่า​ไท่ฮู​หยิน​จัดแจง​ได้​สมเหตุสมผล​ ​“​ทำตาม​เจตนา​ของ​ท่าน​แม่​ ​ข้าว​่า​วัน​ขึ้น​หก​ค่ำ​ของ​เดือน​หน้า​ก็​ย้าย​เข้าไป​ได้​เลย​”

ไท่ฮู​หยิน​พยักหน้า​รับรู้

สือ​อี​เหนียง​ก็ได้​พูดถึง​เรื่อง​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ขึ้น​มา​ ​“​…​ให้​นาง​พัก​กับ​พวก​ข้า​ดีกว่า​กระมัง​!​ ​ทาง​ฝั่ง​ท่าน​แม่​จะ​ได้​ไม่ต้อง​โยกย้าย​จัดแจง​ที่พัก​ให้​เสียเวลา​”

“​ตอนนี้​คือ​ฤดูใบไม้ผลิ​ ​ลม​ที่​พัดมา​จาก​น้ำ​ออกจะ​เย็นยะเยือก​ ​เรือน​ที่​ติด​ริมน้ำ​ไม่​ควร​ให้​คน​พักอาศัย​”​ ​ตรงจุด​นี้​ไท่ฮู​หยิน​ค่อนข้าง​ยืนหยัด​ใน​ความคิด​เป็นอย่างมาก​ ​“​จะ​ให้​ไป​พัก​ห้อง​เดียว​กับ​พวก​เจ้า​ก็​คง​ไม่​เหมาะ​ไม่​ควร​กระมัง​”

เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​โตมาก​แล้ว​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​รอบตัว​นาง​ยัง​ติดตาม​ไป​ด้วย​สาวใช้​และ​ป้า​รับใช้​เป็น​โขยง​ ​ย้าย​เข้าไป​อยู่​ก็​ถือว่า​ไม่​ค่อย​สะดวก​ ​แต่​มัน​จะ​เป็นการ​ไปร​บก​วน​ไท่ฮู​หยิน​ ​สือ​อี​เหนียง​จึง​ไม่​ค่อย​สบายใจ​เท่าไร​นัก

“​ให้​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ไป​พัก​ที่​เรือน​ข้า​เถิด​!​”​ ​จู่ๆ​ ฮู​หยิน​สอง​ที่นั่ง​เงียบ​อยู่​ข้างๆ​ ​ก็​พูด​ขึ้น​ ​“​ถือโอกาส​นี้​ตรวจสอบ​ความรู้​ของ​นาง​เสียหน่อย​ ​ดู​ว่านาง​ลืม​ไป​จน​หมด​แล้ว​หรือยัง​”

ไท่ฮู​หยิน​ครุ่นคิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​“​ก็ดี​ ​เช่นนั้น​ก็​ให้​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​พัก​ที่​เรือน​ของ​เจ้า​ก็แล้วกัน​!​”

เรื่อง​นี้​ก็ได้​บทสรุป​เช่นนี้

รอ​ให้​สวี​ซื่อ​อวี​้​และ​คนอื่นๆ​ ​เข้ามา​คารวะ​ไท่ฮู​หยิน​เสร็จ​เรียบร้อย​แล้ว​ ​สวี​ซื่อ​อวี​้​ก็​เอาแต่​เงียบ​ไม่​พูด​อะไร​ ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ยัง​เด็ก​ไม่รู้​เรื่อง​อะไร​ ​แต่​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​กลับดี​ใจ​เป็นอย่างมาก​ ​มี​เพียง​จุน​เกอ​ที่​เอาแต่​ดึง​แขน​เสื้อ​ไท่ฮู​หยิน​พร้อมกับ​พูด​พึมพำ​ว่า​ ​“​ท่าน​ย่า​ ​ให้​พี่​หญิง​ใหญ่​พัก​กับ​พวกเรา​เถิด​นะ​ขอรับ​!​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​ขมวดคิ้ว​ขึ้น​แน่น​ ​“​พี่​หญิง​ของ​เจ้า​จะ​ไป​ฝึก​ดีด​พิณ​กับ​ป้า​สะใภ้​สอง​ ​ไม่ใช่​ไป​เล่น​!​”

จุน​เกอ​ตกใจ​จน​รีบ​วิ่ง​ไป​หลบ​อยู่​ข้างๆ​ ​ไท่ฮู​หยิน​ ​ไม่กล้า​ส่งเสียง​แม้แต่​นิดเดียว

สวี​ลิ่ง​อี๋​เห็น​แล้วก็​จะ​ทดสอบ​ความรู้​ของ​เขา​ขึ้น​มา

ตอนนี้​จุน​เกอ​กำลัง​เรียนหนังสือ​พร้อม​สวี​ซื่อ​อวี​้

ดูแล​และ​ทดสอบ​ความรู้​ของ​บุตรชาย​ ​ถือเป็น​สิทธิ​และ​หน้าที่​ของ​ผู้​เป็น​บิดา​ ​หญิง​สตรีที​่​อยู่​ใน​เรือน​หลัง​ทั้งหมด​ไม่มี​สิทธิ์​พูด​อะไร​ทั้งนั้น​ ​รวมไปถึง​ไท่ฮู​หยิน​ด้วย

จุน​เกอ​เดิน​ตัวสั่น​กลับ​ไป​ยืน​อยู่​ตรงหน้า​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​จากนั้น​ก็​เริ่ม​ท่อง​ตำรา​ ​‘​เด็กน้อย​เรียนรู้​’​ ​อย่าง​อ้ำ​ๆ​ ​อึ้ง​ๆ​ ​ด้วย​อาการ​ติดอ่าง

อย่า​ว่าแต่​สวี​ลิ่ง​อี๋​หรือ​ไท่ฮู​หยิน​เลย​ ​แม้แต่​สือ​อี​เหนียง​ฟัง​แล้วก็​จับใจ​ความ​ไม่ได้​แม้แต่​นิดเดียว​ ​ก่อนหน้านี้ฮู​หยิน​สอง​และ​ไท่ฮู​หยิน​ก็​เคย​พูดถึง​ตำรา​ ​‘​เด็กน้อย​เรียนรู้​’​ ​ให้​เขา​ฟัง​ไป​แล้ว​ ​เขา​เอง​ก็​ท่อง​ได้​ค่อนข้าง​คล่อง​ ​แต่​ตอนนี้​ผ่าน​มา​แค่​ไม่​กี่​วัน​ ​กลับกลาย​เป็น​ว่า​ลืม​สิ่ง​ที่​เคย​เรียน​ใน​ตอนแรก​จน​หมด​อย่างไร​อย่างนั้น

สวี​ลิ่ง​ควน​จ้องมอง​เขา​ด้วย​ความตึงเครียด

ฮู​หยิน​ห้า​เอง​ก็​กำลัง​ตบ​ก้น​บุตรสาว​เบา​ๆ​ ​โดยที่​ใจ​ไม่อยู่​กับ​เนื้อ​กับ​ตัว

ฮู​หยิน​สอง​แสดง​สีหน้า​ไม่เข้าใจ

ไท่ฮู​หยิน​เห็น​แล้วก็​ร้อนใจ​เป็นอย่างมาก

สือ​อี​เหนียง​จึง​หันไป​ส่งสายตา​ให้​กับ​หู่​พั่ว

หู่​พั่ว​ก็​รีบ​หมุนตัว​ออก​ไป​ครู่หนึ่ง​ ​จากนั้น​ก็​มีสาว​ใช้​น้อย​เรียน​ผ่าน​ม่าน​ว่า​ ​“​ไท่ฮู​หยิน​ ​เตรียม​อาหาร​เสร็จ​เรียบร้อย​แล้ว​เจ้าค่ะ​”

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท