ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 288 การเผชิญหน้า(กลาง)

ตอนที่ 288 การเผชิญหน้า(กลาง)

แต่​สวี​ลิ่ง​อี๋​กลับ​ไม่มี​ความมั่นใจ​อย่าง​ใต้เท้า​เซี่ยง​เช่นนี้

เขา​พูด​กับ​สือ​อี​เหนียง​เสียง​เบา​ว่า​ ​“​อวี​้​เกอ​เป็น​บุตรชายคนโต​ของ​อนุ​ ​ไม่ใช่​บุตรชาย​คน​รอง​ของ​อนุ​ ​ตามธรรม​เนียม​แล้ว​จะ​ต้อง​แยก​จวน​ออก​ไป​ ​แต่​หลังจาก​แต่งงาน​ไป​แล้ว​ใน​ช่วงนี้​ก็​คง​ไม่​สามารถ​แยก​จวน​ไป​ได้​ทันที​ ​ยัง​ต้อง​อยู่​ที่​จวน​ไป​อีก​สัก​สอง​สาม​ปี​ ​เพื่อให้​ทุกคน​คุ้นเคย​สนิทสนม​กัน​ ​มิเช่นนั้น​ก็​จะ​ต่าง​คน​ต่าง​อยู่​ ​เมื่อ​ได้​เจอกัน​ก็​จะ​รู้สึก​ว่า​เป็น​คนแปลกหน้า​ ​ยิ่ง​ไม่ต้อง​พูดถึง​ความสามัคคี​ใน​บรรดา​สะใภ้​ ​ดังนั้น​ข้า​จึง​ให้​พี่สะใภ้​สอง​ช่วย​ดู​ให้​ว่า​หนึ่ง​ใน​สาม​ของ​คุณหนู​สกุล​เซี่ยง​ใคร​มีนิ​สัย​อ่อนโยน​และ​เชื่อฟัง​มาก​ที่สุด​ ​สตรี​เช่นนี้​หากแต่ง​เข้ามา​ ​ประการ​แรก​ก็​จะ​สามารถ​ช่วยดูแล​น้อง​สะใภ้​ ​คอย​ปรนนิบัติ​เจ้า​ ​เป็น​แบบอย่าง​ให้​เหล่า​สะใภ้​ที่​เข้ามา​ใน​จวน​ได้​ ​ประการ​ที่สอง​เมื่อถึง​เวลา​แยก​จวน​ก็​จะ​ไม่มี​การ​คิด​หา​ผลประโยชน์​ใส่​ตัว​ ​หรือ​ก่อ​ความคับ​ข้องใจ​ให้​ภรรยา​ของ​จุน​เกอ​ต้อง​ลำบากใจ​ ​มั่ว​เหยี​ยน​ ​เรื่อง​การคัดเลือก​ข้า​ได้คิด​อย่าง​รอบคอบ​แล้ว​ ​ตอนนั้น​ยัง​คิด​อยู่​ว่า​หาก​คุณหนู​ทั้ง​สาม​ใน​สกุล​เซี่ยง​ไม่มีใคร​ตรง​กับ​คุณสมบัติ​นี้​ ​ก็​คง​ทำได้​เพียง​ยอมแพ้​…​”

สือ​อี​เหนียง​ยอมรับ​ว่า​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​ถูก​ ​ตน​ไม่มี​ความเห็น​อัน​ใด​ต่อฮู​หยิน​สอง​ ​อย่างไร​เสียนา​งก​็​ได้รับ​ความไว้วางใจ​จาก​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​ส่วน​จะ​บอก​ตน​หรือไม่​นั้น​ก็​ขึ้นอยู่กับ​การตัดสินใจ​ของฮู​หยิน​สอง

แต่​สิ่ง​ที่​ตน​ไม่​ชอบ​คือ​วิธี​ที่​สวี​ลิ่ง​อี๋​ใช้​จัดการ​เรื่อง​นี้

เขา​ตัดสินใจ​ในทันที​โดยที่​ไม่​ปรึกษา​กัน​สัก​คำ​ ​เขา​เห็น​นาง​เป็นตัว​อะไร

“​ท่าน​โหว​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยกมือ​ขึ้น​กอดอก​แล้ว​พูดเสี​ยง​เรียบ​ว่า​ ​“​ข้า​ไม่​อยาก​พูด​กับ​ท่าน​แล้ว​”

สวี​ลิ่ง​อี่​ประหลาดใจ

“​อะไร​นะ​”​ ​ท่าทาง​ดู​ไม่​อยาก​จะ​เชื่อ​กับ​สิ่ง​ที่​ได้ยิน

ไม่​คุย​กับ​เขา​แล้ว​?

ถึงขั้น​พูด​ออกมา​ตามตรง​ว่า​ ​‘​ไม่​อยาก​พูด​กับ​เขา​แล้ว​’

โตมา​ขนาด​นี้​ ​นี่​เป็นครั้งแรก​ที่​เขา​ได้ยิน​คนพูด​กับ​ตน​เช่นนี้​…

สือ​อี​เหนียง​หันมา​ ​จ้องมอง​สวี​ลิ่ง​อี๋​ด้วย​สายตา​สงบนิ่ง​ ​“​ท่าน​โหว​ ​ท่าน​ได้​ตัดสินใจ​เลือก​ภรรยา​ให้​อวี​้​เกอ​ไป​แล้ว​ ​ไม่ได้​เห็น​ว่า​ข้า​เป็นมา​รดา​ของ​อวี​้​เกอ​ ​แล้วก็​ไม่เห็น​ข้า​เป็น​ภรรยา​ท่าน​เลย​แม้แต่น้อย​ ​แม้ว่า​สิ่ง​ที่​ท่าน​พูด​จะ​มีเหตุผล​ ​แต่​ข้า​ก็​ยาก​ที่จะ​ระงับ​ความโกรธ​ได้​ ​หาก​ยัง​พูด​ต่อไป​เกรง​ว่า​จะ​ไม่มี​อะไร​น่าฟัง​ ​ไม่​สู้​หยุด​เพียงเท่านี้​จะ​ดีกว่า​ ​จะ​ได้​ไม่​พูด​ทำร้าย​จิตใจ​ให้​ต่าง​คน​ต่าง​เสียใจ​”​ ​พูด​จบ​นาง​ก็​หันหลัง​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋

การ​ที่​สือ​อี​เหนียง​พูด​เช่นนี้​ทำให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​ทำตัว​อะไร​ไม่​ถูก​ ​ผ่าน​ไป​ครู่ใหญ่​จึง​ได้​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​มั่ว​เหยี​ยน​ ​มี​อะไร​พวกเรา​ก็​มาคุ​ยกัน​ดี​ๆ​ ​การ​โกรธ​กัน​เช่นนี้​ไม่​สามารถ​แก้ปัญหา​ได้​”

“​ข้า​ก็​ไม่​อยาก​ทะเลาะ​กับ​ท่าน​โหว​ ​ดังนั้น​จึง​ไม่​อยาก​พูด​กับ​ท่าน​โหว​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูดเสี​ยง​แผ่วเบา​ว่า​ ​“​อีก​อย่าง​เรื่อง​นี้​ท่าน​โหวก​็​พูด​อย่างชัดเจน​แล้ว​ไม่มี​อะไร​ต้อง​แก้ไข​”

หรือว่า​คนที​่​มีนิ​สัย​อ่อนโยน​เวลา​ดื้อรั้น​ขึ้น​มาก​็​จะ​หัวดื้อ​เป็นพิเศษ

สวี​ลิ่ง​อี๋​คิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​ยิ้ม​พลาง​เอา​ข้อศอก​สะกิด​นาง​ ​“​มั่ว​เหยี​ยน​…​”

สือ​อี​เหนียง​ไม่​พูด​อะไร

สวี​ลิ่ง​อี๋​ยังคง​ยิ้ม​แล้ว​เรียก​นาง​ต่อ​ ​“​มั่ว​เหยี​ยน​…​”

นี่​ไม่ใช่​เรื่อง​ที่​เพียงแค่​ปลอบ​หรือ​หยอกล้อ​ก็​จะ​จบ​ไป​ ​นี่​คือ​ปัญหา​ใหญ่​ ​หาก​ครั้งนี้​ไม่​สามารถ​ทำให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​เข้าใจ​ถึง​ความผิดพลาด​ที่​เขา​ทำ​ ​ไม่​สามารถ​ใช้การ​เตือน​เช่นนี้​ทำให้​ทุกอย่าง​เปลี่ยนแปลง​ได้​ ​ต่อจากนี้​เมื่อ​ต้อง​เจอ​เรื่อง​เช่นนี้​อีก​เขา​ก็​จะ​คิด​ทำ​อย่างเดิม​ ​คิด​ว่า​มี​เพียง​เขา​คนเดียว​ที่​จัดการ​เรื่อง​ได้​อย่าง​มีเหตุผล​ ​เขา​จะ​คิด​ว่าการ​ที่จะ​ปรึกษา​หรือไม่​ปรึกษา​นาง​นั้น​ไม่ใช่​เรื่องใหญ่​ ​เพียงแค่​หลังจากที่​ตัดสินใจ​ไป​แล้ว​ค่อย​อธิบาย​อย่างชัดเจน​ ​จากนั้น​ก็​พูด​ปลอบใจ​หรือ​หยอกล้อ​สักหน่อย​ก็​พอแล้ว

สือ​อี​เหนียง​ลง​จาก​เตียง​สวม​เสื้อคลุม​แล้ว​เดิน​มาหา​ผ้าห่ม​ใน​ตู้​มาปู​บน​เตียง​เตา​ริม​หน้าต่าง​ ​ใช้​ผ้าห่ม​ปู​รอง​นอน​ครึ่งหนึ่ง​ส่วน​อีก​ครึ่ง​ใช้​ห่ม​ก่อน​จะ​นอนลง​ ​“​ท่าน​โหว​รีบ​พักผ่อน​เถิด​ ​พรุ่งนี้​ยาม​เหม่า​ข้า​ก็​จะ​ต้อง​ตื่น​แล้ว​!​”

เขามอง​ไป​ที่​ก้อน​กลม​ๆ​ ​ที่อยู่​บน​เตียง​เตา​ ​ใช้เวลา​อยู่​พัก​หนึ่ง​ก่อน​จะ​เรียก​สติก​ลับ​มา​ได้

แม้ว่า​เรื่อง​นี้​จะ​เป็นความ​ผิด​ของ​ตัวเอง​ ​คนที​่​ให้​พี่สะใภ้​สอง​ไป​พูด​กับ​คน​สกุล​เซี่ยง​ ​และ​ให้​พี่สะใภ้​สอง​ช่วย​เลือก​คน​ให้​ก็​คือ​ตัวเอง​…​หาก​ให้​สือ​อี​เหนียง​มาช​่วย​ตัดสินใจ​เรื่อง​นี้​อีก​ ​จะ​ถือเป็น​การก​ลับ​คำ​หรือไม่​ ​ไม่เพียงแต่​ไม่​เคารพ​สกุล​เซี่ยง​ ​ซ้ำ​ยัง​ทำให้​ตัวเอง​สูญเสีย​ความไว้วางใจ​จาก​ผู้อื่น​อีกด้วย​!

​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​แผนการ​ใน​ตอนนี้​มี​เพียง​ต้อง​ทำให้​สือ​อี​เหนียง​เปลี่ยนใจ​แล้ว​!

​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​คิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​ก่อนที่จะ​ไป​นอน​เบียด​อยู่​บน​เตียง​เตา​ริม​หน้าต่าง​ ​“​มั่ว​เหยี​ยน​ ​เรา​มาคุ​ยกัน​ดี​ๆ​ ​ดีกว่า​”

สือ​อี​เหนียง​ไม่สน​ใจ​เขา​ ​ลุกขึ้น​แล้ว​กลับ​ไป​นอน​ที่​เตียง

สวี​ลิ่ง​อี๋​ตาม​ไป​อีกครั้ง

สือ​อี​เหนียง​ก็​กลับมา​ที่​เตียง​เตา​ริม​หน้าต่าง​อีก

เป็น​เช่นนี้​อยู่​หลาย​รอบ​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ถอนหายใจ​อย่าง​จนปัญญา

สือ​อี​เหนียง​สวม​เพียง​เสื้อผ้า​บาง​ๆ​ ​หาก​เป็นไข้​ขึ้น​มา​จะ​แย่​เอา​ได้

เขา​ไป​นอน​ที่​เตียง​เตา​ริม​หน้าต่าง​แล้ว​ให้​สือ​อี​เหนียง​นอน​บน​เตียง

ข้างนอก​มี​ฝนตก​ปรอยๆ​

ข้างๆ​ ​หน้าต่าง​ได้ยิน​เสียง​ฝน​ชัดเจน​ ​เสียงดัง​อยู่​เป็นระยะๆ​ ​ไม่​ง่าย​เลย​กว่า​เขา​จะ​หลับ​ได้

******

เช้า​วันรุ่งขึ้น​ ​ใบ​อ่อน​ที่พึ่ง​แตกหน่อ​ถูก​น้ำฝน​ชะล้าง​จน​สะอาด​สดใส​ ​พื้นดิน​ท้องฟ้า​ดู​สว่างไสว​ ​ทำให้​รู้สึก​สดชื่น

“ฮู​หยิน​ ​ฝนตก​แล้ว​เจ้าค่ะ​”​ ​เยี​่​ยน​หรง​เก็บ​เสื้อผ้า​เข้ามา​ด้วย​ความดีใจ​ ​“​อากาศ​เริ่ม​อุ่น​ขึ้น​แล้ว​เจ้าค่ะ​!​”

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พลาง​พยักหน้า​ ​กำชับ​เยี​่​ยน​หรง​ว่า​ ​“​ท่าน​โหว​ยัง​พักผ่อน​อยู่​ ​อย่า​ให้​ใคร​เข้ามา​รบกวน​เขา​!​”

หาง​ตาของ​เยี​่​ยน​หรง​เหลือบ​ไป​มอง​ที่​เตียง​เตา​ริม​หน้าต่าง​ ​ใบหน้า​ไม่ได้​ขยับ​แม้แต่น้อย​ ​ยิ้ม​พลาง​ตอบรับ​ ​ ​แล้ว​ออก​ไป​กำชับ​สาวใช้​น้อย​ให้​คอย​เฝ้า​อยู่​ด้านนอก​ ​ส่วนตัว​เอง​ปรนนิบัติ​สือ​อี​เหนียง​ล้างหน้าล้างตา​แล้วไป​ที่​ห้องโถง

หลังจาก​รับคำ​นับจาก​เด็ก​ๆ​ ​และ​อี๋​เหนียง​แล้ว​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็​ไป​ที่​เรือน​ไท่ฮู​หยิน

พึ่ง​จะ​พูดคุย​ได้​สอง​สาม​ประโยค​ ฮู​หยิน​ห้า​ก็​อุ้ม​ซิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​เข้ามา

ทั้งสอง​ทักทาย​ซึ่งกันและกัน​ ​ไท่ฮู​หยิน​ให้​ป้า​ตู้​มา​อุ้ม​ซิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ไป

“​ทำไม​ถึง​ผ่ายผอม​ลง​เล่า​”​ ​ไท่ฮู​หยิน​ขมวดคิ้ว​เล็กน้อย

ฮู​หยิน​ห้า​รีบ​เอ่ย​ขึ้น​ว่า​ ​“​หลาย​วัน​มานี​้​ท้อง​ไส้​ไม่​ค่อย​ดีนัก​เจ้าค่ะ​”

“​ไป​เชิญ​หมอ​หลวง​เซี​่ย​จาก​สำนัก​หมอ​หลวง​มาตร​วจ​ดู​สักหน่อย​ ​เขา​เก่ง​เรื่อง​อาการป่วย​ของ​เด็กน้อย​ที่สุด​”

ฮู​หยิน​ห้า​ย่อเข่า​ตอบรับ​ ​“​เจ้าค่ะ​”

ไท่ฮู​หยิน​ถามถึง​ไต้​ซือ​จี้​.​หนิง​ว่า​ ​“​…​ทำพิธี​ให้​คนตาย​เสร็จ​แล้ว​หรือยัง​”

“​เสร็จ​แล้ว​เจ้าค่ะ​”​ ฮู​หยิน​ห้า​พูด​ต่อว่า​ ​“​ต่อไปนี้​ใน​วันที่​หนึ่ง​ของ​ทุก​เดือน​ก็​ส่ง​คน​ไป​จุด​ธูป​ไหว้​ที่​วัด​ฉือ​หยวน​ก็​พอแล้ว​”

ฮู​หยิน​สอง​มา​พอดี

นาง​คำนับ​สือ​อี​เหนียง​อย่างนอบน้อม​โดย​ไม่​พูด​อะไร​เลย​สัก​คำ

สือ​อี​เหนียง​ก็​ไม่ได้​ถาม​อะไร​ ​พยุง​ไท่ฮู​หยิน​ไป​ที่​ห้อง​พระ​ ​แล้ว​ตัวเอง​ก็​ไป​ที่​ห้องโถง​บุบผา

ฝน​หยุด​ตก​แล้ว​ ​แต่​อากาศ​ยังคง​เต็มไปด้วย​ความ​ชุ่มฉ่ำ​จาก​น้ำฝน​

ผู้คน​ยืน​อยู่​เต็ม​ลาน

บรรดา​ป้า​ๆ​ ​ที่​เป็น​ผู้ดูแล​ยืน​อยู่​ใต้​ชายคา​ ​สาวใช้​และ​คนใช้​แรงงาน​ยืน​อยู่​กลาง​ลาน

เมื่อ​เห็น​สือ​อี​เหนียง​เดิน​เข้ามา​ทุกคน​ก็​ย่อเข่า​คำนับ​พร้อมเพรียงกัน

สือ​อี​เหนียง​มี​หู่​พั่ว​ ​ลี่ว​์​อวิ​๋น​และ​สาวใช้​คนอื่นๆ​ ​ห้อมล้อม​อยู่​ ​นาง​เดินผ่าน​ลาน​เข้าไป​ที่​ห้องโถง​บุบผา​โดย​ไม่​มอง​ไป​ทาง​อื่น​ ​และ​เริ่ม​ฟัง​การ​รายงาน​ของ​ผู้ดูแล​ทั้งหลาย

ป้า​หลี​ที่​เป็น​ผู้ดูแล​ห้องครัว​คน​ใหม่​ได้​ท่อง​เรื่อง​ที่​ต้อง​รายงาน​อยู่​ใน​ใจ​สาม​รอบ​ ​เมื่อ​รู้สึก​ว่า​ไม่มี​สิ่งใด​ที่​ไม่เหมาะสม​ก็​สงบสติอารมณ์​แล้ว​รวบรวม​สมาธิ

แม้ว่า​นาง​จะ​เป็น​คน​เก่าแก่​ใน​จวน​ ​แต่กลับ​ไม่มี​ความสัมพันธ์​กับ​บรรดาฮู​หยิน​ ​หาก​ไม่ใช่​เพราะ​หว่าน​เซียง​ปล่อยปละละเลย​ตอนที่ฮู​หยิน​สาม​ดูแล​จวน​ ​แล้ว​กาน​เหล่า​เฉวียน​ไม่มี​คน​ให้​เรียก​ใช้​ก็​คง​ไม่​ให้​นาง​มาช​่ว​ยดู​แล​ห้องครัว​ ​และ​ไม่มีทาง​ที่จะ​ถูกฮู​หยิน​สี่​ที่​ดูแล​จวน​ใน​ตอนนี้​แต่งตั้ง​ให้​ตัวเอง​เป็น​ผู้ดูแล​ห้องครัว​หลังจากที่​กาน​เหล่า​เฉวียน​ติดตามฮู​หยิน​สาม​ไป​ ​และ​ยิ่ง​เป็นไปไม่ได้​ที่​คน​ใจร้อน​อย่าง​หว่าน​เซียง​จะ​ถูก​แต่งตั้ง​ให้​เป็น​ผู้ดูแล​ห้องครัว​ ​นึกถึง​ครอบครัว​ของ​หว่าน​เซียง​ที่​ถูกฮู​หยิน​สี่​ส่งกลับ​ไป​ที่​ตรอก​กง​เสียน​…​ได้ยิน​มา​ว่า​หลังจากนั้น​ก็​ถูก​ขับไล่​ออกจาก​เยี​่​ยน​จิง​ ​ตอนที่​ตน​เผชิญหน้า​กับฮู​หยิน​สี่​จึง​สั่น​กลัว​ไป​หมด​ทั้งตัว

เมื่อถึง​ตอนที่​ตน​ต้อง​เข้าไป​รายงาน​ก็​ต้น​ยาม​ซื่อ​สาม​เค​่อ​แล้ว​ ​พึ่ง​จะ​รายงาน​จบ​ลี่ว​์​อวิ​๋​นก​็​เข้ามา

“ฮู​หยิน​ท่าน​ป้า​สอง​คนที​่​เป็น​บ่าว​รับใช้​ข้าง​กาย​คุณหนู​ใหญ่​จวน​เวย​เป่ย​โหว​มาคา​รวะ​คุณหนู​ใหญ่​เจ้าค่ะ​”​

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​เล็กน้อย

ไม่รู้​ว่า​คุณหนู​ทั้งสอง​กำลัง​คิด​จะ​ทำ​อะไร​อยู่​ ​ท่าน​ป้า​คนสนิท​ของ​ฮุ่ย​เจี่ย​เอ๋อร​์​มาที​่​นี่​วัน​ละ​สองครั​้ง

“​เจ้า​ให้​คน​พา​ไป​ส่ง​ที่​เรือน​เสา​หวา​เถิด​”

ลี่ว​์​อวิ​๋น​ตอบรับ​แล้ว​เดิน​ออก​ไป

สือ​อี​เหนียง​เห็น​ว่า​จัดการ​ทุกอย่าง​เรียบร้อย​แล้วจึง​กลับ​เรือน​ของ​ตัวเอง​ ​นั่งลง​แล้ว​เริ่ม​เย็บ​ปัก​ตัวอักษร​

หลังจาก​ปัก​ได้​ครึ่งหนึ่ง​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​กลับมา

เขา​เรียก​สือ​อี​เหนียง​ไป​ปรนนิบัติ​เปลี่ยนเสื้อ​ผ้า

สือ​อี​เหนียง​ปรนนิบัติ​เขา​อย่าง​เชื่อฟัง

สวี​ลิ่ง​อี๋​ถาม​นาง​ว่า​ ​“​เหตุใด​วันนี้​ถึง​กลับมา​เร็ว​”

สือ​อี​เหนียง​ไม่​พูด​อะไร

เยี​่​ยน​หรง​เห็น​ดังนั้น​จึง​รีบ​ส่งสายตา​ให้​สาวใช้​ที่อยู่​ใน​ห้อง​ ​ทุกคน​รีบ​พากัน​ถอย​ออก​ไป

สวี​ลิ่ง​อี๋​หยิก​แก้ม​นาง​ ​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​เป็น​อะไร​ไป​ ​จะ​ไม่​พูด​กับ​ข้า​จริงๆ​ ​หรือ​!​”

สือ​อี​เหนียง​หันหน้า​หนี​ ​ช่วย​เขา​คาดเข็มขัด​ที่​เอว​แล้วไป​ยก​ชาร้อน​มา​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​จากนั้น​ก็​ไป​จัดเก็บ​ชั้น​วาง​ดอกไม้​อย่าง​เงียบๆ​ ​ตะโกนเรียก​เยี​่​ยน​หรง​ ​“​นี่​ก็​ล่วงเลย​เวลา​มามาก​แล้ว​ ​จะ​ต้อง​ไป​ทานอาหาร​กลางวัน​กับ​ไท่ฮู​หยิน​แล้ว​”​ ​ไม่ได้​รอส​วีลิ​่​งอี​๋​ ​ตัวเอง​เดิน​ออกมา​จาก​ห้อง​ด้านใน​เพียงลำพัง

สวี​ลิ่ง​อี๋​หุบ​ยิ้ม​แล้ว​เดินตาม​ไป

เมื่อมา​ถึง​เรือน​ไท่ฮู​หยิน​ ​มี​คน​เยอะแยะ​สือ​อี​เหนียง​จึง​ยิ้ม​อย่าง​สดใส​ ​ไม่มีใคร​เห็น​ถึง​ความผิดปกติ

พอ​ถึง​เวลา​กลางคืน​พวกเขา​ก็​ต่าง​คน​ต่าง​นอน​เช่นเคย

วันรุ่งขึ้น​สวี​ลิ่ง​อี๋​ตื่น​แต่เช้า​ ​เรียก​สือ​อี​เหนียง​มาป​รน​นิ​บัติ​เขา​ล้างหน้า

สือ​อี​เหนียง​ไม่พูดไม่จา​ ​ช่วย​เขา​ริน​น้ำ​ ​เปลี่ยนเสื้อ​ผ้า​ ​ตอน​ทานข้าว​เช้า​ก็​ช่วย​สวี​ลิ่ง​อี๋​ยก​ถ้วย​โจ๊ก​มา​วาง​ไว้​ตรงหน้า​เขา​ตามปกติ

ตอนแรก​สวี​ลิ่ง​อี๋​รู้สึก​สนุก​ราวกับ​เห็น​เด็กน้อย​ที่​กำลัง​งอน

แต่​ไป​ๆ​ ​มา​ๆ​ ​เขา​ก็​ยิ้ม​ไม่​ออก

สือ​อี​เหนียง​ไม่​ช่วย​ริน​น้ำชา​ให้​เขา​เหมือนปกติ​ ​ต่อมา​ก็​เริ่ม​ต่าง​คน​ต่าง​ทานข้าว​เช้า​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​ตอน​ไป​เรือน​ไท่ฮู​หยิน​ก็​ไม่​เรียก​เขา​สัก​คำ​ ​สีหน้า​เย็นชา​ขึ้น​เรื่อยๆ​ ​ ​ถึงขั้น​ที่ว่า​เขา​เรียก​สือ​อี​เหนียง​ให้​มาช​่ว​ยป​รน​นิ​บัติ​เขา​เปลี่ยน​ชุด​แต่​สือ​อี​เหนียง​ไม่​มา​ ​จึง​เรียกซ​ย่า​อี​เข้ามา​แทน​ ​บรรยากาศ​ระหว่าง​พวกเขา​ทั้งสอง​ไม่มี​ความอบอุ่น​และ​สงบ​อย่างที่​เคย​เป็นมา​ก่อน​ ​เต็มไปด้วย​ความห่างเหิน​และ​ไม่แยแส

สวี​ลิ่ง​อี๋​รู้สึก​ว่า​เรื่อง​มัน​เลวร้าย​กว่า​ที่​เขา​คิด​ไว้​เสียอีก

หาก​เขา​ไป​ทาง​ตะวันออก​นาง​ก็​จะ​ไป​ทางตะวันตก​ ​หาก​เขา​ไป​ทางซ้าย​นาง​ก็​จะ​ไป​ทางขวา​ ​บางครั้ง​เขา​คิด​อยาก​จะ​นั่ง​พูดคุย​กับ​นาง​สักหน่อย​ ​แต่​นาง​กลับ​เอาแต่​ทำงาน​ปัก​เย็บ​ ​สมาธิ​ทั้งหมด​อยู่​ที่​การ​เย็บผ้า​ ​ราวกับว่า​ไม่ได้​สังเกตเห็น​การ​มีอยู่​ของ​เขา​เลย

​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ครุ่นคิด​ก่อน​จะ​พูดถึง​เรื่อง​ที่นา​งกัง​วล​มาก​ก่อนหน้านี้

​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​“​เจ้า​ยัง​จำ​สกุล​โอว​ได้​อยู่​หรือไม่​!​”

​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​สือ​อี​เหนียง​ไม่ได้​พูด​อะไร​ ​แต่​สวี​ลิ่ง​อี๋​สังเกตเห็น​ว่า​เข็ม​ที่อยู่​ใน​มือ​ของ​นาง​ชะงัก​ไป​ครู่หนึ่ง

​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​เขา​ถอนหายใจ​ด้วย​ความ​โล่งอก​ ​รู้สึก​ว่าการ​ที่​เลือก​หัวข้อ​สนทนา​นี้​นั้น​ถูกต้อง​แล้ว

​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​“​ข้า​สงสัย​มาต​ลอด​ ​องค์​ชาย​หก​ที่เกิด​จาก​หวง​กุ้ย​เฟย​ยัง​เยาว์วัย​นัก​ ​แต่​ทำไม​สกุล​โอว​ถึง​ได้​เลือก​ลงมือ​ในเวลานี้​ ​ต่อให้​ฮ่องเต้​และ​ฮองเฮา​จะ​ไม่ลงรอยกัน​ ​แต่​ตราบใดที่​ฮองเฮา​ไม่ได้​ทำ​อะไร​ผิด​ ​ก็​ยาก​ที่จะ​โจมตี​องค์​ชาย​ใหญ่​และ​องค์​ชาย​สาม​ได้​ ​การ​ที่​พวกเขา​ทำ​เช่นนี้​เท่ากับ​ว่าย​อม​เดินทาง​ที่​เสี่ยง​”

สือ​อี​เหนียง​ก้มหน้าก้มตา​ตวัด​เข็ม​กับ​ด้าย​ไม่​หยุด​ ​มอง​ไม่​ออก​ถึง​ความผิดปกติ​ใดๆ​

​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​“​…​ต่อมา​ก็​เรื่อง​ของ​เฟิ​่ง​ชิง​ ​สกุล​โอว​กลับ​แสดงท่าที​ที่​โหดเหี้ยม​ออกมา​ ​พอ​ถึงคราว​ที่​โจมตี​ข้า​เรื่อง​เสื่อมเสีย​คุณธรรม​ ​กลับ​มี​วิธีการ​เปลี่ยนไป​เล็กน้อย​ ​ลด​ความร้าย​กาจ​ลง​ไป​หลาย​ส่วน​ ​และ​ดู​มีประสบการณ์​มากขึ้น​ ​ตอนนั้น​ข้า​รู้สึก​แปลก​ๆ​ ​ว่า​เหตุใด​สกุล​โอว​กระทำการ​อัน​ใด​ถึง​ได้​ไม่มี​กฎเกณฑ์​เช่นนี้​ ​ดังนั้น​ตอนที่​องค์​ชาย​ใหญ่​เลือก​พระสนม​ใน​ครั้งนี้​จึง​ตั้งใจ​กำชับ​หม่า​จั่ว​เหวิ​นว​่า​เมื่อถึง​เวลา​ให้​ส่งจดหมาย​ถึง​ข้า​ ​เจ้า​ลอง​เดา​สิว​่า​ข้า​ค้นพบ​อะไร​”

​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​สือ​อี​เหนียง​ทำเป็น​ไม่ได้​ยิน​ ​นาง​หยิบ​เส้นด้าย​ขึ้น​มา​ ​หรี่​ตาลง​แล้ว​ร้อย​ด้าย​ใส่​เข็ม

​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​รู้สึก​ผิดหวัง​เล็กน้อย​ ​แต่​ยังคง​พูด​ต่อว่า​ ​“​ข้า​พบ​ว่าการ​แนะนำ​การคัดเลือก​พระสนม​ให้​องค์​ชาย​ใหญ่​ครั้งนี้​น่าสนใจ​มาก​ ​สกุล​หยาง​ล้วน​แนะนำ​แต่​คนที​่​มีสัม​พันธ์​อัน​ดี​กับ​พวกเขา​ทั้งหมด​ ​แต่​สกุล​โอว​นั้น​กลับ​แตกต่าง​ ​แนะนำ​เพียง​บุตรสาว​ของ​สกุล​ที่​มี​ความสัมพันธ์​กัน​มา​แต่​สมัย​บรรพบุรุษ​แค่​สอง​สกุล​ ​แล้วยัง​มี​อีก​สอง​สกุล​ที่​เบื้องหน้า​ดูเหมือนว่า​จะ​เป็น​กรม​พิธีการ​ที่​เป็น​คนแนะนำ​ ​แต่​หาก​ตรวจสอบ​อย่างละเอียด​แล้ว​กลับ​มี​ความสัมพันธ์​คลุมเครือ​กับ​สกุล​โอว​…​”

​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​การ​เลือก​พระสนม​ของ​องค์​ชาย​ใหญ่​เกี่ยวข้อง​กับ​เรื่อง​ใน​วัง​ ​เดิมที​ก็​มี​กลยุทธ์​ล่อลวง​ให้​สับสน​ ​สกุล​โอว​ย่อม​มี​ลางสังหรณ์​นั้น​เป็น​สิ่ง​ที่​แน่นอน​อยู่​แล้ว​ ​ไม่มี​อะไร​ต้อง​พูด​อีก

​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​สือ​อี​เหนียง​บ่นพึมพำ​อยู่​ใน​ใจ

​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ก้มหน้าก้มตา​ปัก​ตัวอักษร​ไม่พูดไม่จา

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท