ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 290 เยี่ยมเยือน(ต้น)

ตอนที่ 290 เยี่ยมเยือน(ต้น)

บันได​เรือน​เสา​หวา​ค่อนข้าง​สูง​ ​มีต​้น​หญ้า​อ่อน​เกิดขึ้น​ตามรอย​แยก​ของ​หิน

สือ​อี​เหนียง​ยก​ชายกระโปรง​เดิน​ขึ้น​บันได​อย่างระมัดระวัง​ ​นาง​กังวล​ว่า​หาก​ไม่​ระมัดระวัง​จะ​หกล้ม​เอา​ได้

ตอนนี้​เข้า​ฤดูใบไม้ผลิ​แล้ว​ ​ต้นไม้​นานา​ชนิด​เริ่ม​ผลิ​ดอก​ออก​ใบ​ ​แต่กลับ​เป็นช่วง​เวลา​ที่​ใบ​ไผ่​ร่วงโรย​ ​สายลม​ฤดูใบไม้ผลิ​พัดผ่าน​ ​ใบไม้​สีเหลือง​แห้ง​ร่วงหล่น​ลงมา​ ​ดู​หนาวเหน็บ​เช่นเดียวกับ​ฤดูใบไม้ร่วง

เจี​๋ย​เซียง​รีบ​เดิน​มาต​้อ​นรับ​ ​“​ท่าน​โหว​ ฮู​หยิน​สี่​!​”​ ​นาง​ย่อเข่า​คำนับ​ ​“ฮู​หยิน​สอง​กำลัง​สอน​คัมภีร์​ซือ​จิง​ให้​กับ​คุณหนู​ใหญ่​เจ้าค่ะ​…​”

“​เช่นนั้น​พวกเรา​ก็​รอก​่อน​เถิด​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ขอความเห็น​จาก​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​หันไป​เจอ​โต๊ะ​หิน​ที่อยู่​ใน​ป่าไผ่​ ​ยิ้ม​พลาง​ชี้​ไป​ที่นั่น​ ​“​ข้าว​่า​พวกเรา​ไป​นั่ง​ใน​ป่าไผ่​ดี​หรือไม่​ ​จะ​ได้​ไม่​รบกวน​พี่สะใภ้​สอง​กับ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​”

แม้ว่า​ดวงอาทิตย์​ใน​ฤดูใบไม้ผลิ​จะ​อบอุ่น​ ​แต่​การสวม​เสื้อ​สอง​ชั้น​เดิน​มาที​่​เรือน​เสา​หวา​ทำให้​ร่างกาย​รู้สึก​ร้อน​เล็กน้อย

สายลม​เย็น​ๆ​ ​พัดผ่าน​ป่าไผ่​เบา​ๆ​ ​ทำให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​ถอนหายใจ​ด้วย​ความรู้สึก​สบาย​ตัว​ ​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ได้​สิ​!​”

“​คือ​ว่า​…​”​ ​เจี​๋ย​เซียง​มีสี​หน้า​ลำบากใจ

สือ​อี​เหนียง​ไม่​รอ​ให้​นาง​พูด​ ​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​พวกเรา​เดิน​มากัน​จน​เหนื่อย​ ​ได้​พักผ่อน​ที่นี่​ก็ดี​เหมือนกัน​ ​เจ้า​ช่วย​ไป​เตรียม​น้ำชา​อุ่นๆ​ ​มา​ให้ท่าน​โหวก​็​พอแล้ว​”

เจี​๋ย​เซียง​ไม่ได้​ปริปาก​พูด​อะไร​อีก​ ​พาสาว​ใช้​น้อย​ไป​หยิบ​เบาะ​รอง​นั่ง​มา​ให้​ทั้งสอง​คน​นั่ง​บน​โต๊ะ​หิน​ ​แล้ว​ยก​ชา​ปี้​หลัว​ชุน​สอง​ถ้วย​มา​วาง

“​เจ้า​ไป​ทำ​ธุระ​ของ​เจ้า​เถิด​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยก​ชา​ขึ้น​มา​จิบ​ ​“​ที่นี่​มีสาว​ใช้​น้อย​คอย​ปรนนิบัติ​พวกเรา​ก็​พอแล้ว​ ​พอ​พี่สะใภ้​สอง​กับ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​เลิกเรียน​แล้ว​ ​เจ้า​ค่อย​มารา​ยงา​นพ​วก​เรา​”

เจี​๋ย​เซียง​เห็น​ว่า​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไม่ได้​พูด​อะไร​ ​จึง​ย่อเข่า​ตอบรับ​ ​“​เจ้าค่ะ​”​ ​จากนั้น​ก็​ถอย​ออก​ไป​ ​เหลือ​เพียง​สาวใช้​น้อย​หนึ่ง​คน​คอย​ยืน​ปรนนิบัติ​อยู่ห่างๆ​

สวี​ลิ่ง​อี๋​จิบ​ชา​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ไม่ได้​มานั​่ง​เล่น​ที่นี่​นาน​แล้ว​”

“​เมื่อก่อน​ท่าน​โหว​มาที​่​นี่​บ่อยๆ​ ​หรือ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​พูด​ต่อว่า​ ​“​นี่​เป็น​ครั้ง​ที่สอง​ที่​ข้ามา​ที่นี่​”

“​เมื่อก่อน​ที่นี่​เป็น​ห้อง​หนังสือ​ของ​พี่​สอง​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​มอง​ต้น​ไผ่​ที่​ปลูก​เต็ม​ลาน​ด้านหน้า​ ​“​ใน​ตอนนั้น​พี่​สอง​ได้​กำชับ​ให้​ปลูก​ไผ่​พวก​นี้​…​ต่อมา​พี่สะใภ้​สอง​ย้าย​มาที​่​นี่​ ​ข้า​ก็​ไม่ได้​มาที​่​นี่​อีก​…​”​ ​แววตา​เผย​ให้​เห็น​ว่า​เขา​กำลัง​นึกถึง​ความหลัง

นี่​เป็น​สิ่ง​ที่​สือ​อี​เหนียง​ไม่​สามารถ​รู้สึก​แบบ​เดียวกัน​ได้​ ​แต่​นาง​เลือก​ที่จะ​เคารพ​ความรู้สึก​ของ​เขา

ได้ยิน​เสียง​เสียดสี​ของ​ต้น​ไผ่​ยาม​ลม​พัดผ่าน​ ​ทำให้​รู้สึก​สบาย​ตัว​เมื่อ​ลมโชย​มาก​ระ​ทบ​หน้า​ ​สือ​อี​เหนียง​นั่ง​ดื่ม​ชากับ​เขา​อย่าง​เงียบๆ​

ฮู​หยิน​สอง​สวม​ชุด​สีเขียว​ ​มี​เจี​๋ย​เซียง​เดิน​มา​เป็นเพื่อน​ ​พา​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​เดิน​เข้ามา​

สวี​ลิ่ง​อี๋​รีบ​ลุกขึ้น​คำนับ​ ​“​พี่สะใภ้​สอง​!​”

สือ​อี​เหนียง​รีบ​ลุกขึ้น​ตาม

ฮู​หยิน​สอง​หยุด​อยู่​ห่าง​จาก​พวกเขา​สิบ​ก้าว​แล้ว​มอง​ไป​ที่​สือ​อี​เหนียง​ด้วย​รอยยิ้ม​ ​ใบหน้า​ขาว​ราวกับ​กระเบื้องเคลือบ​ของ​นาง​ดู​งดงาม​ราวกับ​หยก​ใน​ป่าไผ่​อัน​เงียบสงบ

“​ท่าน​โหว​ ​น้อง​สะใภ้​สี่​!​”

เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​เดิน​เข้าไป​คำนับ​ท่าน​พ่อ​กับ​ท่าน​แม่

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พลาง​เข้าไป​หานาง​ ​จากนั้น​ก็​ไป​ทักทายฮู​หยิน​สอง​ ​“​พี่สะใภ้​สอง​!​”

ฮู​หยิน​สอง​พยักหน้า​เล็กน้อย​ ​ถาม​สวี​ลิ่ง​อี๋​ว่า​ ​“​ท่าน​โหว​จะ​นั่ง​อยู่​ที่นี่​หรือ​จะเข้า​ไป​ดื่ม​ชา​ใน​เรือน​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​นึกถึง​จุดประสงค์​ที่มา​ที่นี่​ ​คิด​ว่าการ​เข้าไป​คุย​กัน​ใน​เรือน​จะ​ดู​เป็นทางการ​กว่า​ ​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​เข้าไป​นั่ง​ที่​เรือน​ของ​พี่สะใภ้​สอง​ดีกว่า​”

ฮู​หยิน​สอง​เบี่ยง​ตัว​หัน​ข้าง​แล้ว​เชิญ​ทั้งสอง​คน​ไป​ที่​เรือน​ ​สือ​อี​เหนียง​เดินตาม​หลัง​สวี​ลิ่ง​อี๋​เข้าไป​ใน​ห้อง

แจกัน​เครื่องลายคราม​วาง​อยู่​บน​โต๊ะ​ใน​ห้องโถง​มีด​อก​มะลิ​เหมันต์​ปัก​อยู่​ ​ผลิ​กลีบดอก​สีเหลือง​อ่อน​ ​กิ่งก้าน​แผ่สาขา​ดู​มีชีวิตชีวา​สม​กับ​ฤดูใบไม้ผลิ

เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ถอย​ออก​ไป​อย่างว่า​ง่าย​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​และ​คนอื่นๆ​ ​นั่งลง​ตามลำดับ​ ​ส่วน​เจี​๋ย​เซียง​ไป​ยก​ชามา​วาง

ฮู​หยิน​สอง​ยก​ถ้วย​ชา​ขึ้น​มา​จิบ​แล้ว​พูด​อย่างตรงไปตรงมา​ว่า​ ​“​ทำไม​วันนี้​ท่าน​โหว​และ​น้อง​สะใภ้​ถึง​มี​เวลาว่าง​มานั​่ง​เล่น​ที่​เรือน​ข้า​เล่า​”​ ​แต่​สายตา​กลับ​ไป​หยุด​อยู่​ที่​สือ​อี​เหนียง​ก่อน​จะ​หันกลับ​ไป

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พลาง​ยก​ถ้วย​ชา​ขึ้น​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เป็น​หัวหน้าครอบครัว​ ​เวลานี้​อำนาจ​ใน​การ​พูด​ควรจะเป็น​ของ​เขา

“​ประเด็นหลัก​ก็​คือ​เรื่อง​ของ​อวี​้​เกอ​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไม่ได้​อ้อมค้อม​ ​พูด​อย่างตรงไปตรงมา​ว่า​ ​“​ประการ​แรก​พวกเรา​อยาก​จะ​ขอบคุณ​พี่สะใภ้​สอง​ที่​ทำให้​การ​หมั้น​หมาย​นี้​สำเร็จ​ ​ทั้งหมด​เป็นเพราะว่า​มีพี​่​สะใภ้​สอง​คอย​ไกล่เกลี่ย​ให้​ ​ประการ​ที่สอง​พวกเรา​อยาก​จะ​หมั้น​หมาย​กับ​สกุล​เซี่ยง​อย่างเป็นทางการ​หลังจาก​วิธี​ไว้อาลัย​แล้ว​ ​ข้า​อยาก​ให้​พี่สะใภ้​สอง​สังเกต​ดูท่าทาง​ของ​ใต้เท้า​เซี่ยง​ ​ข้า​ลอง​คำนวณ​วัน​ดูแล​้ว​ ​อีก​ไม่​กี่​วัน​ใต้เท้า​เซี่ยง​ก็​จะ​ออกเดินทาง​แล้ว​ ​เมื่อถึง​เวลา​นั้น​ข้า​จะ​ได้​ส่ง​คน​ไป​คุย​เรื่อง​การ​หมั้น​หมาย​ได้​”

“​คน​ครอบครัว​เดียวกัน​ ​ไม่เห็น​ต้อง​เกรงใจ​กัน​เช่นนี้​”​ ฮู​หยิน​สอง​ชำเลือง​มอง​สือ​อี​เหนียง​ที่นั่ง​ยิ้มอยู่​เงียบๆ​ ​“​อวี​้​เกอ​เป็น​หลานชาย​ของ​ข้า​ ​การ​ที่​ข้า​ช่วยเหลือ​ก็​เป็นเรื่อง​ที่​สมควร​แล้ว​”

“​แต่​อย่างไร​ก็​ทำ​เพื่อ​พวกเรา​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​มอง​ภรรยา​ที่นั่ง​อยู่​ถัดจาก​ตัวเอง​ ​แล้ว​พูด​กับฮู​หยิน​สอง​ด้วย​น้ำเสียง​จริงใจ​ว่า​ ​“​ไม่ว่า​อย่างไร​พวกเรา​ก็​ควร​มา​ขอบคุณ​พี่สะใภ้​สอง​!​”

“​ใช่​แล้ว​เจ้าค่ะ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​รับคำ​ ​“​ถึงแม้ว่า​อวี​้​เกอ​จะ​เป็น​หลานชาย​ ​แต่​ท่าน​ก็​รัก​และ​เอ็นดู​เขา​เป็นอย่างมาก​ ​เขา​ถึง​ได้​มี​คู่​หมาย​ที่​ดี​เช่นนี้​ ​พวกเรา​ใน​ฐานะ​พ่อแม่​ ​อย่างไร​เสีย​ก็​ควรจะ​ขอบคุณ​พี่สะใภ้​สอง​จึง​จะ​ถูก​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​พยักหน้า​เล็กน้อย

ฮู​หยิน​สอง​เห็น​สอง​สามีภรรยา​เข้ากัน​เป็นปี่เป็นขลุ่ย​ ​ดวงตา​ก็​เป็นประกาย​ ​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​น้อง​สะใภ้​ไม่จำเป็น​ต้อง​เกรงใจ​ข้า​”​ ​จากนั้น​ก็​เริ่ม​พูดถึง​เรื่อง​ที่จะ​กลับ​สกุล​เซี่ยง​ ​“​…​ข้า​จะ​กลับ​ไป​พรุ่งนี้​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​กล่าว​ขอบคุณฮู​หยิน​สอง​อีกครั้ง

ฮู​หยิน​สอง​โบกมือ​ไปมา​ ​“​ท่าน​โหว​ทำ​เช่นนี้​จะ​ทำให้​เรา​ดูเหมือน​คนแปลกหน้า​กัน​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ไม่ได้​พูด​อะไร​อีก​ ​นัดหมาย​ตกลง​กัน​ไว้​แล้ว​ว่า​จะ​ตอบกลับ​จดหมาย​ตอนบ่าย

เมื่อ​ไท่ฮู​หยิน​รู้​ว่า​สวี​ลิ่ง​อี๋​กับ​สือ​อี​เหนียง​ไป​ที่​เรือน​เสา​หวา​จึง​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​เช่นนี้​ก็​แสดงว่า​ทั้งสอง​คนดี​กัน​แล้ว​”

“​คงจะ​เป็น​เช่นนั้น​เจ้าค่ะ​”​ ​ป้า​ตู้​ยิ้ม​แล้ว​พูด​ต่อว่า​ ​“​สาวใช้​บอกว่า​ทั้งสอง​คน​คุย​ไป​หัวเราะ​ไป​”

ไท่ฮู​หยิน​ถอนหายใจ​ด้วย​ความ​โล่งอก​ ​“​เช่นนั้น​ก็ดี​ ​เช่นนั้น​ก็ดี​ ​ข้า​ยัง​กลัว​ว่า​เด็ก​คน​นี้​จะ​ไม่รู้​ความ​ ​เอาแต่​เย็นชา​ใส่​เจ้า​สี่​ ​ควรจะ​รู้​ว่า​ทุกอย่าง​ต้อง​มี​ขอบเขต​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​เจ้า​สี่​ก็​เป็น​คน​อารมณ์ร้อน​”​ ​แล้ว​ถาม​ขึ้น​ว่า​ ​“​ไป​สืบมา​หรือยัง​ว่า​โกรธ​กัน​เรื่อง​อะไร​”

ป้า​ตู้​ส่ายหน้า​ ​“​บางอย่าง​ก็​ถาม​ลึก​มาก​ไม่ได้​เจ้าค่ะ​”

ไท่ฮู​หยิน​คิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​แล้ว​ยิ้ม​อย่าง​โล่งใจ​ ​“​ช่างปะไร​ ​คู่สามีภรรยา​ทะเลาะ​กัน​ไม่นาน​เดี๋ยว​ก็ดี​กัน​เหมือนเดิม​เป็นเรื่อง​ธรรมดา​ ​ขอ​แค่​พวกเขา​ดี​ต่อกัน​ก็​พอแล้ว​”

ป้า​ตู้​ยิ้ม​พลาง​พยักหน้า

“​ว่าแต่​ทำไม​พวกเขา​ถึง​ไปหา​อี๋​เจิน​”​ ​ว่า​จะ​ไม่สน​ใจ​ ​แต่​ก็​ยัง​อยากรู้​อยู่​บ้าง​ ​“​อีกสักครู่​เจ้า​ไป​เรียก​อี๋​เจิน​มา​ ​ข้ามี​เรื่อง​จะ​ถาม​นาง​สักหน่อย​”

ป้า​ตู้​หัวเราะ​ ​“​ท่าน​บอกว่า​จะ​ไม่สน​ใจ​แล้ว​ไม่ใช่​หรือ​เจ้า​คะ​”

“​นี่​มัน​คนละเรื่อง​กัน​”​ ​ไท่ฮู​หยิน​ไม่เห็นด้วย​ ​“​เรื่อง​หนึ่ง​เป็นเรื่อง​ใน​เรือน​ ​อีก​เรื่อง​หนึ่ง​เป็นเรื่อง​นอก​เรือน​ ​เรื่อง​ใน​เรือน​มีคำ​กล่าว​ไว้​ว่า​ ​‘​หาก​สามีภรรยา​ไม่​สามัคคี​กัน​ก็​จะ​ถูก​คนนอก​รังแก​’​ ​หาก​สอง​คน​นี้​มีปัญหา​เล็ก​ๆ​ ​น้อย​ๆ​ ​เกิดขึ้น​แล้ว​ข้า​ไป​ถาม​ ​เช่นนั้น​คนอื่น​ก็​จะ​ไม่รู้​กัน​ไป​หมด​เลย​หรือ​ ​ทำให้​ทุกคน​คิด​ว่า​พวกเขา​สอง​สามีภรรยา​ไม่ลงรอยกัน​ ​เรื่องเล็ก​ก็​จะ​กลายเป็น​เรื่องใหญ่​ ​และ​เหตุผล​เดียวกัน​ ​หาก​พวกเขา​สอง​คน​ทะเลาะ​กัน​จน​ไม่​สามารถ​แก้ปัญหา​ได้​แล้ว​ข้า​ยัง​ไม่สน​ใจ​ ​คนอื่น​ก็​จะ​คิด​ว่า​ใน​เรือน​นี้​ไม่มี​ผู้อาวุโส​คอย​ดูแล​ ​จะ​ทำให้​คน​คิด​กัน​ไป​ต่างๆ​ ​นา​ๆ​ ​ว่า​ข้า​ไม่​ใยดี​สือ​อี​เหนียง​ ​จึง​ช่วยกัน​เหยียบย่ำ​ไม่​ไว้หน้า​นาง​ ​แต่​เรื่อง​นอก​เรือน​กลับ​ไม่​เหมือนกัน​ ​ในเมื่อ​พวกเขา​ทั้งสอง​คน​ไป​ถาม​ด้วยกัน​แสดงว่า​ได้​ปรึกษา​กัน​ดี​แล้ว​อย่างแน่นอน​ ​หาก​ข้า​ไป​ถาม​คนอื่น​รู้​เข้า​ก็​จะ​หัวเราะ​ว่า​คนแก่​อย่าง​ข้า​ยัง​ไม่​ตายใจ​ก็​เท่านั้น​ ​แต่​ก็​ไม่ได้​ทำร้าย​ชื่อเสียง​ของ​ทั้งสอง​คน​!​”

“​ท่าน​มีเหตุผล​เสมอ​เจ้าค่ะ​”​ ​ป้า​ตู้​ยิ้ม​หยอกล้อ​ ​เรียก​เว​่ย​จื่อ​เข้ามา​ ​“​เจ้า​ไปดู​ที่​เรือน​เสา​หวา​ ​หาก​ท่าน​โหวกับฮู​หยิน​สี่​ไป​แล้วก็​ให้​เชิญฮู​หยิน​สอง​มาที​่​นี่​”

เว​่ย​จื่อ​ตอบรับ​แล้ว​ถอย​ออก​ไป​

ไท่ฮู​หยิน​ยิ้ม​เล็กน้อย​ ​“​ทาง​ด้าน​ไต้​ซือ​จี้​หนิง​ว่า​อย่างไรบ้าง​”

เช้าตรู่​วันนี้​ไต้​ซือ​จี้​หนิง​มา​เยี่ยมฮู​หยิน​ห้า

ป้า​ตู้​ได้ยิน​แล้วก็​หุบ​ยิ้ม​ ​“​บอกว่า​คุณหนู​สอง​ไม่เป็นอะไร​ ​ตรวจ​ชีพจร​แล้ว​ให้ยา​สงบ​จิต​สอง​สาม​กล่อง​ ​ตอนนี้​กำลัง​เทศนา​พระไตรปิฎก​ให้ฮู​หยิน​ห้า​ฟัง​อยู่​เจ้าค่ะ​”

ไท่ฮู​หยิน​ขมวดคิ้ว​ ​“​เจ้า​เด็ก​คน​นี้​ ​เป็น​เช่นนี้​ไม่ดี​เลย​”

ป้า​ตู้​สังเกต​สีหน้า​ของ​ไท่ฮู​หยิน​อย่างระมัดระวัง​ ​นิ่งเงียบ​ไม่พูดไม่จา

ไท่ฮู​หยิน​ครุ่นคิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​จากนั้น​ก็​กำชับ​ป้า​ตู้​ว่า​ ​“​อีกสักครู่​เจ้า​ไป​ที่​ตรอก​หง​เติง​ ​นำ​เรื่อง​นี้​ไป​ปรึกษา​กับ​ท่าน​โหว​ผู้เฒ่า​ ​หาก​เห็นท่า​ว่า​ไม่ดี​ก็​ให้ท่าน​โหว​ผู้เฒ่า​มารั​บนา​งก​ลับ​ไป​ที่​จวน​สัก​สอง​สาม​วัน​ ​เปลี่ยน​สถานที่​บ้าง​ ​บางที​อาการป่วย​อาจจะ​ดีขึ้น​”​ ​พูด​พลาง​ถอนหายใจ​ ​“​เด็ก​คน​นี้​ปกติ​เป็น​คน​เฉลียวฉลาด​ ​แต่​ใน​เวลา​สำคัญ​เช่นนี้​กลับ​ไม่​สามารถ​อยู่​เฉย​ได้​…​”​ ​จากนั้น​ก็​พึมพำ​เสียง​เบา​ว่า​ ​“​สู้​สือ​อี​เหนียง​ไม่ได้​เลย​สักนิด​!​”

ป้า​ตู้​ไม่กล้า​คัดค้าน​ ​ทำเป็น​ไม่ได้​ยิน​ ​ยิ้ม​แล้วไป​นำ​ชาร้อน​มา​เปลี่ยน​ให้​ไท่ฮู​หยิน

เจี​๋ย​เซียง​ริน​ชา​อุ่นๆ​ ​ให้​เว​่ย​จื่อ​ ​“​น้อง​เว​่ย​จื่อ​มา​ไกล​ขนาด​นี้​คงจะ​กระหายน้ำ​แล้ว​ ​นี่​คือ​ชา​ปี้​หลัว​ชุน​ที่นาย​ท่าน​ส่ง​มา​ให้​ ​น้อง​เว​่ย​จื่อ​ลอง​ชิม​ดู​”

เว​่ย​จื่อ​ไหน​เลย​จะ​กล้า​นั่ง​นิ่ง​อยู่​ตรงนั้น​ ​รีบ​ก้าว​เข้าไป​รับ​ถ้วย​ชา​ ​“​พี่​เจี​๋ย​เซียง​อย่า​เกรงใจ​กัน​เลย​!​”

เจี​๋ย​เซียง​ไม่ได้​พูด​อะไร​อีก​ ​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​รบกวน​น้อง​เว​่ย​จื่อ​นั่ง​รอต​รง​นี้​ก่อน​ ฮู​หยิน​กำลัง​เปลี่ยน​ชุด​อยู่​อีกสักครู่​ก็​เสร็จ​แล้ว​”

เว​่ย​จื่อ​พูด​อย่างเกรงใจ​ ​“​ข้า​จะ​นั่ง​รอ​อยู่​ที่นี่​ ​พี่​เจี​๋ย​เซียง​มีธุระ​อะไร​ก็​ไป​ทำ​เถิด​ ​ไม่ต้อง​สนใจ​ข้า​”

เจี​๋ย​เซียง​ทักทาย​นาง​สอง​สาม​ประโยค​ ​ก่อน​จะเข้า​ไป​ที่​ห้อง​ด้านใน​ของฮู​หยิน​สอง

“​ถาม​อยู่​ตั้ง​นาน​ ​แต่​น้อง​เว​่ย​จื่อ​ก็​ไม่รู้​ว่า​ไท่ฮู​หยิน​เรียกหา​ท่าน​เพราะอะไร​เจ้าค่ะ​”

ฮู​หยิน​สอง​ยิ้ม​พลาง​หยิบ​ผง​หอม​ขึ้น​มาทา​แก้ม​ ​พูดเสี​ยง​เรียบ​ว่า​ ​“​ยัง​ต้อง​ถาม​อีก​หรือ​ ​คาด​ว่า​คง​เป็นเรื่อง​ที่​สือ​อี​เหนียง​กับ​ท่าน​โหว​ทะเลาะ​กัน​!​”

เจี​๋ย​เซียง​เชื่อ​คำตัดสิน​ของฮู​หยิน​สอง​อย่าง​สนิทใจ​ ​แต่​ยังคง​พูด​ด้วย​ความแปลกใจ​ว่า​ ​“ฮู​หยิน​สี่​กับ​ท่าน​โหว​ทะเลาะ​กัน​หรือ​เจ้า​คะ​ ​ทำไม​บ่าว​ถึง​มอง​ไม่​ออก​ ​แล้วฮู​หยิน​รู้​ได้​อย่างไร​เจ้า​คะ​”

“​หาก​ไม่​โกรธ​กัน​ ​แล้ว​ทำไม​ทั้งสอง​ถึง​ได้มา​ที่​เรือน​ข้า​ด้วยกัน​เล่า​”

ฮู​หยิน​สอง​พูด​กับ​เงา​ใน​กระจก​เบา​ๆ​ ​ว่า​ ​“​ข้า​เดา​ว่า​คง​เป็น​เพราะ​ท่าน​โหว​ไม่ได้​ปรึกษา​สือ​อี​เหนียง​ก็​มา​ขอร้อง​ให้​ข้า​ช่วย​เป็น​แม่สื่อ​ให้​ ​มิเช่นนั้น​ด้วย​นิสัย​ที่​รอบคอบ​ระมัดระวัง​ของ​สือ​อี​เหนียง​แล้ว​ ​วันนั้น​ที่​เจอกัน​อยู่​ที่​เรือน​ไท่ฮู​หยิน​นาง​ก็​คง​พูด​ขอบคุณ​ข้า​ไป​แล้ว​ ​คง​ไม่​รอ​จนถึง​วันนี้​แล้วยัง​พาท​่าน​โหว​มาด​้วย​”​ ​เมื่อ​พูดถึง​ตรงนี้​นาง​ก็​หันมา​ยิ้ม​ให้​เจี​๋ย​เซียง​ ​“​แต่ว่า​การ​ที่นาง​จูงจมูก​ท่าน​โหว​ได้​นั้น​ ​ถือว่า​นาง​เป็น​คนที​่​น่าสนใจ​เป็นอย่างมาก​!​”

เจี​๋ย​เซียง​ไม่ได้​รู้สึก​ว่า​มี​ความน่าสนใจ​ตรงไหน​ ​ขมวดคิ้ว​แล้ว​พูดเสี​ยง​เบา​ว่า​ ​“ฮู​หยิน​ ​ท่าน​ไม่ได้​บอกว่า​ท่าน​จะ​เป็น​เพียงแค่​คนกลาง​ไม่ใช่​หรือ​ ​การ​หมั้น​หมาย​ครั้งนี้​จะ​สำเร็จ​หรือไม่ก็​ให้ท่าน​โหว​ไป​คุย​กับ​นายท่าน​เอง​ไม่ใช่​หรือ​ ​เหตุใด​ถึง​ได้รับ​ปาก​ท่าน​โหว​ว่า​จะ​กลับ​ไป​เล่า​เจ้า​คะ​…​”

“​ดังนั้น​ข้า​ถึง​ได้​บอกว่าฮู​หยิน​สี่​เป็น​คนที​่​น่าสนใจ​อย่างไรเล่า​!​”​ ฮู​หยิน​สอง​ยิ้ม​แล้ว​พูด​ต่อว่า​ ​“​ข้า​คิด​ว่า​เมื่อ​นาง​รู้เรื่อง​นี้​แล้ว​จะ​ไม่​ตอบ​ตกลง​อย่างแน่นอน​ ​แต่​ใคร​จะ​ไปรู​้​ว่านา​งก​ลับ​ลาก​ท่าน​โหว​มา​ขอบคุณ​ข้า​ถึงที่​นี่​”​ ​พูด​พลาง​ส่งสายตา​ให้​เจี​๋ย​เซียง​ ​“​ดังนั้น​ข้า​จึง​ได้​ตัดสินใจ​ว่า​จะ​ต้อง​กลับ​ไป​ใน​ครั้งนี้​!​”

“​แล้ว​นาย​หญิง​ล่ะ​เจ้า​คะ​”​ ​เจี​๋ย​เซียง​รู้สึก​กังวล​เล็กน้อย

“​นาง​น่ะ​หรือ​ ​นาง​ทำไม​หรือ​”​ ฮู​หยิน​สอง​พูด​อย่าง​ไม่เห็นด้วย​ว่า​ ​“​นาง​ก็​แค่​จะ​ให้​พี่ใหญ่​กลับ​สกุล​เดิม​ไป​กับ​นาง​เพื่อนำ​เรื่อง​นี้​ไป​บอก​กับ​ท่าน​พ่อ​ของ​นาง​และ​บรรดา​พี่น้อง​ที่​สกุล​เดิม​!​ ​นอกจากนี้​นาง​ยัง​จะ​คิด​หาวิ​ธี​อะไร​ได้​อีก​ ​ใน​ตอนนั้น​ข้า​เอาแต่​ยอม​ถอย​ให้​นาง​ ​แต่​ก็​ไม่ได้​เป็นเพราะว่า​บิดา​ของ​นาง​เป็น​คน​ของ​ศาล​ว่าการ​ ​แต่​เห็นแก่​นาง​ที่สามา​รถ​ใช้ชีวิต​กับ​พี่ชาย​ของ​ข้า​ได้​เป็น​อย่างดี​ ​แต่​ตอนที่​คุณชาย​สอง​เสียชีวิต​นาง​กลับ​ไล่​สาวใช้​ใน​เรือน​ออก​ไป​จน​หมด​ ​แล้ว​ร้องไห้​สะอึกสะอื้น​อยาก​จะ​ตาม​ท่าน​พี่​ไปรับ​ตำแหน่ง​ ​ใน​ตอนนั้น​ข้า​รู้สึก​ผิดหวัง​ใน​ตัวนาง​ไม่น้อย​”
เพิ่มขนาดช่อง ดึงมุมขวามือลง

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท