ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 296 สหายเก่า(ต้น)

ตอนที่ 296 สหายเก่า(ต้น)

สือ​อี​เหนียง​ไม่ได้​พูด​อะไร

คำพูด​ของ​อี๋​เหนียง​สอง​ฟัง​ดูเหมือน​ตรงไปตรงมา​ ​แต่​พอล​องคิด​ดูดี​ๆ​ ​กลับ​มี​ร่องรอย​การ​แก้ต่าง​ให้​ตัวเอง​ทุก​ประโยค

เหตุใด​หยาง​อี๋​เหนียง​ถึง​ฝาก​สือ​เหนียง​ไว้​กับ​พวก​นาง​สอง​คน​ ​พวก​นาง​สอง​คน​มี​อะไร​ที่​ควรค่า​แก่​การ​ไหว้วาน​ของ​หยาง​อี๋​เหนียง

สือ​เหนียง​เข้า​เมืองหลวง​ ​แต่งงาน​กับ​หวัง​หลัง​แล้ว​กลายเป็น​หญิง​ม่าย​…​ตอนนี้​การ​สืบสาว​เรื่อง​เหล่านั้น​ไม่มี​ความหมาย​อีกต่อไป​ ​ตอนนี้​สิ่ง​ที่นา​งกัง​วล​คือ​การ​มา​เยือน​ของ​หลู​หย่ง​กุ้ย​ ​อี๋​เหนียง​ทั้งสอง​เคย​ทำความ​ผิด​ ​หาก​จะ​บอกว่า​เป็นการ​มา​พบ​เพื่อนเก่า​ ​สือ​อี​เหนียง​ไม่เชื่อ​เป็นอันขาด

แต่​ไม่เชื่อ​แล้ว​จะ​ทำ​อะไร​ได้

นาง​ก็​แค่​เจอ​กับ​เรื่อง​นี้​โดยบังเอิญ​ ​หาก​มีปัญหา​อะไร​จริงๆ​ ​แล้ว​ตัวเอง​สืบสาวราวเรื่อง​ต่อไป​ ​เกรง​ว่า​จะ​เป็นการ​แหวก​หญ้า​ให้​งู​ตื่น

นาง​ยืน​ขึ้น​ ​“​เวลา​ก็​ล่วงเลย​มามาก​แล้ว​ ​ข้า​ยัง​ต้อง​ไป​ปรนนิบัติ​ไท่ฮู​หยิน​ทานอาหาร​กลางวัน​ ​ ​ไม่​ขอ​รบกวน​การ​บำเพ็ญ​เพียง​ของ​อี๋​เหนียง​ทั้งสอง​แล้ว​เจ้าค่ะ​”

อี๋​เหนียง​สอง​พยักหน้า​ ​แต่​อี๋​เหนียง​ใหญ่​กลับ​ยิ้ม​แล้ว​พานาง​ไป​ส่ง​ที่​หน้า​ประตู​เรือน

ไต้​ซือ​จี้​หนิง​ไม่อยู่​ ​แต่​ให้​นักบวช​น้อย​ไว้​คอย​ปรนนิบัติ​ ​นักบวช​น้อย​เป็น​คนนำทาง​ ​ป้า​ซ่ง​พาสื​ออี​เหนียง​กลับ​เรือน​พัก

หู่​พั่ว​กำลัง​ตั้งหน้าตั้งตา​รอ

“ฮู​หยิน​!​”​ ​นาง​รีบ​เข้ามา​คำนับ​ ​“​บ่าว​เห็น​ด้าน​ข้าง​ ​แปด​ถึง​เก้า​ใน​สิบ​ส่วน​เหมือนกับ​พ่อบ้าน​หลู​ ​แต่​ตาม​ไป​ไม่ทัน​เจ้าค่ะ​!​”

“​เจ้า​ตาม​ไป​หรือ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​สีหน้า​เคร่งขรึม​เล็กน้อย​ ​“​เจ้า​ตาม​ไป​อย่างไร​”

“​ตอนแรก​บ่าว​ไม่​ค่อย​แน่ใจ​ ​บ่าว​พาบ​่า​วรับ​ใช้​เบียดเสียด​เข้าไป​ ​พึ่ง​จะ​เห็น​ใบหน้า​ชัดเจน​เขา​ก็​หันหลัง​เดิน​ไป​ที่​ตำหนัก​ต้าส​ยง​เป่า​ ​ข้า​ไม่กล้า​เรียก​จึง​ได้​เดินตาม​ไป​ ​ใคร​จะ​ไปรู​้​ว่า​เขา​ก้าว​เท้า​ฉับไว​หาย​เข้าไป​ใน​ฝูงชน​ ​บ่าว​เห็น​ว่า​ตาม​ไป​ไม่ทัน​แล้วจึง​ตะโกนเรียก​ ​ใคร​จะ​ไปรู​้​ว่า​ตอน​บ่าว​ไม่​เรียก​ก็​ยังดี​ๆ​ ​อยู่​ ​แต่​พอ​บ่าว​เรียก​เขา​ก็​เดิน​เร็ว​ยิ่งกว่า​เดิม​ ​พอ​ข้า​ตาม​จนถึง​ประตู​ซาน​เหมิน​เขา​ก็​หาย​ไป​แล้ว​”

หาก​ไม่ใช่​เพราะ​ไป​ทำผิด​อะไร​มา​ ​เหตุใด​ต้อง​หลบ​ด้วย​!

สือ​อี​เหนียง​สีหน้า​เคร่งขรึม​ ​กำชับ​ป้า​ซ่ง​ว่า​ ​“​พอก​ลับ​ไป​เจ้า​ไป​เรียก​หลู​หย่งฝู​มา​ให้​ข้า​!​”

ป้า​ซ่ง​คำนับ​รับคำ​สั่ง

สาวใช้​น้อย​คน​หนึ่ง​เดิน​ออกมา​จาก​ห้อง​ด้าน​ข้าง​ ​เห็น​สือ​อี​เหนียง​และ​คนอื่นๆ​ ​ยืน​อยู่​ที่​ลาน​ ​สีหน้า​ผ่อนคลาย​ ​ยิ้ม​แล้ว​เดิน​เข้ามา​คำนับ​ ​“ฮู​หยิน​สี่​ ​ไท่ฮู​หยิน​ตื่น​แล้ว​เจ้าค่ะ​!​”

สือ​อี​เหนียง​ส่งสายตา​ให้​ป้า​ซ่ง​และ​หู่​พั่ว​แล้ว​รีบ​เดิน​เข้า​ห้อง​ไป

อาหารเจ​ใน​ตอนกลางวัน​ถูก​จัด​ให้​ห้อง​ปีก​ ​รอ​จนถึงที่สุด​แต่​ก็​ไม่เห็น​แม้แต่​เงา​ของ​คน​สกุล​เซี่ยง​ ​ป้า​ตู้​ที่​ได้รับ​คำสั่ง​ให้​ไป​ ​‘​บังเอิญ​’​ ​พบ​นาย​หญิง​เซี่ยง​เดินไปเดินมา​อยู่​หลาย​รอบ​ ​คิด​ว่า​เป็นตัว​เอง​ที่​ทำให้เกิด​เรื่อง​ผิดพลาด​ขึ้น

แม้ว่าฮู​หยิน​สอง​จะ​มีสี​หน้าปก​ติ​ ​แต่​ใบหน้า​ของ​นาง​กลับ​ดู​เยือกเย็น​ ​“​ท่าน​แม่​ ​ท่าน​ออกมา​ตั้งแต่​เช้าตรู่​ ​จนถึง​ตอนนี้​ทาน​โจ๊ก​ไป​เพียงแค่​ครึ่ง​ชาม​เท่านั้น​ ​ข้าว​่า​อย่า​รอ​อีก​เลย​!​”

ไท่ฮู​หยิน​เงียบ​ไป​ครู่หนึ่ง​ ​หัวเราะ​แล้ว​พูดว่า​ ​“​เกรง​ว่า​คงจะ​มีเรื่อง​อัน​ใด​ทำให้​ล่าช้า​ ​พรุ่งนี้​ข้า​กับ​สือ​อี​เหนียง​ยัง​ต้อง​ไป​เยี่ยม​หลาน​ถิง​ที่​จวน​จง​ฉินปั​๋ว​ ​เช่นนั้น​ก็​คง​ไม่​รอ​แล้ว​!​”

วันที่​สิบ​เก้า​เดือน​สาม​เป็น​วัน​ครบรอบ​สาม​ปี​ของ​หยวน​เหนียง​ ​เมื่อวาน​ไท่ฮู​หยิน​บอกว่า​จะ​ทำพิธี​รำลึก​หยวน​เหนียง​ก่อน​แล้ว​ค่อย​ไป​จวน​จง​ฉินปั​๋​ว.​..​ที่​พูด​เช่นนี้​ก็​เพียงแค่​จะ​หาทาง​ออก​ให้ฮู​หยิน​สองเท่า​นั้น

สือ​อี​เหนียง​หันไป​กำชับ​สาวใช้​น้อย​ให้​ไป​ยก​อาหาร​มา

เมื่อ​ทานอาหาร​เสร็จ​ก็​เดินทาง​กลับ​จวน

ฮู​หยิน​สอง​นั่ง​รถ​คัน​เดียวกัน​กับ​ไท่ฮู​หยิน​เช่นเคย​ ​สือ​อี​เหนียง​เอนกาย​พิง​ป้า​ซ่ง​แล้ว​หลับ​ไป​ ​เมื่อ​รถม้า​มาถึง​เหอฮ​วาห​ลี่​ก็​ถูก​ป้า​ซ่ง​ปลุก​ให้​ตื่น

หลังจาก​ลง​จาก​รถม้า​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​มาต​้อ​นรั​บที​่​หน้า​ประตู

ไท่ฮู​หยิน​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​วันนี้​ทุกคน​เหนื่อย​กัน​มามาก​แล้ว​ ​เมื่อถึง​เวลาอาหาร​เย็น​ก็​แยกย้าย​กัน​ไป​ทาน​เถิด​ ​แล้วก็​ไม่ต้อง​มาคา​รวะ​ข้า​ ​แยกย้าย​กันได​้​!​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ได้​ฟัง​เช่นนั้น​ ​ก็​เหลือบมอง​สือ​อี​เหนียง

สือ​อี​เหนียง​มอง​เขา​แล้ว​ส่ายหน้า​เบา​ๆ​

สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​ไม่ได้​ถาม​อะไร​ ​โค้ง​คำนับ​ไท่ฮู​หยิน

ฮู​หยิน​สอง​ไม่ได้​พูด​อะไร​ ​พยุง​ไท่ฮู​หยิน​ขึ้นรถ​ลาก

ทั้ง​สาม​คน​ส่ง​ไท่ฮู​หยิน​จากไป

ฮู​หยิน​สอง​รีบ​หันมา​มอง​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​“​ท่าน​โหว​ ​ไม่รู้​ว่า​เพราะอะไร​ ​วันนี้​พี่สะใภ้​ข้า​ไม่​ไป​วัด​ฉือ​หยวน​”​ ​จากนั้น​สายตา​ของ​นาง​ก็​จับจ้อง​ไป​ที่​สือ​อี​เหนียง​ ​“​พรุ่งนี้​ข้า​จะ​กลับ​สกุล​เดิม​ ​รบกวน​น้อง​สะใภ้​สี่​ช่วย​เตรียม​รถม้า​ให้​ข้า​ด้วย​”​ ​แล้ว​พูด​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ว่า​ ​“​ข้า​อยาก​กลับ​ไปดู​ว่า​ทาง​ฝั่ง​ของ​ท่าน​พี่​เกิด​อะไร​ขึ้น​กัน​แน่​”

แววตา​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เผย​ให้​เห็น​ถึง​ความประหลาดใจ​ ​แต่​ไม่นาน​ก็​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​บางที​อาจ​เป็น​เพราะ​ใต้เท้า​เซี่ยง​ต้อง​ไป​เข้า​รับ​ตำแหน่ง​ ​นาย​หญิง​เซี่ยง​จึง​ค่อนข้าง​ยุ่ง​ ​พี่สะใภ้​ไม่ต้อง​รีบร้อน​”

ฮู​หยิน​สอง​ไม่​ตอบ​ ​นาง​พยักหน้า​แล้ว​ย่อเข่า​คำนับ​ ​พา​เจี​๋ย​เซียง​ขึ้นรถ​ลาก​อีก​คัน​กลับ​ไป​ที่​เรือน​เสา​หวา

สวี​ลิ่ง​อี๋​กับ​สือ​อี​เหนียง​ก็​ขึ้นรถ​ลาก​เช่นกัน

เขา​ถาม​ภรรยา​เสียง​เบา​ว่า​ ​“​เกิด​อะไร​ขึ้น​”

สือ​อี​เหนียง​เล่าเรื่อง​ราว​ทั้งหมด​ให้​เขา​ฟัง

สวี​ลิ่ง​อี๋​นิ่งเงียบ​มาต​ลอด​ทาง​จน​มาถึง​ท่าน้ำ​ ​พอสื​ออี​เหนียง​ล้างหน้าล้างตา​เปลี่ยนเสื้อ​ผ้า​ออกมา​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​กวักมือ​เรียก​นาง​ ​ทั้งสอง​นั่ง​คุย​กัน​บน​เตียง​เตา​ริม​หน้าต่าง

“​ดูแล​้ว​เกรง​ว่าการ​แต่งงาน​ของ​อวี​้​เกอ​จะ​ยัง​ไม่แน่​นอน​”

“​บางที​อาจจะ​เกิดเรื่อง​ขึ้น​กระมัง​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​พูด​ต่อว่า​ ​“​พอ​พี่สะใภ้​สอง​กลับมา​ก็​จะ​รู้​เอง​ ​พวกเรา​อย่า​คิด​เดา​ไป​เอง​เลย​เจ้าค่ะ​”​ ​แม้​ใน​ใจ​จะเข้า​ใจดี​ว่าการ​แต่งงาน​ของ​อวี​้​เกอ​มี​การเปลี่ยนแปลง​ ​แต่​ก็​อด​พูด​ปลอบใจ​ไม่ได้​ ​อย่างไร​เสีย​เรื่อง​นี้​ก็​ยัง​ไม่มี​บทสรุป​ ​แม้​การ​หมั้น​หมาย​จะ​ไม่สำเร็จ​ก็​ไม่เป็นไร​ ​แต่​เกรง​ว่าฮู​หยิน​สอง​จะ​ต้อง​เสียหน้า​ ​หาก​สวี​ลิ่ง​อี๋​เกิด​ปม​ใน​ใจ​ขึ้น​มา​ ​เกรง​ว่า​ต่อไป​คงจะ​ไม่​เป็นผลดี​ต่อ​คุณหนู​สอง​สกุล​เซี่ยง

สวี​ลิ่ง​อี๋​ไม่​พูด​อะไร​ ​เห็น​สือ​อี​เหนียง​ท่าทาง​อ่อนล้า​ ​ก็​ลุกขึ้น​แล้ว​พูดว่า​ ​“​เจ้า​ไป​พัก​ก่อน​เถิด​ ​ข้า​จะ​ไปหา​ใต้เท้า​เจียง​”

สือ​อี​เหนียง​ประหลาดใจ​ ​“​เวลานี้​หรือ​เจ้า​คะ​”

ใกล้​จะ​ถึง​เวลา​ทานอาหาร​เย็น​แล้ว

“​ข้า​จะ​ไม่​กลับมา​ทานอาหาร​เย็น​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พยักหน้า​ ​“​เรื่อง​ที่​อวี​้​เกอ​จะ​ไป​สำนัก​ศึกษา​จิ​่น​เจี​้​ยน​ ​จะ​ต้อง​ไป​บอก​เขา​ไว้​ก่อน​ล่วงหน้า​จึง​จะ​ถูก​ ​หาก​เขา​ไม่มี​อะไร​คัดค้าน​ ​ข้าว​่า​พอสิ​้น​สุด​วิธี​ไว้อาลัย​หยวน​เหนียง​ ​ก็​จะ​ส่ง​เขา​ไป​เล่อ​อาน​ทันที​”

“​จะ​ดูรีบ​ร้อน​เกินไป​หรือไม่​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​อย่าง​ลังเล

ตั้งแต่​สวี​ลิ่ง​อี๋​คิด​จน​ไป​ถึง​การตัดสินใจ​นั้น​ใช้เวลา​เพียง​ไม่​กี่​วัน​ ​นี่​ไม่ใช่​การ​รบ​ของกอง​ทัพ​ทหาร​ที่จะ​เพียงแค่​ออกคำสั่ง​ก็​พอแล้ว

“​อวี​้​เกอ​อายุ​ไม่น้อย​แล้ว​ ​บาง​เรื่อง​ยิ่ง​บอก​ให้​เขา​เข้าใจ​เร็ว​เท่าไร​ก็​ยิ่ง​ดี​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​พึมพำ​ ​“​ยิ่ง​ล่าช้า​จะ​ยิ่ง​แย่​”

นี่​คือ​แผนการ​ที่​บิดา​วาง​ไว้​ให้​ลูก​ๆ​ ​สือ​อี​เหนียง​ไม่​อาจ​พูด​อะไร​ได้​ ​ส่ง​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไป​แล้วก็​กลับมา​ที่​ห้อง​ ​จากนั้น​ก็​กำชับ​ป้า​ซ่ง​ให้​ไป​เรียก​หลู​หย่งฝู​ที่​เรือน​นอก

หลู​หย่งฝู​กับ​หลู​หย่ง​กุ้​ยมี​ใบหน้า​คล้ายคลึง​กัน​อย่างมาก​ ​แต่​อาจ​เป็น​เพราะ​ประสบการณ์​ไม่​เหมือนกัน​ ​สีหน้าท่าทาง​ของ​หลู​หย่งฝู​ดู​เป็น​คน​เรียบง่าย​ตรงไปตรงมา​ ​อีกทั้ง​ยัง​ดู​เป็น​คน​เกียจคร้าน​ไม่สน​ใจ​อะไร​ ​แต่​บาง​มุม​ก็​เหมือน​หลู​หย่ง​กุ้ย​ที่​เป็น​พี่ชาย

พอ​เขา​เข้ามา​ก็​คุกเข่า​ลง​ที่​หน้า​ประตู​ ​ก้มหน้าก้มตา​ด้วย​ความ​นอบน้อม​และ​หวาดกลัว

สือ​อี​เหนียง​นั่ง​อยู่​บน​เก้าอี้​ไท่​ซือ​ ​ใช้​ฝา​ถ้วย​เขี่ย​ใบชา​ที่​ลอย​อยู่​ใน​ถ้วย​

เสียง​เครื่องลายคราม​กระทบ​กัน​เบา​ๆ​ ​ทำให้​ห้อง​ที่​เงียบสงัด​ยิ่ง​ดู​สงบ

เมื่อ​สือ​อี​เหนียง​เห็น​หลู​หย่งฝู​บิด​ตัว​ไปมา​อย่าง​กระสับกระส่าย​ก็​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ที่​เรียก​เจ้า​มาก​็​ไม่ใช่​เพราะอะไร​ ​เพียงแต่​มีบาง​เรื่อง​ที่​อยาก​จะ​ถาม​เจ้า​!​”

เสียง​ของ​นาง​ไม่​ดัง​ไม่เบา​ ​ไม่​เร็ว​ไม่​ช้า​ ​ดู​สงบ​เป็นอย่างมาก​ ​แต่​ภายใต้​สถานการณ์​เช่นนี้​ ​และ​บรรยากาศ​ที่​ตึงเครียด​ ​ทำให้​หลู​หย่งฝู​รู้สึก​หวาดกลัว

เมื่อ​สือ​อี​เหนียง​พูด​จบ​เขา​ก็​รีบ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​เชิญฮู​หยิน​ถาม​ได้​เลย​ขอรับ​ ​หาก​ข้า​น้อย​รู้​จะ​บอก​ทุกอย่าง​”

“​ข้า​ได้ยิน​มา​ว่า​เจ้า​และ​พี่น้อง​ของ​เจ้า​ได้รับ​การ​ดูแล​จาก​พ่อบ้าน​ใหญ่​หนิ​วจึง​ได้​เข้า​จวน​มา​เป็น​บ่าว​รับใช้​ ​จากนั้น​ก็ได้​เป็น​ผู้ติดตาม​ของ​พี่​หญิง​ใหญ่​ใช่​หรือไม่​”

หลู​หย่งฝู​ได้ยิน​เช่นนั้น​ก็​มีสี​หน้า​ตกตะลึง​ ​ราวกับ​ประหลาดใจ​กับ​คำพูด​นี้​ ​เขา​ตอบ​ว่า​ ​“​หลังจากที่​ท่าน​พ่อ​เสียชีวิต​ก็ได้​รับ​การ​ดูแล​จาก​พ่อบ้าน​ใหญ่​หนิว​ ​แต่ว่า​ท่าน​พ่อ​ก็​เคย​เป็น​ผู้ดูแล​ห้อง​บัญชี​สกุล​หลัว​มาก​่อน​ ​จงรักภักดี​ต่อนาย​ท่าน​ใหญ่​เสมอ​ ​นาย​หญิง​ใหญ่​จึง​ส่ง​มาที​่​เยี​่​ยน​จิง​ขอรับ​”

สือ​อี​เหนียง​ได้​ฟัง​ก็​รู้สึก​สงสัย​ ​“​เช่นนั้น​ก็​นับว่า​เป็น​ครอบครัว​ที่​มีพื​้น​ฐานความรู้​สืบต่อ​กัน​มา​”​ ​แล้ว​ถาม​เขา​ว่า​ ​“​เจ้า​อ่าน​ออก​เขียน​ได้​หรือไม่​ ​ใช้​ลูกคิด​เป็น​หรือไม่​”

หลู​หย่งฝู​พลัน​นึกถึง​หยาง​ฮุย​จู่

ได้ยิน​ว่า​เพราะ​เขา​ได้รับ​ความสนใจ​จากฮู​หยิน​สี่​ ​ดังนั้น​ถึง​ได้​ไป​อยู่​ที่ทำการ​นายหน้า​ ​ถือว่า​เป็น​งาน​ที่​ดี​อย่างมาก​!

เขา​ยิ่ง​ก้มหัว​ต่ำกว่า​เดิม​ ​“​ข้า​น้อย​รู้หนังสือ​เพียง​ไม่​กี่​ตัว​ ​ตอน​เด็ก​ๆ​ ​ก็​เคย​ฝึก​ใช้​ลูกคิด​กับ​ท่าน​พ่อ​ขอรับ​”

“​อืม​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​เจ้า​รู้​หรือไม่​ว่า​หลานชาย​ของ​พ่อบ้าน​หนิว​ตาย​อย่างไร​ ​ข้า​ได้ยิน​มา​ว่า​ตอนที่​เขา​ยัง​มีชีวิต​อยู่​เป็น​คนฉลาด​และ​มี​ความสามารถ​ไม่น้อย​”

หลู​หย่งฝู​ได้ยิน​แล้วก็​ยิ้มเยาะ​ ​“​ต่อให้​เขา​ฉลาด​และ​มี​ความสามารถ​มากกว่า​นี้​แล้ว​จะ​ไป​มีประโยชน์​อะไร​ ​สุดท้าย​เขา​ก็​ยก​ภรรยา​ของ​ตัวเอง​ให้​คนอื่น​…​”​ ​เมื่อ​พูด​จบ​สีหน้า​ก็​เผย​ให้​เห็น​ถึง​ความเสียใจ​ที่​พูด​ออก​ไป

สาวใช้​น้อย​ใน​ตอนนั้น​ไม่ว่า​อย่างไร​ตอนนี้​ก็​กลายเป็น​อี๋​เหนียง​ของ​สกุล​หลัว​แล้ว​ ​ตัวเอง​เป็น​เพียง​บ่าว​รับใช้​ ​หาก​พูด​วิจารณ์​เช่นนี้ฮู​หยิน​ต้อง​ไม่พอใจ​เป็นแน่​

จึง​รีบ​พูด​แก้ต่าง​ว่า​ ​“​แต่ว่า​นั่น​ก็​เป็นเรื่อง​เมื่อ​หลาย​ปี​มา​แล้ว​ ​บ่าว​เอง​ก็ได้​ยิน​คน​เขา​พูด​มา​ ​ส่วน​รายละเอียด​นั้น​ไม่รู้​ชัดเจน​นัก​ขอรับ​”

สือ​อี​เหนียง​ไม่พูดถึง​เรื่อง​นี้​อีก​ ​ถามถึง​สถานการณ์​ที่​เขา​ทำงาน​ที่​คอกม้า​ว่า​หนึ่ง​เดือน​ได้​เท่าไร​ ​งานหนัก​หรือไม่​ ​ครอบครัว​มี​เด็ก​กี่​คน​ ​ของกินของใช้​มีพอ​หรือไม่

หลู​หย่งฝู​ตอบ​ทีละ​คำถาม

พูดคุย​กัน​ประมาณ​สอง​เค​่อ​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็​ส่ง​แขก​กลับ

หู่​พั่ว​ถาม​ด้วย​ความ​ไม่เข้าใจ​ว่า​ ​“ฮู​หยิน​ ​บ่าว​ว่า​หลู​หย่งฝู​ผู้​นี้​สู้​พี่ชาย​ไม่ได้​เลย​ ​ไม่​ระมัดระวัง​ใน​คำพูด​ ​เหตุใด​ท่าน​ไม่​ลอง​ถาม​อีก​สักหน่อย​เจ้า​คะ​”

“​พวกเขา​เป็น​บ่าว​รับใช้​ระดับ​สอง​ใน​คอกม้า​ ​คนที​่​ถูก​พี่​หญิง​ใหญ่​ฝากฝัง​ให้​ดูแล​หน้าที่​ของ​ผู้ติดตาม​ ​มี​การตัดสินใจ​ที่​ดี​ ​มิเช่นนั้น​ข้า​ก็​คง​ไม่​เรียก​เขา​มาถาม​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ลุกขึ้น​แล้ว​เดิน​เข้าไป​ใน​ห้อง​ด้านใน​ ​“​ส่วน​คำถาม​ที่​อยาก​จะ​ถาม​ ​ก็​ไม่แน่​ว่า​เขา​จะ​รู้​หรือไม่​ ​แม้ว่า​จะ​รู้​ก็​ไม่แน่​ว่า​จะ​ตอบ​ตามตรง​หรือไม่​ ​อีก​อย่าง​ข้า​ก็​ไม่ได้​อยาก​จะ​ถาม​อะไร​จาก​เขา​”

หู่​พั่ว​ประหลาดใจ

สือ​อี​เหนียง​ก็​ไม่ได้​อธิบาย​ให้​นาง​เข้าใจ​ ​เพียง​กำชับ​นาง​ให้​ไป​เรียก​ป้า​ซ่ง​เข้ามา​ ​“​ไม่ว่า​ที่​ไท่ฮู​หยิน​บอกว่า​จะ​ไป​จวน​จง​ฉินปั​๋​วจะ​เป็นเรื่อง​จริง​หรือไม่​ ​แต่​อย่างไร​พวกเรา​ก็​ต้องเต​รี​ยม​ตัว​ให้พร​้​อม​”

หู่​พั่ว​ไม่กล้า​ถาม​อะไร​มาก​แล้ว​ออก​ไป​เชิญ​ป้า​ซ่ง​เข้ามา

สือ​อี​เหนียง​เลือก​แจกัน​ลาย​ดอก​เหมย​สีคราม​ใน​ราคา​แปดสิบ​ตำลึง​จาก​คลัง​เอา​มา​ใส่​หีบ​ให้​หลาน​ถิง​ ​แล้ว​ปรึกษา​กับ​ป้า​ซ่ง​เกี่ยวกับ​วิธี​รำลึก​ครบรอบ​สาม​ปี​ของ​หยวน​เหนียง

“​…​ข้า​ไม่เคย​มีประสบการณ์​เรื่อง​นี้​ ​ป้า​ซ่ง​ว่า​เรา​ต้องเต​รี​ยม​อะไร​บ้าง​”

“​เรื่อง​นี้​ส่วน​รายงาน​จะ​เป็น​คน​จัดการ​เอง​เจ้าค่ะ​”​ ​ป้า​ซ่ง​ยิ้ม​แล้ว​พูด​ต่อว่า​ ​“ฮู​หยิน​ไม่ต้อง​เตรียมการ​อะไร​เป็นพิเศษ​ ​เพียงแค่​ขึ้นไป​ทำความเคารพ​ป้าย​วิญญาณ​ ​เชิญ​นักบวช​เต๋า​และ​พระภิกษุสงฆ์​มาทำ​พิธี​ ​เพียงแค่​หนึ่ง​เดือน​หลังจาก​ไว้อาลัย​ ​คุณชาย​น้อย​กับ​คุณหนู​ต้อง​เปลี่ยน​ชุด​ ฮู​หยิน​ต้องเต​รี​ยม​ชุด​ใหม่​ไว้​ให้​คุณชาย​น้อย​กับ​คุณหนู​เจ้าค่ะ​”

“​เรื่อง​เสื้อผ้า​ข้า​ให้​โรง​เย็บ​ปัก​ทำ​ไว้​นาน​แล้ว​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​ต่อว่า​ ​“​ป้า​ซ่ง​เพียงแค่​ไป​ถาม​คนที​่​ส่วน​รายงาน​ดู​ว่า​ทาง​นั้น​มี​ข้อบังคับ​อะไร​หรือไม่​ ​ทาง​ฝั่ง​พวกเรา​จะ​ได้​ทำตาม​”

ป้า​ซ่ง​ยิ้ม​พลาง​ตอบรับ

สวี​ซื่อ​อวี​้​กับ​จุน​เกอ​มาคา​รวะ​สือ​อี​เหนียง​หลัง​เลิกเรียน​ ​สะใภ้​หนาน​หย่ง​อุ้ม​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​เข้ามา​ ​ตามมา​ด้วย​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์

สือ​อี​เหนียง​ให้​เด็ก​ๆ​ ​อยู่​ทานข้าว

สวี​ซื่อ​อวี​้​มีความสุขุม​และ​สุภาพ​เช่นเคย​ ​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยก​็​ยังคง​ทาน​อย่าง​ตะกละตะกลาม​เช่นเคย​ ​จุน​เกอ​กับ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ ​คน​หนึ่ง​ก้มหน้า​ถอนหายใจ​ ​อีก​คน​หนึ่ง​ยิ้ม​พลาง​มอง​สือ​อี​เหนียง​ ​หลังจาก​ทานข้าว​เสร็จ​ก็​ส่ง​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ให้​จุน​เกอ​เป็น​คนดู​แล​ ​“​เจ้า​พา​เขา​ไป​เตะ​ลูกขนไก่​ ​ข้ามี​เรื่อง​จะ​คุย​กับ​ท่าน​แม่​”

สวี​ซื่อ​อวี​้​ได้ยิน​เช่นนั้น​ก็​ลุกขึ้น​กล่าว​ลา

จุน​เกอ​จูงมือ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ไป​ที่​ลาน​พลาง​บ่นพึมพำ​ว่า​ ​“​ท่าน​ย่า​บอกว่า​ ​หลัง​ทานข้าว​ต้อง​นั่ง​พัก​ก่อน​สักประเดี๋ยว​ถึง​จะ​เตะ​ลูกขนไก่​ได้​”

เสียดาย​ที่​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​กับ​สือ​อี​เหนียง​ไป​คุย​กัน​อยู่​จึง​ไม่ได้​ยิน​ว่า​เขา​พูด​อะไร

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท