ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 297 สหายเก่า(กลาง)

ตอนที่ 297 สหายเก่า(กลาง)

“​…​วันเกิด​ของ​ฮุ่ย​เจี่ย​เอ๋อร​์​ ​ข้าวาด​ภาพ​วิ​หก​ชม​บุปผา​ให้​นาง​เจ้าค่ะ​”​ ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​มอง​สือ​อี​เหนียง​ด้วย​สายตา​อ้อนวอน​ ​“​เมื่อถึง​เวลา​นั้น​ข้า​จะ​ไป​นั่ง​เพียง​ชั่วครู่​แล้วก็​กลับ​ ​ใช้เวลา​ไม่​มาก​ ​เมื่อ​กลับมา​แล้ว​จะ​ตาม​เรียน​ให้​ครบ​ทุก​วิชา​ที่​ตกหล่น​!​”

ตั้งแต่​วันนั้น​ที่​เล่า​ให้​สือ​อี​เหนียง​ฟัง​ตอน​อยู่​เรือน​ไท่ฮู​หยิน​ ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ก็​ยัง​ไม่มี​โอกาส​ได้​คุย​กับ​สือ​อี​เหนียง​เกี่ยวกับ​เรื่อง​นี้​อีก

สือ​อี​เหนียง​นึกถึง​ตอนที่​นางอายุ​เท่า​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์

ทุกครั้งที่​ไป​งานเลี้ยง​วันเกิด​ของ​สหาย​ร่วม​ชั้นเรียน​ ​บรรดา​พ่อแม่​มักจะ​กลัว​ว่า​ลูก​ของ​ตน​จะ​เสียหน้า​ต่อ​สหาย​ร่วม​ชั้นเรียน​ ​จะ​ตระเตรียม​เงิน​ค่า​ขนม​ให้​พอ​ ​แต่งตัว​ให้​ทันสมัย​ ​เตรียม​รถ​ไว้​รอตั​้ง​แต่​เนิ่นๆ​…​เพราะ​เห็นแก่หน้า​ตา

นาง​รู้สึก​ปวดใจ​ ​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​เตรียม​ภาพวาด​ไว้​เรียบร้อย​แล้ว​หรือยัง​ ​คำนวณ​ดูก​็​เหลือ​อีก​ไม่​กี่​วัน​แล้ว​!​”

เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ได้​ฟัง​ก็​แววตา​เป็นประกาย​ ​“​ท่าน​แม่​ ​ท่าน​ยอมให้​ข้า​ไป​แล้ว​ใช่​หรือไม่​เจ้า​คะ​”

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​เจ้า​เอง​ก็​บอก​แล้ว​ว่า​แค่​ไป​นั่ง​ครู่เดียว​ประเดี๋ยว​ก็​กลับ​ ​คาบ​เรียน​ที่​ตกหล่น​ก็​จะ​ตาม​เก็บ​ให้​หมด​ ​ห้าม​ผิดคำพูด​เด็ดขาด​!​”

เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​พยักหน้า​ ​“​ท่าน​แม่​วางใจ​ได้​เจ้าค่ะ​ ​ข้า​จะ​รักษาคำพูด​”

“​เช่นนั้น​เจ้า​เอา​ภาพวาด​ที่จะ​ให้​ฮุ่ย​เจี่ย​เอ๋อร​์​มา​ให้​ข้า​เถิด​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​พูด​ต่อว่า​ ​“​ข้า​จะ​ให้​คน​นำ​ไป​ที่​ร้าน​ตัว​เป่า​เก๋อ​เพื่อ​ช่วย​ห่อ​ให้​เจ้า​ ​จะ​ถือ​ไป​เช่นนี้​ไม่ได้​”

“​เจ้าค่ะ​!​”​ ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ยิ้ม​ ​จากนั้น​รอยยิ้ม​ก็​จางหาย​ไป​ ​“​ข้า​ ​ข้า​ไม่ได้​เอา​มาด​้วย​”

“​ไม่เป็นไร​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​พูด​ต่อว่า​ ​“​หลาย​วัน​มานี​้​ผล​อิง​เถา​เริ่ม​วางขาย​ใน​ตลาด​แล้ว​ ​อีก​สักพัก​ข้า​จะ​ให้​หู่​พั่ว​นำ​ไป​ส่ง​ให้​พวก​เจ้า​ ​เมื่อถึง​เวลา​นั้น​เจ้า​ก็​นำภาพ​วาด​ส่ง​ให้​หู่​พั่ว​ก็​พอแล้ว​”

เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ได้ยิน​ดังนั้น​ก็ดี​ใจ​ขึ้น​มา​อีกครั้ง

สือ​อี​เหนียง​พูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​ไม่ใช่​ว่า​ข้า​ไม่​อยาก​ให้​เจ้า​ไปร​่ว​มงา​นครั​้ง​นี้​ ​แต่​ใน​ตอนนี้​ยัง​ไม่​สิ้นสุด​พิธี​ไว้ทุกข์​ ​เจ้า​อายุ​ยังน้อย​ทุกคน​จึง​ไม่ถือสา​ ​แต่​ตัว​เจ้า​เอง​ต้อง​รู้จัก​ระมัดระวัง​ ​อย่า​เล่น​จน​เกินขอบเขต​ ​ไป​ที่​เรือน​ของ​ฮุ่ย​เจี่ย​เอ๋อร​์​ก็​นั่ง​เพียง​ประเดี๋ยวเดียว​แล้ว​รีบ​กลับ​ ​หาก​ฮุ่ย​เจี่ย​เอ๋อร​์​ดี​กับ​เจ้า​จริงๆ​ ​ก็​ย่อม​เข้าใจ​เหตุผล​และมิตร​ภาพ​ของ​เจ้า​ ​แต่​หาก​เพียงแค่​คิด​อยาก​ให้​เจ้า​ไปร​่วม​สนุก​ ​เจ้า​ก็​อย่า​ได้​โทษ​นาง​ ​เพียงแต่ว่า​คราวหลัง​ให้​จำไว้​ว่า​คน​เช่นนี้​ไป​เล่น​ด้วยกัน​ได้​ ​แต่​ไม่ใช่​มิตรสหาย​ที่แท้​จริง​”​ ​เมื่อ​พูดถึง​ตรงนี้​นาง​ก็​ชะงัก​ไป​ครู่หนึ่ง​ ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​คิด​ว่านาง​ยัง​มีเรื่อง​ที่​อยาก​จะ​พูด​ ​แต่​ใคร​จะ​ไปรู​้​ว่า​สือ​อี​เหนียง​กลับ​เปลี่ยน​หัวข้อ​สนทนา​ ​“​วันนั้น​จะ​ใส่​ชุด​อะไร​ไป​ ​เงินราง​วัล​เตรียมพร้อม​แล้ว​หรือยัง​”

“​เตรียมพร้อม​แล้ว​เจ้าค่ะ​”​ ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​สงสัย​ใน​เรื่อง​ที่​สือ​อี​เหนียง​ไม่ได้​พูด​ออกมา​พลาง​ตอบคำถาม​นาง​ ​“​วันนั้น​เตรียม​จะ​สวม​เสื้อกั๊ก​หิมะ​สีคราม​ ​ไม่​สวม​เครื่องประดับ​ ​ปัก​ดอกไม้​ไข่มุก​และ​เตรียม​เงินราง​วัล​สิบ​ก้อน​ ​ทั้งหมด​แบ่ง​เป็น​สี่​ส่วน​”

เดิมที​สือ​อี​เหนียง​อยาก​จะ​กำชับ​นาง​ว่า​ ​ฟัง​เจี่ย​เอ๋อร​์​และ​ฮุ่ย​เจี่ย​เอ๋อร​์​เป็น​แก้วตาดวงใจ​ของ​ทุกคน​ ​จะ​ทำ​อะไร​ให้​ตามใจ​พวก​นาง​ ​ให้​พวก​นาง​เป็น​คน​ตัดสินใจ​เอง​ ​แล้วก็​นึก​ขึ้น​ได้​ว่า​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​รู้ความ​เช่นนี้​แต่​ตัวเอง​เอาแต่​ย้ำ​ซ้ำแล้วซ้ำเล่า​ ​เกรง​ว่า​จะ​ทำให้​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​คิด​ว่า​ไม่เชื่อใจ​ ​จึง​เก็บ​เอาไว้​ไม่​พูด​ออกมา​แล้ว​ถาม​เรื่อง​การ​เตรียมตัว​ของ​นาง​แทน​ ​เมื่อ​ได้ยิน​นาง​ตอบ​เช่นนี้​จึง​พูด​ไป​ว่า​ ​“​สิบ​ก้อน​น้อย​ไป​หน่อย​ ​อย่างน้อย​ควรจะ​เอา​ไป​สัก​สามสิบ​ก้อน​ ​ให้​พวก​เสี่ยว​หลี​เตรียม​ใส่​ถุงเงิน​ไว้​ ​เวลา​ใช้​จะ​ได้​หยิบ​ใช้​สะดวก​”​ ​จากนั้น​ก็​กำชับ​ป้า​ซ่ง​ให้​ไป​ช่วย​ยิบ​เงิน​มา​ให้​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์

เงิน​ถูกปรับ​แต่ง​ตามน้ำ​หนัก​แล้ว​หล่อ​เป็น​รูป​มงคล​ต่างๆ​ ​นา​ๆ​ ​ปกติ​ไม่​นิยม​นำมาใช้​ซื้อขาย​โดยตรง​ ​โดยทั่วไปแล้ว​จะ​ถูก​จัดเก็บ​โดย​ผู้​ที่​ดูแล​อาหารการกิน​ใน​เรือน​เพื่อ​ใช้​เป็น​ของรางวัล

เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​รีบ​พูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​ประเดี๋ยว​ข้า​จะ​ให้​คน​เอา​เงิน​มาส​่ง​เจ้าค่ะ​”

“​บุรุษ​ต้อง​รับผิดชอบ​เรื่อง​ใน​เรือน​ ​สตรี​ต้อง​ดูแล​อาหารการกิน​และ​เครื่องนุ่งห่ม​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​พูด​ต่อว่า​ ​“​ตอนนี้​เจ้า​ก็​พยายาม​เก็บเงิน​ส่วนตัว​ไว้​เถิด​!​”

เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ยิ้ม​อย่าง​เขินอาย

ป้า​ตู้​สาวใช้​ข้าง​กาย​ไท่ฮู​หยิน​มา​พบ​ ​บอกว่า​มารับ​จุน​เกอ​กลับ​ไป​ ​แต่​เมื่อ​คารวะ​สือ​อี​เหนียง​เสร็จ​กลับ​ยืน​คุย​กับ​สือ​อี​เหนียง​ต่อ

เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​เข้าใจ​ในทันที​จึง​อ้างว่า​จะ​ไป​เรียก​จุน​เกอ​ออกมา

สือ​อี​เหนียง​เชิญ​ป้า​ตู้​นั่งลง

ป้า​ตู้​นั่ง​บน​เก้าอี้​ ​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“ฮู​หยิน​สี่​เป็น​คน​เข้าใจ​อะไร​ง่าย​ ​ไท่ฮู​หยิน​ให้​บ่าว​มาบ​อกฮู​หยิน​สี่​ว่า​ในเมื่อ​พูด​ไป​แล้ว​ ​พรุ่งนี้​ก็​ต้อง​ไป​จวน​จง​ฉินปั​๋ว​สักหน่อย​ ฮู​หยิน​สี่​โปรด​เตรียมตัว​ให้พร​้​อม​เจ้าค่ะ​”

สือ​อี​เหนียง​พยักหน้า​ ​บอก​ป้า​ตู้​เรื่อง​หีบ​ที่​เตรียม​ไว้​ให้​กาน​หลาน​ถิง​ ​“​…​ป้า​ตู้​กลับ​ไป​แล้ว​ช่วย​บอก​ท่าน​แม่​สักหน่อย​ ​ดู​ว่า​มี​อะไร​ต้อง​เพิ่มเติม​อีก​หรือไม่​ ​พรุ่งนี้​ตอนเช้า​หาก​ออกเดินทาง​ยาม​ซื่อ​ช้า​ไป​หรือไม่​”

ใบหน้า​ของ​ป้า​ตู้​เต็มไปด้วย​รอยยิ้ม​ ​เห็นได้ชัด​ว่า​ชื่นชม​การ​ตอบสนอง​ของ​สือ​อี​เหนียง​เป็นอย่างมาก​ ​“​บ่าว​จะ​กลับ​ไปรา​ยงาน​ไท่ฮู​หยิน​ให้​เจ้าค่ะ​”

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​ส่ง​ป้า​ตู้​ออกจาก​ห้อง​ไป​

จุน​เกอ​คำนับ​สือ​อี​เหนียง​ ​จากนั้น​ป้า​ตู้​ก็​พา​เขา​กลับ​ไปหา​ไท่ฮู​หยิน

สือ​อี​เหนียง​เห็น​ว่า​เวลา​ล่วงเลย​มามาก​แล้วจึง​เร่ง​ให้​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​กลับ​ไป​ ​แล้ว​อุ้ม​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ไป​ที่​เรือน​ลี่​จิ​่ง​เซ​วี​ยน

ห้อง​หนังสือ​ของ​สวี​ซื่อ​อวี​้​ยัง​เปิดไฟ​อยู่​ ​เหวิน​จู๋​กำลังจะ​ไปรา​ยงาน​สวี​ซื่อ​อวี​้​ ​แต่กลับ​ถูก​สือ​อี​เหนียง​ห้าม​เอาไว้​ ​“​คุณชาย​น้อย​สอง​ยัง​เรียน​อยู่​หรือ​”

เหวิน​จู๋​ตอบ​อย่างนอบน้อม​ว่า​ ​“​คุณชาย​น้อย​สอง​เรียนหนังสือ​จนถึง​ยาม​ไฮ​่​ทุกคืน​เจ้าค่ะ​”

“​ในเมื่อ​เป็น​เช่นนี้​ ​ข้า​ก็​จะ​ไม่​รบกวน​เขา​แล้ว​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ส่ง​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ให้​สะใภ้​หนาน​หย่ง​ ​ลูบ​หัว​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​แล้ว​กำชับ​เขา​อยู่​หลาย​ประโยค​ก่อน​จะ​กลับ​เรือน​ตัวเอง

พึ่ง​จะ​ล้างหน้าล้างตา​เสร็จ​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​กลับมา​พอดี

สีหน้า​ของ​เขา​ดู​จริงจัง​เล็กน้อย​ ​ดวงตา​เป็นประกาย​ ​ดู​ไม่​ออก​ว่า​ดื่ม​สุรา​มา​หรือไม่

“​ท่าน​โหวก​ลับ​มา​แล้ว​หรือ​เจ้า​คะ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​เดิน​เข้าไป​ทักทาย​ ​แต่​ไม่ได้​ถาม​เขา​ตรงๆ​ ​ว่า​เรื่อง​เป็น​อย่างไรบ้าง​ ​ให้ซ​ย่า​อี​เข้ามา​ปรนนิบัติ​สวี​ลิ่ง​อี๋​อาบน้ำ​ ​พอ​เขา​ออกมา​ก็​ริน​ชาร้อน​ๆ​ ​ด้วยตัวเอง​แล้วไป​นั่งลง​ข้างๆ

“​หรือว่า​สถานการณ์​ไม่ดี​นัก​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​จิบ​ชา​หนึ่ง​อึก​ ​จากนั้น​ก็​ถอนหายใจ​ยาว​แล้ว​พูดว่า​ ​“​สำเร็จ​แล้ว​!​”​ ​แต่​แววตา​กลับ​ไม่มี​ความปิติยินดี​แม้แต่น้อย

ต่าง​ก็​เป็น​เลือดเนื้อเชื้อไข​ของ​ตัวเอง

เขา​ยอม​เสียสละ​อวี​้​เกอ​ก็​เพื่อ​จุน​เกอ​ ​ใน​ฐานะ​บิดา​เขา​คงจะ​รู้สึก​ไม่สบายใจ​มาก​อย่างแน่นอน​

“​พวกเรา​ตัดสินใจ​ว่า​จะ​ให้​จุน​เกอ​หมั้น​กับ​คุณหนู​สกุล​เจียง​ก่อน​แล้ว​ค่อย​ให้​อวี​้​เกอ​ไป​เล่อ​อาน​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูดเสี​ยง​เบา​ว่า​ ​“​เช่นนี้​ ​ทุกคน​ก็​ต่าง​เป็น​ญาติ​กัน​ ​ก็​ไม่​กลัว​ว่า​ใคร​จะ​เอา​ไป​นินทา​ ​หาก​นายท่าน​เจียง​จะ​ช่วย​ฝึกสอน​อวี​้​เกอ​ก็​ถือเป็น​เรื่อง​สมเหตุสมผล​”

สือ​อี​เหนียง​พยักหน้า​แล้ว​พูดว่า​ ​“​เช่นนั้น​ท่าน​โหว​จะ​บอกอ​วี​้​เกอ​เมื่อไร​เจ้า​คะ​”

“​หลังจาก​วันที่​จุน​เกอ​กับ​คุณหนู​สกุล​เจียง​แลก​หนังสือ​ดวง​กัน​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​ต่อว่า​ ​“​เพราะ​หาก​เรื่อง​มี​การเปลี่ยนแปลง​ขึ้น​มา​ ​อวี​้​เกอ​จะ​ทำตัว​ไม่​ถูก​”

เหลือ​เวลา​เพียง​สอง​สาม​เดือน​แล้ว

เหมือนว่า​สวี​ลิ่ง​อี๋​จะ​ไม่​อยาก​พูดถึง​เรื่อง​นี้​จึง​เปลี่ยน​หัวข้อ​สนทนา​ ​“​จริง​สิ​ ​เรื่อง​จุน​เกอ​เกรง​ว่า​เจ้า​ต้องเต​รี​ยม​ตัว​ให้พร​้​อม​ ​นาย​หญิง​เจียง​เตรียม​จะ​ให้​คุณหนู​ออกเดินทาง​จาก​เล่อ​อาน​ใน​ช่วงต้น​เดือน​สี่​ ​คาด​ว่า​ปลายเดือน​ห้า​ก็​จะ​มาถึง​เยี​่​ยน​จิง​ ​เมื่อถึง​เวลา​นั้น​ทั้งสอง​สกุล​จะ​ต้อง​ได้​พบ​เจอกัน​ ​ทาง​ด้าน​จุน​เกอ​…​”​ ​ท่าทาง​ปวดหัว​เป็นอย่างมาก​ ​“​อาจารย์​จ้าว​ที่​เจิ​้น​ซิ่ง​พูดถึง​ ​มี​ข่าว​อะไร​หรือไม่​”

“​หาก​มี​ข่าว​พี่ใหญ่​คงจะ​มาบ​อก​เจ้าค่ะ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​ต่อว่า​ ​“​ครั้งก่อน​ที่​พี่ใหญ่​มา​เคย​บอกว่า​จะ​ส่ง​คน​ไปหา​หลิว​เก๋อ​เหล่า​ ​อยาก​จะ​เชิญ​หลิว​เก๋อ​เหล่ามา​ช่วย​พูด​ ​คาด​ว่า​คงจะ​ไม่มีปัญหา​อะไร​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​คิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​แล้ว​พูดว่า​ ​“​เช่นนั้น​พรุ่งนี้​ก็​เชิญ​เจิ​้น​ซิ่ง​มา​ ​พวกเรา​มาป​รึก​ษา​กัน​สักหน่อย​!​”

สือ​อี​เหนียง​รับคำ​แล้ว​เล่า​ให้​เขา​ฟัง​ว่า​พรุ่งนี้​จะ​นำ​หีบ​ไป​เพิ่ม​ให้​กาน​หลาน​ถิง​ ​“​…​เกรง​ว่า​จะ​ได้​กลับมา​ตอน​ช่วง​เย็น​ ​ตอนกลางวัน​ท่าน​โหว​จะ​ทานข้าว​ที่​เรือน​นอก​หรือ​เรือน​ใน​เจ้า​คะ​”

“​ข้า​อยู่​ทานข้าว​ที่​เรือน​นอก​ดีกว่า​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​ต่อว่า​ ​“​รากฐาน​ตรงนั้น​ทำ​เสร็จ​แล้ว​ ​พรุ่งนี้​จะ​แวะ​ไปดู​สักหน่อย​”

ทั้งสอง​คนพูด​คุย​กัน​สอง​สาม​ประโยค​ ​เห็น​ว่า​ดึก​มาก​แล้วจึง​พากัน​ไป​พักผ่อน

กลางดึก​สือ​อี​เหนียง​ตื่นขึ้น​มากะ​ทัน​หัน

เห็น​สวี​ลิ่ง​อี๋​เอนกาย​พิง​หัว​เตียง

ใน​ความมืด​ ​ใบหน้า​ด้าน​ข้าง​ของ​เขา​ชัดเจน​ราวกับ​หิน​ที่​ใช้​มีด​แกะสลัก​

สือ​อี​เหนียง​ครุ่นคิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​ก่อน​จะ​ลุกขึ้น​นั่ง

“​ท่าน​โหวกำ​ลัง​คิด​อะไร​อยู่​หรือ​เจ้า​คะ​”

“​ข้า​ทำ​เจ้า​ตื่น​หรือ​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​หันหน้า​มา​ ​น้ำเสียง​เรียบ​เฉย​แฝง​ไว้​ด้วย​ความ​โศกเศร้า

“​เปล่า​เจ้าค่ะ​”​ ​สือ​เหนียง​ชะงัก​ไป​ครู่หนึ่ง​แล้ว​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​อ่อนโยน​ว่า​ ​“​ข้า​ก็​นอนไม่หลับ​เช่นกัน​ ​ตอนเช้า​ตื่น​แต่เช้า​ ​พอ​ถึง​ตอนบ่าย​ก็​นอนมา​ทั้ง​บ่าย​ ​ตอนนี้​จึง​นอนไม่หลับ​แล้ว​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​นิ่งเงียบ​ไป​ครู่หนึ่ง​ ​ก่อน​จะ​ล้ม​ตัว​ลงนอน​ ​“​นอน​เถิด​ ​ดึก​มาก​แล้ว​ ​พรุ่งนี้​เจ้า​ต้อง​ตื่น​แต่เช้า​”

สือ​อี​เหนียง​เห็น​ว่า​เขา​ไม่​อยาก​พูด​ก็​ไม่ได้​บังคับ​เขา​ ​ตอบ​เพียง​ว่า​ ​“​เจ้าค่ะ​”​ ​แล้ว​หลับตา​ลง

กำลัง​รู้สึก​ง่วงนอน​ ​แต่​จู่ๆ​ ​ก็ได้​ยิน​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​หาก​ญาติ​เป็น​ขุนนาง​นักปราชญ์​อย่างมาก​ก็​ไม่​เกิน​ระดับ​หก​ ​หาก​บุตร​เชื้อพระวงศ์​เป็น​ขุนนาง​นักปราชญ์​อย่างมาก​ก็​ไม่​เกิน​ระดับ​สี่​”

สือ​อี​เหนียง​ไม่เคย​ได้ยิน​มาก​่อน​ ​พูด​อย่าง​ลังเล​ว่า​ ​“​…​เป็น​ข้อกำหนด​หรือ​เจ้า​คะ​”

“​ไม่ใช่​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​ต่อว่า​ ​“​ตั้งแต่​ต้า​โจว​ก่อตั้ง​แคว้น​มายัง​ไม่มี​การสืบเชื้อสาย​ขุนนาง​มาตั​้ง​แต่​บรรพบุรุษ​ ​มี​เพียง​คนเดียว​ที่​เคย​เป็น​ขุนนาง​ระดับ​สี่​ ​ที่​เหลือก​็​เพียงแค่​ระดับ​หก​ระดับ​เจ็ด​เท่านั้น​!​”

เขา​เป็นห่วง​อนาคต​ของ​สวี​ซื่อ​อวี​้​อยู่​หรือ

“​เช่นนั้น​ท่าน​โหว​จะ​ทำ​อย่างไร​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​เงียบ​ไป​ครู่ใหญ่​ก่อน​จะ​เอ่ย​เสียง​เบา​ว่า​ ​“​เดิมที​ข้า​ตั้งใจ​จะ​ให้​สกุล​เซี่ยง​ช่วย​เขา​…​แต่​ตอนนี้​เขา​คง​ทำได้​เพียง​พึ่งพา​ตัวเอง​เท่านั้น​”

สือ​อี​เหนียง​ได้ยิน​เช่นนี้​ก็​ตกใจ​ ​“​มี​ข่าว​จาก​ทาง​สกุล​เซี่ยง​แล้ว​หรือ​”

“​ไม่มี​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​ต่อว่า​ ​“​แค่​เดา​ก็​รู้​ ​หาก​มีเรื่อง​อัน​ใด​ที่​ทำให้​ล่าช้า​ ​อย่างไร​พวกเขา​ก็​ต้อง​ส่ง​คน​มารา​ยงา​นพ​วก​เจ้า​ ​ให้​พวก​เจ้า​รอ​โดย​เปล่าประโยชน์​เช่นนี้​ ​ไม่​ไว้หน้า​กัน​สักนิด​ ​คาด​ว่า​คงจะ​ไม่​ยินยอม​”​ ​น้ำเสียง​ฟัง​ดู​ผิดหวัง​ ​“​ต่อให้​พรุ่งนี้​พี่สะใภ้​สอง​ไป​แล้ว​เกิด​การเปลี่ยนแปลง​ ​ก็​คง​เป็น​เพราะ​เห็นแก่​พี่สะใภ้​สอง​จึง​ฝืนใจ​ตอบ​ตกลง​ ​แตง​ที่​ถูก​เด็ด​ก่อนเวลา​ย่อม​ไม่​หวาน​ ​ถือ​เสียว​่า​อวี​้​เกอ​ไม่มี​วาสนา​”

การ​หมั้น​หมาย​นั้น​ทั้งสอง​สกุล​ต้อง​เห็นพ้องต้องกัน​ ​ตบมือ​ข้างเดียว​ย่อม​ไม่​ดัง​!

สือ​อี​เหนียง​ไม่รู้​จะ​พูด​อะไร

******

เช้าตรู่​วันรุ่งขึ้น​ ​สือ​อี​เหนียง​พึ่ง​จะ​นั่งลง​ที่​ห้องโถง​บุปผา​ทิศตะวันตก​ก็​มีสาว​ใช้​น้อย​เข้ามา​รายงาน​ว่า​ ​“ฮู​หยิน​ ​พ่อบ้าน​หลู​ขอ​พบ​เจ้าค่ะ​”

สือ​อี​เหนียง​จึง​มา​พบ​หลู​หย่ง​กุ้​ยก​่อน

หลู​หย่ง​กุ้ย​ยกมือ​คำนับ​อย่างนอบน้อม​ ​“​ได้ยิน​ว่าฮู​หยิน​มีเรื่อง​จะ​ถาม​หย่งฝู​ ​แต่​เขา​กลับ​ตอบ​ได้​ไม่ชัด​เจน​ ​บ่าว​โตก​ว่า​เขา​ ​รู้​อะไร​มากกว่า​ ฮู​หยิน​มี​อะไร​ก็​ถาม​บ่าว​ได้​ขอรับ​”

หู่​พั่ว​เข้าใจ​ในทันที​

ที่แท้​ที่​สือ​อี​เหนียง​เรียก​หลู​หย่งฝู​ไป​ไม่ใช่​เพื่อ​จะ​ถาม​อะไร​จาก​เขา​ ​แต่​ต้องการ​ให้​หลู​หย่ง​กุ้​ยมา​หา​สือ​อี​เหนียง​ด้วยตัวเอง

“​พ่อบ้าน​หลู​เป็น​คนงาน​รัดตัว​ ​สาวใช้​ของ​ข้า​เรียก​ก็​ไม่ได้​ยิน​ ​จึง​เรียก​หลู​หย่งฝู​มาถาม​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ไม่​อ้อมค้อม​พูด​อย่างตรงไปตรงมา

หู่​พั่ว​เห็น​หลู​หย่ง​กุ้ย​ยิ้ม​เจื่อน​ๆ​

“​ข้า​น้อย​ไม่กล้า​!​”

ไม่ได้​ยอมรับ​แล้วก็​ไม่ได้​ปฏิเสธ​ ​แสดงท่าที​ให้​เห็น​ใน​ประโยค​เดียว

สือ​อี​เหนียง​ให้​หู่​พั่ว​อยู่​ต่อ​แล้ว​ให้​สาวใช้​คนอื่นๆ​ ​ใน​ห้อง​ออก​ไป​ ​พูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​ตอนนั้น​ที่​อี๋​เหนียง​ทั้งสอง​เดินทาง​จาก​อวี​๋​หัง​มา​เยี​่​ยน​จิง​ ​พวก​นาง​มา​พึ่งพา​เจ้า​ใช่​หรือไม่​”

หลู​หย่ง​กุ้ย​ไม่มี​ท่าที​ตกใจ​ ​เพียง​ตอบ​เบา​ๆ​ ​ว่า​ ​“​ขอรับ​”

“​ตอนที่​พ่อบ้าน​ใหญ่​หนิว​ดูแล​จวน​ ​บิดา​ของ​บ่าว​ก็​เป็น​ผู้ดูแล​ห้อง​บัญชี​ ​ทั้งสอง​คนสนิท​สนม​กัน​ ​พี่​ต้า​เหมา​มักจะ​พา​พ่อบ้าน​หนิว​ไป​ดื่ม​สุรา​กับ​บิดา​บ่าว​ที่​เรือน​ ​บ่าว​มักจะ​เดินตาม​หลัง​พี่​ต้า​เหมา​ไป​ ​จึง​ได้​รู้จัก​อี๋​เหนียง​สอง​ใน​ตอนนั้น​ขอรับ​”

สือ​อี​เหนียง​คำนวณ​เวลา​ดูแล​้​วว​่า​อยู่​ใน​ช่วง​เดียวกัน

“​มี​ครั้งหนึ่ง​ ​นายท่าน​เมา​…​”​ ​เมื่อ​พูดถึง​ตรงนี้​หลูห​ยุ่ง​กุ้​ยก​็​ลังเล​อยู่​พัก​หนึ่ง​ ​“​อี๋​เหนียง​สอง​ให้​ข้า​นำ​จดหมาย​มา​ให้​พี่​ต้า​เหมา​ ​ต้องการ​จะ​ไป​กับ​พี่​ต้า​เหมา​ ​พี่​ต้า​เหมา​บอกว่า​…​จะ​ทำให้​พ่อบ้าน​ใหญ่​หนิ​วลำ​บาก​ไม่ได้​จึง​ไม่ได้​ตอบ​ตกลง​”​ ​เขา​พูด​ตะกุกตะกัก​ ​“​อี๋​เหนียง​สอง​จึง​ด่า​พี่​ต้า​เหมา​…​ไม่รู้​ว่านา​งด​่า​แรง​เกินไป​หรือว่า​พี่​ต้า​เหมา​ตรอมใจ​…​จึง​ได้​กระโดด​ลง​บ่อน้ำ​…​ไม่​กี่​วัน​ต่อมา​บัญชี​ร้าน​ที่​หังโจว​ก็​เกิด​ปัญหา​ ​และ​มี​ข่าว​ว่านาย​ท่าน​ใหญ่​รับ​อนุภรรยา​…​พ่อบ้าน​ใหญ่​หนิ​วจึง​ได้​ลาออก​จาก​ตำแหน่ง​ผู้ดูแล​แล้ว​พาบุ​ตร​ชาย​ไป​เปิดร้าน​ผ้าไหม​เล็ก​ๆ​ ​ใน​เจิ​้น​เจียง​เพื่อ​หาเลี้ยงชีพ​!​”

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท