ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 366 เรื่องราวของฤดูใบไม้ผลิ(ปลาย)

ตอนที่ 366 เรื่องราวของฤดูใบไม้ผลิ(ปลาย)

หลังจากนั้น​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​พูด​เรื่อง​การ​สอบ​บัณฑิต​รุ่นเยาว์​ของ​สวี​ซื่อ​อวี​้​กับ​สือ​อี​เหนียง​ ​“​…​ไป​สมัคร​แล้ว​ ​เริ่ม​สอบ​ใน​วันที่​ยี่สิบ​เดือน​สอง​ ​ข้า​จะ​บอก​ให้​ผู้ดูแล​จ้าว​ไป​กับ​เขา​ ​ส่วน​เรื่อง​อาหาร​และ​อุปกรณ์​การ​สอบ​เจ้า​ไม่ต้อง​เป็นห่วง​ ​ถึง​ตอนนั้น​เจ้า​แค่​ไป​ส่ง​เขา​ก็​พอแล้ว​”

สือ​อี​เหนียง​ตอบรับ​ ​แต่​ก็​ทำ​ถุง​ผ้า​ที่​ปัก​คำ​ว่า​ ​‘​เจริญก้าวหน้า​’​ ​มอบให้​สวี​ซื่อ​อวี​้

เมื่อ​สวี​ซื่อ​อวี​้​มาคา​รวะ​สือ​อี​เหนียง​เขา​ก็​พูด​ขอบคุณ​นาง​ด้วย​ความเคารพ​ ​ใน​วัน​สอบ​เขา​ก็​ห้อย​ถุง​ผ้าถุง​นั้น​ไป​ที่​สนาม​สอบ​ด้วย

เมื่อ​สอบ​เสร็จ​แล้ว​ ​เขา​รู้สึก​ว่า​ไม่เลว​เลย​ทีเดียว​ ​ไป​พูด​กับฮู​หยิน​สอง​ที่​เรือน​เสา​หวา​ตั้ง​นาน​ ​เมื่อฮู​หยิน​สอง​มาคา​รวะ​ไท่ฮู​หยิน​นาง​ก็​บอกว่า​ ​“​ไม่น่า​จะ​มีปัญหา​อะไร​เจ้าค่ะ​!​”

ฉิน​อี๋​เหนียง​ได้ยิน​เช่นนี้​ก็ดี​ใจ​ ​อยาก​ทำ​เสื้อผ้า​กับ​อาหาร​ไป​ให้​สวี​ซื่อ​อวี​้​ ​แต่กลับ​ไม่มีเวลา​ ​นาง​ทำ​รองเท้า​ถุงเท้า​ให้​เจี​้ย​เกอ​เสร็จ​ตามวัน​ที่​สือ​อี​เหนียง​กำหนด​ไว้​ ​แต่​สือ​อี​เหนียง​ยัง​บอก​ให้​นาง​ทำ​เสื้อผ้า​ฤดูร้อน​ให้​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยอีก

ชุ่ย​เอ๋อร​์​นึกถึง​รอยยิ้ม​ที่​ขมขื่น​ของ​สวี​ซื่อ​อวี​้​ตอนที่​นาง​นำ​อาหาร​ไป​ให้​เขา

“​พี่​ชุ่ย​เอ๋อร​์​ ​ฝาก​บอกอี​๋​เหนียง​ว่า​ ​ต่อไป​ไม่ต้อง​ส่ง​อะไร​มา​ให้​ข้า​แล้ว​ ​แล้วก็​ไม่ต้อง​สนใจ​ข้า​ ​มี​เวลา​ก็​ไปรับ​ใช้ฮู​หยิน​ ​รับใช้​ท่าน​โหว​เสียเถิด​ ​ข้า​จะ​ตั้งใจ​อ่านหนังสือ​ ​บอก​นาง​ว่า​ไม่ต้อง​เป็นห่วง​ข้า​”

แต่​คำพูด​เช่นนี้​ ​นาง​จะ​กล้า​พูด​กับ​ฉิน​อี๋​เหนียง​ที่​เห็น​คุณชาย​น้อย​สอง​เป็น​ดั่ง​ดวงใจ​ของ​ตัวเอง​ได้​อย่างไร

เห็น​ฉิน​อี๋​เหนียง​เป็นกังวล​ ​นาง​ก็​อด​ไม่ได้​ที่จะ​พูด​เกลี้ยกล่อม​ ​“​ฉิน​อี๋​เหนียง​เจ้า​คะ​ ​ช่วง​ก่อนหน้านี้​คุณชาย​น้อย​สอง​ตั้งใจ​อ่านหนังสือ​อยู่​ที่​เรือน​ ​ตอนนี้​สอบ​เสร็จ​แล้วก็​เป็นต้น​ฤดูใบไม้ผลิ​พอดี​ ​เขา​คง​อยาก​จะ​ออก​ไปเที่ยว​สนุก​ ​ท่าน​ปล่อย​ให้​คุณชาย​น้อย​สอง​พักผ่อน​อย่างสบายใจ​เถิด​ ​เขา​จะ​ได้​ไม่เอา​แต่​คิด​ว่า​ท่าน​จะ​ส่ง​อะไร​ไป​ให้​เมื่อไร​อีก​”

“​เจ้า​พูด​ถูก​!​”​ ​ฉิน​อี๋​เหนียง​รีบ​พูด​ ​“​ควรจะ​ปล่อย​ให้​เขา​พักผ่อน​เสียบ​้าง​ ​ช่วงนี้​เขา​ลำบาก​เกินไป​แล้ว​”

ชุ่ย​เอ๋อร​์​อด​ไม่ได้​ที่จะ​ลอบ​ถอนหายใจ​ด้วย​ความ​โล่งอก​ ​เห็น​ฉิน​อี๋​เหนียง​ทำ​สีหน้า​ลังเล​ ​กลัว​ว่านาง​จะ​พูด​อะไร​ที่​ทำให้​ตัวเอง​ลำบากใจ​ ​จึง​รีบ​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ถ่านไฟ​ของ​เตารีด​ใกล้​จะ​หมด​แล้ว​ ​บ่าว​จะ​ไป​ขอมา​เพิ่ม​อีก​สักหน่อย​ ​ถือโอกาส​ไปดู​ว่า​คุณชาย​น้อย​สอง​อยู่​ที่​เรือน​หรือไม่​ด้วย​เจ้าค่ะ​!​”

“​รีบ​ไป​เถิด​ ​รีบ​ไป​เถิด​”​ ​ฉิน​อี๋​เหนียง​ได้ยิน​เช่นนี้​ก็​ยิ้ม​อย่าง​อุ่นใจ​ ​“​หาก​ออก​ไป​ข้างนอก​ก็​ถาม​เขา​ว่า​ออก​ไป​ที่ใด​ ​จะ​กลับมา​เมื่อไร​ ​ช่วงนี้​ทำ​อะไร​อยู่​”

ชุ่ย​เอ๋อร​์​ยิ้ม​แล้ว​ตอบรับ​ ​“​เจ้าค่ะ​”​ ​จากนั้น​ก็​ออก​ไป​ลาน​ข้างนอก

สวี​ซื่อ​อวี​้​ไม่ได้​ออก​ไป​ไหน​ ​แต่​ไป​ที่​เรือน​ของฮู​หยิน​สอง​ ​เหวิน​จู๋​และ​คนอื่นๆ​ ​กำลัง​เก็บ​ข้าวของ

ชุ่ย​เอ๋อร​์​เห็น​เช่นนี้​ก็​ตกใจ

“​…​คุณชาย​น้อย​สอง​บอกว่า​ ​ไม่ว่า​ผลสอบ​จะ​ออกมา​เป็น​เช่นไร​ ​เมื่อ​ผลสอบ​ออกมา​แล้วก็​จะ​กลับ​เล่อ​อาน​ทันที​”​ ​เหวิน​จู๋​ยิ้ม​แล้ว​เชิญ​ชุ่ย​เอ๋อร​์​เข้ามา​ดื่ม​ชา​ข้างใน​ ​“​คุณชาย​น้อย​สอง​กับ​คุณชาย​อวี​้​ตกลง​กัน​ว่า​จะ​ไป​จุด​ธูป​ที่​วัด​ต้าฝู​ที่​เล่อ​อาน​ใน​วันที่​แปด​เดือน​สี่​ ​หาก​ไม่​ออกเดินทาง​ต้นเดือน​สาม​ก็​จะ​กลับ​ไป​ไม่ทัน​”

ชุ่ย​เอ๋อร​์​เงียบ​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​นาง​ก้มหน้า​ดื่ม​ชา​ไม่​ปริปาก​อะไร​ ​เหลือบตา​มอง​ชิ่น​เซียง​และ​คนอื่นๆ​ ​ที่​กำลัง​เก็บ​ข้าวของ​ใส่​ลง​หีบ​ ​แต่กลับ​เห็น​ว่า​ชิ่น​เซียง​วาง​ชุด​คลุม​ผ้าไหม​ซาน​ซัว​สีฟ้า​ลง​ไป​ใน​หีบ

“​นี่​ ​นี่​คือ​อะไร​…​”​ ​นาง​ลุกขึ้น​ยืน​อย่างรวดเร็ว​ ​ชี้​ไป​ที่​ชุด​คลุม​ผ้าไหม​ซาน​ซัว​แล้ว​เอ่ย​ถาม

“​นี่​คือ​เสื้อผ้า​ที่​คุณชาย​น้อย​สอง​สวมใส่​ที่​เล่อ​อาน​เจ้าค่ะ​”​ ​ชิ่น​เซียง​เงยหน้า​ขึ้น​ด้วย​สีหน้า​ที่​ไม่​ค่อย​มีความสุข

ชุ่ย​เอ๋อร​์​มอง​ไป​ที่​เหวิน​จู๋​ ​“​เจ้า​ ​พวก​เจ้า​ให้​คุณชาย​น้อย​สอง​ใส่​เสื้อผ้า​เช่นนี้​ได้​อย่างไร​”​ ​นาง​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​ตำหนิ

“​ทำไม​ถึง​จะ​ใส่​ไม่ได้​!​”​ ​เหวิน​จู๋​มอง​ชุ่ย​เอ๋อร​์​ด้วย​ดวงตา​ที่​สดใส​ ​“​คุณชาย​น้อย​สอง​บอกว่า​ ​คนอื่น​ใส่​ได้​เขา​ก็​ใส่​ได้​”

“​คุณชาย​น้อย​สอง​ยัง​เด็ก​ ​พวก​เจ้า​จะ​ตามใจเขา​ได้​เช่นไร​ ​ต้อง​รู้​ว่า​ ​ที่ฮู​หยิน​ให้​เจ้า​มา​อยู่​กับ​คุณชาย​น้อย​สอง​ ​ก็​เพื่อ​รับใช้​คุณชาย​น้อย​สอง​…​”

“​พี่​ชุ่ย​เอ๋อร​์​!​”​ ​เหวิน​จู๋​ขัดจังหวะ​ชุ่ย​เอ๋อร​์​ ​“​พวกเรา​อยู่​ที่​เล่อ​อาน​อย่าง​สุขสบาย​ ​อาจารย์​เจียง​บอก​แค่​ว่า​คุณชาย​น้อย​สอง​คือ​สหาย​ของ​เขา​ ​และ​คุณชาย​น้อย​สอง​ก็​ไม่เคย​เย่อหยิ่ง​ต่อหน้า​คนอื่น​ ​สวม​เสื้อผ้า​ ​ทานอาหาร​แบบ​เดียวกัน​กับ​เพื่อนร่วมชั้น​ ​ถึง​เวร​ของ​ตัวเอง​ยัง​ต้อง​ทำความสะอาด​สำนัก​ศึกษา​และ​ห้องน้ำ​ ​เขา​ไม่เคย​บ่น​เลย​สัก​คำ​ ​บวก​กับ​ความตั้งใจ​เรียน​ ​ปฏิบัติ​ต่อ​ผู้คน​อย่าง​มีมา​รยาท​ ​ตั้งแต่​คน​เฝ้า​ประตู​หอ​ตำรา​จิ​่น​สี​ไป​จนถึง​อาจารย์​เจียง​ ​ล้วน​มี​แต่​คน​ชอบ​เขา​ ​คุณชาย​น้อย​สอง​อยู่​ที่นั่น​มีความสุข​มาก​ ​พี่​ชุ่ย​เอ๋อร​์​เจ้า​คะ​ ​อย่า​พูด​อะไร​ให้​อี๋​เหนียง​ฟัง​เลย​นะ​เจ้า​คะ​ ​ประเดี๋ยว​จะ​เกิด​ความวุ่นวาย​”

ชุ่ย​เอ๋อร​์​เงียบ

ถึงแม้ว่า​นาง​จะ​บอก​ฉิน​อี๋​เหนียง​ ​แต่​นอกจาก​แอบ​ร้องไห้​ ​ฉิน​อี๋​เหนียง​ยัง​จะ​ทำ​อะไร​ได้

แต่​เมื่อ​คิด​ว่า​คุณชาย​น้อย​สอง​สวม​ชุด​คลุม​ผ้าไหม​ซาน​ซัว​ ​นาง​ก็​รู้สึก​ไม่สบายใจ​จน​น้ำตา​คลอ​เบ้า

“​พี่​ชุ่ย​เอ๋อร​์​”​ ​เหวิน​จู๋​จับมือ​ชุ่ย​เอ๋อร​์​ ​“​คุณชาย​น้อย​สอง​บอก​วว​่า​ ​ต้อง​อดทน​ต่อ​ความยากลำบาก​ ​ถึง​จะ​กลายเป็น​คนที​่​คนอื่น​เคารพ​ ​คุณชาย​น้อย​สอง​มี​ความคิด​เช่นนี้​ ​เรา​ควร​ที่จะ​ดีใจ​กับ​เขา​ ​ไม่​ควร​พูดจา​เหลวไหล​ ​ทำให้​คุณชาย​น้อย​สอง​ลำบากใจ​ ​หาก​ท่าน​ซื่อ​จื่อ​ได้ยิน​เข้า​เขา​คงจะ​ไม่สบายใจ​”​ ​พูด​จบ​ ​นาง​ก็​หยิบ​ผ้าเช็ดหน้า​ออกมา​ให้​ชุ่ย​เอ๋อร​์​เช็ดน้ำ​ตา

ชุ่ย​เอ๋อร​์​จะ​ไม่เข้าใจ​ได้​เช่นไร​ ​นาง​พยักหน้า​ ​“​ข้า​รู้​แล้ว​ ​ข้า​จะ​ไม่​พูด​อะไร​ทั้งนั้น​!​”

เหวิน​จู๋​ยิ้ม​แล้ว​ริน​ชา​ให้​ชุ่ย​เอ๋อร​์​อีกครั้ง

ชุ่ย​เอ๋อร​์​ครุ่นคิด​ ​แต่​นาง​ก็​อด​ไม่ได้​ที่จะ​เอ่ยปาก​ถาม​ ​“ฮู​หยิน​สอง​รู้​หรือไม่​”

“​รู้​เจ้าค่ะ​”​ ​เหวิน​จู๋​ไม่ได้​ปิดบัง​ชุ่ย​เอ๋อร​์​ ​“​วันที่​สอง​หลังจากที่​คุณชาย​น้อย​สอง​กลับมา​ ฮู​หยิน​สอง​มาหา​คุณชาย​น้อย​สอง​ ​รู้​ว่า​คุณชาย​น้อย​สอง​กินนอน​กับ​เพื่อนร่วมชั้น​ ​นาง​ยัง​เอ่ย​ชม​ว่า​คุณชาย​น้อย​สอง​เก่ง​อยู่​เลย​!​”

ชุ่ย​เอ๋อร​์​พูดไม่ออก​ ​นาง​นั่ง​เงียบ​อยู่​ครู่หนึ่ง​จากนั้น​ก็​ขอตัว​ลา

เหวิน​จู๋​มอง​แผ่น​หลัง​นาง​แล้ว​ส่ายหน้า​เบา​ๆ

ชิ่น​เซียง​เห็น​เช่นนี้​ก็​พูด​ด้วย​ความเป็นห่วง​ ​“​พี่​เหวิน​จู๋​กลัว​ว่า​พี่​ชุ่ย​เอ๋อร​์​จะ​ไป​เล่าเรื่อง​นี้​ให้​อี๋​เหนียง​ฟัง​หรือ​”

“​พี่​ชุ่ย​เอ๋อร​์​เป็น​คนฉลาด​”​ ​เหวิน​จู๋​ส่ายหน้า​เบา​ๆ​ ​“​นาง​ไม่มีทาง​บอกอี​๋​เหนียง​เป็นแน่​ ​ข้า​แค่​คิด​ว่า​…​”​ ​นาง​หยุด​พูด​ ​หันหน้า​ไป​มอง​เถา​หลิ่ว​และ​เหลียน​เจียว​ ​พวก​นาง​สอง​คน​เบิกตา​กว้าง​มอง​นาง​ด้วย​ท่าที​ที่​ราวกับ​เด็กน้อย​ ​นาง​อด​หัวเราะ​ไม่ได้​ ​“​ข้า​แค่​คิด​ว่า​ ​โชคดี​ที่​ข้า​ไป​เล่อ​อาน​กับ​คุณชาย​น้อย​สอง​ ​ไม่เช่นนั้น​ ​ข้า​คงจะ​ไม่รู้​ว่า​โลก​ใบ​นี้​กว้างใหญ่​แค่ไหน​ ​มี​คนที​่​น่าสนใจ​และ​เรื่อง​สนุก​อีก​ตั้ง​มากมาย​”

เมื่อ​ชิ่น​เซียง​และ​คนอื่นๆ​ ​ได้​ฟัง​ก็​ยิ้ม​แล้ว​เข้ามา​ทั้ง​กอด​นาง​ ​ทั้ง​ผลัก​นาง​ ​“​พี่​หญิง​ไป​เล่อ​อาน​คนเดียว​ ​ไม่​พา​พวกเรา​ไป​ด้วย​ ​แล้วยัง​มา​พูด​เช่นนี้​ที่นี่​อีก​”

เหวิน​จู๋​เพียงแค่​ยิ้ม

แต่​ใน​หัว​กลับ​นึกถึง​คำพูด​ที่​อาจารย์​เจียง​พูด​กับ​คุณชาย​น้อย​สอง​ตอนที่​ไป​ถึง​เล่อ​อาน​ครั้งแรก​ ​‘​‘​…​ข้า​จะ​ต้อง​ปีน​ขึ้นไป​บน​ยอดเขา​ไท่​ซัน​แล้ว​มอง​ลงมา​ ​ภูเขา​ลูก​อื่น​ก็​จะ​ดู​เล็ก​ลง​’​ ​เมื่อใด​ที่​เจ้า​เข้าใจ​บทกวี​นี้​ ​เจ้า​ก็​จะเข้า​ใจ​ว่า​ทำไม​ท่าน​พ่อ​ของ​เจ้า​ถึง​ส่ง​เจ้า​มา​เล่าเรียน​หนังสือ​ที่นี่​’

นาง​ไม่รู้​ว่า​บทกวี​นี้​เกี่ยว​อะไร​กับ​การ​ส่ง​คุณชาย​น้อย​สอง​มาเรียน​หนังสือ​ที่​หอ​ตำรา​จิ​่น​สี​ ​นาง​รู้​แค่​ว่าวั​นนี​้​ใน​จวน​มีท​่าน​ซื่อ​จื่อ​แล้ว​ ​ต่อไป​คุณชาย​น้อย​สอง​คงจะ​ลำบาก​ ​นาง​เสียใจ​แทนคุณ​ชายน้อย​สอง​ ​แต่​หลังจาก​กลับมา​จาก​เล่อ​อาน​ครั้งนี้​ ​นาง​เริ่ม​เข้าใจ​คำพูด​ของ​อาจารย์​เจียง​แล้ว​ ​ถึงแม้ว่า​จวน​หย่ง​ผิง​โหว​จะ​ดี​แค่ไหน​ ​แต่​ด้วย​สถานะ​ของ​พวกเขา​ ​เจอ​กับ​ใคร​ก็​ต้อง​คอย​ระมัดระวัง​ ​คอย​หวาดกลัว​ ​ไม่​สู้​อยู่​ที่​เล่อ​อาน​ ​ถึงแม้ว่า​จะ​ไม่​สุขสบาย​ ​แต่กลับ​สามารถ​พูดเสี​ยง​ดัง​ ​หัวเราะ​เสียงดัง​ได้​…

คิดได้​เช่นนี้​ ​เหวิน​จู๋​ก็​ยิ้ม​ขึ้น​มา

พวกเขา​จะ​กลับ​เล่อ​อาน​แล้ว​!

*****

แต่​เรือน​หลัก​ใน​ตอนนี้​กลับ​เงียบสงบ​ ​มี​เพียง​เสียง​นาฬิกาไขลาน​ดัง​มาจาก​ห้อง​ปีก​ทาง​ทิศตะวันออก

สือ​อี​เหนียง​นั่ง​อยู่​บน​เตียง​เตา​ข้างหน้า​ต่าง​ ​เมื่อ​เงยหน้า​ขึ้น​ก็​เห็น​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ยืน​อยู่​ใต้​ชายคา

เขา​สวม​เสื้อ​สีแดง​ ​สะใภ้​หนาน​หย่ง​มองดู​เขา​ด้วย​สายตา​เมตตา​ ​พาบร​รดา​สาวใช้​ยืน​ล้อมรอบ​ตัว​เขา​ ​เขา​ถือ​ขลุ่ย​ไม้​ไผ่​เล็ก​ๆ​ ​ไว้​ใน​มือ​ ​แล้วยัง​หยิบ​มัน​ขึ้น​มา​เป่า​เป็นครั้งคราว​ ​จากนั้น​ก็​ก้มหน้า​ลง​ด้วย​ความผิดหวัง​อยู่นาน​ ​แล้ว​หยิบ​ขึ้น​มา​เป่า​อีกครั้ง​ ​จากนั้น​ก็​มีสี​หน้าที่​ผิดหวัง​มากกว่า​เดิม

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​มุม​ปาก

สวี​ซื่อ​จุน​กำลัง​เรียน​เป่าขลุ่ย​ไม้​ไผ่​กับ​อาจารย์​จ้าว​ ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​เห็น​เช่นนี้​ก็​สายตา​เป็นประกาย​ ​ตอนที่​สวี​ซื่อ​จุน​ฝึก​เป่า​เขา​ก็​วาง​ศอก​เท้าคาง​ตั้งใจฟัง​อยู่​ข้างๆ​ ​อย่าง​เงียบๆ​ ​อาจารย์​จ้าว​เห็น​เช่นนี้​จึง​ทำ​ขลุ่ย​ไม้​ไผ่​เล็ก​ๆ​ ​ให้​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ ​แล้วยัง​สอน​เขา​เป่า​จังหวะ​ง่ายๆ​ ​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยก​็​ราวกับ​ได้รับ​ของเล่น​ที่​สนุก​ที่สุด​ใน​โลก​ก็​ไม่​ปาน​ ​ตั้งใจ​เรียน​เป็นอย่างมาก​ ​แต่ว่า​เขา​ยัง​เด็ก​ ​เป่า​ให้​มีเสียง​ได้​แค่​บางครั้ง​ ​แต่​ส่วนมาก​เป่า​จน​หน้าแดง​ก็​ไม่มี​เสียง​เล็ดลอด​ออกมา​ ​ทำให้​เขา​ผิดหวัง​ ​แต่กลับ​ไม่ยอม​แพ้​ ​หลังจาก​เลิกเรียน​กลับมา​ทุกวัน​ ​เขา​ก็​มักจะ​ทำ​เหมือน​สวี​ซื่อ​จุน​ ​ยืน​ฝึก​เป่าขลุ่ย​ไม้​ไผ่​อยู่​ใต้​ชายคา

สะใภ้​หนาน​หย่ง​ไม่กล้า​ว่า​อะไร​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ ​นาง​จึง​ยืน​อยู่​ข้างๆ​ ​เป็นเพื่อน​ทุกวัน​

สือ​อี​เหนียง​เห็น​เขา​ยิ้ม​หน้าบาน​ ​ก็​รู้​ว่า​เขา​เป่า​มีเสียง​ออกมา​แล้ว​ ​นาง​จึง​ก้มหน้า​ลง​ ​แทง​เข็ม​ลง​ไป​ใน​สะดึง​เย็บ​ปัก​ ​เข็ม​ค่อยๆ​ ​แทง​ทะลุ​ผ้า​ลง​ไป​…

มีเสียง​ฝีเท้า​ดัง​ขึ้น​มาทำ​ลาย​ความเงียบสงบ​อย่าง​ฉับพลัน

เงา​สีแดง​เล็ก​ๆ​ ​โผล่​เข้ามา​จาก​ข้างนอก

“​ท่าน​แม่​ ​ท่าน​แม่​ ​ท่าน​ฟัง​ดู​นะ​ขอรับ​!​”

สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ยืน​อยู่​หน้า​เตียง​เตา​ ​หายใจเข้า​อย่างแรง​แล้ว​เป่าขลุ่ย​ไม้​ไผ่​

“​ปี่​ ​ปี่​…​”​ ​มีเสียง​ขลุ่ย​ไม้​ไผ่​ออกมา​สอง​สาม​เสียง

“​ไอ​๊​หยา​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​รีบ​วาง​เข็ม​ใน​มือ​ลง​ ​เอน​ตัว​ไป​หอม​แก้ม​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ ​“​เจี​้ย​เกอ​ของ​เรา​เป่าขลุ่ย​ไม้​ไผ่​ดัง​แล้ว​!​”

สวี​ซื่อ​เจี​้​ยดี​ใจ​จน​หน้าแดง​ ​หยิบ​ขลุ่ย​ไม้​ไผ่​ขึ้น​มา​เป่า​อีก​สอง​ที​ ​“​เป่า​ได้​ตลอด​เลย​ขอรับ​”

สือ​อี​เหนียง​อุ้ม​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ขึ้น​มาบน​เตียง​เตา​ ​สะใภ้​หนาน​หย่ง​ที่​วิ่ง​ตาม​เข้ามา​ก็​ช่วย​ถอด​รองเท้า​ให้​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ ​สือ​อี​เหนียง​อุ้ม​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ไว้​ใน​อ้อมแขน​ ​“​เจี​้ย​เกอ​ของ​เรา​เก่ง​มาก​เลย​!​”

สวี​ซื่อ​เจี​้​ยพ​ยัก​หน้า​ซ้ำๆ​ ​พยายาม​ลุกขึ้น​ยืน​ ​ยืดตัว​ตรง​แล้วก็​เป่า​อีก​สอง​ที

สือ​อี​เหนียง​ปรบมือ

สวี​ซื่อ​เจี​้ย​หัวเราะ​อย่าง​พอใจ

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​ลูบ​หัว​เขา​เบา​ๆ

หู่​พั่ว​ย่างเท้า​ก้าว​เข้ามา​อย่างเงียบเชียบ

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พลาง​ลูบ​หัว​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ ​เอ่ย​ถาม​หู่​พั่ว​ ​“​เกิด​อะไร​ขึ้น​”

“​ผู้ดูแล​ลาน​ข้างนอก​กลับมา​แล้ว​เจ้าค่ะ​ ​บอกว่า​สั่งทำ​ภาพ​ของ​หอ​ชุน​ซีเรียบ​ร้อย​แล้ว​”​ ​นาง​ยิ้ม​ ​“​บอกว่า​จะ​ส่ง​ไป​ถึง​ตรอกซื​่ื​่อ​เซี่ยง​ใน​วันที่​สิบ​เจ็ด​เดือน​สาม​ยาม​โหย​่ว​เจ้าค่ะ​”

ตอนนี้​อู่​เหนียง​อาศัย​อยู่​ที่​ตรอกซื​่ื​่อ​เซี่ยง​ ​งานเลี้ยง​ย้าย​เรือน​ที่​มี​กำหนด​ว่า​จะ​จัด​ขึ้น​ก็​ถูก​ยกเลิก​เพราะว่า​นาย​หญิง​ใหญ่​เสียชีวิต​ ​แต่​ซื่อ​เหนียง​ ​ชี​เหนียง​ ​สือ​อี​เหนียง​และ​คนอื่นๆ​ ​ยัง​ส่ง​ของขวัญ​ไป​ให้​นาง​ ​อู่​เหนียง​ส่ง​คน​นำ​กล่อง​ของขวัญ​สี่สี​มา​ขอบคุณ​ ​บอกว่า​หลังจาก​ครบรอบ​ปี​แรก​ของ​การ​ไว้ทุกข์​แล้ว​จะ​เชิญ​ทุกคน​ไป​นั่ง​ที่​เรือน

สือ​อี​เหนียง​นึกถึง​สวี​ซื่อ​อวี​้​ขึ้น​มา​ ​“​…​พรุ่งนี้​ประกาศ​รายชื่อ​แล้ว​ใช่​หรือไม่​!​”

“​พรุ่งนี้​ประกาศ​รายชื่อ​แล้ว​เจ้าค่ะ​”​ ​หู่​พั่ว​ยิ้ม​ ​“​พรุ่งนี้​บ่าว​จะ​ไป​ฟัง​รายงาน​ที่​ฝ่าย​รายงาน​แต่เช้า​เจ้าค่ะ​”

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​พยักหน้า​ ​เกลี้ยกล่อม​ให้​สวี​ซื่อ​เจี้ยวาง​ขลุ่ย​ไม้​ไผ่​ใน​มือ​ลง​ ​จากนั้น​ก็​พา​เขา​ไป​ทานข้าว​เย็น​ที่​เรือน​ของ​ไท่ฮู​หยิน​

หู่​พั่ว​ออก​ไป​ที่​ลาน​ข้างนอก​ตั้งแต่​เช้ามืด​ของ​วัน​ต่อมา​ ​นาง​รีบ​เข้ามา​รายงาน​ตั้งแต่​ยาม​ซื่อ​ ​“ฮู​หยิน​เจ้า​คะ​ ​คุณชาย​น้อย​สอง​สอบผ่าน​แล้ว​เจ้าค่ะ​!​”

สือ​อี​เหนียง​กำลัง​จัดการ​งานบ้าน​ใน​ห้องโถง​ลาน​ข้างหน้า​ ​ท่าน​ป้า​ผู้ดูแล​ที่อยู่​ข้างๆ​ ​ได้ยิน​เช่นนี้​ก็​หันหน้า​มอง​กัน​ ​แต่​ไม่มีใคร​ปริปาก​พูด​แสดงความยินดี​เลย​สัก​คน

นาง​เห็น​เช่นนี้​ก็​รู้สึก​ตลก​ ​พูด​กับ​ป้า​หลี​ที่​ดูแล​โรง​ครัว​ว่า​ ​“​วันนี้​เพิ่ม​อาหาร​”​ ​จากนั้น​ก็​บอก​หู่​พั่ว​ ​“​ไป​นำ​เหรียญ​ที่​ห้องเก็บของ​ออกมา​มอบ​เป็น​รางวัล​!​”

บรรดา​ท่าน​ป้า​ผู้ดูแล​จึง​รีบ​เดิน​มา​เอ่ย​แสดงความยินดี​กับ​สือ​อี​เหนียง

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท