สะใภ้หนานหย่งรีบเดินเข้ามาพูดโน้มน้าว “คุณชายน้อยสี่ คุณชายน้อยห้าเจ้าคะ พักผ่อนก่อนแล้วค่อยเล่นต่อเถิดเจ้าค่ะ!”
พวกเขาสองคนเองก็เหนื่อยแล้ว จึงเดินไปนั่งพักที่ศาลาข้างๆ กับสะใภ้หนานหย่งอย่างว่าง่าย ฉาเซียงและซิ่วเอ๋อร์รีบเข้ามารับใช้ รินน้ำอุ่นให้พวกเขาดื่มล้างคอ หยิบผ้าเช็ดหน้าช่วยเช็ดหลังให้พวกเขา
สวีซื่อจุนอยากจะไปห้องชำระ
ห้องชำระอยู่ข้างกำแพงดอกไม้ ต้องเดินผ่านศาลาประตูน้ำอี้ปี้และทางเดินอิฐิสีฟ้าที่เต็มไปด้วยต้นไม้สูงตระหง่านสองข้างทาง
มีบ่าวรับใช้สองคนวิ่งไปจุดเครื่องหอมดอกกล้วยไม้ ฉาเซียงพาสวีซื่อจุนไปห้องน้ำ
สวีซื่อจุนนั่งอยู่บนโถส้วม เขาได้ยินเสียงกวาดพื้นจากข้างนอกดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
มีเสียงสตรีสองคนกำลังพูดคุยกัน
“…เช่นนั้นก็หมายความว่า นอกจากสะใภ้จี้ถิง คนอื่นๆ ก็ไปหมดแล้วหรือ!”
“ใช่!” อีกคนหนึ่งตอบ “คนที่เป็นคนเริ่มก็คือป้าอวี๋ที่ดูแลห้องเก็บของ”
“จริงหรือ!” นางพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตกใจ “นางเป็นคนหัวสูงไม่ใช่หรือ เหตุใดครั้งนี้ถึงชวนทุกคนไปอวยพรวันเกิดฮูหยินสี่เล่า”
“นางไม่ใช่คนหัวสูง แต่นางเป็นคนอยู่เป็น” อีกคนหนึ่งหัวเราะ “ตอนนี้ฮูหยินสี่ตั้งครรภ์แล้ว แล้วยังส่งป้าเถาไปอยู่ที่หมู่บ้านเช่นนั้น นางยังจะกล้าหัวสูงต่อหน้าฮูหยินสี่ได้เช่นไร” พูดถึงตรงนี้ นางก็ชื่นชมว่า “คนที่บรรดาสาวใช้และป้ารับใช้ผู้ดูแลนับถือมากที่สุดก็คือสะใภ้จี้ถิง ตอนนั้นทุกคนพากันวิ่งเข้าหาฮูหยินสอง มีคนเสนอความคิดเห็นให้สะใภ้จี้ถิง ให้นางถือโอกาสที่ฮูหยินสองเป็นคนชอบต้นไม้ดอกไม้ หาวิธีให้สะใภ้จี้ถิงได้รับตำแหน่งผู้ดูแล แต่สะใภ้จี้ถิงกลับไม่รีบร้อน บอกว่าตนแค่ปลูกดอกไม้เป็น ส่วนอย่างอื่นถึงแม้ว่าจะให้นางทำนางก็ทำได้ไม่ดี สุดท้ายจึงนิ่งเงียบไม่พูดไม่จาตั้งแต่ต้นจนจบ ต่อมาไปทำงานที่เรือนของฮูหยินสี่ ทุกคนก็พากันวิ่งเข้าหาฮูหยินสี่ นางก็ยังคงวางตัวเหมือนเดิม ควรทำอะไรก็ทำ…”
ราวกับมีผึ้งพันตัวบินอยู่ข้างหู สวีซื่อจุนไม่มีสมาธิ สตรีสองคนนั้นพูดอะไรอีกต่อจากนั้น เขาจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
“พี่ฉาเซียง!” เขาจับมือฉาเซียง “ที่พวกนางพูดคือเรื่องจริงหรือ ป้าเถาถูกส่งไปที่หมู่บ้านหรือ?!”
ฉาเซียงคือสาวใช้ระดับสองของไท่ฮูหยิน ไท่ฮูหยินส่งนางมารับใช้สวีซื่อจุนโดยเฉพราะ ได้ยินสวีซื่อจุนถามเช่นนี้ นางจึงรีบพูด “ไม่ใช่เจ้าค่ะ คุณชายน้อยสี่อย่าฟังพวกนางพูดเหลวไหลเจ้าค่ะ บอกว่าเถาเฉิงขาหัก ป้าเถาต้องไปดูแลเขาช่วงหนึ่งไม่ใช่หรือเจ้าคะ…”
“ไม่ใช่!” คำตอบของฉาเซียงฉะฉานคล่องงแคล่วเกินไป ทำให้สันชาตญาณของสวีซื่อจุนบอกว่ามันไม่ใช่ความจริง “มีครั้งหนึ่งในฤดูหนาว พี่เถาเฉิงตกในน้ำจนเกือบจมน้ำตาย ป้าเถาตำหนิเขา แต่ก็ไม่ได้บอกว่าจะไปดูแลเขา…” เขาพูดด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสับสน “แล้วเหตุใดครั้งนี้ถึงต้องไปดูแลเถาเฉิงเล่า”
ฉาเซียงตกใจจึงรีบพูดว่า “เราทำงานอยู่ในจวน เป็นคนของจวนนี้ จะทำให้เรื่องในจวนล่าช้าเพราะเรื่องของครอบครัวได้เช่นไรเจ้าคะ แต่ตอนนี้ฮูหยินสี่เห็นว่าป้าเถาเคยรับใช้ฮูหยินสี่คนก่อน จึงดีกับป้าเถา อนุญาตให้นางกลับไปเยี่ยมบุตรชายเจ้าค่ะ…”
สวีซื่อจุนได้ยินเช่นนี้ก็ขมวดคิ้ว “ตอนที่ท่านแม่อยู่ ท่านแม่ก็ดีกับป้าเถา แล้วยังบอกให้ข้าเรียกป้าเถาว่าท่านป้า…”
ฉาเซียงคิดไม่ถึงว่าสวีซื่อจุนที่ว่านอนสอนง่ายมาตลอดกลับจับเรื่องนี้ไม่ยอมปล่อย ไม่รอให้สวีซื่อจุนพูดจบ นางก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ดังนั้นฮูหยินสี่จึงเคารพป้าเถาเป็นอย่างมากไงล่ะเจ้าค่ะ” แล้วก็กลัวว่าเขาจะถามคำถามอะไรที่ตัวเองตอบไม่ได้อีก นางจึงรีบเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว “คุณชายน้อยสี่เจ้าคะ เรารีบกลับไปศาลาประตูน้ำอี้ปี้เถิดเจ้าค่ะ คุณชายน้อยห้ารอพวกเราอยู่! อากาศในเดือนสี่เช่นนี้ พระอาทิตย์ตกก็เริ่มหนาวแล้ว ท่านสวมแค่เสื้อธรรมดา เสื้อคลุมก็อยู่ที่เรือนฮูหยินสี่โน้นเจ้าค่ะ!”
สวีซื่อจุนไม่ขยับไปไหน เขาตั้งใจฟัง ข้างนอกมีเพียงเสียงลมที่พัดผ่านยอดกิ่งไม้ ไม่ได้ยินเสียงอะไรอีก
เขารู้สึกผิดหวัง เก็บข้าวของ จากนั้นก็กลับไปศาลาประตูน้ำอี้ปี้กับฉาเซียงช้าๆ
ศาลาว่างเปล่า เหลือเพียงเบาะรองนั่งสีแดงและซากอาหารบนโต๊ะหิน คนที่รับใช้สวีซื่อเจี้ยก็หายไปหมดแล้ว พื้นที่สนามที่เดิมทีว่างเปล่า ตอนนี้กลับถูกสาวใช้และป้ารับใช้ล้อมรอบ ลูกหนังที่มีสีสันลอยไปมา แล้วยังมีเสียงเตะโกนโห่ร้องเป็นระยะ ทำให้ดูคึกคักกว่าเมื่อครู่ไม่น้อย
สวีซื่อจุนรู้สึกแปลกใจ
ฉาเซียงเห็นคนรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่ง
“คุณชายน้อยสี่เจ้าคะ คือคุณชายห้าเจ้าค่ะ” นางพูดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความพอใจ “คุณชายห้ากำลังเตะลูกหนังเจ้าค่ะ!”
นางจับมือเขาเดินเข้าไปในฝูงชน
เมื่อทุกคนเห็นเข้าก็พากันหลีกทางให้เขา
สวีซื่อจุนเห็นสวีลิ่งควนที่รูปร่างสูงใหญ่ใช้หัวรับลูกหนัง จากนั้นก็จ้องมองไปที่สวีซื่อเจี้ยที่กำลังมองไปที่สวีลิ่งควนด้วยสีหน้าที่ตกใจ
เมื่อได้ยินเสียง สวีลิ่งควนก็เหลือบมองมา พอเห็นว่าเป็นสวีซื่อจุน เขาก็โยนลูกหนังขึ้นไปในอากาศแล้วโบกมือให้สวีซื่อจุน “มาเร็ว ข้าจะสอนเจ้าเล่น”
หากเป็นยามปกติ สวีซื่อจุนคงจะรีบวิ่งเข้าไปแล้ว แต่ครั้งนี้ในใจของเขายังคิดถึงเรื่องที่ได้ยินเมื่อครู่อยู่ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินเข้าไปช้าๆ
สวีลิ่งควนยื่นมือออกไปจับเบาๆ ก็จับลูกหนังที่กำลังตกลงมาไว้ในมือ
“เป็นอะไรไป” เขาเอนตัวแล้วส่งยิ้มสวีซื่อจุน “วันนี้ดูไม่ค่อยมีความสุขเท่าไร”
“ไม่มีอะไรขอรับ!” พูดกับผู้ใหญ่ สวีซื่อจุนไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเอง “วันนี้ข้าเหนื่อยแล้วขอรับ!”
สวีลิ่งควนไม่กล้าบังคับเขา ยิ้มแล้วโยนลูกหนังให้บ่าวรับใช้ข้างๆ “เช่นนั้นก็รีบกลับไปพักผ่อนเถิด! พรุ่งนี้ข้าค่อยเล่นกับเจ้า”
สวีซื่อจุนฝืนยิ้มแล้วตอบรับ จากนั้นก็จับมือสวีซื่อเจี้ยเดินไปที่เรือนของสืออีเหนียง
ผู้ชมที่อยู่ข้างๆ ต่างก็แยกย้ายกันไป
สวีซื่อเจี้ยนึกถึงเรื่องที่ตัวเองเห็นเมื่อครู่ “พี่สี่ พรุ่งนี้เรายังจะเล่นลูกหนังอีกหรือไม่ ท่านอาห้านั้นเก่งมากเลย เมื่อครู่ท่านไม่อยู่ ข้าเห็นท่านอาห้าเพียงหักศอก ลูกหนังก็ลอยขึ้นไปกลางอากาศทันที…”
สวีซื่อจุนตอบกลับอย่างใจลอย จากนั้นก็เดินเข้าไปในลานกับสวีซื่อเจี้ย
บรรดาผู้ดูแลหญิงกำลังออกมาจากเรือนหลัก เจอเข้ากับพวกเขาสองพี่น้องพอดี พวกนางก็ยิ้มแล้วเอ่ยทักทาย
สวีซื่อจุนมองพวกนางด้วยสายตาที่มืดมน จากนั้นก็วิ่งเข้าไปที่เรือนหลัก
ทุกคนต่างก็ตกใจ
มีคนยิ้มแล้วพูดว่า “เขายังเด็กอยู่!”
แล้วยังมีคนพูดว่า “อายุไม่ถึงแปดขวบสิบขวบ จะทนได้เช่นไร!”
ทุกคนพูดคุยหัวเราะกันออกไปจากประตูลาน
สืออีเหนียงบอกให้สาวใช้เปิดหน้าต่างทุกบานในห้อง
เนื่องจากมีป้ารับใช้บางคนสูบยาสูบ มักจะมีกลิ่นติดตัว
สวีซื่อจุนวิ่งเข้ามา “ท่านแม่ขอรับ เรารับป้าเถากลับมาเถิดขอรับ!”
“เกิดอะไรขึ้น!” สืออีเหนียงตกใจ “เหตุใดจู่ๆ ถึงจะรับป้าเถากลับมาเล่า”
“ข้าคิดถึงป้าเถาแล้วขอรับ!” สวีซื่อจุนพูด “ป้าเถาอยู่ที่หมู่บ้านคนเดียว นางจะไม่ได้ทานบ๊ะจ่างแปดไส้ที่จวน!”
สืออีเหนียงยิ้มแล้วพูดว่า “นางอยู่ที่หมู่บ้าน ที่หมู่บ้านก็ทำบ๊ะจ่างแปดไส้เหมือนกัน…” นางยังพูดไม่ทันจบ ก็เอามือปิดปาก
ลี่ว์อวิ๋นรีบนำกะละมังมาไว้ข้างหน้านาง คนที่รินน้ำอุ่นก็รินน้ำอุ่น รีบรับใช้สืออีเหนียงอย่างวุ่นวาย
สวีซื่อจุนรู้สึกว่าตัวเองมีอะไรอยากจะพูดตั้งมากมาย แต่คนที่อยู่ตรงหน้าไม่มีใครสนใจเขาเลย
เขาจึงถอยออกมาอย่างเงียบๆ
ถอยมาเจอกับสวีซื่อเจี้ย “พี่สี่จะไปที่ใด”
หากรู้สึกว่าตัวเองได้รับความอยุติธรรม ก็ต้องไปฟ้องไท่ฮูหยินและท่านโหว…
แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด จู่ๆ ในหัวของสวีซื่อจุนก็คิดถึงคำพูดที่ป้าเถาพูดตอนจากไปขึ้นมา
“ข้าจะไปหาท่านย่า!”
“อ้อ!” สวีซื่อเจี้ยเกาหัว “แต่ข้า…ข้ายังไม่ได้คารวะท่านแม่ พี่สี่รอข้าประเดี๋ยว!”
ปกติเวลานี้ พวกเขาสองคนจะไปคารวะสืออีเหนียงด้วยกัน จากนั้นก็ไปทานข้าวที่เรือนของไท่ฮูหยินด้วยกัน
สวีซื่อจุนพยักหน้าส่งๆ
สวีซื่อเจี้ยรีบวิ่งไปคารวะสืออีเหนียง
สืออีเหนียงกำลังไม่สบายตัว
สวีซื่อเจี้ยยืนเป็นห่วงอยู่ข้างๆ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ
สวีซื่อจุนรอเขาอยู่ข้างนอกครู่หนึ่ง รู้สึกร้อนใจราวกับไฟ บอกซิ่วเอ๋อร์สาวใช้ของสวีซื่อเจี้ย จากนั้นก็รีบไปที่เรือนของไท่ฮูหยิน
“ท่านย่าขอรับ! เรารับป้าเถากลับมาเถิดขอรับ!” เขาพุ่งเข้าไปออดอ้อนในอ้อมแขนของไท่ฮูหยินเหมือนเดิม “ข้าคิดถึงนาง!”
ไท่ฮูหยินหัวเราะ “รออีกสองสามวัน ให้เถาเฉิงหายดีแล้วค่อยรับป้าเถากลับมาก็ไม่สาย เจ้าลองคิดดู ประเดี๋ยวก็จะเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างแล้ว ต้องให้ป้าเถาได้ฉลองเทศกาลสองแม่ลูกกับเถาเฉิงก่อนใช่หรือไม่!”
“เช่นนั้นหลังจากเทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง ป้าเถาก็จะกลับมาใช่หรือไม่” สวีซื่อจุนมองไท่ฮูหยินด้วยดวงตาที่เปล่าประกายราวกับกระจกก็ไม่ปาน
สีหน้าของไท่ฮูหยินเรียบสงบ นางพูดว่า “รอให้ขาของเถาเฉิงหายดีแล้วถึงจะกลับมา!”
“ท่านย่าขอรับ เช่นนั้นท่านส่งคนไปรับป้าเถากลับมาเถิดขอรับ!” สวีซื่อจุนพูดอ้อนวอนไท่ฮูหยิน “หากท่านเพียงบอกให้นางกลับมา แต่นางไม่กล้าแล้วไม่กลับมาเล่า!”
ไท่ฮูหยินได้ยินเช่นนี้ก็ขมวดคิ้ว จากนั้นก็คลี่ออกอย่างรวดเร็ว “วันนี้จุนเกอเป็นอะไรไป ทำไมแม้แต่คำพูดของย่าก็ไม่ฟังแล้ว” พูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม “ป้าเถาต้องรอให้เถาเฉิงหายดีก่อนแล้วค่อยกลับมา ตอนนี้เจ้าเริ่มเรียนหนังสือแล้ว ไม่เหมือนเมื่อก่อน ต้องทำตัวให้สุขุมมากกว่านี้”
น้ำเสียงตำหนิเช่นนี้ สวีซื่อจุนไม่เคยได้ยินมาก่อน
เขาจึงตกใจ
หรือว่ามีคนพูดอะไรต่อหน้าจุนเกอ ต้องเรียกฉาเซียงมาถาม!
ไท่ฮูหยินครุ่นคิด นางเอ่ยเกลี้ยกล่อมสวีซื่อจุน “เอาล่ะ รีบไปล้างมือ ประเดี๋ยวเราทานเป็ดกรอบ!”
สาวใช้ไหวพริบดีที่อยู่ข้างๆ ก็รีบเดินเข้ามาพาสวีซื่อจุนไปล้างมือที่ห้องชำระ
เทน้ำสะอาดลงในอ่างลายครามสีฟ้า ดอกไป่เหอและดอกซ่อนกลิ่นที่เดิมทีอยู่ก้นอ่าง แต่ตอนนี้กลับลอยขึ้นมา
สวีซื่อจุนค่อยๆ กำมือที่อยู่ในอ่าง ดอกไม้เหล่านั้นก็ค่อยๆ แตกกระจายออกไป
จะบอกท่านพ่อดีหรือไม่
เขาลังเลใจ
ใบหน้าที่เคร่งขรึมและสายตาที่เย็นชาของบิดาปรากฏขึ้นมา…
ทันใดนั้นสวีซื่อจุนก็ตัวสั่น เม้มปากแน่น
หลังจากล้างมือเสร็จ ไท่ฮูหยินยังพูดอยู่กับฉาเซียง อวี้ป่านไม่กล้าพาสวีซื่อจุนเข้าไปข้างใน นางจึงหยิบด้ายไปเล่นกับสวีซื่อจุนบนเตียงเตาข้างหน้าต่างที่ห้องปีกทางทิศตะวันออก
แต่สวีซื่อจุนกลับส่ายหน้า “ข้าจะไปดูว่าทำไมน้องห้ายังไม่มา”
จากนั้นก็วิ่งพรวดออกไป
ปี้หลัว อวี่ฮวาและสาวใช้ที่รับใช้อยู่ข้างๆ ก็วิ่งตามไป
อวี้ป่านมองดูด้ายสีแดงที่อยู่ในมือ “วันนี้คุณชายน้อยสี่เป็นอะไรไป”
สวีซื่อจุนวิ่งไปหน้าประตูเรือนของหยวนเหนียงแล้วหยุดฝีเท้าลง
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เมื่อลมหายใจสมดุลแล้วก็ค่อยๆ เดินเข้าไปในห้องของหยวนเหนียง
