ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 460 อันตราย(กลาง)

ตอนที่ 460 อันตราย(กลาง)

​ไท่ฮู​หยิน​คุกเข่า​ลง​บน​เบาะรองเข่า​สีแดง​ ​จุด​ธูป​แล้ว​ก้มหัว​ให้​บรรพบุรุษ​ของ​สกุล​สวี​ด้วย​ความเคารพ

​ป้า​ตู้​เดิน​เข้าไป​ประคอง​ไท่ฮู​หยิน​ลุกขึ้น

​“​สถานการณ์​เป็น​เช่นไร​แล้ว​”​ ​ไท่ฮู​หยิน​ยืน​นิ่ง

​ป้า​ตู้​ไม่กล้า​พูดความจริง​ ​นาง​ตอบ​เบา​ๆ​ ​“​หมอ​หลวง​ใช้​ยา​เร่ง​คลอด​เจ้าค่ะ​”

​แต่​ไท่ฮู​หยิน​รู้อยู่แก่ใจ​

​หาก​ยา​เร่ง​คลอด​ได้ผล​ ​ตอนนี้​ก็​ต้อง​คลอด​ออกมา​แล้ว​

​ฝีมือ​ของ​หมอ​หลวง​นาง​ก็​รู้ดี

ยา​เร่ง​คลอด​ไม่ได้ผล​ ​ก็​ต้อง​ใช้​ยาที​่​ออกฤทธิ์​แรง​กว่า​…​แม่​หรือว่า​ลูก​จะ​รอด​ ​ก็​ขึ้นอยู่กับ​สวรรค์​แล้ว​!

​คิด​เช่นนี้​ ​ไท่ฮู​หยิน​ก็​น้ำตา​คลอ​เบ้า​ ​นาง​เหลือบ​ไป​มอง​ป้ายชื่อ​ของ​หยวน​เหนียง​

หยวน​เหนียง​พยายาม​ให้​สือ​อี​เหนียง​แต่ง​เข้ามา​ ​ตอนนี้​นาง​กำลัง​อยู่​ใน​ช่วง​ชี้​เป็น​ชี้​ตาย​ ​หาก​เจ้า​อยู่​บน​ฟ้า​ ​ถือว่า​ทำ​เพื่อ​จุน​เกอ​ ​ปกป้อง​นาง​ให้​ปลอดภัย​ให้​ราบรื่น​ด้วย​เถิด​!

​*****

​“​หิว​?​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ทั้ง​ตกใจ​และ​ดีใจ​ ​สิ่ง​ที่​เขา​กลัว​มาก​ที่สุด​ก็​คือ​การ​ที่​สือ​อี​เหนียง​ไม่​ให้ความร่วมมือ​ ​เขา​รีบ​ถาม​ ​“​เจ้า​อยาก​ทาน​อะไร​ ​ข้า​จะ​ให้​ป้าวั​่น​ไป​เตรียม​มา​ให้​เจ้า​!​”

​“​อะไร​ก็ได้​เจ้าค่ะ​!​”​ ตอนนี้​นาง​จะ​หิว​ได้​เช่นไร​ ​นาง​แค่​กลัว​ว่า​ถึง​ตอนนั้น​ตัวเอง​จะ​ไม่มีแรง​ก็​เท่านั้น

​สือ​อี​เหนียง​นึกถึง​ลูก​ใน​ท้องที่​ถูก​ทรมาน​เช่นนี้​ นาง​ไม่รู้​ว่า​สุดท้าย​แล้ว​สถานการณ์​จะ​เป็น​เช่นไร​ ​แต่​เรื่อง​มาถึง​ขั้น​นี้​แล้ว​ ​หาก​นาง​ลังเล​ ​มัน​จะ​ทำให้​นาง​และ​ลูก​ตกอยู่ในอันตราย​…​ต้อง​ตัดสินใจ​อย่าง​ไม่​ลังเล​เท่านั้น​ ​นาง​ปรับ​ท่า​ให้​หมอตำแย​เอง​…​แต่​ใน​ใจ​กลับ​เจ็บปวด​ราวกับ​ถูก​มีด​กรีด​แทง​ ​นางร้องไห้​ออกมา​อย่าง​ควบคุม​ไม่ได้

​หมอตำแย​เห็น​เช่นนี้​ก็​ถอนหายใจ​ด้วย​ความ​โล่งอก​ ​นาง​รีบ​พูด​ ​“​นำ​โสมมา​ให้ฮู​หยิน​เถิด​!​ ​เสริมพละ​กำลัง​ ​หรือว่า​จะ​ดื่ม​น้ำตาลทรายแดง​ดีเจ​้า​คะ​”

โสม​ย่อม​ดีกว่า​แน่นอน

แต่ว่า​โสม​เป็น​สมุนไพร​บำรุง​ร่างกาย​

​สวี​ลิ่ง​อี๋​บอก​หู่​พั่ว​ ​“​เจ้า​ไป​ถาม​หมอ​หลวง​ ฮู​หยิน​เป็น​เช่นนี้​ทาน​โสม​ได้​หรือไม่​!​”

​หู่​พั่ว​ออก​ไป​และ​กลับมา​อย่างรวดเร็ว​ ​“​หมอ​หลวง​บอกว่า​ทาน​โสม​ดีกว่า​เจ้าค่ะ​”

​ของ​พวก​นี้​เตรียม​ไว้​ตั้ง​นาน​แล้ว

​ป้า​เถี​ยน​รีบ​นำ​โสมมา​ให้​สือ​อี​เหนียง​ทาน

​หมอตำแย​สอง​คนที​่​เหลือก​็​กล้าหาญ​มากขึ้น​ ​คน​หนึ่ง​เดิน​เข้ามา​ช่วย​ ​อีก​คน​หนึ่ง​คอย​ดู​อาการ​ของ​สือ​อี​เหนียง

​*****

​เมื่อ​แสงไฟ​ใน​ห้อง​ค่อยๆ​ ​มืด​ลง​ ​บรรดา​ท่าน​ป้า​ก็​เริ่ม​จุด​ตะเกียง​

​สือ​อี​เหนียง​นอน​อยู่​ใน​อ้อมแขน​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​อย่างไร​้​เรี่ยวแรง​ ​นาง​หอบ​หายใจ​ ​หมอตำแย​สอง​คนที​่​ช่วย​นาง​นวด​ท้อง​ก็​มี​เหงื่อ​ท่วม​เต็มตัว​

​สวี​ลิ่ง​อี๋​หยิบ​ผ้าเช็ดหน้า​ใน​มือ​ของ​หู่​พั่ว​มา​เช็ด​เหงื่อ​บน​หน้าผาก​ให้​สือ​อี​เหนียง

​นาง​เป็นผู้ใหญ่​ยัง​รู้สึก​เหนื่อย​ขนาด​นี้​ ​ยิ่ง​ไม่ต้อง​พูดถึง​เด็ก​ที่​ยัง​ไม่​เกิด

​“​ทำ​เช่นนี้​ต่อไป​ไม่ได้​แล้ว​เจ้าค่ะ​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​กลั้น​น้ำตา​ ​“​ให้​หมอ​หลวง​ต้ม​ยามา​ให้​ข้า​ ​ข้า​กลัว​ว่า​ประเดี๋ยว​ข้า​จะ​ไม่มีแรง​!​”

​แม้แต่​โสม​ยัง​ช่วย​อะไร​ไม่ได้​ ​หาก​ทาน​ยา​อีก​ก็​ต้อง​ทาน​ยาที​่​ออกฤทธิ์​แรง​เท่านั้น

​“​เจ้า​หลับตา​พัก​สักประเดี๋ยว​!​”​ ​เขา​ยื่น​ผ้าเช็ดหน้า​ให้​หู่​พั่ว​แล้ว​จับมือ​สือ​อี​เหนียง​ ​“​หาก​ไม่ไหว​จริงๆ​ ​เรา​ค่อย​ทาน​ยา​”

​“​ตอนนี้​ข้า​ก็​รู้สึก​ไม่ไหว​แล้ว​…​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูดเสี​ยง​เบา​ ​แต่​จู่ๆ​ ​ก็​มีเสียง​ตกอกตกใจ​ของ​หมอตำแย​ดัง​ขึ้น​มา​ ​“​ท่าน​โหว​ ฮู​หยิน​เจ้า​คะ​ ​ปาก​ช่องคลอด​เปิด​แล้ว​เจ้าค่ะ​”

​สือ​อี​เหนียง​และ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ได้ยิน​เช่นนี้​ก็​ตกใจ​ ​สือ​อี​เหนียง​จะ​ขยับตัว​ขึ้น​มานั​่ง​ ​ทำเอา​หมอตำแย​คน​นั้น​รีบ​กด​กาย​ของ​สือ​อี​เหนียง​เอาไว้​ ​“​นอนลง​ ​นอนลง​เจ้าค่ะ​”

​หมอตำแย​คนอื่น​รีบ​เดิน​เข้ามา​ล้อมรอบ​ ​คน​หนึ่ง​แขวน​ผ้า​สีขาว​ไว้​บน​เตียง​เพื่อให้​สือ​อี​เหนียง​ดึง​ออกแรง​ ​ส่วน​อีก​คน​หนึ่ง​ช่วย​ปู​ผ้าฝ้าย​สะอาด​ไว้​ใต้​ตัว​สือ​อี​เหนียง​ ​แล้วยัง​มี​อีก​คน​หนึ่ง​นำ​หมอน​หนา​ๆ​ ​มา​วาง​ไว้​ข้างหลัง​สือ​อี​เหนียง​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​นั่ง​อยู่​ตรงนั้น​ ​เขา​ดู​เกะกะ​ขึ้น​มาทัน​ที​

​สวี​ลิ่ง​อี๋​จึง​ลุก​ออกมา​

​ป้า​เถี​ยน​ถือโอกาส​เข้าไป​นั่ง​ข้าง​เตียง​ ​ยัด​โสม​ให้​สือ​อี​เหนียง​ก่อน​ชิ้น​หนึ่ง​ ​จากนั้น​ก็​บอก​นาง​ว่า​ต้อง​ออกแรง​อย่างไร​ ​

​เวลา​ต่อมา​ ​เมื่อ​เทียบ​กับ​ความทุลักทุเล​ก่อนหน้านี้​ ​มัน​กลับ​ราบรื่น​จน​ทำให้​ผู้คน​ล้วน​คาดไม่ถึง​

​เวลา​เพียง​หนึ่ง​ก้านธูป​ ​หมอตำแย​ก็​เห็น​หัว​เด็ก​โผล่​ออกมา​ ​ระหว่าง​นั้น​นอกจาก​ไหล่​ของ​เด็ก​ติด​แค่นิด​เดียว​ ​ก็​ไม่มี​สถานการณ์​ผิดปกติ​อื่น​เกิดขึ้น​

​ตามมา​ด้วย​เสียงร้อง​ตะโกน​ว่า​ ​“​คลอด​แล้ว​ ​คลอด​แล้ว​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พลัน​รู้สึก​โล่ง​ไป​หมด

​นาง​ยัง​จำ​เรื่อง​ตัด​สายสะดือ​ได้​ ​รีบ​เอ่ย​เตือน​หู่​พั่ว​ ​“​กรรไกร​ ​กรรไกร​…​”

​หู่​พั่ว​รีบ​ไป​หยิบ​กรรไกร​มา

​หมอตำแย​จะ​กล้า​ปฏิเสธ​ได้​เช่นไร​ ​นาง​รับ​กรรไกร​มาตัด​สายสะดือ​ ​ยก​เท้า​ของ​เด็ก​ขึ้น​แล้ว​ตบ​ที่​ก้น​สอง​ที​ ​เมื่อ​ได้ยิน​เสียงร้อง​ของ​เด็ก​ ​หัวใจ​ที่​ราวกับ​ห้อย​อยู่​กลางอากาศ​ก็​หล่น​ลงมา​ ​นาง​อุ้ม​เด็ก​ที่​ยัง​เปื้อน​เลือด​ไป​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​ดู​ ​“​ยินดี​กับ​ท่าน​โหวด​้วย​เจ้าค่ะ​ ​เป็น​บุตรชาย​เจ้าค่ะ​!​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​มองดู​ทารก​เปื้อน​เลือด​ที่​กำลัง​ส่งเสียง​ร้องไห้​อย่าง​มีความสุข​ ​จู่ๆ​ ​ก็​รู้สึก​สับสน​ ​อด​ไม่ได้​ที่จะ​ยื่นมือ​ออก​ไป​ลูบ​ผม​สีดำ​ที่​เปียกชื้น​ของ​เขา​ ​แล้ว​หันไป​บอก​สือ​อี​เหนียง​ว่า​ ​“​เป็น​บุตรชาย​!​”

​สือ​อี​เหนียง​ราวกับ​พึ่ง​วิ่ง​ใน​ระยะทาง​ที่​เกินกำลัง​ของ​ตัวเอง​เสร็จ​ ​ถึงแม้ว่า​ทั้งตัว​จะ​รู้สึก​อ่อนล้า​ไป​หมด​ ​แค่​ขยับ​นิ้ว​ก็​ยัง​รู้สึก​เหนื่อย​ ​แต่​นาง​กลับ​รู้สึก​ตื้น​เต้น​ ​ได้ยิน​เช่นนี้​ก็​รีบ​ยื่น​แขน​ออก​ไป​ ​“​ขอ​ข้า​ดู​หน่อย​!​”

​“ฮู​หยิน​อย่า​พึ่ง​ขยับ​เจ้าค่ะ​!​”​ ​หมอตำแย​ที่​ดูแล​นาง​ยก​ยิ้ม​ ​“​รก​ยัง​ไม่​ออกมา​เจ้าค่ะ​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ได้ยิน​เช่นนี้​ก็​ตกใจ​ ​รีบ​ถาม​ ​“​เป็น​อะไร​หรือไม่​”

​“​ไม่เป็นไร​ ​ไม่เป็นไร​เจ้าค่ะ​”​ ​หมอตำแย​ตอบ​ ​“​ออกมา​แล้ว​เจ้าค่ะ​”

ปลอดภัย​ทั้ง​แม่​ทั้ง​ลูก​แล้ว​ใช่​หรือไม่​!

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​อย่าง​มีความสุข

​บรรยากาศ​ใน​ห้อง​เปลี่ยนไป​ในทันที​ ​ทุกคน​ยิ้มแย้มแจ่มใส​ด้วย​ความปิติยินดี​

​มีสาว​ใช้​วิ่ง​ไปรา​ยงาน​ไท่ฮู​หยิน​ ฮู​หยิน​สอง​และฮู​หยิน​ห้า

​ป้าวั​่น​และ​หู่​พั่ว​ช่วยกัน​ทำความสะอาด​ตัว​ให้​สือ​อี​เหนียง

​ป้า​เถี​ยน​และ​หมอตำแย​อุ้ม​เด็ก​ไป​ล้าง​ตัว​

​สือ​อี​เหนียง​เหนื่อยล้า​มาก​ ​แต่​นาง​กลับ​รู้สึก​ไม่สบายใจ​ ​เอ่ย​ถาม​ป้า​เถี​ยน​ ​“​บอกว่า​ไหล่​ติด​ ​เจ้า​ดู​สิว​่า​แขน​ของ​เขา​ขยับ​หรือไม่​”​ ​แล้วก็​ถาม​อีกว่า​ ​“​เขา​มีปัญหา​อะไร​หรือไม่​”​ ​จากนั้น​ก็​ไม่ได้​ยิน​เสียง​เด็ก​ร้อง​ ​นาง​จะ​ลุกขึ้น​นั่ง​ ​“​ทำไม​เขา​ไม่​ร้องไห้​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​เห็น​นาง​สีหน้า​ซีดเซียว​ ​ท่าที​เหนื่อยล้า​ ​เขา​ก็​กด​ไหล่​ของ​นาง​ลง​ ​“​เจ้า​ดูแลตัวเอง​ก่อน​เถิด​!​ ​ลูก​มี​ป้า​เถี​ยน​ช่วยดูแล​อยู่​!​”

​ป้า​เถี​ยน​ได้ยิน​เช่นนี้​ก็​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“ฮู​หยิน​ไม่ต้อง​เป็นห่วง​เจ้าค่ะ​ ​คุณชาย​น้อย​สบายดี​ ​รู้​ว่า​เรา​กำลัง​อาบน้ำ​ให้​เขา​ ​ไม่​ร้องไห้​งอแง​ ​ลืมตา​โต​มอง​ไปร​อบ​ๆ​ ​เจ้าค่ะ​!​”​ ​พูด​จบ​ ​นาง​ก็​พูด​เบา​ๆ​ ​“​คุณชาย​น้อยหน้า​ตา​หล่อเหลา​อย่างมาก​!​ ​ผม​ดก​ดำ​ ​ดวงตา​สดใส​ ​ผิว​สีแดง​ ​ว่า​กัน​ว่า​ตอน​คลอด​ออกมา​หาก​ผิว​สีขาว​ ​โต​ขึ้น​ผิว​จะ​ยิ่ง​ดำคล้ำ​ ​แต่​หาก​คลอด​ออกมา​มี​ผิว​สีแดง​ ​โต​ขึ้น​ผิว​จะ​ยิ่ง​ขาว​เจ้าค่ะ​”​ ​พูด​จบ​ ​นาง​ก็​เหลือบมอง​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​“​บ่าว​คิด​ว่า​หน้าตา​เหมือน​ท่าน​โหว​ ​แต่​สีผม​และ​ผิว​เหมือนกับฮู​หยิน​”

​หมอตำแย​อีก​คน​หนึ่ง​ก็​พยักหน้า​ ​“​ข้า​ก็​คิด​เหมือนกัน​ ​ข้า​ทำคลอด​มาตั​้ง​หลายครั้ง​ ​ยัง​ไม่เคย​เห็น​เด็ก​คน​ไหน​ที่พึ่ง​เกิด​มาก​็​ลืมตา​ ​เด็ก​คน​นี้​ช่าง​มีชีวิตชีวา​เสีย​จริง​ ​โต​ขึ้น​แล้ว​น่าจะ​เหมือนกับ​ท่าน​โหว​ ​เป็น​แม่ทัพ​ผู้ยิ่งใหญ่​เหมือนกัน​เจ้าค่ะ​”

​ถึงแม้ว่า​จะ​เป็น​คำยกยอ​ ​แต่​เมื่อ​ได้ยิน​ว่า​บุตร​ของ​ตัวเอง​สุขภาพ​ร่างกาย​แข็งแรง​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็​อด​ไม่ได้​ที่จะ​ยิ้ม​อย่าง​มีความสุข​ ​จากนั้น​ก็​นอนหลับ​ไป​ท่ามกลาง​ผ้าเช็ดหน้า​ที่​อบอุ่น

​เมื่อ​ตื่นขึ้น​มา​อีกครั้ง​ ​ก็​เป็น​ยาม​จื่อ​แล้ว

​มีเสียง​กลอง​ดัง​ขึ้น​จาก​ไกลๆ​ ​ท่ามกลาง​แสงไฟ​สลัว​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ที่​รูปร่าง​สูงใหญ่​กำลัง​อุ้ม​บุตรชาย​เดิน​ไปร​อบ​ห้อง​ ​แล้วยัง​หยุด​เดิน​ก้มหน้า​ส่ง​ยิ้ม​ให้​เด็กทารก​ที่อยู่​ใน​อ้อมแขน​ของ​ตัวเอง​เป็นครั้งคราว​

​สือ​อี​เหนียง​เห็น​เช่นนี้​ก็​รู้สึก​อุ่นใจ​ ​นาง​ยิ้ม​อย่าง​มีความสุข​ ​จากนั้น​ก็​ขาน​เรียก​ท่าน​โหว​เสียง​เบา​ ​แล้ว​พูดว่า​ ​“​บ่าว​รับใช้​ใน​เรือน​ล่ะ​เจ้า​คะ​?​”​

​“​เจ้า​ตื่น​แล้ว​หรือ​!​”​ ​เมื่อ​ได้ยิน​เสียง​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​ยิ้ม​แล้ว​อุ้ม​ลูก​มานั​่ง​ข้าง​เตียง​ ​“​หิว​หรือไม่​ ​อยาก​ทาน​อะไร​หรือไม่​”

​เมื่อ​ได้ยิน​เขา​ถาม​เช่นนี้​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็​รู้สึก​หิว​ขึ้น​มา​จริงๆ​ ​แต่​ลูก​ที่​ถูก​ห่อ​ตัว​อยู่​ใน​ผ้าอ้อม​สีแดง​อยู่​ตรงหน้า​ ​นาง​อยาก​เห็น​หน้า​ลูก​ก่อน​จึง​ค่อยๆ​ ​ลุกขึ้น​นั่ง​ ​“​ขอ​ข้า​ดู​หน่อย​เจ้าค่ะ​!​”​ ​ฉับพลัน​ก็​รู้สึกตัว​ชา​ไป​หมด​

​“​เจ้า​รีบ​นอนลง​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​รีบ​พูด​ ​“​หมอ​หลวง​บอกว่า​ร่างกาย​ของ​เจ้า​ยัง​อ่อนแอ​ ​แล้วยัง​ทรมาน​เช่นนี้​ ​หาก​ไม่​รักษาตัว​สัก​สอง​สาม​เดือน​ ​ก็​จะ​ไม่​กลับมา​เป็นปกติ​”​ ​เขา​พูด​พร้อมกับ​อุ้ม​ลูก​ยื่น​ให้​นาง​ดู

​เด็กน้อย​กำลัง​นอนหลับ​สนิท​ ​ท่าที​สงบ​ ​ใบหน้า​สีแดง​ก่ำ​ ​หน้าตายั​งม​อง​ไม่​ค่อย​ออก​ ​แต่​จมูกโด่ง​ ​มองออก​ว่า​เหมือน​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​มี​ผม​สีดำ​เหมือนกับ​ที่​ป้า​เถี​ยน​บอก​

เด็ก​คน​นี้​เอง​ ​ที่​ทรมาน​ตน​ขนาด​นั้น​!

​สือ​อี​เหนียง​ครุ่นคิด​ ​แต่​นาง​กลับ​รู้สึก​ถึง​ความสุข​ที่​แผ่ซ่าน​อยู่​ใน​จิตใจ

​นาง​อด​ไม่ได้​ที่จะ​โน้มตัว​ลง​ไป​ ​ใช้​ปลายจมูก​แตะ​ที่​แก้ม​ของ​เขา​อย่าง​แผ่วเบา

​จู่ๆ​ ​ก็​มี​คน​มาร​บก​วน​ ​ถึงแม้ว่า​จะ​เป็นมา​รดา​ของ​ตัวเอง​ ​แต่​เขา​ก็​ย่น​จมูก​อย่าง​ไม่​ไว้หน้า​นาง​ ​จากนั้น​ก็​เบะ​ปาก​ด้วย​ความไม่พอใจ​ ​มุดหัว​เข้าไป​ใน​ผ้าอ้อม​แล้ว​หลับ​ไป​อีกครั้ง

​สือ​อี​เหนียง​รู้สึก​อุ่นใจ

​“​สนุก​มาก​ใช่​หรือไม่​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​มองดู​สือ​อี​เหนียง​ที่​สีหน้า​อ่อนโยน​ ​แล้ว​พูด​ด้วย​รอยยิ้ม​ ​“​เมื่อ​ครู่​เขา​ยัง​พ่น​ฟองน้ำ​ใส่​ข้า​”​ ​พูด​จบ​ก็​ชี้​ไป​ที่​มุม​ปาก​ด้าน​ขวา​ของ​เด็กน้อย​ ​“​ที่นี่​ ​เล็ก​ๆ​ ​เล็ก​เท่า​เมล็ดข้าว​”

​ทารก​มักจะ​พ่น​ฟองน้ำ​หรือ​นม​ออกมา​หลังจากที่​ทาน​นม​หรือ​น้ำ​เสร็จ

​สือ​อี​เหนียง​รีบ​พูด​ ​“​เขา​ทาน​อะไร​หรือยัง​เจ้า​คะ​”

​ก่อนที่​ลูก​จะ​คลอด​ ​นาง​ดู​แม่นม​เอาไว้​สอง​สาม​คน​ ​แต่​เพราะว่า​น้ำนม​แรก​ดีที​่​สุด​ ​ดังนั้น​นาง​จึง​อยาก​หา​คนที​่​คลอด​ช่วงเวลา​ใกล้เคียง​กับ​ตัวเอง​มาก​ที่สุด​ ​จึง​ยัง​ไม่ได้​ตัดสินใจ

​“​ยัง​ไม่ได้​ทาน​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​ด้วย​ท่าที​เป็นกังวล​ ​“​เขา​นอนหลับ​ตลอด​ ​แม่นม​สาม​คนที​่​หามา​ก่อนหน้านี้​ลอง​ป้อน​นม​เขา​ ​เขา​ก็​ไม่ยอม​ทาน​ ​ป้า​เถี​ยน​บอกว่า​ ​อย่า​ป้อน​นม​หรือ​น้ำ​ให้​เขา​ทาน​ตอนที่​เขา​ยัง​ไม่​หิว​ ​ข้า​จึง​คิด​ว่า​ ​บางที​เขา​อาจจะ​ไม่​ชอบ​แม่นม​คน​นี้​ ​ข้า​บอก​แล้ว​ว่า​ ​พรุ่งนี้​เช้า​จะ​เรียก​แม่นม​จาก​จวน​แม่นม​มา​ลอง​อีก​สัก​สอง​สาม​คน​”​ ​เขา​พูด​ ​“​เจ้า​นอนลง​เถิด​ ​หมอตำแย​บอกว่า​เจ้า​มี​แผล​ ​ห้าม​ขยับตัว​บ่อย​!​”

​เขา​พูด​เช่นนี้​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็​นึกถึง​พวก​บ่าว​ที่​คอย​รับใช้​ใน​เรือน​ขึ้น​มา

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ข้า​เห็น​ว่า​สาวใช้​ที่​เฝ้ายาม​ใน​เรือน​เจ้า​ล้วนแต่​นอน​ห้อง​ข้างนอก​ ​ข้า​กลัว​ว่า​พวก​นาง​จะ​ทำให้​เจ้า​ตื่น​ ​จึง​ให้​พวก​นาง​เฝ้า​อยู่​ข้างนอก​”

​สือ​อี​เหนียง​ถึง​ได้​นึกออก​ ​เมื่อ​ครู่​สวี​ลิ่ง​อี๋​เดิน​เสียง​เบา​ผิดปกติ​ ​นาง​ไม่ได้​ยิน​เสียง​อะไร​เลย​แม้แต่น้อย​

​ในขณะที่​นาง​กำลัง​ครุ่นคิด​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​เอ่ย​เรียก​ป้า​เถี​ยน​เสียง​เบา​แล้ว​พูดว่า​ ​“ฮู​หยิน​ตื่น​แล้ว​!​”​ ​จากนั้น​ก็​พูด​กับ​สือ​อี​เหนียง​ ​“​ท่าน​แม่​ ​พี่สะใภ้​สอง​และ​น้อง​สะใภ้​ห้ามา​หา​เจ้า​ ​เห็น​ว่า​เจ้า​หลับ​อยู่​จึง​ไม่ได้​ปลุก​ ​บอกว่า​พรุ่งนี้​เช้า​จะ​มา​ใหม่​ ​จุน​เกอ​และ​เจี​้ย​เกอ​ก็​มาดู​น้องชาย​แล้ว​เหมือนกัน​”​ ​พูด​จบ​เขา​ก็​หัวเราะ​ ​“​พวกเขา​ทั้งสอง​คน​ตื่นเต้น​เป็นอย่างมาก​ ​ถาม​ว่านอ​นกั​บน​้​อง​ได้​หรือไม่​”

​เมื่อ​นึกถึง​สอง​พี่น้อง​นั่น​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็​หัวเราะ​ขึ้น​มา​เบา​ๆ​ ​“​พวกเขา​สบายดี​หรือไม่​เจ้า​คะ​”

​“​สบายดี​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​ ​“​พวกเขา​ทั้งสอง​คน​ไป​เรียน​ด้วยกัน​ทุกวัน​ ​เลิกเรียน​ด้วยกัน​ ​เป่าขลุ่ย​ด้วยกัน​ ​ทำ​โคมไฟ​ด้วยกัน​…​คิดไม่ถึง​ว่า​เจี​้ย​เกอ​จะ​สนิท​กับ​จุน​เกอ​ขนาด​นี้​”​ ​พูด​พลาง​ถอนหายใจ​

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท