ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 499 ช่วงชิง(ปลาย)

ตอนที่ 499 ช่วงชิง(ปลาย)

​เดินผ่าน​ซอกซอย​มา​ ​จู่ๆ​ ​หยาง​อี๋​เหนียง​ก็​ชะงัก​ฝีเท้า

​เดิมที​คิด​ว่า​จะ​เห็น​ลาน​ที่​มี​คน​คุ้มกัน​เฝ้า​อย่าง​แน่นหนา​ ​แต่กลับ​คิดไม่ถึง​ว่า​เรือน​ปั้น​เย​่ว​์​พั่น​ที่อยู่​ภายใต้​แสงจันทร์​ ​ติด​ทะเลสาบ​และ​รั้ว​กำแพง​ ​ราวกับ​บ้าน​ของ​ชาวนา​ที่​เงียบสงบ​ก็​ไม่​ปาน

​“​หยาง​อี๋​เหนียง​ ​เชิญ​ทาง​นี้​ขอรับ​!​”​ ​บ่าว​รับใช้​ชาย​อายุ​ราว​สิบ​แปดสิบ​เก้า​ปี​เป็น​คนนำทาง​ ​ร่างกาย​สูง​เพรียว​ ​ท่ามกลาง​ความมืด​ ​สายตา​ของ​เขา​เป็นประกาย​ดู​เฉลียวฉลาด

​หยาง​อี๋​เหนียง​รีบ​สงบสติอารมณ์​ ​จากนั้น​ก็​เดินตาม​บ่าว​รับใช้​คน​นั้น​ไป​เงียบๆ

​ลม​พัดผ่าน​มา​ ​ใบไม้​ปลิว​ไสว​ ​ใน​ป่าไม้​ราวกับ​มี​เงา​ที่​เคลื่อนไหว​ไปมา​นับไม่ถ้วน​

​นาง​รีบ​ก้มหน้าก้มตา​แล้ว​เดินตาม​บ่าว​รับใช้​ชาย​เข้าไป​ใน​ห้องโถง​ของ​เรือน

​ใน​ห้องโถง​นั้น​เงียบสงัด​ ​มีโต​๊ะ​ยาว​ตั้งอยู่​ ​ผ้าม่าน​และ​โต๊ะ​ดอกไม้​ล้วน​อยู่​ใน​ความมืด​ ​มี​เพียง​โต๊ะ​สี่เหลี่ยม​ที่​มี​โคมไฟ​ส่องแสง​สว่าง​ราวกับ​ดวงจันทร์​ ​เปล่งแสง​อบอุ่น​ออกมา

​สวี​ลิ่ง​อี๋​นั่ง​อยู่​บน​เก้าอี้​ไท่​ซือ​ข้าง​โคมไฟ​ ​แสงไฟ​สว่าง​สาดส่อง​กระทบ​ใบหน้า​ของ​เขา​ ​ทำให้​หน้าตา​ที่​หล่อเหลา​นั้น​ดู​อ่อนโยน​ขึ้น​ไม่น้อย

​หยาง​อี๋​เหนียง​รู้สึก​โล่งใจ​ ​นาง​ค่อยๆ​ ​คุกเข่า​ลง​บน​พื้น

​“​ข้า​หยาง​อี๋​เหนียง​ ​คารวะ​ท่าน​โหว​เจ้าค่ะ​!​”

​หัวเข่า​ของ​นาง​รู้สึก​ถึง​ความ​เย็น​ ​แต่กลับ​ไม่รู้​สึก​ถึง​ความ​ขรุขระ​ระคาย​ผิว

พื้น​น่าจะ​ปูด​้ว​ยอิฐ​สีฟ้า​ขัดเงา​กระมัง​!

​ทันใดนั้น​นาง​ก็​นึกถึง​ครั้งแรก​ที่​เจอ​กับ​เจี​้​ยน​หนิง​โหว​

ตอนนั้น​เป็น​ยาม​เย็น​เช่นกัน​ ​นาง​คุกเข่า​อยู่​บน​อิฐ​สีน้ำ​ฟ้า​เช่นนี้​เหมือนกัน​ ​ตอนนั้น​ครอบครัว​ยากจน​ ​ใน​กระโปรง​มี​เพียง​กางเกง​ตัว​เดียว​ ​นาง​ตัวสั่น​เทา​ ​แต่กลับ​ไม่รู้​สึก​ถึง​ความ​หนาว​ ​มี​เพียง​ความรู้สึก​ที่​ตื่นเต้น​และ​ระแวดระวัง​เมื่อ​เจอ​สกุล​ใหญ่​สกุล​โต​ ​ไม่​เหมือน​ตอนนี้​ ​ถึงแม้ว่า​ข้างนอก​จะ​ใส่​กางเกง​หุ้ม​เข่า​ที่​ปัก​ลาย​ดอก​เหมย​ ​แต่​ใน​ใจ​กลับ​รู้สึก​ว่างเปล่า​ ​ไม่มี​อะไร​เลย​…

​“​ลุกขึ้น​พูด​เถิด​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​อ่อนโยน

​หยาง​อี๋​เหนียง​รู้สึก​โล่งใจ

​แต่​นาง​ไม่ได้​ยืน​ขึ้น​ตามที่​เขา​บอก​ ​กลับ​คุกเข่า​แล้ว​ก้มหน้าก้มตา​อยู่​บน​พื้น​

​“​ท่าน​โหว​เจ้า​คะ​ ​ข้า​ไม่กล้า​เจ้าค่ะ​”​ ​นาง​กลั้นหายใจ​ ​พยายาม​ทำให้​น้ำเสียง​ของ​ตัวเอง​ฟัง​ดู​ชัดเจน​และ​สบาย​หู​ ​“​ข้ามา​หา​ท่าน​อย่างไร​้​ยางอาย​เช่นนี้​ ​ข้า​…​ข้า​ไม่มีทาง​เลือก​จริงๆ​ ​เจ้าค่ะ​…​”​ ​นาง​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​มีกลิ่น​อาย​ของ​ความเสียใจ

​*****

​ฟัง​ซี​ถือ​โคมไฟ​เดิน​อยู่​ข้างหน้า​ ​แล้วยัง​เหลือบมอง​สือ​อี​เหนียง​ที่อยู่​ข้างหลัง​เป็นครั้งคราว

​ท่าที​ที่​อ่อนโยน​ของ​สือ​อี​เหนียง​ ​บวก​กับ​นิสัย​ที่​สุขุม​ของ​นาง​ ​ทำให้​นาง​ดู​สง่างาม​ท่ามกลาง​สายลม​ฤดูใบไม้ผลิ

​ฟัง​ซี​เคย​เป็นสาว​ใช้​น้อยมาก​่อน​ ​นาง​เลย​ถนัด​ถือ​โคมไฟ​มาก​ที่สุด

ทุกครั้งที่​นำทาง​ให้ฮู​หยิน​ ​ตราบใดที่​นาง​เดิน​ช้า​ลง​ ​ก็​ยัง​สามารถ​เดิน​อกผาย​ไหล่​ผึ่ง​นำทาง​อยู่​ข้างหน้า​

แต่​ครั้งนี้​…

นาง​เดิน​ช้า​ลง​ไม่ได้​ ​เดิน​เร็ว​ก็​ไม่ได้​ ​ไม่ใช่​เพราะ​ใกล้​เกินไป​ ​แต่ว่า​มัน​ไกล​เกินไป​ ​เดิน​เช่นไร​ก็​รู้สึก​อึดอัด​

​ฟัง​ซี​รู้สึก​กังวล​ ​และ​เมื่อ​นาง​หันกลับ​ไป​มอง​อีกครั้ง​ ​สายตา​ของ​นาง​ก็​หันไป​เจอ​กับ​จู๋​เซียง

​จู๋​เซียง​เห็น​นาง​มอง​มาที​่​ตัวเอง​ ​ก็​ส่ายหน้า​เบา​ๆ

ออกมา​จาก​ประตู​ ​ถึงแม้ว่า​ฝีเท้า​ของฮู​หยิน​จะ​แผ่วเบา​ราวกับ​ก้อน​เมฆ​ก็​ไม่​ปาน​ ​แต่​เมื่อ​เดิน​มาถึง​ศาลา​ ​นาง​ก็​หยุดชะงัก​แล้ว​เดิน​ช้า​ลง​ ​เมื่อ​เดิน​ขึ้น​ทางเดิน​ ​นาง​ก็​เดิน​อย่าง​แผ่วเบา​เหมือนปกติ​…​ตอนนี้​แค่​เงยหน้า​ขึ้น​ก็​เห็น​ศาลา​ชุน​เหยี​่​ยน​แล้ว​ ฮู​หยิน​ก็​เดิน​ช้า​ลง​อีกครั้ง

​จู๋​เซียง​ครุ่นคิด​ ​นาง​พูด​เบา​ๆ​ ​“ฮู​หยิน​เจ้า​คะ​ ​หาก​ท่าน​เหนื่อย​ ​เรา​ไป​พัก​ที่​ศาลา​ชุน​เหยี​่​ยน​กัน​ก่อน​ดีกว่า​เจ้าค่ะ​!​”

ไม่ได้​มา​เที่ยว​เสียหน่อย​ ​ไม่ได้​นำ​เบาะ​รอง​นั่ง​มาด​้วย​ ​แล้ว​อีก​อย่าง​ศาลา​ชุน​เหยี​่​ยน​ก็​สร้าง​อยู่​บน​เนินเขา​เล็ก​ๆ​ ​ถึงแม้ว่า​จะ​ไม่​สูง​แต่​ก็​อยู่​ไกล​ ​ในเมื่อ​เดิน​เหนื่อย​แล้ว​ ​เหตุใด​ถึง​ไม่​พักผ่อน​บน​ม้านั่ง​หิน​ข้างทาง​เดิน​ ​ทำไม​ต้อง​ไป​พัก​ไกลๆ​ ​ปีน​ขึ้นไป​ที่​ศาลา​ชุน​เหยี​่​ยน​ด้วย​เล่า

​ฟัง​ซี​หยุด​เดิน​แล้ว​หันกลับ​ไป​ ​นาง​ยิ้ม​มุม​ปาก​ ​กำลังจะ​พูด​แนะนำ​ ​ก็ได้​ยิน​น้ำเสียง​ที่​มี​ความลังเล​ของ​สือ​อี​เหนียง​ดัง​ขึ้น​มา​ ​“​ได้​เลย​!​ ​ไป​นั่ง​ที่​ศาลา​ชุน​เหยี​่​ยน​กัน​เถิด​!​”

​ใน​ความมืด​มิด​ ​สีหน้า​ของ​จู๋​เซียง​ผ่อนคลาย​ลง​

หยาง​อี๋​เหนียง​คือ​อนุภรรยา​ของ​ท่าน​โหว​ ​มีเรื่อง​อยาก​จะ​คุย​กับ​ท่าน​โหว​ ​ก็​ต้อง​ให้ท่าน​โหว​เป็น​คน​ตัดสินใจ​ว่า​จะ​เจอ​กับ​นาง​หรือไม่​ ​หากฮู​หยิน​รีบ​ตาม​ไป​เช่นนี้​ ​จะ​มีท​่า​ที​ของ​ความ​เป็น​ภรรยา​เอก​ได้​อย่างไร​ ​ถึงแม้ว่า​หยาง​อี๋​เหนียง​คน​นั้น​บรรลุเป้าหมาย​ ฮู​หยิน​ก็​อาจจะ​ถูก​มองว่า​ ​‘​ผิด​ที่​ผิดเวลา​’​ ​แต่​หาก​นาง​มีเรื่อง​สำคัญ​อยาก​จะ​คุย​กับ​ท่าน​โหว​จริงๆ​ ฮู​หยิน​ก็​จะ​กลายเป็น​ตัวตลก​ของ​จวน​!​ ​ความ​มี​เมตตา​ของฮู​หยิน​ใน​อดีต​ก็​จะ​กลายเป็น​เรื่อง​จอมปลอม​!

แต่​ประโยค​พวก​นี้​ ​นาง​พูด​ออกมา​ไม่ได้

เรื่อง​ที่​ไม่เกี่ยว​กับ​ตัวเอง​ ​กังวล​มากเกินไป​อาจจะ​เกิด​ความวุ่นวาย​ ฮู​หยิน​เป็น​คนฉลาด​ ​แต่​นาง​แค่​ใจร้อน​ไป​หน่อย​แค่นั้น​เอง​

ตน​แค่​ยื้อ​เวลา​ให้ฮู​หยิน​คิดได้​

เมื่อฮู​หยิน​คิดได้​แล้ว​ ​นาง​ก็​จะ​รู้​ว่า​ควร​ทำ​เช่นไร​!

​จู๋​เซียง​ยิ้ม​แล้ว​เอ่ย​เรียก​ ​“​ฟัง​ซี​”​ ​บอก​ให้​นาง​นำทาง​ข้างหน้า​ ​ส่วนตัว​เอง​ประคอง​สือ​อี​เหนียง​ไป​ที่​ศาลา​ชุน​เหยี​่​ยน

​*****

​“​…​ในเมื่อ​แต่ง​เข้ามา​ใน​สกุล​สวี​แล้ว​ ​ก็​คือ​คน​ของ​สกุล​สวี​เจ้าค่ะ​”​ ​หยาง​อี๋​เหนียง​เงยหน้า​ขึ้น​ ​ภายใต้​แสงไฟ​ ​หยดน้ำ​ใน​ดวงตา​ของ​นาง​ราวกับ​หยดน้ำ​ค้าง​ ​“​ตอนนี้​ ​ข้า​ไม่​ควร​สนใจ​เรื่อง​ของ​สกุล​เดิม​ ​แต่​ใน​ฐานะ​บุตรสาว​ ​รู้​ว่า​บิดา​มารดา​ของ​ตัวเอง​กำลัง​ลำบาก​ ​จะ​ให้​ไม่สน​ใจ​ได้​อย่างไร​ ​ท่าน​โหว​เจ้า​คะ​…​”​ ​นาง​คุกเข่า​แล้ว​ขยับ​ไป​ข้างหน้า​สอง​สาม​ก้าว​ ​จนกระทั่ง​ตัวเอง​อยู่​ห่าง​จาก​เท้า​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เพียง​คืบ​เดียว​ ​“​ข้า​ไร้ความสามารถ​ ​ไม่กล้า​ขอร้อง​ให้ท่าน​โหว​ให้ความสำคัญ​ ​ขอ​เพียง​ท่าน​แค่​สงสาร​ข้า​ที่​ตัว​คนเดียว​ ​เหมือน​เวลา​ท่าน​เจอ​ขอทาน​บน​ถนน​แล้ว​โยน​เศษ​เหรียญ​ให้​สอง​สาม​เหรียญ​ ​ทำให้​ขอทาน​คน​นั้น​ได้​มีชีวิต​ต่อไป​ ​ช่วย​ให้​ข้า​รอด​จาก​ความลำบาก​ครั้งนี้​ด้วย​เถิด​เจ้าค่ะ​…​”​ ​พูด​จบ​ ​นาง​ก็​ก้มหน้า​ลง​ ​น้ำตา​หยด​ลง​บน​เข่า​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​“​ท่าน​โหว​เจ้า​คะ​ ​ท่าน​โหว​…​ข้า​หวาดกลัว​ยิ่งนัก​ ​นอกจาก​ท่าน​โหว​แล้ว​ ​ข้า​ก็​ไม่มีใคร​แล้ว​เจ้าค่ะ​…​ ​“

​*****

​มอง​จาก​ศาลา​ชุน​เหยี​่​ยน​ออก​ไป​ทางเหนือ​ ​จะ​สามารถ​มองเห็น​ทะเลสาบ​ที่​ส่องแสง​ระยิบระยับ​ของ​เรือน​ปั้น​เย​่ว​์​พั่น​ ​เรือน​หลัง​เล็ก​ๆ​ ​กับ​แสงไฟ​ที่​เล็ก​ราวกับ​เมล็ด​ถั่ว​ใน​ห้องโถง​ก็​ไม่​ปาน

​ลม​ตอนกลางคืน​ของ​เดือน​สอง​พัดผ่าน​มา​ ​พลอย​ทำให้​รู้สึก​เย็น​เล็กน้อย

ทั้งๆ​ ​ที่​รู้​ว่า​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไม่มีทาง​ทำ​เรื่อง​อะไร​เหลวไหล​ตอนนี้​ ​ทั้งๆ​ ​ที่​รู้​ว่า​ตัวเอง​ควรจะ​ทำเป็น​ไม่สน​ใจ​เหมือน​เมื่อก่อน​ ​แต่​เหตุใด​ถึง​รู้สึก​หงุดหงิด​ใน​ใจ​ ​เหตุใด​ถึง​วิ่ง​มาที​่​ศาลา​ชุน​เหยี​่​ยน​โดยที่​ไม่​คิด​อะไร​เช่นนี้​!

​สือ​อี​เหนียง​ยก​แขน​ขึ้น​กอด​หน้าอก​แล้ว​ยืน​อยู่​ที่นั่น​เงียบๆ​ ​มองดู​เรือน​ปั้น​เย​่ว​์​พั่น​อย่างเงียบเชียบ

ปัญหา​บางอย่าง​ ​จะ​มองข้าม​ไม่ได้

ยืนหยัด​หรือว่า​ประนีประนอม​…​ต้อง​เลือก​อย่างใดอย่างหนึ่ง​เท่านั้น​!

​คิด​เช่นนี้​ ​นาง​ก็​รู้สึก​เจ็บปวด​ใน​ใจ

หาก​คนที​่​สวี​ลิ่ง​อี๋​เจอ​ไม่ใช่​ตน​ ​ชีวิต​ของ​เขา​อาจจะ​เรียบง่าย​มากกว่า​นี้​กระมัง​!

​*****

​มีเสียง​ไฟ​ประทุ​ดัง​ขึ้น​เบา​ๆ​ ​ท่ามกลาง​เสียง​ร่ำไห้​

​สวี​ลิ่ง​อี๋​นั่ง​เงียบ​อยู่​ตรงนั้น​ ​ไม่​ขยับตัว​เลย​แม้แต่น้อย

​เขา​พูด​ขึ้น​ ​“​ข้า​ได้ยิน​คน​บอกว่า​ ​สกุล​หยาง​ของ​เจ้า​เป็น​ครอบครัว​ใหญ่​ใน​ชนบท​ ​เหตุใด​บิดา​ของ​เจ้า​อับอายขายหน้า​เช่นนี้​แต่​ไม่มีใคร​ออกหน้า​ยื่นมือ​ช่วยเหลือ​สัก​คน​!​”

​หยาง​อี๋​เหนียง​ได้​ฟัง​ก็​สะดุ้ง​ตกใจ

สวี​ลิ่ง​อี๋​กำลัง​บอกว่า​ท่าน​พ่อ​ของ​ตน​ประพฤติ​ตัว​ไม่ดี​ ​ดังนั้น​จึง​ถูก​สกุล​ทอดทิ้ง

​นาง​ไม่กล้า​ชักช้า​ ​จึง​พูดเสี​ยง​เบา​ว่า​ ​“​บุตร​จะ​ตำหนิ​ความผิดพลาด​ของ​บิดา​มารดา​ไม่ได้​เจ้าค่ะ​ ​ข้า​เอง​ก็​ไม่สบายใจ​”​ ​นาง​เหลือบมอง​สวี​ลิ่ง​อี๋​อย่างรวดเร็ว

นาง​ไม่ได้​หลบหน้า​ ​แล้วก็​ไม่ได้​ปฏิเสธ​ ​แค่​บอกว่า​ตัวเอง​ทำ​อะไร​ไม่ได้

ช่าง​ฉลาด​เสีย​จริง​!

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ยก​ยิ้ม​มุม​ปาก​เล็กน้อย

หลังจาก​พยายาม​มา​หลายครั้ง​ ​ในที่สุด​ก็​หาวิ​ธี​จน​เจอ

​สายตา​ของ​หยาง​อี๋​เหนียง​พลัน​เป็นประกาย​ ​นาง​เข้าใจ​แล้ว​ว่า​เหตุใด​สวี​ลิ่ง​อี๋​ถึง​ชอบ​สือ​อี​เหนียง

​“​ท่าน​โหว​เจ้า​คะ​!​”​ ​นาง​เลียนแบบ​ท่าที​ของ​สือ​อี​เหนียง​ ​พยายาม​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​นิ่ง​สงบ​ที่สุด​ ​“​ข้า​รู้​ว่า​เรื่อง​นี้​ไม่​สมเหตุสมผล​ ​แต่​ข้า​ขอร้อง​ให้ท่าน​โหว​ช่วย​ข้า​ ​หลังจากนี้​ ​ข้า​จะ​รักใคร่​ปรองดอง​กับ​คนใน​จวน​ ​และ​ช่วยเหลือ​ผู้​ที่​อ่อนแอ​กว่า​เจ้าค่ะ​…​”​ ​นาง​วางมือ​ลง​บน​เข่า​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เบา​ๆ​ ​ความชื้น​บน​เสื้อคลุม​ทำให้​หยาง​อี๋​เหนียง​รู้สึก​อุ่นใจ​ ​นาง​จับจ้อง​ไป​ยัง​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​ความคาดหวัง​ใน​ใจ​ของ​นาง​ราวกับ​ไฟ​ที่​กำลัง​ลุกโชน​ ​ทำให้​สายตา​ของ​นาง​เป็นประกาย​ ​“​…​ข้า​จะ​ไม่มีทาง​แอบอ้าง​ชื่อเสียง​ของ​จวน​หย่ง​ผิง​โหว​ทำ​เรื่อง​อัน​ใด​ที่​เลวร้าย​…​”​ ​ยัง​พูด​ไม่ทัน​จบ​ ​เสียง​ของ​หยาง​อี๋​เหนียง​ก็​ค่อยๆ​ ​เบา​ลง

​รอยยิ้ม​จางๆ​ ​ตรง​มุม​ปากของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​กลายเป็น​รอยยิ้ม​ที่​เยาะเย้ย​และ​ดูถูก​เหยียดหยาม

ผิดพลาด​ที่ใด​กัน

​ราวกับ​เลือด​สูบฉีด​ไป​ทั่ว​ร่างกาย​ ​เม็ด​เหงื่อ​ผุด​ขึ้น​มาตรง​ปลายจมูก

​นาง​พลัน​หัวหมุน​อย่างรวดเร็ว​ ​แต่กลับ​ไม่กล้า​หยุด​พูด​ ​เพราะ​กลัว​ว่า​บรรยากาศ​จะ​เงียบ​และ​ไม่มีทาง​หนี​ที​ไล่

​“​ข้า​จะ​บอก​ท่าน​พ่อ​ให้​ชัดเจน​เจ้าค่ะ​ ​หลังจาก​เรื่อง​นี้​ ​ข้า​คิด​ว่า​ท่าน​พ่อ​ก็​คงจะ​รู้ความ​มากขึ้น​ ​คงจะ​ทำ​อะไร​รอบคอบ​มากขึ้น​…​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​คือ​คนที​่​เคย​ปีน​ออกมา​จาก​กอง​ซากศพ​ของ​คนตาย​ ​เขา​จึง​ให้ความสำคัญ​กับ​คนที​่​ดิ้นรน​เพื่อ​เอาชีวิต​รอด​ทุกคน​ ​มองดู​นาง​เสแสร้ง​แกล้งทำ​ต่อหน้า​ตัวเอง​ซ้ำแล้วซ้ำเล่า​ ​ถึงแม้ว่า​จะ​รู้สึก​ขบขัน​ ​แต่​นี่​คือ​นิสัย​ที่แท้​จริง​ของ​นาง​

เดิมที​คิด​ว่า​จะ​ปล่อย​นาง​ไป

แต่​คิดไม่ถึง​ว่า​บิดา​ของ​นาง​กำลัง​ลำบาก​ ​แต่​นาง​ไม่​คิด​ว่า​จะ​ช่วยเหลือ​คนใน​ครอบครัว​เช่นไร​ ​กลับ​คิด​ว่า​จะ​ใช้​โอกาส​นี้​ทำ​เพื่อ​ตัวเอง​เช่นไร​

​เขามอ​งดู​มือ​ที่​วาง​อยู่​ตรง​เข่า​ของ​ตัวเอง

​ทันใดนั้น​หยาง​อี๋​เหนียง​ก็​รู้สึก​ว่า​มือ​ของ​ตัวเอง​ร้อนผ่าว​ราวกับ​ถูก​ไฟ​แผดเผา​ก็​ไม่​ปาน

​นาง​เข้าใจ​ทันที

หาก​ตัวเอง​เป็นห่วง​คนใน​ครอบครัว​จริงๆ​ ​ตอนนี้​เวลานี้​ ​จะ​ใช้​วิธี​เจ้าเล่ห์​เช่นนี้​ได้​อย่างไร

​นาง​ดึง​มือ​กลับมา​อย่างรวดเร็ว​ ​ใน​ใจ​พลัน​รู้สึก​เสียใจ​

​“​ท่าน​โหว​เจ้า​คะ​…​”​ ​สายตา​ของ​นาง​มี​ความ​ตื่นตระหนก​ ​น้ำเสียง​ก็​ไม่​ฉะฉาน​เช่น​เดิม​แล้ว​ ​“​ท่าน​เป็น​คน​มี​เมตตา​และ​ใจกว้าง​…​หาก​ท่าน​พ่อ​รู้​ ​เขา​จะ​ต้อง​ซาบซึ้ง​ใน​ความดี​ของ​ท่าน​อย่างแน่นอน​…​ ​“

​มีเสียง​ฝีเท้า​ของ​คน​เดิน​เข้ามา​เงียบๆ

​นาง​ไม่กล้า​หันหน้า​ไป​มอง​ ​แต่กลับ​เหลือบตา​มอง​ ​ก็​เห็น​รองเท้า​สีน้ำตาล​คู่​หนึ่ง​มา​หยุด​อยู่​ตรง​ข้างๆ

​คนที​่​มา​ไม่สน​ใจ​ว่านา​งกำ​ลัง​พูด​อะไร​ ​เอ่ย​เรียก​ ​“​ท่าน​โหว​”​ ​ด้วย​ความเคารพ​ ​จากนั้น​ก็​ไป​กระซิบกระซาบ​ข้าง​หู​สวี​ลิ่ง​อี๋

​หยาง​อี๋​เหนียง​ถอนหายใจ​ด้วย​ความ​โล่งอก

โชคดี​ที่​มี​คน​เข้ามา​ ​ไม่เช่นนั้น​ ​ตน​ไม่รู้​ว่า​จะ​พูด​อะไร​ต่อไป​จริงๆ

​ความคิด​นี้​ผุด​ขึ้น​มา​ ​นาง​ก็​รีบ​มองดู​คนที​่​เดิน​เข้ามา

​เขา​คือ​บ่าว​รับใช้​ชาย​ที่​นำทาง​นาง​เข้ามา​ที่นี่

​ถึงแม้​จะ​อยู่​ห่าง​กัน​ไม่​ไกล​ ​แต่กลับ​ไม่ได้​ยิน​ว่า​พวกเขา​พูด​อะไร​กัน​ ​ได้ยิน​เพียง​ ​“​ศาลา​ชุน​เหยี​่​ยน​”

​นาง​เห็น​สายตา​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​อบอุ่น​ขึ้น​มารา​วกับ​โคมไฟ​ที่อยู่​ข้าง​โต๊ะ

​“​รู้​แล้ว​!​”​ ​เขา​พูด​เบา​ๆ​ ​“​พวก​เจ้า​คอย​ดู​เอาไว้​ ​กลาง​ค่ำ​กลางคืน​ ​อย่า​ให้​หกล้ม​ไป​ ​หาก​เข้ามา​พวก​เจ้า​ก็​ไม่ต้อง​ห้าม​!​”​ ​เขา​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​เรียบ​เฉย​ ​แต่กลับ​แฝง​เอาไว้​ด้วย​ความปิติ

​*****

​ฟัง​ซี​และ​จู๋​เซียง​ยืน​อยู่​กับ​สือ​อี​เหนียง​อย่าง​เงียบเสียง​ ​เมื่อ​เวลา​ผ่าน​ไป​ ​พวก​นาง​ก็​รู้สึก​ว่า​มือ​และ​เท้า​เริ่ม​เย็น​ ​อด​ไม่ได้​ที่จะ​ขยับ​เท้า​เบา​ๆ​

​ราวกับ​รู้สึก​ถึง​การเคลื่อนไหว​ของ​พวก​นาง​ ​สือ​อี​เหนียง​ถอนหายใจ​แล้ว​หันกลับ​มา​พูดว่า​ ​“​เรา​กลับกัน​เถิด​!​”

​“​กลับ​หรือ​เจ้า​คะ​!​”​ ​ฟัง​ซี​มอง​ไป​ที่​สือ​อี​เหนียง​ด้วย​ความตกใจ

จะ​ปล่อย​ให้​หยาง​อี๋​เหนียง​อยู่​ที่​เรือน​ปั้น​เย​่ว​์​พั่น​แบบนี้​?

หาก​อี๋​เหนียง​คนอื่น​รู้​แล้ว​เอา​เป็น​แบบอย่าง​จะ​ทำ​เช่นไร

แต่ว่า​ที่นี่​ยัง​มี​จู๋​เซียง​ ​หาก​จะ​เอ่ย​เตือนฮู​หยิน​ ​ก็​ไม่ใช่​หน้าที่​ของ​ตน

​นาง​รีบ​ขยิบตา​ให้​จู๋​เซียง

​แต่​ใคร​จะ​รู้​ว่า​จู๋​เซียง​กลับ​ยิ้ม​แล้ว​ประคอง​สือ​อี​เหนียง​ ​“ฮู​หยิน​เจ้า​คะ​ ​ตอนกลางคืน​มี​หมอก​ ​ระวัง​ลื่น​เจ้าค่ะ​”​ ​ไม่ได้​พูด​คัดค้าน​อะไร​สัก​อย่าง

​ฟัง​ซี​ไม่มีทาง​เลือก​ ​นาง​จึง​ทำ​หน้าบึ้ง​แล้ว​เดิน​นำ​ไป​ข้างหน้า​ ​คอย​ส่อง​ทาง​ให้​พวก​นาง

​*****

​หลังจาก​บ่าว​รับใช้​เดิน​ออก​ไป​ ​บรรยากาศ​ใน​ห้อง​ก็​กลับมา​เงียบสงัด​อีกครั้ง

​หยาง​อี๋​เหนียง​คุกเข่า​อยู่​ต่อหน้า​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​แต่​วางมือ​ทั้งสอง​ข้าง​ไว้​บน​เข่า​ของ​ตัวเอง​ ​นั่ง​หลัง​เหยียด​ตรง​ ​ก้มหน้าก้มตา​ ​ทำให้​นาง​ดู​สง่างาม​และ​อ่อนช้อย

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท