ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 509 อยู่จวน (ต้น)

ตอนที่ 509 อยู่จวน (ต้น)

ความสนใจ​ของ​สือ​อี​เหนียง​ถูก​เบี่ยงเบน​ไป​ ​นาง​เงยหน้า​จ้องมอง​เพดาน​ ​จากนั้น​ก็​ถอนหายใจ​ออกมา​เฮือก​ใหญ่​ ​“​ดังนั้น​ตระกูล​ที่​มีบุ​ตร​สาวก​็​อย่า​ส่ง​เข้า​วัง​ดีกว่า​!​”​ ​สีหน้า​ของ​นาง​เต็มไปด้วย​ความ​กลัดกลุ้ม​ใจ

การ​ที่​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​เรื่อง​นี้​กับ​นาง​ ​เขา​ไม่ได้​ต้องการ​ทำให้​นาง​รู้สึก​เศร้าใจ

ตน​กลัว​หาก​สือ​อี​เหนียง​ยัง​พัวพัน​กับ​เรื่อง​นี้​ต่อไป​จน​ลืม​ป้องกันตัว​เอง​ ​ถึง​เวลา​นั้น​ก็​จะ​พลอย​โดน​ราก​แห​ไป​ด้วย​…

เมื่อ​ความคิด​แล่น​ผ่าน​เข้ามา​ใน​หัว​ ​เขา​ก็​วางมือ​ลง​บน​ท้อง​ของ​นาง​อย่างเบามือ

“​ไท่​จื่อ​พึ่งมี​พระราช​โองการ​มอบ​บรรดาศักดิ์​ให้​กับ​เหล่า​ขุนนาง​”​ ​เขา​เปลี่ยน​อากัปกิริยา​ใน​การคุย​กับ​นาง​ ​จากนั้น​ก็​วาง​คาง​ลง​บน​ศีรษะ​ของ​สือ​อี​เหนียง​ ​โอบกอด​นาง​ด้วย​ความ​สนิทสนม​ ​พูด​ขึ้นเสียง​เบา​ว่า​ ​“​ต่อ​พระพักตร์​ฝ่า​บาท​และ​ฮองเฮา​ ​จะ​ต้อง​กตัญญู​และ​ดูแลเอาใจใส่​ ​กับ​พี่น้อง​จะ​ต้องใจ​กว้าง​และ​อ่อนโยน​ ​อดทน​และ​รู้จัก​เสียสละ​ ​ต่อหน้า​อาจารย์ผู้สอน​ที่มา​กค​วาม​รู้​จะ​ต้อง​เฉลียวฉลาด​และ​มี​วิสัยทัศน์​ที่​ดี​ ​ต่อหน้า​เหล่า​ขุนนาง​และ​ประชา​ราษฎร​จะ​ต้อง​สุขุม​ ​หนักแน่น​และ​รอบคอบ​…​สิ่ง​ที่จะ​ต้อง​ทำ​มีมาก​มาย​ก่ายกอง​ ​จะ​เอา​เวลา​ไหน​มานึก​ถึง​เรื่อง​รับ​สนม​เข้ามา​ใหม่​ ​อีก​สอง​วัน​ก็​จะ​ถึง​พิธี​สรง​สาม​ของ​องค์​หญิง​แล้ว​ ​ตอนที่​เจ้า​ได้​เข้าเฝ้า​ฮองเฮา​ ​ก็​อย่า​ลืม​ทูล​นาง​ด้วย​ ​ถึงแม้ว่า​จะ​ไม่​ค่อย​เต็มใจ​เท่าไร​นัก​ ​แต่​ก็​ไม่​ควร​รับ​สนม​ให้​กับ​ไท่​จื่อ​โดย​ขาด​ซึ่ง​การไตร่ตรอง​และ​ความ​รอบคอบ​ ​อย่างน้อย​ๆ​ ​ควร​ให้​เวลา​กับ​ฟัง​เจี่ย​เอ๋อร​์​สัก​ระยะ​หนึ่ง​ ​หาก​สกุล​โจว​รู้เรื่อง​นี้​เข้า​ก็​จะ​ทราบ​ซึ้ง​ใน​ความเมตตา​กรุณา​ ​หลังจากนั้น​หากว่า​ไม่ได้​จริงๆ​ ​ค่อย​มาป​รึก​ษา​หารือ​เรื่อง​การ​รับ​สนม​อีกที​ก็​ยัง​ไม่​สาย​ ​วอน​ฮองเฮา​ช่วย​ตรัส​เรื่อง​นี้​ต่อ​พระพักตร์​ฝ่า​บาท​ให้​มาก​ๆ​ ​จึง​จะ​ถูก​”

ชาย​หญิง​แบ่งแยก​ชัดเจน​ ​ถึงแม้ว่า​จะ​เป็น​น้องชาย​โดย​สายเลือด​ ​แต่​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​ไม่​สะดวก​ที่จะ​ไป​เข้าเฝ้า​ฮองเฮา​บ่อยครั้ง​ได้​ตามอำเภอใจ​อยู่ดี​ ​นับประสา​อะไร​กับ​คน​หนึ่ง​ที่​เป็น​ขุนนาง​ใน​ราชสำนัก​ ​ส่วน​อีก​คน​เป็น​สตรี​ของ​ฝ่า​บาท​ ​ย่อม​ต้อง​หลีกเลี่ยง​เข้าไป​ใหญ่​ ​หาก​มีธุระ​อะไร​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็​มักจะ​ไป​เข้าเฝ้า​ใน​ฐานะ​ภรรยา​ของ​ขุนนาง​ ​เพื่อ​ฝาก​คำพูด​ให้​กับ​ฮองเฮา​ ​จึง​จะ​เป็นการ​เข้าเฝ้า​ที่​ไม่​สะดุดตา​ผู้อื่น​จน​เกินไป

สือ​อี​เหนียง​เข้าใจ​ได้​เป็น​อย่างดี​ ​นาง​ค่อยๆ​ ​หนุน​แขน​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​“​ท่าน​โหว​วางใจ​เถิด​ ​ข้า​จะ​ต้อง​ทูล​สิ่ง​ที่​ท่าน​โหว​ฝากฝัง​กับ​ฮองเฮา​อย่างแน่นอน​เจ้าค่ะ​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ตอบกลับ​เสียง​เบา​ ​“​อืม​”​ ​จากนั้น​เขา​ก็ได้​หาว​ออกมา​หนึ่ง​ครั้ง​ ​“​รีบ​นอน​เถิด​!​ ​พรุ่งนี้​เจ้า​จะ​ต้อง​ไป​ปรึกษาหารือ​เรื่อง​เข้า​วัง​กับ​ท่าน​แม่​อีก​”​ ​น้ำเสียง​ของ​เขา​ค่อนข้าง​อู้อี้​ ​เห็นได้ชัด​ว่า​เขา​กำลัง​เหนื่อยล้า​และ​ง่วงนอน​เป็นอย่างมาก

สือ​อี​เหนียง​ขานรับ​เสียง​เบา​ ​จากนั้น​ก็​ค่อยๆ​ ​หลับตา​ลง​ ​เตรียมตัว​นอนหลับ​ ​แต่​ดูเหมือนว่า​สวี​ลิ่ง​อี๋​จะ​นึก​อะไร​ขึ้น​มา​ได้​ ​จึง​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ถ้าหากว่า​ใน​วัง​มี​รับสั่ง​ให้​พา​จิ​่น​เกอ​เข้าเฝ้า​ ​เจ้า​ก็​หาเหตุ​ผล​ปฏิเสธ​ไป​ ​เพราะ​เข้า​วัง​ไป​แล้ว​ ​เจ้า​ไม่​สามารถ​ดูแล​จิ​่น​เกอ​ไว้​ข้าง​กาย​ ​หาก​ไป​ล้ม​หรือ​ไป​ชน​อะไร​เข้า​จะ​แย่​เอา​ได้​!​”

เพราะ​เป็นห่วง​ว่า​บุตรชาย​จะ​ถูก​ผู้อื่น​ดูหมิ่นดูแคลน​มากกว่า​กระมัง​!

สือ​อี​เหนียง​โอบ​เอว​ของ​เขา​ไว้​ ​แนบ​หน้า​กับ​แผ่น​อก​ของ​เขา​พร้อมกับ​ขานรับ​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​ไพเราะ​ ​“​เจ้าค่ะ​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​จึง​ค่อยๆ​ ​ลูบ​ผม​ของ​สือ​อี​เหนียง​อย่างเบามือ​ ​และ​หลับ​ไป​ในที่สุด

สือ​อี​เหนียง​เงยหน้า​ขึ้น​มา​ ​มองเห็น​แค่​คาง​ของ​เขา​เท่านั้น

สัน​กราม​ที่​คม​ได้รูป​ ​กำลัง​เม้มปาก​แน่น​ ​ดู​สุขุม​และสง่า​งาม​อย่าง​บอก​ไม่​ถูก

สือ​อี​เหนียง​หุบ​ยิ้ม​ลง​ ​จากนั้น​ก็​ค่อยๆ​ ​ขยับตัว​เข้าใกล้​พร้อมกับ​ประทับ​จูบ​อย่าง​แผ่วเบา​…

*****

เพราะ​เป็น​แม่​คน​จึง​กลายเป็น​คนที​่​แข็งแกร่ง​และ​ไม่ยอม​แพ้​ง่ายๆ​ ​หรือ​เพราะ​สือ​อี​เหนียง​ไปมาหาสู่​กับ​ฮองเฮา​น้อย​เกินไป​ ​จึง​ไม่รู้​นิสัยใจคอ​ของ​ฮองเฮา​อย่างถ่องแท้​ ​ตอน​พิธี​สรง​สาม​ ​หลังจากที่​สือ​อี​เหนียง​ถวายบังคม​ฮองเฮา​เสร็จ​เรียบร้อย​แล้ว​ ​พึ่ง​พูดถึงจ​วิน​จู่​เพียง​ไม่​กี่​ประโยค​ ​“จ​วิน​จู่​งดงาม​ยิ่งนัก​ ​หน้าตา​เหมือน​องค์​หญิง​ใหญ่​ราวกับ​พิมพ์​เดียวกัน​อย่างไร​อย่างนั้น​”​ ​ฮองเฮา​ก็​ทรง​กวักมือ​เรียก​นาง​เข้าไป​หา​ใกล้​ๆ​ ​กุมมือ​ของ​สือ​อี​เหนียง​เอาไว้​ ​พลาง​ไถ่ถาม​ถึง​จิ​่น​เกอ​เสียง​เบา​ว่า​ ​“​…​ฟัน​งอก​แล้ว​หรือยัง​ ​ตอนนี้​คงจะ​กำลัง​ฝึก​นั่ง​ใช่​หรือไม่​ ​น้ำหนัก​เท่าไร​หรือ​ ​ตอนนี้​สูง​แค่ไหน​แล้ว​”

สือ​อี​เหนียง​ค่อยๆ​ ​ไล่​ตอบ​ทีละ​คำถาม

จากนั้น​ก็ได้​ยิน​ฮองเฮา​ทรง​ตรัส​ขึ้น​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​แผ่วเบา​ว่า​ ​“​เจ้า​ไป​บอก​กับ​โจวฮู​หยิน​ ​ว่า​สิ่ง​ไหน​ที่​ควร​ทำ​ก็​ให้​ทำ​ไป​ ​ไม่ต้อง​เป็นห่วง​เรื่อง​อื่น​ ​ส่วน​เรื่อง​ใน​วัง​ ​ยัง​มี​ข้า​อยู่​ทั้งคน​!​”

สือ​อี​เหนียง​พยักหน้า​รับรู้​เบา​ๆ​ ​แล้ว​พูด​เรื่อง​ของ​จิ​่น​เกอ​ต่อไป​เรื่อยๆ​ ​ทำ​เหมือนว่า​ไม่ได้​ยิน​สิ่ง​ที่​ฮองเฮา​ตรัส​เมื่อครู่นี้​อย่างไร​อย่างนั้น

เมื่อ​ฮองเฮา​เห็น​แล้วก็​ทรง​เผย​รอยยิ้ม​ที่​พึงพอใจ​ขึ้น​มา

สือ​อี​เหนียง​ตัดสินใจ​จะ​นำ​คำพูด​และ​ทุก​การกระทำ​ของ​ฮองเฮา​ไป​เล่า​ให้​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ฟัง​ทุกอย่าง​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​จะ​ได้​ไม่ต้อง​เอาแต่​รู้สึก​ว่า​ฮองเฮา​นั้น​เป็น​เพียง​สตรีที​่​อ่อนต่อโลก​ไม่ทัน​คน

ขณะที่​กำลัง​ครุ่นคิด​อยู่​นั้น​ ​ก็​เห็น​องค์​หญิง​ใหญ่​กำลัง​เดิน​เข้ามา​พร้อมกับ​เหล่า​บรรดา​นางกำนัล​และ​ขันที​เน่ย​ซื่อ​ที่​ตามหลัง​มา​เป็น​ขบวน

เมื่อ​เห็น​สือ​อี​เหนียง​ที่​กำลัง​พูดคุย​อยู่​ด้านหลัง​ของ​มารดา​ ​ก็​รีบ​วิ่ง​เข้าไป​หา​ทันที​ ​นาง​ดึง​แขน​เสื้อ​ของ​สือ​อี​เหนียง​เบา​ๆ​ ​“​หย่ง​ผิง​โหวฮู​หยิน​ ​หย่ง​ผิง​โหวฮู​หยิน​ ​เหตุใด​ท่าน​ถึง​ไม่​พา​จิ​่น​เกอ​มาด​้วย​เล่า​”

ข้างๆ​ ​องค์​หญิง​ใหญ่​มีพ​ระ​นม​ที่​คอย​เตือน​เสียง​เบา​ว่า​ ​“​องค์​หญิง​ใหญ่​ ​รอ​ให้​หย่ง​ผิง​โหวฮู​หยิน​ทำความเคารพ​ท่าน​เสร็จ​แล้ว​ ​จึง​จะ​สามารถ​ตรัส​ได้​นะ​เพ​คะ​”

องค์​หญิง​ใหญ่​ไม่ได้​สนใจ​พระนม​แม้แต่​นิดเดียว​ ​นาง​หันไป​พูด​กับ​สือ​อี​เหนียง​แทน​ ​“​จิ​่น​เกอ​เป็น​คนที​่​ตลก​ที่สุด​!​ ​ครั้ง​ที่แล้ว​ตอนที่​เสด็จ​พ่อ​กำลัง​อุ้ม​เขา​ ​ข้า​ใช้​นิ้ว​จิ้ม​ไป​ที่​แก้ม​ของ​เขา​ ​แต่​เขา​กลับ​เอียง​หน้า​หลบ​ ​แล้ว​ดูด​นิ้ว​ของ​ข้า​แทน​!​”​ ​องค์​หญิง​ใหญ่​พูด​ขึ้น​พลาง​ยื่น​นิ้วมือ​ให้​สือ​อี​เหนียง​ดู

นิ้วมือ​ของ​องค์​หญิง​ใหญ่​ขาว​เนียน​ละเอียด​ ​เล็บ​ถูก​ตัด​อย่างเป็นระเบียบ​เรียบร้อย​ ​เล็บมือ​เล็ก​ๆ​ ​สะท้อน​เงา​สีชมพู​อ่อน​ๆ​

มิน่าเล่า​ ​ตอนที่​สวี​ลิ่ง​อี๋​กลับ​ไป​สีหน้า​จึง​ไม่​ค่อย​ดี​เท่าไร​นัก​…​ใคร​จะ​ไป​นึก​ว่า​จิ​่น​เกอ​จะ​เจอ​เรื่อง​อะไร​เข้า

เมื่อ​นึกถึง​ตรงนี้​ ​ถึงแม้ว่า​ตอนนี้​สือ​อี​เหนียง​จะ​กำลัง​ยิ้มอยู่​ ​แต่​ใน​ใจ​กลับ​รู้สึก​ไม่สบายใจ​เป็นอย่างมาก​ ​รู้สึก​ว่าที่​การ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไม่​อยาก​ให้​สือ​อี​เหนียง​พาบุ​ตร​ชาย​เข้า​วัง​นั้น​เป็นการ​ตัดสินใจ​ที่​ถูกต้อง​ที่สุด​แล้ว

เวลานี้​เอง​ ​ฮองเฮา​ที่​ใน​สายตา​มี​แต่​องค์​หญิง​ใหญ่​ ​จึง​ไม่ได้​สังเกต​สือ​อี​เหนียง​เลย​แม้แต่​นิดเดียว​ ​และ​ก็​ไม่ได้​ตำหนิ​ติติง​องค์​หญิง​ใหญ่​ที่​เสียมารยาท​แต่อย่างใด​ ​แต่กลับ​ทรง​ยิ้ม​พร้อมกับ​ตรัส​ขึ้น​ว่า​ ​“ฝู​หรง​ ​เจ้า​ชอบ​ ​จิ​่น​เกอ​มาก​หรือ​”

องค์​หญิง​ใหญ่​รีบ​พยักหน้า​ทันควัน​ ​“​เขา​รูปงาม​ที่สุด​!​ ​ไม่​เหมือน​น้อง​แปด​ ​แตะ​นิดเดียว​ก็​เอาแต่​ร้องไห้​เสียงดัง​!​”

หลาย​วันก่อน​ ​ซ่ง​เหม่ย​เห​ริน​พึ่ง​จะ​ให้กำเนิด​องค์​ชาย​แปด​ไป

คน​ทั้ง​พระตำหนัก​ก็​พากัน​หัวเราะ​ออกมา​พร้อม​ๆ​ ​กัน​ ​แม้แต่​นางกำนัล​และ​ขันที​เน่ย​ซื่อ​ก็​อด​ไม่ได้​ที่จะ​หัวเราะ​เสียง​เบา

องค์​หญิง​ใหญ่​รู้สึก​ว่า​ทุกคน​กำลัง​หัวเราะเยาะ​นาง​ ​ก็​เลย​รู้สึก​โมโห​เดือดดาล​ขึ้น​มาทัน​ที​ ​ตะโกน​เสียงดัง​ว่า​ ​“​ข้า​พูด​เรื่องจริง​นะ​ ​จิ​่น​เกอ​รูปงาม​ที่สุด​แล้ว​!​ ​เขา​เป็น​คนที​่​รูปงาม​ที่สุด​เท่าที่​ข้า​เคย​พบ​เจอ​มา​!​”

ใบหน้า​ของ​พระนม​ที่​คอย​อบรม​สอนสั่ง​ก็​แดงก่ำ​ขึ้น​มาทัน​ที​ ​รู้สึก​อาย​จน​อยาก​จะ​มุด​ดิน​หนี​ให้​รู้แล้วรู้รอด​ ​รีบ​คำนับ​ลง​กับ​พื้น​ ​ศีรษะ​เต็มไปด้วย​เม็ด​เหงื่อ

ฮองเฮา​เห็น​ว่า​องค์​หญิง​ใหญ่​เริ่ม​โมโห​ ​จึง​ยิ้ม​พร้อมกับ​อุ้ม​องค์​หญิง​ใหญ่​ขึ้น​มา​ ​“​พอแล้ว​ ​พอแล้ว​ ​พวกเรา​ไม่มี​เจตนา​จะ​ล้อ​เจ้า​เล่น​เสียหน่อย​ ​เพียงแต่ว่า​เจ้า​อายุ​ยังน้อย​แต่​รู้​ว่า​อะไร​งาม​อะไร​ไม่​งาม​ ​จึง​รู้สึก​ว่า​หา​ได้​ยาก​ยิ่ง​ก็​เท่านั้น​”

ทุกคน​ได้ยิน​แล้วก็​พากั​นพูด​ไป​ต่างๆ​ ​นานา​ ​“​องค์​หญิง​ใหญ่​ ​คนที​่​เคย​เห็น​หน้า​ค่า​ตาขอ​งคุณ​ชายน้อย​หก​ต่าง​ก็​พูด​เป็น​เสียง​เดียวกัน​ว่า​รูปงาม​เป็นอย่างมาก​ ​หม่อมฉัน​ไม่ได้​ล้อ​ท่าน​เล่น​เลย​ ​แต่​เพราะ​รู้สึก​ว่า​ท่าน​เฉลียวฉลาด​มาก​จริงๆ​ ​เพ​คะ​!​”

สีหน้า​ของ​องค์​หญิง​ใหญ่​อึ้ง​ไป​เล็กน้อย

“​นี่​ก็​คือ​บุพเพสันนิวาส​!​”​ ​จู่ๆ​ ​ก็​มี​คน​หัวเราะ​ออกมา​เบา​ๆ​ ​แล้วจึง​พูด​ขึ้น​ต่อไป​ว่า​ ​“​ใน​วัง​มี​เด็ก​ที่​ดีมาก​มาย​ ​ไม่ว่า​จะ​เป็น​องค์​ชาย​สาม​ ​องค์​ชาย​สี่​ ​องค์​ชาย​หก​ ​และ​พระ​สหาย​ ​ก็​ไม่เห็น​ว่า​องค์​หญิง​ใหญ่​จะ​ถูก​พระทัย​คน​ไหน​ ​หม่อมฉัน​ว่า​สู้​ให้​ฮองเฮา​และ​หย่ง​ผิง​โหว​เกี่ยวดอง​กัน​เพื่อที่จะ​ได้​แน่นแฟ้น​ยิ่งขึ้น​ ​ให้​คุณชาย​น้อย​หก​คู่​กับ​องค์​หญิง​ใหญ่​ดีกว่า​กระมัง​เจ้า​คะ​!​”

ทุกคน​ต่าง​ก็​หยุด​พูด​พร้อมกับ​หันหน้า​ไป​มอง​ด้วย​ความประหลาดใจ

คนที​่​พูด​อยู่​คือ​องค์​หญิง​อาน​เฉิง​ ​แม่ยาย​ของ​หลี​่​จี้

สือ​อี​เหนียง​รู้สึก​ฉุนเฉียว​เป็นอย่างมาก

องค์​หญิง​อาน​เฉิง​ผู้​นี้​ ​เหตุใด​ถึง​พูดจา​ไม่​ดูกาล​เทศะ​เลย​ ​ไม่ต้อง​พูดถึง​เรื่อง​ที่​ทั้งสอง​เป็น​ลูกพี่ลูกน้อง​กัน​ ​มี​แค่​ตระกูล​ที่​ยากจน​เท่านั้น​ที่จะ​ให้​บุตร​หมั้น​กันตั​้ง​แต่​เด็ก​ ​ต้อง​รู้​ว่า​อัตรา​การ​รอด​ของ​ทารก​ใน​สมัยโบราณ​นั้น​ต่ำ​มาก​ ​ให้​เด็ก​หมั้น​กัน​เร็ว​เกินไป​ ​หาก​ฝ่าย​หญิง​เสียชีวิต​ก่อน​วัย​อัน​ควร​ ​ฝ่าย​ชาย​ก็​จะ​ต้อง​แบกรับ​คำครหา​ที่ว่า​ฝ่าย​ชาย​นั้น​มีด​วง​ที่​ส่งผล​ร้าย​ต่อ​ฝ่าย​หญิง​ ​หาก​ฝ่าย​ชาย​เสียชีวิต​ก่อน​วัย​อัน​ควร​ ​ฝ่าย​หญิง​ก็​อาจจะ​รักษา​ความบริสุทธิ์​ต่อไป​หรือ​เลือก​ที่จะ​แต่งงาน​ใหม่​…​ส่วน​ตระกูล​ที่​พอ​มี​ฐานะ​บรรดาศักดิ์​ก็​จะ​เริ่ม​พูดคุย​ถึง​เรื่อง​คู่ครอง​ของ​บุตร​ตอนที่​บุตร​มี​ราว​อายุ​สิบเอ็ด​ ​สิบสอง​ขวบ​ ​เมื่อ​บุตร​มีอายุ​ประมาณ​นี้​ ​ปกติ​ผู้ใหญ่​ก็​จะ​เริ่ม​พูดคุย​เป็นรูปเป็นร่าง​แล้ว​ ​แม่สื่อ​ของ​ทั้ง​ฝ่าย​หญิง​และ​ฝ่าย​ชาย​ก็​จะ​ได้​คุย​กัน​ง่าย​ขึ้น

นาง​รีบ​หันไป​มอง​ฮองเฮา​ทันที

พระพักตร์​ของ​ฮองเฮา​ยังคง​อบอุ่น​และ​อ่อนโยน​ ​ไม่ได้​เปลี่ยนไป​จาก​เมื่อครู่นี้​เลย​แม้แต่น้อย

ดูท่า​แล้ว​ ​คงจะ​ไม่ได้​ชอบ​คำพูด​ของ​องค์​หญิง​อาน​เฉิง​แต่อย่างใด

นาง​หันไป​มอง​ไท่ฮู​หยิน​ที่นั่ง​อยู่​ข้างๆ​ ​แทน

ไท่ฮู​หยิน​กำลัง​ก้มหน้า​จิบ​น้ำชา​ ​ราวกับว่า​ไม่ได้​ยิน​อย่างไร​อย่างนั้น

สือ​อี​เหนียง​จึง​ถอนหายใจ​ออกมา​เบา​ๆ

นาง​หวัง​ว่า​บุตรชาย​จะ​สามารถ​เจอ​กับ​คนที​่​รัก​…​วันข้างหน้า​ตอนที่​เขา​เติบโต​ขึ้น​ ​หาก​เขา​ไป​ชอบ​องค์​หญิง​ผู้สูงศักดิ์​เข้า​ ​อยาก​ที่จะ​ไป​เป็น​ราชบุตร​เขย​ ​นาง​เอง​ก็​จะ​ไม่​คัดค้าน​ ​บุตรชาย​ของ​เขา​จะ​ต้อง​เป็น​คน​ตัดสินใจ​ทุกอย่าง​ด้วย​ตนเอง​!

เมื่อ​ความคิด​นี้​แล่น​ผ่าน​ใน​หัว​ ​มุม​ปากของ​สือ​อี​เหนียง​ก็​ยิ้ม​ขึ้น​เล็กน้อย​ ​ตั้งใจ​จะ​พูด​เรื่อง​ล้อเล่น​เพื่อ​จะ​เบี่ยงเบน​ประเด็น​นี้​ไป​ ​แต่​จู่ๆ​ ​ก็​มี​คนพูด​ตัดหน้า​นาง​ขึ้น​มา​ ​“​หลังจากที่​องค์​หญิง​อาน​เฉิง​ได้​ลูกเขย​ที่​น่าภาคภูมิใจ​แล้ว​ ​เวลา​ข้า​เห็น​คู่​กุมาร​ทอง​และ​กุมารี​หยก​ก็​อยาก​จะ​ช่วย​จับคู่​”​ ​พูด​จบ​ก็​หัวเราะ​ออกมา​เสียงดัง​ ​จากนั้น​ก็ได้​ถาม​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​จะ​ว่า​ไป​เซิ​่ง​ผิง​ก็​แต่งงาน​ได้​สามสี​่​เดือน​แล้ว​ ​มี​ข่าวดี​จะ​ได้​บุตรชาย​เร็ว​ๆ​ ​นี้​แล้ว​หรือยัง​”

สือ​อี​เหนียง​หันไป​มอง

คนที​่​พูด​อยู่​นั้น​คือ​มารดา​ของ​เริ​่​นคุน​ ​องค์​หญิง​ฉัง​หนิง

องค์​หญิง​อาน​เฉิง​ได้ยิน​แล้ว​ใบหน้า​ของ​นาง​ก็​ปรากฏ​สีหน้า​ท่าที​ที่​ทะนง​องอาจ​ขึ้น​มาด​้วย​ความรู้สึก​เป็นเกียรติ​เล็กน้อย​ ​“​จี้​เอ๋อร​์​ช่วย​แว่นแคว้น​แบ่งเบา​ความทุกข์ยาก​ ​พึ่ง​จะ​แต่งงาน​ไป​เพียง​ไม่​กี่​วัน​ก็​เดินทาง​กลับ​ไป​ยังฝู​เจี​้​ยน​…​”

“​ใน​ส่วน​นี้​ถือว่า​เจ้า​ทำไม​่​ถูก​!​”​ ​ไม่​รอ​ให้​องค์​หญิง​อาน​เฉิง​ได้​ทัน​พูด​จน​จบ​ ​องค์​หญิง​ฉัง​หนิง​ก็ได้​พูดแทรก​ขึ้น​มา​ ​“​พวกเขา​เป็น​คู่สามีภรรยา​ที่​อายุ​ยังน้อย​ ​คน​หนึ่ง​อยู่​ที่​เยี​่​ยน​จิง​ ​ส่วน​อีก​คน​อยู่​ที่ฝู​เจี​้​ยน​…​ถึงแม้ว่า​จวน​สกุล​หลี​่​จะ​ตั้ง​กฎ​ไว้​ว่า​จะ​ไม่​รับ​อนุภรรยา​ ​แต่​เจ้า​เป็น​แม่ยาย​ ​ไม่​ควรจะ​ใช้​เหตุผล​นี้​ยื้อ​ให้​บุตรสาว​มา​อยู่​ข้าง​กาย​ ​บุตรสาว​ที่​แต่งงาน​ออกเรือน​ไป​แล้วก็​เป็น​เหมือน​น้ำ​ที่​สาด​ออก​ไป​ ​ข้าว​่า​เจ้า​รีบ​ส่ง​เซิ​่ง​ผิง​ไป​ที่ฝู​เจี​้​ยน​จะ​เป็นการ​ดีกว่า​”​ ​ขณะที่​กำลัง​พูด​อยู่​นั้น​ ​นาง​ก็ได้​เหลือบตา​มอง​มา​ ​“​นอก​เสีย​จาก​ว่าที่​หลี​่ฮู​หยิน​ต้องการ​จะ​ให้​ลูกสะใภ้​ติดตาม​อยู่​ข้าง​กาย​ ​เพราะ​ไม่​อยาก​ส่ง​ลูกสะใภ้​ไป​ที่ฝู​เจี​้​ยน​”

กฎหมาย​และ​พระราชบัญญัติ​ของ​ต้า​โจว​บัญญัติ​ไว้​ว่า​ครอบครัว​ของ​แม่ทัพ​ตั้งแต่​ระดับ​สาม​ขึ้นไป​เท่านั้น​จึง​จะ​พำนัก​อยู่​ใน​เมือง​เยี​่​ยน​จิง

คนที​่​นั่ง​อยู่​ใน​ตำหนัก​นั้น​ล้วนแล้วแต่​เป็น​พระ​ญาติ​และ​ทายาท​ของ​ตระกูล​ผู้สูงศักดิ์​ใน​ราชสำนัก​ทั้งสิ้น​ ​ส่วน​เหล่า​บรรดา​ภรรยา​ของ​ขุนนาง​นั้น​อยู่​ทาง​ด้านนอก​ของ​ตำหนัก

เมื่อมี​คน​ได้ยิน​แล้วก็​หัวเราะ​ออกมา​เบา​ๆ​ ​“​อาน​เฉิง​ ​หากว่า​เจ้า​ไม่​สะดวก​จะ​พูด​เอง​ ​วันนี้​ให้​พวก​ข้า​ช่วย​เจ้า​ลอง​เรียก​หลี​่ฮู​หยิน​มา​โน้มน้าว​นาง​ต่อหน้า​พระพักตร์​ของ​ฮองเฮา​ดู​ ​เจ้า​เห็น​ว่า​อย่างไรบ้าง​!​”

ไม่​รอ​ให้​องค์​หญิง​อาน​เฉิง​ได้​ทัน​พูด​อะไร​ ​ก็​มี​คนพูด​ขึ้น​ด้วย​ความเกลียดชัง​ว่า​ ​“​ใช่​แล้ว​!​ ​ถึงแม้ว่า​การ​ที่จะ​ให้​ลูกสะใภ้​ติดตาม​อยู่​ข้าง​กาย​จะ​เป็นเรื่อง​ที่​ถูก​ ​แต่​หนึ่ง​คือ​เซิ​่ง​ผิง​ไม่ใช่​ลูกสะใภ้​คนโต​ ​สอง​คือ​เซี​่​ยน​จู่​ยัง​มี​รับสั่ง​จาก​ฝ่า​บาท​ ​สาม​คือ​ยัง​เป็น​สะใภ้​อายุ​น้อย​ที่พึ่ง​จะ​แต่งงาน​…​หลี​่ฮู​หยิน​ไร้​ซึ่ง​มนุษยธรรม​เกินไป​แล้ว​!​”

ทุกคน​ต่าง​ก็​เป็น​สตรีที​่​เคย​เป็น​ลูกสะใภ้​จน​กลาย​มา​เป็น​แม่​สามี​ ​เวลา​ที่​ได้​เริ่ม​นินทา​ผู้อื่น​ก็​จะ​ไม่สน​ใจ​ไยดี​อะไร​ทั้งนั้น​ ​โยน​หิน​ก้อน​เดียว​ลง​ไป​ใน​น้ำ​ ​เกิด​เป็น​คลื่น​นับ​พัน​ลูก​ ​ทุกคน​ต่าง​ก็​พากั​นพูด​คุย​และ​วิพากษ์วิจารณ์​ไป​ต่างๆ​ ​นานา

แต่​คนที​่​โยน​หิน​เช่น​องค์​หญิง​ฉัง​หนิง​กลับ​นั่ง​อยู่​บน​เก้าอี้​จิ​่​นอู​้​จ้องมอง​ผู้คน​ใน​พระตำหนัก​ด้วย​สีหน้า​ที่​เต็มไปด้วย​รอยยิ้ม​ ​คอย​เฝ้ามอง​เหตุการณ์​โดยที่​ไม่​เข้าไป​ยุ่ง​ ​ถอย​ออกจาก​วง​ซุบซิบนินทา​ที่อยู่​เบื้องหน้า

สือ​อี​เหนียง​เห็น​แล้วก็​รู้สึก​ใจสั่น​ขึ้น​มาทัน​ที

องค์​หญิง​ฉัง​หนิง​ผู้​นี้​ ​สามารถ​ได้รับ​ความ​โปรดปราน​จาก​ฝ่า​บาท​ได้​ ​เกรง​ว่า​คงจะ​ไม่ใช่​เพราะ​มารดา​ผู้ให้กำเนิด​ของ​นาง​เคย​ได้​อบรมเลี้ยงดู​ฝ่า​บาท​กระมัง​!

สิ่ง​ที่เกิด​ขึ้น​หลังจากนั้น​ค่อนข้าง​น่า​ตกใจ​ไม่น้อย

ฮองเฮา​ได้​เรียก​ให้​หลี​่ฮู​หยิน​เข้ามา​สอบถาม

หลี​่ฮู​หยิน​ก็​รีบ​อธิบาย​ทันที​ว่า​ตน​นั้น​ไม่มี​เจตนา​เช่นนั้น​ ​เป็น​เพราะ​มณฑลฝู​เจี​้​ยน​สั่นคลอน​ไม่มั่นคง​ ​ก็​เลย​กลัว​ว่า​เซี​่​ยน​จู่​ไป​แล้ว​จะ​ไม่​คุ้นชิน​ ​จึง​ตัดสินใจ​ให้​อยู่​ที่​เมือง​เยี​่​ยน​จิง

องค์​หญิง​อาน​เฉิง​ก็​อธิบาย​ไม่​หยุด​ ​ว่า​ไม่ใช่​เพราะ​หลี​่ฮู​หยิน​ต้องการ​จะ​ให้​ลูกสะใภ้​อยู่​ข้าง​กาย​ ​แต่​เพราะ​นาง​เห็น​ว่า​บุตรสาว​อายุ​ยังน้อย​ ​กลัว​ว่า​จะ​ทำ​อะไร​ที่​เสียมารยาท​และ​ไม่​ถูก​กาลเทศะ​ ​จึง​ให้​บุตรสาว​ติดตาม​หลี​่ฮู​หยิน​ ​เพื่อที่จะ​ได้รับ​การอบรม​สั่งสอน​สัก​สอง​ปี

ขณะที่​กำลัง​พูดคุย​กัน​อย่าง​ครึกครื้น​อยู่​นั้น​ ​หวง​กู​กู​ก็ได้​เข้ามา​แจ้ง​ว่า​ทาง​ฝั่ง​ไท่​จื่อ​เฟย​เตรียมตัว​เสร็จ​เรียบร้อย​แล้ว

ทุกคน​ต่าง​ก็​พากัน​เดินตาม​หลัง​ฮองเฮา​ไป​ยัง​พระตำหนัก​ของ​ฟัง​เจี่ย​เอ๋อร​์

ระหว่างทาง​ ​องค์​หญิง​อาน​เฉิง​สีหน้า​เคร่งขรึม​ ​เห็นได้ชัด​ว่า​อารมณ์​ไม่​ค่อย​ดี​ ​หลี​่ฮู​หยิน​เดินผ่าน​เหล่า​บรรดา​สตรี​ด้วย​ท่าทาง​ที่​สง่าผ่าเผย​ด้วย​ยศฮู​หยิน​ตราตั้ง​ ​โดยที่​ไม่​ชายตามอง​องค์​หญิง​อาน​เฉิง​เลย​แม้แต่​นิดเดียว

สือ​อี​เหนียง​รู้สึก​ค่อนข้าง​ขบขัน

เมื่อ​กวาดตา​มอง​ไปร​อบ​ๆ​ ​ก็​สังเกตเห็น​โจวฮู​หยิน​ที่​กำลัง​ประคอง​องค์​หญิงฝู​เฉิง​อยู่

ตอนที่​ทั้งสอง​ยืน​รอ​ฮองเฮา​เรียก​เข้าเฝ้า​ที่​หน้า​พระตำหนัก​ ​ยัง​พูดคุย​หัวเราะ​กับ​ทุกคน​อยู่​เลย​ ​แต่​หลังจากที่​เข้าไป​ใน​พระตำหนัก​แล้ว​ ​กลับ​เอาแต่​เงียบ​จนถึง​ตอนนี้

คงจะ​รู้สึก​ไม่สบายใจ​กระมัง​!

นาง​ครุ่นคิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​จากนั้น​ก็​หา​โอกาส​ดึง​ชาย​แขน​เสื้อ​ของ​โจวฮู​หยิน​เบา​ๆ

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท