ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 536 พิธีสำเร็จลุล่วง (ต้น)

ตอนที่ 536 พิธีสำเร็จลุล่วง (ต้น)

​“​ท่าน​อาสะใภ้​สี่​”​ ​สวี​ซื่อ​ฉิน​เดิน​เข้ามา​แล้ว​พูดว่า​ ​“​พวกเรา​มา​เพื่อ​ขอบะ​หมี่​อายุ​ยืน​ทาน​”

​“​ยินดีต้อนรับ​ ​ยินดีต้อนรับ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พลาง​เชิญ​พวกเขา​ไป​นั่ง​ที่​เก้าอี้​ไท่​ซือ​ ​ให้​สาวใช้​ไป​กำชับ​คนครัว​ทำ​บะหมี่​อายุ​ยืน​ให้

​สวี​ซื่อ​ฉิน​รีบ​เอ่ย​ห้าม​ ​“​ท่าน​อาสะใภ้​สี่​ ​ข้า​เพียง​หยอกล้อ​ท่าน​เล่น​ขอรับ​ ​พวกเรา​ทานอาหาร​เช้า​มากัน​แล้ว​”​ ​จากนั้น​ก็​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​พวกเรา​มา​เพื่อ​อวยพร​วันเกิด​ให้​น้อง​สอง​”

​สือ​อี​เหนียง​คิด​เอาไว้​อยู่​แล้ว​ ​พูด​เชิญ​พวกเขา​ ​“​อีกสักครู่​อยู่​ทานอาหาร​กลางวัน​ที่นี่​เถิด​!​”

​สวี​ซื่อ​ฉิน​ชะงัก​ไป​ครู่หนึ่ง​ก่อน​จะ​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ขอรับ​ ​เช่นนั้น​ขอ​รบกวน​ท่าน​อาสะใภ้​ด้วย​”​ ​แต่​สายตา​กลับ​มอง​ไป​ที่​สวี​ซื่อ​อวี​้

​สวี​ซื่อ​อวี​้​ส่าย​หัว​เบา​ๆ​

​สีหน้า​สวี​ซื่อ​ฉิน​ดูกัง​วล​ ​ส่งสายตา​ให้​สวี​ซื่อ​อวี​้

​สวี​ซื่อ​อวี​้​กลับ​หลบตา​และ​มีท​่า​ทาง​ปฏิเสธ

​สือ​อี​เหนียง​เข้าใจ​ดี

เด็กผู้ชาย​อายุ​สิบห้า​สิบ​หก​ปี​ล้วน​มี​ความลับ​ของ​ตัวเอง

​นาง​ลอบ​ยิ้ม​ ​พลาง​พูด​หยอกล้อ​อย่างตรงไปตรงมา​ ​“​เอาล่ะ​ ​เอาล่ะ​ ​พวก​เจ้า​เลิก​ยักคิ้วหลิ่วตา​ให้​กันได​้​แล้ว​ ​นัด​ไว้​ว่า​จะ​ไป​ไหน​ก็​ไป​กัน​เถิด​ ​เพียงแต่ว่า​ตอนกลางวัน​ข้า​จะ​ให้​ห้องครัว​ทำ​ขนม​เถา​ซู​ ​เมื่อถึง​เวลา​นั้น​อย่า​มา​โอดโอย​ว่าไม่ได้​ทาน​ก็แล้วกัน​”

​“​เปล่า​ขอรับ​!​”​ ​สวี​ซื่อ​อวี​้​รีบ​ปฏิเสธ

​สีหน้า​สวี​ซื่อ​ฉิน​กลับ​ดูปิ​ติ​ยินดี​ ​พูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​ขอบคุณ​ท่าน​อาสะใภ้​ขอรับ​”

​ทั้งสอง​พูด​ขึ้น​พร้อมกัน​ ​อด​หันไป​มองหน้า​กัน​ไม่ได้

​สวี​ซื่อ​อวี​้​มอง​สวี​ซื่อ​ฉิน​แล้ว​พูดว่า​ ​“​พวกเรา​ไม่ได้​มีแผน​อะไร​ ​ตอนกลางวัน​จะ​อยู่​ทาน​ขนม​เถา​ซู​ที่​เรือน​ท่าน​แม่​”

​ถ้า​ไม่​รวมความ​รู้สึก​ส่วนตัว​แล้ว​ ​สวี​ซื่อ​อวี​้​นับว่า​เป็น​เด็กผู้ชาย​ที่​รู้​ประสา​ ​ใส่ใจ​และ​ละเอียดอ่อน

​“​ขนม​เถา​ซู​ยัง​ไม่ได้​เริ่ม​ทำเลย​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ข้า​จะ​ให้​ห้องครัว​ทำเป็น​อาหาร​สำหรับ​มื้อ​ดึก​ก็ได้​ ​ตอนกลางคืน​ก็​ไม่ต้อง​มาคา​รวะ​แล้ว​ ​ทาง​ฝั่ง​ของ​ท่าน​พ่อ​เจ้าข้า​จะ​พูด​กับ​เขา​เอง​ ​วันนี้​เป็น​วันเกิด​เจ้า​ ​ออก​ไปเที่ยว​เล่น​สักวัน​เถิด​!​”

​สวี​ซื่อ​อวี​้​อยาก​จะ​พูด​อะไร​บางอย่าง​ ​สวี​ซื่อ​ฉิน​ก็​อธิบาย​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​ท่าน​อาสะใภ้​ ​พวกเรา​ไม่ได้​จะ​ออก​นอก​จวน​ ​เพียงแต่​จะ​เชิญ​น้อง​สอง​ไป​ดื่ม​ที่​เรือน​ของ​ข้า​สักหน่อย​ ​ข้า​พึ่ง​จะ​แต่งงาน​ ​แล้วก็​มาถึง​วันเกิด​ของ​น้อง​สอง​พอดี​…​”

​“​เข้าใจ​แล้ว​ ​เข้าใจ​แล้ว​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พลาง​พูดตัดบท​สนทนา​ของ​เขา​ ​“​มีบร​รดา​ผู้อาวุโส​อย่าง​พวกเรา​อยู่​ ​พวก​เจ้า​คง​รู้สึก​อึดอัด​”​ ​จากนั้น​ก็​กำชับ​ว่า​ ​“​สุรา​อาจ​ทำลาย​สุขภาพ​ได้​ ​จำไว้​ว่า​อย่า​ดื่ม​มากเกินไป​”

​สวี​ซื่อ​อวี​้​คิดไม่ถึง​ว่า​สือ​อี​เหนียง​จะ​มองออก​เช่นนี้​ ​เมื่อ​พูดถึง​ตรงนี้​ ​หาก​ปฏิเสธ​ก็​จะ​ดูเหมือน​เสแสร้ง​ ​เขา​จึง​รีบ​ให้​คำสัญญา​ ​“​ท่าน​แม่​วางใจ​ได้​ ​พวกเรา​จะ​ไม่​ทำ​สิ่ง​ที่​ไม่ดี​แน่นอน​ขอรับ​”

​“​ข้า​รู้​ ​พวก​เจ้า​สอง​คน​พี่น้อง​ต่าง​ก็​รู้จัก​ขอบเขต​ดี​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พลาง​พยักหน้า​ ​ไหว้วาน​ฟัง​ซื่อ​ ​“​อย่า​ให้​พวกเขา​ดื่ม​จน​เมา​!​”​ ​จากนั้น​ก็​ให้​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ไป​ส่ง​พวกเขา

​สวี​ซื่อ​จุน​กับ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ท่าทาง​เหมือน​อยาก​ไป​ด้วย

​สือ​อี​เหนียง​เพียงแต่​ยิ้ม

​เพราะว่า​สวี​ซื่อ​ฉิน​ไม่ได้​เชิญ​เจ้าตัว​เล็ก​สอง​คน​นี้​ไป​ด้วย​ ​นาง​จึง​ไม่​อาจ​ปล่อย​ให้​ทั้งสอง​คน​นี้​ไป​กับ​พวกเขา​ได้

​ให้​จิ​่น​เกอ​เล่น​อยู่​บน​เตียง​เตา​แล้ว​หันไป​พูด​กับ​สวี​ซื่อ​จุน​ต่อ​ ​“​วันนั้น​ที่​เจ้า​ไป​ปีน​เขา​ ​ได้​พบ​ใต้เท้า​เจี่ยง​หรือไม่​ ​นอกจาก​ใต้เท้า​เจี่ยง​แล้วยัง​มี​ใคร​อีก​”

​สวี​ซื่อ​จุน​ไม่ใช่​เด็ก​ที่​เอาแต่ใจ​เช่นนั้น​ ​เมื่อ​เห็น​ว่า​สือ​อี​เหนียง​ถาม​เขา​ก็​ค่อยๆ​ ​หยุด​ความคิด​ ​ตอบ​สือ​อี​เหนียง​อย่างตั้งใจ​ว่า​ ​“​ยัง​มีโต​้ว​เก๋อ​เหล่า​ ​ใต้เท้า​หวัง​ ​ใต้เท้า​หลี​่​ ​ใต้เท้า​เฉิน​…​”

​สือ​อี​เหนียง​ถามถึง​ตำแหน่งหน้าที่​ของ​ใต้เท้า​แต่ละ​ท่าน​ ​รูปร่างหน้าตา​และ​การปฏิบัติ​ต่อ​ผู้อื่น​…

​“​โต้ว​เก๋อ​เหล่า​เป็น​มหาบัณฑิต​ของ​ตำหนัก​เหวิน​หวา​ ​รูปร่าง​สูง​ ​ใบหน้า​ยิ้มแย้ม​อยู่​เสมอ​…​”​ ​สวี​ซื่อ​จุน​ค่อยๆ​ ​ตอบ​ทีละ​คำถาม

​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยนั​่ง​ฟัง​อยู่​เงียบๆ​ ​บน​เก้าอี้​ไท่​ซือ​ที่อยู่​ด้านหน้า​เตียง​เตา​ ​จิ​่น​เกอ​ลาก​หมอนอิง​ใบ​ใหญ่​ไป​ที่​หัว​เตียง​เตา​ ​อีกสักครู่​ก็​ลาก​กลับมา​ที่​ท้าย​เตียง​เตา​ ​ทั้ง​ยัง​หยิบ​กลอง​ป๋อง​แป​๋ง​จาก​ใต้โต๊ะ​บน​เตียง​เตา​มา​ให้​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ดู​ ​แล้วยัง​เขย่า​ไปมา​เสียงดัง​ ​พอ​โยน​ป๋อง​แป​๋ง​ทิ้ง​ก็​ไป​ดึง​ดอก​ชากุ​หลาบ​แดง​ใน​แจกัน​โลหะ​ที่​วาง​อยู่​บน​ขอบ​หน้าต่าง​ ​ไม่อยู่​นิ่ง​เลย​แม้แต่​นิดเดียว

​ตั้งแต่​จิ​่น​เกอ​เริ่ม​เดิน​ได้​ ​ข้าวของเครื่องใช้​ใน​เรือน​ของ​สือ​อี​เหนียง​ก็​เปลี่ยนแปลง​ไป​ทั้งหมด​ ​พวก​แจกัน​โหล​แก้ว​ต่างๆ​ ​พยายาม​จะ​ไม่​ตั้ง​ไว้​ถ้า​ไม่จำเป็น​ ​อัน​ไหน​ที่​ต้อง​ตั้ง​ไว้​ก็​จะ​เปลี่ยนเป็น​โลหะ​ ​เพราะ​กลัว​ว่า​จิ​่น​เกอ​จะ​ทำ​เครื่องลายคราม​แตก​แล้ว​ถูก​บาด​เป็นแผล

​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​กลัว​เขา​จะ​ทำ​แจกัน​โลหะ​คว่ำ​จึง​รีบ​พยุง​แจกัน​โลหะ​ไว้

​จิ​่น​เกอ​ดึง​ดอกไม้​ออกมา​อย่างราบรื่น​แล้ว​รีบ​วิ่ง​ไปหา​สือ​อี​เหนียง​ ​นำ​ดอกไม้​เสียบ​ไว้​บน​ศีรษะ​ของ​สือ​อี​เหนียง

​ทำเอา​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​หัวเราะ​ลั่น

​สวี​ซื่อ​จุน​กับ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​เอง​ก็​ถูก​เขา​ดึงดูด​ความสนใจ​ ​คน​หนึ่ง​ก็​พูด​อย่างใจ​ลอย​ ​อีก​คน​หนึ่ง​ก็​เม้มปาก​ยิ้ม

​สือ​อี​เหนียง​เห็น​ว่า​ไม่เหมาะสม​ ​จึง​หยุด​ถาม​คำถาม​ ​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​วัน​ๆ​ ​ข้า​อยู่​แต่​ใน​จวน​ ​ไม่เคย​รู้มาก​่อ​นว​่า​ข้างนอก​มีสิ​่ง​ที่​น่าสนใจ​เช่นนี้​ ​จุน​เกอ​ ​หาก​ต่อไป​เจ้า​ได้​ไปร​่วม​สังสรรค์​อีก​ ​อย่า​ลืม​กลับมา​เล่า​ให้​ข้า​ฟัง​ ​ให้​ข้า​ได้​เปิดหูเปิดตา​ด้วย​”

​สวี​ซื่อ​จุน​ตอบรับ​อย่างนอบน้อม​ ​“​ขอรับ​”​ ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​หัวเราะ​แล้ว​วิ่ง​ไป​ที่​ข้าง​เตียง​เตา​ ​“​น้อง​หก​ ​น้อง​หก​ ​น้อง​หก​”​ ​เรียกชื่อ​พลาง​จับมือ​น้อย​ๆ​ ​ของ​จิ​่น​เกอ

​จิ​่น​เกอ​คิด​ว่า​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยอยาก​ได้​ดอกไม้​ใน​มือ​ของ​เขา​จึง​หัน​หนี​แล้ว​วาง​ดอกไม้​ไว้​ใต้โต๊ะ​บน​เตียง​เตา​ ​จากนั้น​ก็​หันกลับ​มา​โบกไม้โบกมือ​ให้​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​เพื่อ​จะ​บอกว่า​ไม่มี​ดอกไม้​แล้ว

​ทุกคน​ต่าง​พากัน​หัวเราะ​ขึ้น​มา​พร้อมกัน​ ​มี​เพียง​จิ​่น​เกอ​ที่​ยืน​อยู่​ตรงนั้น​ด้วย​สีหน้า​ที่​เต็มไปด้วย​ความ​มึนงง​ ​มอง​มาที​่​พวกเขา​อย่าง​ทำตัว​ไม่​ถูก​…​บางคน​ก็​หัวเราะ​จน​ตัว​งอ

​ทันใดนั้น​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​เดิน​เข้ามา​ ​“​เกิด​อะไร​ขึ้น​”

​“​ท่าน​โหวก​ลับ​มา​แล้ว​หรือ​เจ้า​คะ​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พาบร​รดา​บุตรชาย​และ​บุตรสาว​ไป​คำนับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​สอง​สามีภรรยา​นั่งลง​ตามลำดับ​ ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​รับ​ถ้วย​ชา​จาก​สาวใช้​น้อย​มาคำ​นับ​ท่าน​พ่อ​ ​จากนั้น​สือ​อี​เหนียง​ก็​เล่า​เหตุการณ์​ที่เกิด​ขึ้น​ให้​ฟัง

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ได้​ฟัง​ดังนั้น​ก็​อด​หัวเราะ​ไม่ได้​ ​อุ้ม​จิ​่น​เกอ​ ​“​เจ้า​กลายเป็น​เด็ก​หวง​ของ​อย่างที่​ท่าน​ย่า​พูด​ไว้​จริงๆ​ ​ด้วย​ ​สิ่งใด​ที่​ผ่านมือ​ของ​เจ้า​แล้ว​ ​คนอื่น​ก็​อย่า​หวัง​ว่า​จะ​ได้​ไป​!​”

​รอยยิ้ม​เอ็นดู​ ​ท่าทาง​ทะนุถนอม​…​ราวกับว่า​เขา​มี​ความอดทน​และ​ความสุข​ที่​ไม่มีที่สิ้นสุด​สำหรับ​จิ​่น​เกอ​ ​ทำให้​สวี​ซื่อ​จุน​ประหลาดใจ​เล็กน้อย​ ​จากนั้น​ก็ได้​ยิน​บิดา​ถามถึง​พี่​สอง​ ​“​…​เหตุใด​ถึง​ไม่อยู่​ที่นี่​”

​“​ฉิน​เกอ​ตั้งใจ​จัดงาน​เลี้ยง​ให้​เขา​โดยเฉพาะ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พลาง​รับ​จิ​่น​เกอ​มา​ ​“​ไป​เล่น​ที่​เรือน​ฉิน​เกอ​แล้ว​เจ้าค่ะ​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ตอบ​เพียง​ ​“​อืม​”​ ​ไม่ได้​ซักไซ้​ถาม​อะไร​อีก​ ​หอม​แก้ม​จิ​่น​เกอ​แล้ว​ส่ง​เขา​ให้​แม่นม​กู้​ ​“​วันนี้​อากาศ​ดี​ ​อุ้ม​คุณชาย​น้อย​หก​ไปรับ​แสงแดด​ที่​ลาน​เถิด​”​ ​ทำให้​คำพูด​ทั้งหมด​ที่นาง​เตรียม​ไว้​ก่อนหน้านี้​ถูก​กลืน​หาย​ไป

​จิ​่น​เกอ​กลับ​คว้า​แขน​เสื้อ​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไม่ยอม​ปล่อย

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ลูบ​ศีรษะ​เขา​ ​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​เด็กดี​ ​ไป​เล่น​กับ​แม่นม​กู้​เถิด​!​ ​ข้า​ต้อง​สอน​พี่​สี่​เจ้า​ขี่ม้า​!​”​

​ตั้งแต่​เข้าสู่​ฤดูใบไม้ร่วง​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็ได้​หา​อาจารย์​มาสอน​สวี​ซื่อ​จุน​ขี่ม้า​และ​ยิง​ธนู​ ​ทุกๆ​ ​ห้าวัน​จะ​มี​เรียน​สอง​ชั่ว​ยาม​ ​บางครั้ง​เขา​ก็​มา​เป็น​อาจารย์​ให้​เอง

​อย่างไร​เสีย​สวี​ซื่อ​จุน​ก็​เป็น​เด็กผู้ชาย​ ​ ​ถึงแม้ว่า​ร่างกาย​จะ​อ่อนแอ​ ​ทำได้​เพียง​นั่ง​อยู่​บน​ม้า​แล้ว​ให้​คน​จูง​ม้า​พา​เดิน​อยู่​ใน​สนามม้า​ ​ใช้​ธนู​คัน​เล็ก​ที่​ทำ​ขึ้น​เป็นพิเศษ​มา​ฝึก​ยิง​ ​แต่​เมื่อมี​คาบ​เรียน​วิชา​ขี่ม้า​และ​ยิง​ธนู​ ​เขา​ก็​มีท​่า​ทาง​ดีใจ​เป็นอย่างมาก

​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ได้ยิน​บิดา​บอกว่า​จะ​สอน​พี่ชาย​ขี่ม้า​ด้วยตัวเอง​จึง​มอง​ไป​ที่​สวี​ซื่อ​จุน​และ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ด้วย​ใบหน้า​ที่​เต็มไปด้วย​ความอิจฉา​ ​แต่​จิ​่น​เกอ​ที่​เห็น​ว่า​บิดา​ยืน​ขึ้น​แล้ว​กำลังจะ​เดิน​ออก​ไป​ ​ก็​เบะ​ปาก​แล้ว​ร้องไห้​ออกมา​ทันที

​แววตา​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​มี​ความลังเล​ปรากฏ​อยู่​ครู่หนึ่ง

​สือ​อี​เหนียง​รีบ​พูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​ท่าน​โหว​ไป​เถิด​ ​ข้า​จะ​พา​เด็ก​ๆ​ ​ไป​ที่​เรือน​ไท่ฮู​หยิน​!​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​รู้​ว่า​ไท่ฮู​หยิน​ชอบ​ให้​สือ​อี​เหนียง​พา​จิ​่น​เกอ​ไป​เล่น​ด้วย

​เขา​จึง​ใจแข็ง​แล้ว​พาส​วี​ซื่อ​จุน​ไป​ที่​ลาน​ด้านหน้า

​จิ​่น​เกอ​ร้องไห้​ตาม​บิดา​ที่​เดิน​ออก​ไป

​สือ​อี​เหนียง​ ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​และ​เจี​้ย​เกอ​พากั​นก​ล่อม​อยู่นาน​กว่า​เขา​จะ​หยุด​ร้องไห้​แล้ว​สงบ​ลง

​อารมณ์​ของ​เด็กน้อย​เริ่ม​รุนแรง​ขึ้น​เรื่อยๆ​ ​ซึ่ง​สัมพันธ์​กับ​อายุ​และ​ความเข้าใจ​ที่​เพิ่มขึ้น​ของ​เด็ก​ ​และ​ยัง​เกี่ยวข้อง​กับ​ความรัก​ที่​ผู้อื่น​มีต​่อ​เขา

​ทำเอา​สือ​อี​เหนียง​อด​รู้สึก​ปวดหัว​ไม่ได้

​หลังจาก​วันนั้น​ ​ฮองเฮา​ก็​เรียก​นาง​เข้า​วัง​และ​ประทาน​ปิ่นปักผม​ดอกไม้​ที่​ทำ​จาก​ไข่มุก​ทาง​ตอน​ใต้​สีเงิน​ ​บอกว่า​ให้​เป็น​ของขวัญ​พิธี​ปักปิ่น​ของ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์

​เมื่อมี​ของ​พระราชทาน​จาก​ฮองเฮา​ ​พิธี​ปักปิ่น​ก็​นับว่า​สมบูรณ์แบบ​แล้ว

​เสือ​อี​เหนียง​เอ่ยพ​ขอบ​พระทัย​ ​เมื่อ​ออกจาก​พระตำหนัก​คุน​หนิง​ก็ได้​พบ​ขันที​คนสนิท​ของ​ฟัง​เจี่ย​เอ๋อร​์​มอบ​กล่อง​ไม้​สีแดง​ให้​ ​“​บอกว่า​พิธี​ปักปิ่น​บุตรสาว​คนโต​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ใน​วันนั้น​ไม่​สามารถ​ไปร​่วม​เฉลิมฉลอง​ได้​ ​หวี​งาช้าง​นี้​เป็น​สิ่ง​ที่​ไท่​จื่อ​เฟย​โปรดปราน​มาก​ที่สุด​ ​พระราชทาน​ให้​เป็น​ของขวัญ​แสดงความยินดี​แก่​คุณหนู​ใหญ่​”

​สือ​อี​เหนียง​รับ​มา​อย่างนอบน้อม​ ​มอบ​รางวัล​ให้​ขันที​ผู้​นั้นแล​้ว​ถาม​ว่า​สามารถ​ไป​ขอบ​พระทัย​ไท่​จื่อ​เฟ​ยด​้วย​ตัวเอง​ได้​หรือไม่

​ขันที​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​องค์​ไท่​จื่อ​กำลัง​เสวย​พระ​กระยาหาร​อยู่​ที่​พระตำหนัก​ของ​ไท่​จื่อ​เฟย​ ​ไว้ฮู​หยิน​หย่ง​ผิง​โหว​ค่อย​มา​วันหลัง​เถิด​!​”

​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​รับคำ​แล้ว​กลับ​จวน​หย่ง​ผิง​โหว

​เมื่อ​ไท่ฮู​หยิน​รู้​ว่า​ฮองเฮา​และ​ฟัง​เจี่ย​เอ๋อร​์​ได้​ประทาน​ของขวัญ​ให้​ก็​ย่อม​ดีใจ​เป็นอย่างมาก​ ​ปรึกษา​กับ​สือ​อี​เหนียง​ว่า​จะ​เชิญ​โจวฮู​หยิน​มา​เป็น​แขก​กิตติมศักดิ์​ ​เชิญ​ซื่อ​เหนียง​มา​เป็น​แขก​หลัก​ ​แล้ว​เชิญ​ฟัง​ซื่อ​มา​เป็น​ผู้ดำเนินงาน​ใน​พิธี​ปักปิ่น​ ​โจวฮู​หยิน​กับ​ซื่อ​เหนียง​ตอบ​ตกลง​ด้วย​ความดีใจ​ ​เพียงแต่ว่า​ตอนที่​ไป​เชิญ​ฟัง​ซื่อ​ ​ฟัง​ซื่อ​มีท​่า​ทาง​ประหลาดใจ​และ​ปฏิเสธ​อย่าง​อ้อมค้อม

​สือ​อี​เหนียง​ประหลาดใจ​อย่างมาก​ ​แม้​จะ​บอกว่า​นี่​เป็นความ​ต้องการ​ของ​ไท่ฮู​หยิน​แต่​ก็​ไม่​สามารถ​เปลี่ยนใจ​ของ​ฟัง​ซื่อ​ได้​ ​จึง​ทำได้​เพียง​กลับ​ไปรา​ยงาน​ไท่ฮู​หยิน​ด้วย​ความเสียดาย

​ไท่ฮู​หยิน​เอง​ก็​ประหลาดใจ​เช่นกัน​ ​ครุ่นคิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​ก่อน​จะ​พูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​ในเมื่อ​ไม่เต็มใจ​ ​พวกเรา​ก็​อย่า​บังคับ​เลย​ ​ข้าว​่า​เชิญ​คุณหนู​สาม​สกุล​หลิน​มา​เป็น​ผู้​ดำเนิน​พิธี​ให้​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​เถิด​”

ผู้​ที่มา​เป็น​คน​ดำเนิน​พิธี​ ​ปกติ​จะ​เป็น​พี่น้อง​กับ​คนที​่​เข้า​พิธี​ปักปิ่น​ ​ซิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ยัง​เล็ก​เกินไป​ ​ไม่เหมาะสม​ ​ส่วน​ฟัง​ซื่อ​อายุ​เหมาะสม​พอดี​แต่กลับ​ไม่​ตกลง

​สือ​อี​เหนียง​พยักหน้า​แล้วไป​ยัง​สกุล​หลิน

​คุณนาย​ใหญ่​สกุล​หลิน​ตอบรับ​เต็มปากเต็มคำ​ ​ซ้ำ​ยัง​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​พี่สะใภ้​สกุล​เดิม​ของ​พวกเรา​ตั้งตารอ​ทั้งวันทั้งคืน​ ​ในที่สุด​ก็​รอ​จน​วันนี้​มาถึง​!​”

​สือ​อี​เหนียง​ได้​ฟัง​แล้วก็​หัวเราะ

​เมื่อถึง​วัน​พิธี​ปักปิ่น​ของ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ ​ไม่​เพียง​มี​แค่​คน​จาก​ตรอก​กง​เสียน​เท่านั้น​ที่มา​ ​คน​จาก​ตรอก​หง​เติง​และ​คน​จาก​จวน​จง​ฉินปั​๋ว​ต่าง​ก็​มากัน​หมด​ ​สือ​อี​เหนียง​ยัง​เชิญ​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​มาร​่วม​พิธี​ด้วย​

​สวี​ลิ่ง​อี๋​เป็น​ประธาน​ใน​พิธี​ปักปิ่น

​ช่วง​ที่​คุณหนู​สาม​สกุล​หลิน​นำ​ปิ่นปักผม​ที่​ฮองเฮา​ประทาน​ให้​ปัก​ให้​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​

​วินาที​นั้น​ ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ยิ้ม​ขึ้น​พลาง​น้ำตา​ริน​ไหล

​******

​หลังจาก​เสร็จสิ้น​พิธี​ ​ทุกคน​ก็​ย้าย​ไปรับ​ประทาน​อาหารกลางวัน​ใน​ห้องโถง​บุปผา​ที่อยู่​ข้าง​ห้องโถง​เตี่ยน​ชุน

​สือ​อี​เหนียง​จึง​ได้​มีโอกาส​ถาม​หลาน​ถิง​ว่า​ ​“​คุณหนู​สาม​คลอด​แล้ว​ใช่​หรือไม่​ ​ไม่ทราบ​ว่า​เป็นคุณ​หนู​หรือว่า​คุณชาย​น้อย​”

​หลาน​ถิง​หัวเราะ​เบา​ๆ​ ​แล้ว​พูดว่า​ ​“​พึ่ง​จะ​ได้รับ​ข่าวสาร​เมื่อคืนนี้​ ​บอกว่า​ได้​คลอด​เด็กชาย​ที่​หนัก​ห้า​จิน​กว่า​!​”

​“​ยินดี​กับ​นาง​ด้วย​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​อย่างจริงใจ​ว่า​ ​“​ต่อไป​ก็​จะ​มี​คน​คอย​อยู่​ข้าง​กาย​แล้ว​!​”

​หลาน​ถิง​พยักหน้า​ ​“​ข้า​ก็​เกลี้ยกล่อม​พี่​หญิง​สาม​แบบนี้​เช่นกัน​ ​ตอนนี้​มี​ซุ่ย​เกอ​แล้ว​ ​เช่นนี้​พี่เขย​สุย​ก็​ทำ​อะไร​ไม่ได้​แล้ว​!​หรือว่า​เขา​จะ​ยัง​กล้า​ให้ท้าย​อนุ​แล้ว​ละเลย​ภรรยา​เอก​ได้​”

​ขณะที่​ทั้งสอง​คน​กำลัง​พูดคุย​กัน​ ​ชี​เหนียง​กับฮู​หยิน​ห้า​ก็​กำลัง​พูดคุย​กัน​อยู่​ที่​ลาน​เล็ก​ถัดจาก​ห้องโถง​เตี่ยน​ชุน

​“​ข้า​ได้ยิน​พี่สะใภ้​สี่​บอกว่า​จู​อาน​ผิง​คุกเข่า​ให้​เจ้า​หรือ​”

​“​ไม่ได้​คุกเข่า​ให้​ข้า​หรอก​”​ ​ชี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​คุกเข่า​ให้​พี่​หญิง​สี่​ต่างหาก​”​ ​พูด​จบ​ก็​หัวเราะ​ ​สีหน้า​แฝง​ไว้​ด้วย​ความภาคภูมิใจ

ฮู​หยิน​ห้า​ขมวดคิ้ว​เล็กน้อย​ ​อยาก​จะ​พูด​อะไร​บางอย่าง​แต่​ก็​หยุด​ไป

ครั้งนี้​หาก​ไม่ใช่​เพราะฮู​หยิน​ห้า​ ​นาง​จะ​คืนดี​กับ​จู​อาน​ผิง​ได้​อย่างไร​ ​ทุกครั้งที่​พวกเขา​ทะเลาะ​กัน​ ​ใน​ใจ​นาง​ก็​รู้สึก​โศกเศร้า​มาก​เช่นกัน

​ ​ ​ ​“​เจ้า​จะ​พูด​อะไร​หรือ​”​ ​ชี​เหนียง​ดึง​แขน​เสื้อฮู​หยิน​ห้า​ ​“​ด้วย​มิตรภาพ​ของ​เจ้า​กับ​ข้า​ ​เรา​ยัง​มีเรื่อง​ที่​ไม่​สามารถ​พูด​กันต​รง​ๆ​ ​ได้​ด้วย​หรือ​”

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท