ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 542 พูด

ตอนที่ 542 พูด

​บอกว่า​หมั้น​หมาย​มา​แล้ว​หลายครั้ง​ ​คนที​่​หมั้น​หมาย​มี​ใคร​บ้าง​ ​พูด​อย่างชัดเจน​ ​กระทั่ง​แนะนำ​ให้​สือ​อี​เหนียง​ส่ง​คน​ไป​สืบ​ดู​ที่​หู​โจว

​สือ​อี​เหนียง​นึก​ขึ้น​ได้​ว่า​ฟัง​ซื่อ​แต่ง​กับ​สกุล​ที่​บรรดาศักดิ์​ต่ำกว่า​ ​นึกถึง​เงื่อนไข​ใน​ตอนนั้น​ของ​สกุล​ฟัง​ที่​จำเป็นต้อง​ตอบ​ตกลง​…​ดูเหมือนว่า​จะ​มีคำ​อธิบาย​ที่​สมเหตุสมผล​ ​นาง​เชื่อ​ว่านี​่​ไม่ใช่​สิ่ง​ที่​ไม่มี​ที่มา​ที่​ไป

แต่ว่า​ทำไม​เจียง​จิ​่​นขุย​ถึง​ทำ​เช่นนี้​ ​ ​ ​ ​ ​

ถ้า​จะ​บอกว่า​มี​จุดประสงค์​บางอย่าง​ ​แต่​นาง​ก็​นึกไม่ออก​ว่า​ฟัง​ซื่อ​กับ​เจียง​จิ​่​นขุ​ยมี​ความขัดแย้ง​ทาง​ผลประโยชน์​อย่างไร​ ​หาก​เป็นการ​เตือน​นาง​ด้วย​ความหวังดี​ ​นาง​กับ​เจียง​จิ​่​นขุ​ยก​็​ดูเหมือนว่า​จะ​ไม่ได้​มี​มิตรภาพ​เช่นนั้น​ต่อกัน​ ​หรือว่า​เจียง​จิ​่​นขุย​ว่าง​จน​ไม่มี​อะไร​ทำ​ก็​เลย​อยาก​ยุ่ง​เรื่อง​ชาวบ้าน

​สือ​อี​เหนียง​ครุ่นคิด​แล้ว​สำรวจ​มอง​เจียง​จิ​่​นขุ​ยอย​่าง​ระมัดระวัง​อีกครั้ง

​เจียง​จิ​่​นขุย​ขมวดคิ้ว​เล็กน้อย​ ​สายตา​เหลือบมอง​ต่ำ​ ​พูด​พึมพำ​ว่า​ ​“​ถ้าหาก​สกุล​เจ้า​รู้เรื่อง​นี้​ ​พวกเขา​จะ​ไม่เกี่ยว​ดอง​กับ​สกุล​ฟัง​อย่างแน่นอน​ ​แต่ว่า​ข้า​ไม่ได้​หลอก​เจ้า​จริงๆ​ ​นะ​”​ ​จากนั้น​ก็​ย่อเข่า​คำนับ​ ​“​ข้า​ขอตัว​ก่อน​!​”​ ​น้ำเสียง​เศร้าสร้อย​เป็นอย่างมาก​ ​เดินผ่าน​นาง​ไป

​ทันใดนั้น​สือ​อี​เหนียง​ก็​เริ่ม​เข้าใจ​เจียง​จิ​่​นขุย​ขึ้น​มาบ​้าง​แล้ว

เดินทาง​มา​หลาย​พัน​ลี้​เพื่อ​แต่ง​เข้า​จวน​องค์​หญิง​ ​แม่​สามี​ฐานะ​สูงศักดิ์​และ​เพียบพร้อม​ไป​เสีย​ทุก​ด้าน​ ​ส่วน​สามี​เป็น​คน​มีแผน​การ​ชั่วร้าย​ ​หลอกลวง​และ​เย่อหยิ่ง​ ​มี​งานอดิเรก​ที่​ทุกคน​รู้จัก​ก็​คือ​ทำให้​คน​ต้อง​อับอาย​ ​นาง​เป็น​เหมือนกับ​เครื่องประดับ​ที่​ล้าสมัย​ ​ไม่เพียงแต่​หา​ที่​ยืน​ใน​จวน​ของ​องค์​หญิง​ไม่ได้​ ​ซ้ำ​ยัง​มีชีวิต​ที่​ต้อยต่ำ​และ​โดดเดี่ยว​ ​ใน​ชีวิต​ที่​น่าเบื่อ​และ​ไม่มีชีวิตชีวา​ ​จู่ๆ​ ​ก็ได้​ยิน​ข่าวลือ​ที่​ทำให้​คน​สนใจ​อยากรู้อยากเห็น​…​ราวกับ​กับ​วัชพืช​ที่​ค่อยๆ​ ​เติบโต​และ​แพร่กระจาย​ใน​ใจ​นาง​…​นาง​จะ​ทน​ได้​อย่างไร​!

​“​ข้า​เชื่อ​ว่า​เจ้า​ไม่ได้​หลอก​ข้า​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ดึง​แขน​เสื้อ​ของ​เจียง​จิ​่​นขุย​ ​“​เรื่อง​นี้​ยัง​มี​ใคร​รู้​อีก​บ้าง​”​ ​เสียง​ของ​นาง​เบา​ราว​เสียง​กระซิบ​ ​แต่​ค่อนข้าง​จริงจัง

​เจียง​จิ​่​นขุย​หันกลับ​มา​ ​ดวงตา​เปล่งประกาย​ ​รีบ​พูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​นอกจาก​ข้า​ก็​คง​ไม่มีใคร​รู้​แล้ว​!​ ​ไม่ใช่​สิ​ ​ใน​เยี​่​ยน​จิง​ยัง​ไม่มีใคร​รู้​ ​แม้แต่​ใน​หู​โจว​ก็​ไม่​ค่อย​มี​ใคร​รู้​ ​หาก​ข้า​ไม่​ถาม​ ​แม่​ของ​ข้า​ก็​คง​ไม่​พูด​กับ​ข้า​เรื่อง​นี้​…​พวกเรา​ก็​ไม่ใช่​คนพูดมาก​…​”

​จาก​คำอธิบาย​ที่​ดู​สับสน​ของ​นาง​ ​สือ​อี​เหนียง​ได้รับ​ข้อมูล​มาก​พอแล้ว

​ประการ​แรก​เจียง​จิ​่​นขุย​รู้เรื่อง​นี้​ได้​ยัง​ไม่นาน​ ​ซ้ำ​ยัง​เป็นเรื่อง​ที่​รู้​เข้า​โดยบังเอิญ​ ​แล้วก็​ไม่ได้​ไป​พูด​กับ​คนอื่น​ ​ประการ​ที่สอง​ข่าวลือ​ว่า​ฟัง​ซื่อ​มีด​วง​พิฆาต​สามี​นั้น​แพร่กระจาย​ใน​หมู่ญาติ​บางคน​เท่านั้น​ ​ไม่ได้​ถูก​เผยแพร่​ไป​อย่างกว้างขวาง​ ​มิเช่นนั้น​สกุล​ฟัง​ก็​คงจะ​ไม่กล้า​ให้​บุตรสาว​แต่งงาน​อย่างยิ่ง​ใหญ่

​“​ขอบคุณ​เจ้าที่​บอก​เรื่อง​นี้​กับ​ข้า​”​ ​นาง​มอง​เจียง​จิ​่​นขุ​ยอย​่าง​ตรงไปตรงมา​ ​“​รบกวน​เจ้า​ช่วย​เก็บความ​ลับ​นี้​ให้​สกุล​เรา​ด้วย​…​”

​สือ​อี​เหนียง​ยัง​พูด​ไม่ทัน​จบ​ ​เจียง​จิ​่​นขุ​ยก​็​รีบ​พยักหน้า​ ​“​เจ้า​วางใจ​เถิด​ ​ข้า​รู้​ขอบเขต​ดี​ ​ข้า​จะ​ไม่​บอก​ใคร​ทั้งนั้น​”​ ​จากนั้น​ก็​เน้นย้ำ​อีกว่า​ ​“​แม้แต่​องค์​หญิง​ข้า​ก็​จะ​ไม่​บอก​”​ ​แล้ว​พูด​ต่อไป​ว่า​ ​“​เจ้า​รีบ​คิด​หาวิ​ธี​แก้ไข​เรื่อง​นี้​เถิด​!​ ​กระดาษ​ห่อ​ไฟ​ไว้​ไม่อยู่​หรอก​ ​ใน​เยี​่​ยน​จิง​มี​ขุนนาง​หลาย​คนที​่​เป็น​คน​เจียง​หนาน​ ​ไม่ช้าก็เร็ว​เรื่อง​นี้​จะ​ต้อง​แพร่กระจาย​ออก​ไป​ ​เมื่อถึง​เวลา​นั้น​ทุกคน​จะ​ต้อง​รอดู​ความ​ครึกครื้น​ของ​ตระกูล​เจ้า​อย่างแน่นอน​”​ ​รีบ​พูด​ต่อ​อีกว่า​ ​“​องค์​หญิง​เข้า​ตำหนัก​หลวง​ไป​แล้ว​ ​ข้า​ไม่มีเวลา​คุย​กับ​เจ้า​แล้ว​ ​หาก​เจ้า​มีเรื่อง​อัน​ใด​จะ​ถาม​ข้า​ก็​ให้​คน​นำ​เทียบ​เชิญ​มาส​่ง​ให้​ข้า​ ​แม้ว่า​สามี​ข้า​จะ​มีเรื่อง​ขัด​ยังกับ​จวน​เม่ากั​๋​วก​งอยู​่​บ้าง​ ​แต่​ก็​ไม่ได้​เห็น​จวน​เม่ากั​๋​วก​งอยู​่​ใน​สายตา​ ​กลับ​ให้ความสำคัญ​กับ​ท่าน​โหว​เป็นอย่างมาก​ ​หาก​รู้​ว่า​เจ้า​เป็น​คน​เชิญ​ข้า​ ​ท่าน​พี่​จะ​ต้อง​ให้​ข้า​ไป​อย่างแน่นอน​ ​หาก​เป็นเรื่อง​ที่​ท่าน​พี่​อนุญาต​แล้ว​ ​องค์​หญิง​ไม่กล้า​คัดค้าน​อย่างแน่นอน​”​ ​ย่อเข่า​คำนับ​สือ​อี​เหนียง​แล้ว​ย้ำ​อีกครั้ง​ว่า​ ​“​ข้า​ต้อง​ไป​แล้ว​”​ ​จากนั้น​ก็​รีบ​เดิน​ไป​ที่​ตำหนัก​หลวง

​แน่นอน​ว่า​สือ​อี​เหนียง​ไม่เชื่อ​เรื่อง​ดวง​พิฆาต​สามี​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​ความสัมพันธ์​ของ​สวี​ซื่อ​ฉิน​กับ​ฟัง​ซื่อ​ตั้งแต่​หมั้น​หมาย​จนถึง​แต่งงาน​ก็​เป็นเวลา​หนึ่ง​ปีก​ว่า​แล้ว​ ​ถ้าหาก​ฟัง​ซื่อ​มีด​วง​พิฆาต​สามี​จริงๆ​ ​สวี​ซื่อ​ฉิน​จะ​ยัง​มีชีวิตชีวา​กระโดดโลดเต้น​เหมือน​ตอนนี้​ได้​อย่างไร

ไม่รู้​ว่าฮู​หยิน​สาม​จะ​รู้เรื่อง​นี้​หรือไม่​ ​ ​ ​ ​ ​

หาก​รู้​แล้วก็​จะ​เป็นเรื่อง​ดี​ ​ทุกคน​จะ​ได้คิด​หาวิ​ธี​จัดการ​กับ​เรื่อง​นี้​ ​ ​ ​

แต่​ถ้า​ไม่รู้​…

​เมื่อ​นาง​นึกถึง​สีหน้า​ภาคภูมิใจ​ของฮู​หยิน​สาม​ตอนที่​สู่ขอ​ลูกสะใภ้​คนโต​ก็​อด​ปวดหัว​ไม่ได้

เมื่อถึง​เวลา​นั้น​เรือน​สาม​จะ​สร้าง​ปัญหา​อะไร​บ้าง​ก็​ไม่รู้​!

เพียงแต่ว่า​ตอนนี้​ไม่ใช่​เวลา​มาคิด​เกี่ยวกับ​เรื่อง​นี้

​สือ​อี​เหนียง​หยุด​ความคิด​แล้ว​รีบ​เดิน​ไป​ที่​ตำหนัก​หลวง

​โจวฮู​หยิน​หา​โอกาส​ไป​กระซิบ​ถาม​นาง​ ​“​เจียง​จิ​่​นขุ​ยมา​หา​เจ้า​มีเรื่อง​อัน​ใด​”​ ​พูด​จบ​ก็​ไม่​รอ​ให้​สือ​อี​เหนียง​ตอบ​ ​พูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​ข้า​เห็น​นาง​ก็​อด​กังวล​ไม่ได้​ ​สามี​ก็​เป็น​เช่นนั้น​แล้ว​ ​แต่​นาง​กลับ​ทำตัว​เหมือน​กลัว​ว่า​จะ​เหยียบ​มด​ตาย​ ​หาก​คนอื่น​เห็น​เข้า​ก็​จะ​มอง​นาง​ด้วย​ความ​เหยียดหยาม​ ​ไม่​แปลกที่​องค์​หญิง​ฉัง​หนิง​จะ​โมโห​อยู่​บ่อยๆ​ ​พอ​พูดถึง​นาง​ก็​เอาแต่​ส่ายหน้า​”

สุดท้าย​ก็​กลายเป็น​วงจร​อุบาทว์​ ​ยิ่ง​นาง​ด้อยค่า​ตัวเอง​ก็​จะ​ยิ่ง​กลัว​ ​ยิ่ง​นาง​หวาดกลัว​ก็​ยิ่ง​ดู​ขี้ขลาด​ ​ยิ่ง​ถูก​สามี​และ​แม่​สามี​ตำหนิ​นาง​ก็​จะ​ยิ่ง​ด้อยค่า​ตัวเอง​มากขึ้น​เรื่อยๆ​ ​…

​“​ก็​ไม่มี​เรื่องสำคัญ​อะไร​เจ้าค่ะ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​แอบ​ถอนหายใจ​ใน​ใจ​แล้ว​พูด​อย่าง​คลุมเครือ​ว่า​ ​“​บอกว่า​พวกเรา​ต่าง​ก็​มาจาก​เจียง​หนาน​แล้วแต่ง​เข้ามา​ที่​เยี​่​ยน​จิง​ ​หาก​มี​เวลาว่าง​ก็​ให้​ไปมาหาสู่​กัน​บ่อยๆ​”

​“​ไอ​๊​หยา​!​”​ ​โจวฮู​หยิน​อุทาน​ด้วย​ความสงสัย​ ​“​นาง​เปลี่ยนเป็น​เช่นนี้​ตั้งแต่​เมื่อไร​”​ ​ยัง​ไม่ทัน​ได้​พูด​จบ​ก็ได้​ยิน​เสียงหัวเราะ​ของ​ไท่​จื่อ​เฟ​ยดัง​ขึ้น​

​ทั้งสอง​คน​หยุด​บทสนทนา​แล้ว​เข้าไป​รวมกลุ่ม

​******

​เมื่อ​กลับมา​ถึง​เรือน​สือ​อี​เหนียง​ก็​เอาแต่​คิด​เกี่ยวกับ​เรื่อง​นี้

​รู้สึก​ว่า​มัน​เหมือนกับ​ระเบิดเวลา​ที่​ทำให้​คน​ไม่สบายใจ​เล็กน้อย

​สวี​ลิ่ง​อี๋​นึก​ว่านา​งกัง​วล​เกี่ยวกับ​เรื่อง​ที่เกิด​ขึ้น​ใน​วัง​วันนี้​ ​สวม​เสื้อคลุม​แล้ว​ลุกขึ้น​นั่ง​คุย​กับ​นาง​ ​“​…​ฮองเฮา​เป็น​คนมีเหตุผล​ไม่​เก็บ​คำพูด​ของ​องค์​หญิง​ใหญ่​มา​ใส่ใจ​อย่างแน่นอน​ ​เจ้า​ไม่ต้อง​ห่วง​ ​ข้าว​่า​เป็น​เช่นนี้​ก็ดี​ ​ต่อไป​ใน​วัง​ก็​จะ​ไม่​เรียก​จิ​่น​เกอ​เข้า​วัง​โดย​ไม่มีเหตุผล​ ​จิ​่น​เกอ​ก็​จะ​ได้​ไม่ต้อง​คอย​ระมัดระวัง​ ​รอ​ให้​เขา​โตสั​กหน​่อย​ ​รู้จัก​ควบคุม​อารมณ์​แล้ว​ค่อย​ไป​คารวะ​ฮ่องเต้​กับ​ฮองเฮา​ก็​ยัง​ไม่​สาย​”

​บาง​เรื่อง​ที่​ยัง​ไม่ชัด​เจน​ ​สือ​อี​เหนียง​ไม่​อยาก​จะ​บอก​สวี​ลิ่ง​อี๋​ตอนนี้

​“​เป็น​ข้า​ที่​กังวล​มากเกินไป​”​ ​สือ​อี​เหนียง​สงบจิตสงบใจ​ ​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ข้า​ทำให้​ท่าน​โหวต​้​อง​ตื่น​ ​พรุ่งนี้​ท่าน​ยัง​ต้อง​พา​จุน​เกอ​ไป​จวน​เฉิน​เก๋อ​เหล่า​แต่เช้า​ตรู่​!​”

​เมื่อ​พูดถึง​หัวข้อ​นี้​ก็​ถึงตา​สวี​ลิ่ง​อี๋​ที่​ต้อง​เป็น​ฝ่าย​กังวล​บ้าง​แล้ว

​“​เจ้า​ว่า​จะ​เลือก​บ่าว​รับใช้​ดี​ๆ​ ​ให้​จุน​เกอ​สัก​คนดี​หรือไม่​”​ ​พูด​พึมพำ​ว่า​ ​“​ข้า​เห็น​ว่า​คนที​่​อยู่​รอบกาย​เขา​ไม่มีใคร​ที่​ออก​ความคิดเห็น​ได้​เลย​สัก​คน​”

​“​คน​เช่นนี้​หา​ได้​ยาก​”​ ​หลาย​วัน​มานี​้​สวี​ซื่อ​จุน​มักจะ​ออก​ไป​สังสรรค์​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​เมื่อ​เทียบ​กับ​เมื่อก่อน​ ​การคบค้าสมาคม​กับ​ผู้อื่น​ของ​เขา​พัฒนา​ขึ้น​มาก​ ​แต่​เขา​ไม่กระตือรือร้น​ ​ฟัง​จาก​ที่​สวี​ลิ่ง​อี๋​บอก​ ​เขา​เพียง​ทำ​ไป​ตามคำสั่ง​ ​เวลา​อยู่​กับ​คน​อายุ​รุ่นราวคราวเดียวกัน​หรือ​คนที​่​อายุ​น้อยกว่า​เขา​ก็​ถือว่า​ทำได้​ดี​ ​แต่​หาก​ต้อง​พบ​กับ​ผู้อาวุโส​ที่​น่าเกรงขาม​ ​ก็​จะ​เผย​สีหน้า​หวาดกลัว​ออกมา​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไม่พอใจ​มาก​จึง​พา​เขา​ออก​ไปนอก​จวน​บ่อย​ขึ้น​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็​รู้สึก​ว่า​สวี​ซื่อ​จุน​ต้องการ​โอกาส​ใน​การฝึกฝน​มากขึ้น​ ​และ​ค่อนข้าง​สนับสนุน​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​พา​เขา​ไป​เยี่ยม​ขุนนาง​ชั้นผู้ใหญ่​ใน​ราชสำนัก​หรือ​ไปร​่ว​มงาน​เลี้ยง​ ​นาง​นึกถึง​หลิน​ปัว​กับ​จ้าว​อิ่ง​ ​ด้วย​อายุ​ของ​พวกเขา​อีก​ไม่​กี่​วัน​ก็​จะ​ต้อง​ไป​ทำงาน​ที่​เรือน​นอก​แล้ว​ ​นาง​แนะนำ​ว่า​ ​“​ให้​คนใดคนหนึ่ง​ระหว่าง​หลิน​ปัว​กับ​จ้าว​อิ่ง​มา​อยู่​ข้าง​กาย​จุน​เกอ​ ​ท่าน​ว่า​ดี​หรือไม่​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​คิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​ก่อน​จะ​พูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​สอง​คน​นี้​รับใช้​ข้ามา​ตั้งแต่​อายุ​เจ็ด​แปด​ปี​ ​ย่อม​กระทำการ​ต่างๆ​ ​ได้​อย่างเหมาะสม​ ​เพียงแต่ว่า​ทาง​ฝั่ง​ของฝู​เจี​้​ยน​เป็น​เมือง​ที่​ผู้คน​มี​เล่ห์เหลี่ยม​และ​กลอุบาย​ ​อีก​อย่าง​สอง​คน​นี้​ก็​จะ​ไป​กว่าง​ตง​ใน​อีก​ไม่​กี่​วัน​แล้ว​…​”​ ​สุดท้าย​ก็​เป็นตัว​เอง​ที่​ผิด​ต่อ​ซื่อ​จื่อ​ที่​เป็นความ​หวัง​อัน​ยิ่งใหญ่​ ​แม้ว่า​จะ​ปฏิเสธ​ ​แต่​น้ำเสียง​ก็​แฝง​ไว้​ด้วย​ความลังเล​อยู่​บ้าง

​สือ​อี​เหนียง​แอบ​ตกใจ​ ​รีบ​หยัด​กาย​ลุกขึ้น​นั่ง​ ​“​ท่าน​โหว​ ​หรือว่า​สกุล​โอว​…​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​เห็น​ว่านาง​สวม​เพียงแค่​ชุดลำลอง​จึง​ถอด​เสื้อ​แล้ว​คลุม​ให้​นาง​ ​พูดเสี​ยง​เบา​ว่า​ ​“​การกระทำ​ขึ้นอยู่กับ​คน​ ​ความสำเร็จ​ขึ้นอยู่กับ​ฟ้า​”

พูด​อย่างชัดเจน​แล้ว

​สือ​อี​เหนียง​พยักหน้า​เล็กน้อย​ ​จับมือ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​“​ท่าน​โหว​ ​พวกเรา​จะ​ต้อง​สมปรารถนา​อย่างแน่นอน​เจ้าค่ะ​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​หัวเราะ​ ​ลูบ​ศีรษะ​นาง​ ​“​รีบ​นอน​เถิด​!​ ​ช่วงนี้​จิ​่น​เกอ​เริ่ม​ดื้อ​ขึ้น​เรื่อยๆ​ ​หาก​เจ้า​รู้สึก​เหนื่อย​ก็​ให้​สาวใช้​น้อย​กับ​ป้า​รับใช้​เหล่านั้น​เล่น​เป็นเพื่อน​เขา​ก็​พอแล้ว​ ​อย่า​ไป​ฝืน​ ​หาก​ป่วย​ขึ้น​มา​จะ​ยิ่ง​วุ่นวาย​”

​สือ​อี​เหนียง​รับปาก​พลาง​ล้ม​ตัว​นอนลง​ ​พูดคุย​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ต่อ​ ​“​ในเมื่อ​ต่อไปนี้​หลิน​ปัว​กับ​จ้าว​อิ่ง​ไม่​สามารถ​อยู่​ปรนนิบัติ​ข้าง​กาย​ท่าน​ได้​แล้ว​ ​เช่นนั้น​ท่าน​จะ​เลือก​บ่าว​รับใช้​ข้าง​กาย​คน​ใหม่​เมื่อไร​ ​เลือก​ให้​จุน​เกอ​สัก​คน​ด้วย​เลย​ดี​หรือไม่​ ​เขา​เป็น​ซื่อ​จื่อ​ ​ใน​สถานการณ์​คับขัน​จะ​ได้​ช่วยเหลือ​เขา​ได้​…​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ตอบ​เพียง​ ​“​อืม​”​ ​ทั้งสอง​คนพูด​คุย​เรื่อง​ใน​ครอบครัว​แล้ว​หลับ​ไป

​วันรุ่งขึ้น​ตอนที่​สวี​ซื่อ​อวี​้​มาคา​รวะ​ ​สือ​อี​เหนียง​ถาม​เขา​ว่า​ ​“​เรื่อง​ที่​อาจารย์​เจียง​มอบหมาย​ให้​เจ้า​ทำ​ไป​ถึง​ไหน​แล้ว​”

​สวี​ซื่อ​อวี​้​ยิ้ม​พลาง​พูดว่า​ ​“​โชคดี​ที่​มีพี​่​ใหญ่​ฟัง​คอย​ช่วยเหลือ​ ​ตอนนี้​ก็​รอ​เพียงแค่​ข้อสอบ​เตี่ยน​ซื่อ​ออกมา​ขอรับ​”

​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​หาก​พวก​เจ้า​จัดการ​กัน​เสร็จ​แล้วก็​เชิญ​คุณชาย​ฟัง​มาทา​นอา​หาร​ที่​จวน​สัก​มื้อ​เถิด​!​ ​ถือว่า​เป็นการ​ขอบคุณ​เขา​”

​สวี​ซื่อ​อวี​้​ขานรับ​อย่างนอบน้อม​ ​“​ขอรับ​”

​เสียงร้อง​ไห้​ของ​จิ​่น​เกอ​ดัง​มาจาก​ด้านนอก

​ทั้งสอง​คน​ตกใจ​รีบ​ออกจาก​ห้อง​ด้านใน

​เห็น​จิ​่น​เกอ​ยืน​อยู่​กลาง​ห้องโถง​คนเดียว​ ​ร้องไห้​หน้าแดง​หันไป​ทาง​ผ้าม่าน​ประตู​ ​บรรดา​สาวใช้​น้อย​ที่​คอย​รับใช้​พากัน​ยืน​ล้อมรอบ​เขา​แต่​ไม่กล้า​เดิน​เข้าไป​ ​แม่นม​กู้​นั่งลง​ปลอบ​เขา​แต่กลับ​ถูก​เขา​ตบหน้า

​สือ​อี​เหนียง​ไม่เคย​เห็น​จิ​่น​เกอ​อารมณ์เสีย​เช่นนี้​มาก​่อน​ ​นาง​นั่งลง​แล้ว​คว้า​ตัว​จิ​่น​เกอ​ ​กำลังจะ​ไต่ถาม​แม่นม​กู้​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้น​ก็ได้​ยิน​เสียง​สวี​ซื่อ​อวี​้​ตะโกน​ใส่​แม่นม​กู้​ ​“​เจ้า​เป็น​แม่นม​ประสา​อะไร​ ​ปล่อย​ให้​คุณชาย​น้อย​หก​ร้องไห้​เช่นนี้​!​”​ ​น้ำเสียง​ดุดัน​อย่างที่​ไม่เคย​ได้ยิน​มาก​่อน​ ​อย่า​ว่าแต่​แม่นม​กู้​เลย​ ​แม้แต่​สือ​อี​เหนียง​ก็​ยัง​มอง​สวี​ซื่อ​อวี​้​ด้วย​ความตกใจ

​ผ่าน​ไป​ครู่หนึ่ง​ทุกคน​ก็​สงบ​ลง​ ​มี​เพียง​เสียงร้อง​ไห้​ของ​จิ​่น​เกอ​ที่​ดัง​ขึ้น​กว่า​เดิม​ราวกับว่า​โลก​จะ​แตกสลาย

​เมื่อ​ผ้าม่าน​เปิด​ออก​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​เดิน​เข้ามา

​“​เกิด​อะไร​ขึ้น​”

​เขา​ปักปิ่น​หยก​ขาว​สวม​เสื้อคลุม​สีคราม​ ​ทำ​หน้า​เคร่งขรึม​แล้ว​เอา​มือ​ไขว้หลัง​ ​เหมือน​มี​ไอ​เย็น​เสียดแทง​เข้า​กระดูก​ ​ทำเอา​บ่าว​รับใช้​ใน​เรือน​ต่าง​ก็​ตัวสั่น​เทา​ด้วย​ความหวาดกลัว

​สวี​ซื่อ​จุน​ที่อยู่​ข้างหลัง​เขา​ก็​ยัง​รับรู้​ถึง​ความไม่พอใจ​ของ​บิดา​ ​ยืน​อยู่​หน้า​ประตู​อย่าง​ทำตัว​ไม่​ถูก

​สือ​อี​เหนียง​รีบ​อุ้ม​จิ​่น​เกอ​แล้ว​ยืน​ขึ้น​ ​“​เจ้าตัว​เล็ก​อารมณ์ไม่ดี​ ​ข้า​โอ๋​สักหน่อย​ก็ดี​ขึ้น​แล้ว​เจ้าค่ะ​ ​ท่าน​โหว​รีบ​ออกเดินทาง​เถิด​จะ​ได้​ไม่​เป็นการ​รบกวน​ธุระ​สำคัญ​ของ​ท่าน​”

​แม้ว่า​จิ​่น​เกอ​จะ​อายุ​เพียง​หนึ่ง​ขวบ​กว่า​ ​แต่​น้ำหนัก​กลับ​เหมือน​เด็ก​อายุ​สอง​ขวบ​ ​สือ​อี​เหนียง​ให้​เขา​หยุด​นม​แล้ว​ทาน​ผัก​ผลไม้​และ​เนื้อสัตว์​แทน​ ​ผิวขาว​สีแดง​ระเรื่อ​ ​ร่างกาย​แข็งแรง​จน​นาง​อุ้ม​แทบ​ไม่ไหว​แล้ว

​พูด​พลาง​นั่งลง​บน​เตียง​เตา​ริม​หน้าต่าง

​เสียง​งอแง​ของ​จิ​่น​เกอ​ค่อยๆ​ ​เบา​ลง​เรื่อยๆ​ ​เขา​สะอื้น​พลาง​ซบ​ลง​บน​ไหล่​ของ​สือ​อี​เหนียง

​สวี​ลิ่ง​อี๋​พยักหน้า​ ​หันหลัง​กำลังจะ​เดิน​ออก​ไป

​จิ​่น​เกอ​ก็​ร้องไห้​เสียงดัง​ขึ้น​มา​อีก

​ร้องไห้​พลาง​ตะโกน​เสียงดัง​ว่า​ ​“​ข้า​อยาก​หา​ท่าน​พ่อ​ ​ข้า​อยาก​หา​ท่าน​พ่อ​!​”

​พูด​ห้า​พยางค์​อย่างชัดเจน

ทุกคน​ใน​ห้อง​ล้วน​พากัน​ตกตะลึง

​โดยเฉพาะ​สือ​อี​เหนียง​ ​น้ำตา​ของ​นาง​ริน​ไหล​ออกมา​ ​วาง​จิ​่น​เกอ​ที่อยู่​ใน​อ้อมแขน​ลง​บน​เตียง​เตา​ ​แล้ว​มองดู​เขา​อย่างจริงจัง​ ​“​จิ​่น​เกอ​ ​เมื่อครู่นี้​เจ้า​พูดว่า​อะไร​”​ ​สีหน้า​ตื่นเต้น​เป็นอย่างมาก​

​จิ​่น​เกอ​ไม่​เหลือบมอง​สือ​อี​เหนียง​แม้แต่​นิดเดียว​ ​ร้องไห้​เหมือน​จะ​ขาดใจ​ ​พูด​อย่าง​สะอึกสะอื้น​ว่า​ ​“​ข้า​อยาก​หา​ท่าน​พ่อ​…​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ทั้ง​ดีใจ​ทั้ง​ประหลาดใจ​ ​กึ่ง​เดิน​กึ่ง​วิ่ง​เข้ามา​อุ้ม​จิ​่น​เกอ​ไว้​ใน​อ้อมแขน​ ​“​เอาล่ะ​ๆ​ๆ​ ​เจ้า​หยุด​ร้องไห้​ได้​แล้ว​!​”

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท