“เอาล่ะ!” คุณชายสามขมวดคิ้ว “ใช่ว่าข้าไม่เคยคิดเรื่องนี้ ถึงแม้ว่างานแต่งของเจี่ยนเกอจะไม่ยิ่งใหญ่เท่าฉินเกอ แต่แขกที่มาก็ล้วนแต่เป็นญาติสนิทมิตรสหาย ครอบครัวน้องสี่และน้องห้าก็ให้ของขวัญชิ้นใหญ่ เชิญแขกมาร่วมงานไม่มากก็ไม่วุ่นวาย คิดดูแล้ว เราต่างหากที่ได้เปรียบ!”
ฮูหยินสามได้ยินดังนั้น เสียงร้องไห้ของนางก็เบาลง นางหันหน้ามา ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาแล้วมองคุณชายสาม “เช่นนั้น ท่านพูดกับท่านแม่หรือยัง ว่างานแต่งของเจี่ยนเกอเราจะจัดการเอง ไม่จำเป็นต้องรบกวนสืออีเหนียงและตานหยาง!”
นางจะคิดบัญชีเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่นางกังวลเรื่องอื่น
ครั้งก่อนเงินขวัญของของฉินเกอ ตนไม่ได้จับสักตำลึงเดียว ครั้งนี้หากให้สืออีเหนียงเป็นคนจัดการ งานแต่ง จะใช้ชื่อเสียงของจวนหย่งผิงโหวไม่ได้ เงินของขวัญก็ตกไปอยู่ในบัญชีของส่วนกลาง เช่นนี้ตนก็จะไม่ได้อะไรเลย!
คุณชายสามนึกถึงคำพูดของไท่ฮูหยิน ความลังเลพลันปรากฏขึ้นมาบนใบหน้า
ฮูหยินสามเห็นแล้วก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายดายเหมือนที่นางคิด เลยร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้ง “ท่านแม่ลำเอียงเกินไปแล้ว อยากให้ม้าวิ่งแต่กลับไม่ให้ม้ากินหญ้า ท่านดูของขวัญวันเกิดของซินเจี่ยเอ๋อร์สิเจ้าคะ แล้วท่านดูของขวัญวันเกิดของจิ่นเกอสิ…แม้แต่เซินเกอ ข้ายังได้ยินมาว่าจะจัดโต๊ะฉลองสามร้อยโต๊ะ สุภาษิตว่าเอาไว้ว่า ‘เรื่องน่ายินดีของมนุษย์เรามีสี่อย่าง ภัยแล้งที่ได้รับฝน เจอสหายคนสนิทที่แดนไกล แต่งงานและสอบได้ตำแหน่ง’ เหตุใดถึงไม่พูดถึงของขวัญวันเกิด ของขวัญครบเดือน เห็นได้ชัดว่าเรื่องแต่งงานเป็นเรื่องที่สำคัญแค่ไหน หรือว่างานแต่งเจี่ยนเกอของเราเทียบกับงานเลี้ยงวันเกิดของเซินเกอไม่ได้เช่นนั้นหรือ” พูดถึงตรงนี้ นางก็ลุกขึ้นมานั่งข้างกายคุณชายสามทั้งน้ำตา “ท่านพี่เจ้าคะ ข้าไม่ได้จะเปรียบเทียบ แต่ประเดี๋ยวก็จะถึงวันเกิดของเซินเกอแล้ว แล้วประเดี๋ยวก็ถึงวันแต่งงานของเจี่ยนเกอ เวลาแค่สองเดือน ถึงแม้ว่าเราไม่เปรียบเทียบ ญาติสนิทมิตรสหายเห็นเช่นนี้ก็ต้องคิดแน่นอน ท่านคิดว่าถึงตอนนั้นแล้วพี่สะใภ้สกุลเดิมของข้าถามขึ้นมา ข้าจะตอบเช่นไร!”
สีหน้าของคุณชายสามมีความลังเลเล็กน้อย
ฮูหยินสามเห็นเช่นนี้ก็ดีใจ พูดอย่างสะอึกสะอื้น “คนอื่นไม่เข้าใจ แต่ท่านก็ไม่เข้าใจเช่นนั้นหรือ บนโลกใบนี้ ไม่ค่อยมีใครให้ความช่วยเหลือเราในยามคับขัน แต่มักจะมีคนคอยเหยียบย่ำซ้ำเติมเสมอ ตอนนี้เราเป็นเช่นนี้ ในสายตาของพวกเขา พวกเขาดูถูกเราอยู่แล้ว หากยังทำตัวขี้ขลาดตาขาวเช่นนี้อีก เกรงว่าคงจะไม่มีที่ให้เรายืนแล้ว ท่านพี่เจ้าคะ ข้าไม่กลัวท่านหัวเราะเยาะข้า วันนั้นข้านำหนังสือวันเดือนปีเกิดของเจี่ยนเกอไปให้ท่านแม่ เจอกับคุณนายสามสกุลหวงและสืออีเหนียงพอดี เป็นสาวใช้เหมือนกัน แต่อวี้ป่านกลับพาสาวใช้ของพวกนางไปนั่งที่ห้องโถง ส่วนซิ่งเจียวกลับยืนอยู่ในลาน…ท่านพี่เจ้าคะ วันนี้เป็นซิ่งเจียว พรุ่งนี้คงเป็นพวกเรากระมัง…”
คุณชายสามไม่พูดอะไร สีหน้าของเขามีความคลุมเครือ
ฮูหยินสามหันหน้ามาแล้วเติมฟืนเข้าไปอีก “ข้ารู้ หากไม่ใช่เพราะข้า ครอบครัวของเราคงจะไม่เป็นเช่นนี้ ล้วนแต่เป็นความผิดของข้าเอง…ข้าทำลายอนาคตของท่าน…แต่ที่ข้าทำไปก็เพื่อครอบครัวของเรา เพื่อลูกๆ ของเรา ในบรรดาลูกสะใภ้ นอกจากเสื้อผ้าใหม่ของจวนปีละสิบสองชุด ท่านเคยเห็นข้าตัดเสื้อผ้าใหม่ให้ตัวเองสักชุดหรือซื้อเครื่องประดับเพิ่มให้ตัวเองหรือไม่ แม้แต่สองปีที่ดูแลเรื่องในจวน ข้าก็ไม่เคยใช้เงินเพื่อตัวเอง…”
“หยุดพูดได้แล้ว!” คุณชายสามพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง
ภรรยาติดตามเขามาตั้งหลายปี ถึงแม้ว่าจะมีปัญหาอยู่บ้าง แต่นางก็ตั้งใจดูแลครอบครัวนี้มาตลอด ไม่เช่นนั้น พวกเขาไม่มีทางมีกิจการของตัวเองแบบนี้ ภรรยาก็คงจะไม่ถูกท่านลุงตำหนิว่าไม่ช่วยพวกเขาเรื่องเงินบ่อยๆ
“ข้าจะไปบอกท่านแม่ประเดี๋ยวนี้!”
สายตาของฮูหยินสามมีรอยยิ้ม
“ท่านพี่เจ้าคะ!” นางพูดเบาๆ “ต่อไปข้าจะทำตามที่ท่านบอก! ข้าไม่มีทางก่อเรื่องให้ท่านอีกแน่นอน เจี่ยนเกอมีตำแหน่งแล้ว ฉินเกอก็สืบทอดตำแหน่ง ผลผลิตของไร่ทั้งสองก็เพียงพอสำหรับเราแล้ว ร้านค้าสองแห่งบนถนนตงต้าก็มีรายได้ปีละหนึ่งพันตำลึง ถึงตอนนั้นเราจะได้ใช้ชีวิตของตัวเองอย่างมีความสุข ไม่แย่ไปกว่าคนอื่นแน่นอน”
คุณชายสามพยักหน้าเบาๆ
แต่เมื่อเจอกับไท่ฮูหยิน เขากลับไม่รู้ว่าจะพูดเช่นไร
“…ข้าบอกว่า ถึงแม้ว่าพวกเจ้าจะแยกออกไปอยู่ข้างนอก มีข้าอยู่ คุณชายสี่ก็ไม่ใช่คนใจแคบ ยังคงใจกว้างเหมือนแต่ก่อน” ไท่ฮูหยินเล่นเก้าห่วงปริศนากับจิ่นเกอ พลางพูดกับคุณชายสาม “ตามหลักแล้ว วันเกิดของเซินเกอต้องได้เงินจากส่วนกลางห้าสิบตำลึง ส่วนที่เหลือคุณชายห้าจะเป็นคนออกเอง!” พูดจบนางก็เงยหน้าขึ้นมองคุณชายสาม “เจ้าอยู่กับข้ามาตั้งหลายปี เรื่องของเด็กๆ เหล่านี้ข้าไม่เคยลำเอียง ทางฝั่งของเจ้า เจ้าก็ไม่ต้องกังวล เงินแต่งงานสามร้อยตำลึงของเจี่ยนเกอ รายได้ครึ่งปีของแต่ละร้านค้าเข้ามาในคลังภายในเดือนเจ็ด น้องสะใภ้สี่ของเจ้าจะเป็นคนจัดการเอง” นางพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณนายสามสกุลหวงพูดความต้องการของเราให้เวยฮูหยินฟังแล้ว สกุลจินคิดว่ากำหนดวันแต่งงานเร็วไปหน่อย อยากรอให้ถึงเดือนห้าปีหน้า แต่เมื่อได้ยินว่าข้าเป็นคนเลือกวันเอง พวกเขาจึงเห็นด้วย ข้าคิดว่า ถือโอกาสช่วงฤดูร้อน อากาศแห้งแล้ง พวกเจ้ารีบทำความสะอาดเรือนหอใหม่เถิด ตอนนี้เจี่ยนเกอเป็นถึงขุนนางระดับหก แล้วสกุลจินก็ยังมีมารยาทเช่นนี้ ถึงตอนนั้นพวกเจ้าจะเพิกเฉยต่อคุณหนูสกุลจินไม่ได้เด็ดขาด!”
ในขณะที่นางกำลังพูด ป้าตู้ก็ถือเทียบเชิญสีแดงเข้ามา “ไท่ฮูหยินเจ้าคะ ฝ่ายรายงานส่งมาให้ บอกว่าสกุลถังแต่งหลานสะใภ้แล้วเจ้าค่ะ”
ไท่ฮูหยินรับเทียบเชิญมา “ขอข้าดูหน่อย…”
อวี้ป่านหยิบแว่นออกมาให้ไท่ฮูหยิน
ไท่ฮูหยินเหลือบมองป้าตู้ “ต่อไปหากมีเรื่องเช่นนี้ ให้ส่งไปให้ฮูหยินสี่ก่อน!”
ป้าตู้ยิ้มแล้วพูดว่า “ฮูหยินสี่ก็มีแล้วเจ้าค่ะ สกุลถังบอกว่า เทียบเชิญนี้ส่งให้ท่านโดยเฉพาะ”
ไท่ฮูหยินพยักหน้า ก่อนจะหันไปพูดกับคุณชายสาม “ไม่แปลกที่เขาว่ากันว่า คนจนมักจะชอบโมโห ยิ่งจนก็ยิ่งคิดว่าตัวเองจะถูกคนอื่นดูถูก หากอยากจะจัดงานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่…ถังฮูหยินแต่งลูกสะใภ้ก็แค่ส่งเทียบเชิญมาให้เรา แต่คนคนนี้ กลับส่งเทียบเชิญมาให้เราตั้งสามฉบับ ราวกับกลัวว่าเราจะไม่ไปร่วมงาน” พูดจบ นางก็ยิ้มแล้วลูบหน้าผากจิ่นเกอที่กำลังใจจดใจจ่ออยู่กับการปลดเก้าห่วงปริศนา เห็นว่าหน้าผากของเขาไม่มีเหงื่อ นางก็พูดว่า “อ้อใช่ เจ้ามาหาข้า มีเรื่องอันใดหรือ”
คุณชายสามยิ้ม “ไม่มีอะไรขอรับ! คณะดาราศาสตร์บอกว่าวันเดือนปีเกิดของพวกเขาสองคนสมพงษ์กันไม่ใช่หรือ ข้าจึงมาดูว่าท่านแม่กำหนดวันแล้วหรือยัง เราจะได้เตรียมตัวเอาไว้!”
ไท่ฮูหยินพยักหน้าอย่างพึงพอใจแล้วพูดว่า “ถึงแม้ว่าการแต่งงานครั้งนี้จะเป็นความต้องการของข้า แต่เรื่องบางเรื่อง พวกเจ้าก็ต้องเห็นแก่สถานการณ์โดยรวม ตอนที่คุณนายน้อยใหญ่แต่งเข้ามา เจ้าไม่เคยมาถามถึงกำหนดวันใช่หรือไม่ เรื่องแต่งงานกับสกุลจิน เจ้าก็ต้องทำเหมือนกัน อย่าถามอะไรมากจนเกินไป” พูดจบ นางก็หัวเราะ “เจ้านะเจ้า ต้องทำตามข้า ชอบคนไหน ไม่ชอบคนไหนก็ต้องเก็บไว้ในใจ ไม่เช่นนั้น ครอบครัวของเจ้าจะสงบสุขได้เช่นไร!”
คุณชายสามยิ้มแล้วขานรับ “ขอรับ” เห็นไท่ฮูหยินก้มหน้าลูบหัวจิ่นเกอแล้วพูดว่า “ปลดไม่ได้เราก็ไม่ปลดดีกว่า วันนี้พักผ่อนก่อน พรุ่งนี้ค่อยปลดใหม่”
จากนั้นเขาก็ยืนขึ้น “ท่านแม่ เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อน”
ไท่ฮูหยินได้ยินแล้วก็ตอบเพียง “อืม” เงยหน้าขึ้นมองเขาครู่หนึ่งจากนั้นก็หันกลับมามองเก้าห่วงปริศนาที่อยู่ในมือของจิ่นเกออีกครั้ง “ไปเถิด เรื่องทาสีเรือน เคลือบเงาชายคาถึงจะเป็นเรื่องของผู้ชาย!” แต่กลับไม่พูดถึงเรื่องเชิญแม่ครัวและซุ้มงานแต่ง
คุณชายสามยิ้มอย่างขมขื่น จากนั้นก็ขานรับ “ขอรับ” เบาๆ
ไท่ฮูหยินจึงพูดกับจิ่นเกอ “คำนับท่านลุงสามเร็วเข้า!”
อวี้ป่านรีบอุ้มจิ่นเกอลงมาจากเตียงเตา
จิ่นเกอทะเลาะกับเก้าห่วงปริศนามาเกือบครึ่งชั่วยามแล้ว จึงอารมณ์ไม่ดี คำนับเสร็จเขาก็ทำหน้าบึ้งตึงแล้วพูดว่า “ท่านลุงสามเดินทางปลอดภัยขอรับ” ท่าทีน่ารักน่าเอ็นดู ทำให้คุณชายสามที่อารมณ์ไม่ค่อยดีเห็นเช่นนี้ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม ตัวเองก็เป็นพ่อสามีแล้ว บางทีอาจจะมีหลานชายตัวเล็กที่น่ารักน่าเอ็นดูเหมือนจิ่นเกอเร็วๆ นี้ก็ได้!
*****
เห็นสามีกลับมา ฮูหยินสามที่กำลังสั่งให้ซิ่งเจียวไปหยิบสุราจินหวาในห้องเก็บของออกมา รอให้คุณชายสามกลับมาแล้วจะดื่มเป็นเพื่อนคุณชายสามสักสองสามจอกก็รีบยิ้มแล้วเดินเข้าไปต้อนรับ รับใช้คุณชายสามเปลี่ยนเสื้อผ้า ยกน้ำแกงซวนเหมยเย็นๆ ให้เขาด้วยตัวเอง จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ท่านแม่ว่าเช่นไรบ้าง” นางถามด้วยสายตาที่คาดหวัง
คุณชายสามสีหน้าลำบากใจ เขาพูดเบาๆ “ท่านแม่บอกว่า เจี่ยนเกอแต่งงาน เงินสามร้อยตำลึงของส่วนกลาง รอให้รายได้ครึ่งปีของร้านค้าเข้ามาในคลังภายในเดือนเจ็ดแล้วน้องสะใภ้สี่จะส่งคนนำมาให้เรา สกุลจินตอบตกลงที่จะแต่งงานเดือนแปด บอกให้เรารีบทำความสะอาดเรือนหอใหม่”
ยังไม่ได้บอกว่าให้ใครเป็นคนจัดการงานแต่งของเจี่ยนเกอ
ฮูหยินสามตกใจ
คุณชายสามก็พูดอีกว่า “เจ้าบอกว่างานแต่ของเจี่ยนเกอเรียบง่ายเกินไปไม่ใช่หรือ ข้าคิดดูแล้ว สกุลจินตอบตกลงแต่งงานง่ายดายเช่นนี้ ก็เป็นเพราะว่าตอนนี้เจี่ยนเกอมีตำแหน่ง แล้วท่านแม่ยังเป็นคนออกหน้ากำหนดงานแต่งครั้งนี้ เรื่องแต่งงานของเจี่ยนเกอ เชิญน้องสะใภ้สี่มาช่วยจัดการเถิด เช่นนี้เวยเป่ยโหวฮูหยินสกุลหลิน จงซานโหวฮูหยินสกุลถัง หรือแม้แต่เฉินเก๋อเหล่าฮูหยินและเหลียงเก๋อเหล่าฮูหยินก็อาจจะมาร่วมงานแต่งด้วย…บางทีงานแต่งของเขาอาจจะคึกคักกว่างานแต่งของฉินเกออีกก็ได้!”
ประเดี๋ยวก็บอกว่าเงินส่วนกลางสามร้อยตำลึงของเจี่ยนเกอจะนำมาให้ในเดือนเจ็ด ประเดี๋ยวก็บอกว่าสกุลจินตอบตกลงเพราะเห็นแก่หน้าไท่ฮูหยิน ประเดี๋ยวก็บอกว่างานแต่งของเจี่ยเกออาจจะคึกคัก…
ฮูหยินสามเบิกตากว้าง “เช่นนั้นงานแต่งจัดที่ไหน”
คุณชายสามพูดอย่างคลุมเครือ “แน่นอนว่าต้องจัดที่ตรอกซานจิ่ง”
“เช่นนั้นใครเป็นคนดูแลบัญชี” สามีของตัวเอง ตัวเองรู้จักเขาดีที่สุด ฮูหยินสามไม่ยอมให้เขาพูดคลุมเครือเช่นนี้อีกต่อไป นางเค้นถาม
คุณชายสามพูด “ถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน…” จากนั้นเขาก็เปลี่ยนเรื่อง “ประเดี๋ยวทานข้าวเสร็จ เราก็กำหนดเรือนหอใหม่ได้แล้ว กานเหล่าเฉวียนจะได้รีบหาช่าง…”
“ท่านพี่!” ฮูหยินสามร้องไห้ “บุตรชายของข้าแต่งงาน แต่กลับให้คนอื่นเป็นคนจัดการ ให้คนอื่นเป็นคนเก็บเงินของขวัญ…ข้าไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว!”
คุณชายสามนั่งขมวดคิ้วอยู่ตรงนั้น
*****
ป้าตู้บิดผ้าเช็ดหน้าที่ชุบน้ำแล้วยื่นให้ไท่ฮูหยิน
ไท่ฮูหยินเช็ดหน้าให้จิ่นเกอแล้วพูดว่า “หากคุณชายสามมาหาข้าอีก เจ้ารายงานข้าก็พอแล้ว!”
หมายความว่าจะไม่เจอเขา!
ป้าตู้ยิ้มแล้วขานรับ “เจ้าค่ะ” อย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ถามจิ่นเกอ “คุณชายน้อยหก บ่าวป้อนน้ำแกงเม็ดบัวเย็นๆ ให้ท่านทานดีหรือไม่”
จิ่นเกอไม่สนใจนาง เขาพยายามปลดเก้าห่วงปริศนาของตัวเองต่อไป
“คุณชายน้อยหกเจ้าคะ!” ป้าตู้เรียกเขาเบาๆ ด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล
“ไม่ต้องสนใจเขาหรอก” ไท่ฮูหยินยิ้ม “คุณชายน้องสองตอนเด็กๆ ก็เป็นเช่นนี้ เด็กคนอื่นปลดไม่ได้ก็โยนทิ้ง แต่เขากลับเล่นอะไรก็เล่นได้นาน รู้ลึก รู้ละเอียดทุกอย่าง” นางพูดด้วยน้ำเสียงตื้นตันใจ “ยกน้ำแกงเม็ดบัวเข้ามาเถิด ข้าป้อนเขาเอง!”
ป้าตู้ตอบรับแล้วเดินออกไป จากนั้นก็กลับมาอย่างรวดเร็ว นางพูดเบาๆ “คุณชายสามมาแล้วเจ้าค่ะ!”
ไท่ฮูหยินมีสีหน้าผิดหวัง นางพูด “บอกเขาว่าข้าพักผ่อนแล้ว”
