ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 599 รัก (ปลาย)

ตอนที่ 599 รัก (ปลาย)

สือ​อี​เหนียง​ได้ยิน​ดังนั้น​ก็​ตกใจ​ ​“​เกิด​อะไร​ขึ้น​”

ใน​บรรดา​เด็ก​ๆ​ ​ที่มา​เป็น​แขก​ ​อายุ​มาก​ที่สุด​ก็​สิบ​สี่​ปี​ ​อายุ​น้อยที่สุด​ก็​ไม่​เกิน​สิบ​ปี​ ​ทั้งหมด​ล้วน​เกิด​ใน​ตระกูล​ที่​มีชื่อเสียง​ ​และ​เป็น​ลูกหลาน​ที่​ถูก​เลี้ยงดู​มา​เป็น​อย่างดี​ ​ไม่เพียงแต่​ได้รับ​การศึกษา​ที่​ดี​เท่านั้น​ ​ซ้ำ​บิดา​ยัง​รับราชการ​อยู่​ที่​เยี​่​ยน​จิง​อีกด้วย​ ​มักจะ​ได้ยิน​ได้​เห็น​เรื่องราว​ต่างๆ​ ​มากมาย​ ​มีความรู้​มากกว่า​เด็ก​ธรรมดา​ทั่วไป​ ​แม้แต่​เวลา​ที่​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูดถึง​ก็​มักจะ​เป็น​คำชื่น​ชม​เช่นกัน​ ​‘​คน​หลาย​คน​เดิน​มาด​้ว​ยกัน​ ​ต้อง​มีสั​กค​นนึง​ที่จะ​เป็น​ครู​ของ​เรา​ได้[1]’​ ​นี่​ก็​เป็นหนึ่ง​ใน​เหตุผล​ที่​สือ​อี​เหนียง​สนับสนุน​ให้​สวี​ซื่อ​จุน​ไปมาหาสู่​กับ​พวกเขา​ให้​มาก​ๆ​ ​หวัง​ว่า​สวี​ซื่อ​จุน​จะ​ได้​เรียนรู้​จุดแข็ง​ใน​การ​จัดการ​สิ่ง​ต่างๆ​ ​จาก​พวกเขา​ ​ด้วย​การ​ที่​พวกเขา​ถูก​ปลูกฝัง​มา​อย่างดี​ ​เมื่อมา​เป็น​แขก​ที่​เรือน​แล้ว​มี​อะไร​ที่​ทำให้​ไม่พอใจ​ ​ตามเหตุผล​แล้วก็​คงจะ​ไม่​สร้าง​ปัญหา​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​สวี​ซื่อ​จุน​ก็​ปกป้อง​สวี​ซื่อ​เจี้ยมา​ตลอด​ ​หาก​มีเรื่อง​อะไร​เกิดขึ้น​จริง​ ​สวี​ซื่อ​จุน​ไม่มีทาง​นั่ง​ดู​อยู่​เฉยๆ​ ​แน่นอน​!

เมื่อ​คิดถึง​ตรงนี้​ ​นาง​ก็​มีสี​หน้า​กังวล

“​ตอนแรก​ยังดี​ๆ​ ​อยู่​เจ้าค่ะ​”​ ​จู๋​เซียง​พูด​ต่อว่า​ ​“​ทุกคน​คุย​ไป​หัวเราะ​ไป​ ​คุณชาย​สกุลจั​วก​็​ยัง​ยืม​ฉิน​ของ​คุณชาย​น้อย​สี่​มาบรร​เลง​เพลง​ด้วย​ ​ขณะที่​คุณชาย​น้อย​ห้า​กำลัง​ฟัง​ก็ได้​หยิบ​ขลุ่ย​ผิว​ออกมา​บรรเลง​เพลง​ครึ่งหลัง​ประสาน​กับ​คุณชาย​สกุลจั​ว.​..​”

ไม่​รอ​ให้​นาง​พูด​จบ​ ​สือ​อี​เหนียง​สีหน้า​เคร่งขรึม​เล็กน้อย​ ​พูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​คุณชาย​สกุลจัว​เป็น​คน​เชิญ​คุณชาย​น้อย​ห้ามา​ร่วม​บรรเลง​ด้วย​ ​หรือว่า​คุณชาย​น้อย​ห้า​ร่วม​บรรเลง​กับ​คุณชาย​สกุลจัว​เอง​”

“​เป็นคุณ​ชายน้อย​ห้า​ที่​หยิบ​ขลุ่ย​ผิว​ออกมา​ร่วม​บรรเลง​กับ​คุณชาย​สกุลจัว​เอง​เจ้าค่ะ​”​ ​ขณะที่​จู๋​เซียง​พูด​ ​สีหน้า​ของ​นาง​ก็​เปลี่ยนไป​เล็กน้อย​ ​จากนั้น​ก็​พูด​อย่าง​ครุ่นคิด​ว่า​ ​“​แต่​ต่อมา​คุณชาย​น้อย​สกุล​หวัง​ก็​วาดภาพ​ขึ้น​มา​หนึ่ง​ภาพ​ ​พอคุณ​ชาย​สกุล​โต้ว​เห็น​ดังนั้น​ก็​บอกว่า​มี​รูป​แต่​ไร้​กลอน​ ​ก็​เหมือนกับ​มี​ชาดี​แต่​ไร้​น้ำแร่​ ​ทำให้​คน​อด​เสียดาย​ไม่ได้​ ​จึง​ได้​อาสา​แต่ง​บทกลอน​ ​ใคร​จะ​ไปรู​้​ว่า​พอ​เขียน​เสร็จ​กลับ​ทำ​หมึก​หยด​ลง​บน​กระดาษ​”

สีหน้า​ของ​สือ​อี​เหนียง​ค่อยๆ​ ​เคร่งขรึม​ขึ้น​กว่า​เดิม

“​คุณชาย​สกุล​โต้​วอุ​ทาน​ด้วย​ความตกใจ​ ​ยกมือ​คำนับ​ขอโทษ​ด้วย​ใบหน้า​เขินอาย​ ​แม้ว่า​บรรดา​คุณชาย​น้อย​จะ​รู้สึก​เสียใจ​ ​แต่​ทุกคน​ก็​หัวเราะ​และ​พูด​หยอกล้อ​คุณชาย​สกุล​โต้​วว​่า​ ​‘​ประมาท​จน​ทำให้​เสีย​เมือง​จิง​โจว​’​ ​คุณชาย​สกุลจั​วจึ​งอ​อก​ความคิดเห็น​ ​บอกว่า​หมึก​ที่​หยด​ลงมา​ใต้​ใบบัว​ไม่​สู้​วาด​หมึก​ลง​ไป​กลายเป็น​ปลาทอง​ ​สามารถ​เปลี่ยน​ให้​กลายเป็น​จุดสำคัญ​ได้​ ​คุณชาย​สกุล​หวัง​ได้​ฟัง​ดังนั้น​ก็​ลอง​พิจารณา​ดู​ ​คุณชาย​สกุล​โต้​วก​ลับ​บอกว่า​ในเมื่อ​เขา​เป็น​คน​ก่อเรื่อง​ ​เช่นนั้น​ก็​ควร​ให้​เขา​เป็น​คน​จัดการ​เอง​ ​จากนั้น​ก็​นำ​ป้าย​หยก​ออกมา​ ​ขอให้​คุณชาย​น้อย​ห้า​ช่วย​หา​คน​นำ​ไป​ส่ง​ที่​ร้าน​ตัว​เป่า​เก๋อ​ ​ให้​อาจารย์​ใน​ร้าน​ตัว​เป่า​เก๋อ​นำ​ไป​ติด​ลง​บน​ผ้าไหม​แล้ว​ส่ง​มา​ ​คุณชาย​น้อย​สกุล​หวัง​ได้ยิน​ดังนั้น​ก็​รู้สึก​ลำบากใจ​ ​บอกว่า​เพียงแค่​วาด​ขึ้น​มา​โดย​ไม่ได้ตั้งใจ​เท่านั้น​ ​จะ​กล้า​รบกวน​ให้​อาจารย์​ร้าน​ตัว​เป่า​เก๋อ​ช่วย​ใส่​กรอบ​ให้​ได้​อย่างไร​ ​คุณชาย​สกุล​โต้ว​บอกว่า​ ​‘​อย่างไร​เสีย​เจ้า​ก็​ต้อง​ให้โอกาส​ข้า​ได้​ชดเชย​ความผิด​สักหน่อย​’​ ​คุณชาย​น้อย​สี่​เห็น​ดังนั้น​ก็​ยิ้ม​พลาง​เรียก​หวัง​ซู่​ ​ให้​หวัง​ซู่​เป็น​คน​เอา​ไป​ ​คุณชาย​สกุล​โต้ว​ได้ยิน​ดังนั้น​ก็​สีหน้า​ไม่​ค่อย​ดี​ ​ถาม​ว่า​หวัง​ซู่​รู้​ทาง​ไปร​้าน​ตัว​เป่า​เก๋อ​หรือไม่​ ​คุณชาย​น้อย​ห้า​จึง​อาสา​รับ​ภาพวาด​มา​ ​บอกว่า​ให้​ตัวเอง​ไป​เอง​ดีกว่า​ ​กลัว​ว่า​หวัง​ซู่​จะ​ทำให้​เสียเวลา​เจ้าค่ะ​”

“​ดังนั้น​ทุกคน​ก็​เลย​ให้​คุณชาย​น้อย​ห้า​เป็น​คน​นำภาพ​วาด​ไป​ส่ง​?​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​พึมพำ

“​คุณชาย​น้อย​สี่​จะ​ห้าม​ ​แต่​คุณชาย​น้อย​ห้า​กลับ​บอกว่า​อย่างไร​เสีย​เขา​ก็​ว่าง​ไม่มี​อะไร​ทำ​ ​ร้าน​ตัว​เป่า​เก๋อ​ภาคภูมิใจ​ใน​เกียรติ​ของ​ตัวเอง​มา​เสมอ​ ​หาก​ให้​หวัง​ซู่​ไป​จะ​ไม่เหมาะสม​ ​ไม่​สู้​ให้​เขา​ส่ง​ผู้ดูแล​ไป​จะ​ดีกว่า​”​ ​จู๋​เซียง​พูด​ต่อไป​ว่า​ ​“​ไม่ว่า​คุณชาย​น้อย​สี่​จะ​พูด​อย่างไร​ ​คุณชาย​น้อย​ห้า​ก็​หันหลัง​แล้ว​เดิน​ออก​ไป​เลย​ ​นำภาพ​วาด​ไป​ให้​พ่อบ้าน​ไป๋​แล้วก็​ไม่ได้​กลับ​ไป​ที่​ศาลา​ริมน้ำ​ฉุย​หลุน​อีก​ ​แต่กลับ​เรือน​ไป​คนเดียว​ ​บ่าว​ถาม​สี่​เอ๋อร​์​ ​สี่​เอ๋อร​์​บอกว่า​พอคุณ​ชายน้อย​ห้า​กลับ​ไป​ถึง​เรือน​ก็​ปิดประตู​ ​บอกว่า​อากาศ​ร้อน​ ​เหนื่อย​นิดหน่อย​ ​ต้องการ​พักผ่อน​ ​หาก​มี​คน​มาก​็​ให้​ห้าม​ไว้​ ​แล้วยัง​กำชับ​ว่า​หาก​ภาพวาด​นั้น​ใส่​กรอบ​เสร็จ​แล้วก็​ให้​รีบ​มาบ​อก​เขา​ ​เขา​จะ​ได้​นำ​ไป​ส่ง​ที่​ศาลา​ริมน้ำ​ฉุย​หลุน​ทันเวลา​ ​ถ้าหาก​ช้า​ ​ทำให้​คนอื่น​เข้าใจผิด​ว่า​คน​สกุล​สวี​จัดการ​เรื่อง​ต่างๆ​ ​ไม่​เป็น​จะ​แย่​เอา​ได้​!​”

สือ​อี​เหนียง​ได้​ฟัง​ดังนั้น​ก็​เงียบ​ไป​พักใหญ่​ก่อน​จะ​พูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​เรื่อง​นี้​เจ้า​ก็​อย่า​เอา​ไป​พูด​ที่ไหน​ ​พวกเรา​รอดู​สถานการณ์​ก่อน​แล้ว​ค่อย​ว่า​กัน​”

จู๋​เซียง​ตอบรับ​อย่างนอบน้อม​ ​หลังจาก​อาหารเย็น​ผ่าน​ไป​แล้วก็​มารา​ยงา​นนาง​ ​“​ไป​เอา​ภาพวาด​กลับมา​แล้ว​เจ้าค่ะ​ ​คุณชาย​น้อย​ห้า​รีบ​ส่ง​ไป​ที่​ศาลา​ริมน้ำ​ฉุย​หลุน​ทันที​ ​คุณชาย​น้อย​สกุล​โต้​วก​ล่าว​ขอบคุณ​คุณชาย​น้อย​ห้า​ ​แล้วยัง​บอกว่า​คิดไม่ถึง​ว่า​คุณชาย​น้อย​ห้า​จะ​จัดการ​ได้​อย่างเหมาะสม​เช่นนี้​ ​ต่อไป​หาก​มีเรื่อง​เล็ก​ๆ​ ​น้อย​ๆ​ ​เช่นนี้​ก็​ต้อง​ขอให้​คุณชาย​น้อย​ห้า​ช่วย​ให้​คำแนะนำ​ ​หวัง​ว่า​คุณชาย​น้อย​ห้า​จะ​ไม่​ปฏิเสธ​”

สือ​อี​เหนียง​ขมวดคิ้ว​ ​“​แล้ว​คุณชาย​น้อย​ห้าว​่า​อย่างไร​”

“​คุณชาย​น้อย​ห้า​เพียงแต่​ยิ้ม​เจ้าค่ะ​”​ ​สีหน้า​ของ​จู๋​เซียง​หม่นหมอง​เล็กน้อย​ ​“​ช่วย​จัดการ​อาหารเย็น​ ​ชา​และ​ผลไม้​ ​แล้วก็​ส่ง​แขก​เจ้าค่ะ​…​”

ขณะที่​กำลัง​พูด​ก็​มีสาว​ใช้​น้อย​เข้ามา​รายงาน​ว่า​ ​“​คุณชาย​น้อย​สี่​กับ​คุณชาย​น้อย​ห้ามา​แล้ว​เจ้าค่ะ​!​”

สือ​อี​เหนียง​ส่งสายตา​ให้​จู๋​เซียง​ ​เพื่อ​ส่งสัญญาณ​ให้​นาง​ไม่ต้อง​พูด​อะไร​อีก​ ​จากนั้น​ก็​ลุกขึ้น​ใส่​รองเท้า

สวี​ลิ่ง​อี๋​กำลัง​นั่ง​กอด​จิ​่น​เกอ​อยู่​บน​เตียง​เตา​ริม​หน้าต่าง​ใน​ห้อง​ปีก​ตะวันตก​ ​สอน​จิ​่น​เกอ​วาด​ลูกเจี๊ยบ​ ​พอ​เห็น​สวี​ซื่อ​จุน​กับ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​เข้ามา​ ​จิ​่น​เกอ​ถือ​พู่กัน​พลาง​ดิ้น​ออกจาก​อ้อมแขน​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​ตะโกนเรียก​เสียงดัง​ ​“​พี่​สี่​ ​พี่​ห้า​”​ ​ท่าทาง​เหมือน​อยาก​ลง​จาก​เตียง​เตา​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​กด​ไหล่​ของ​จิ​่น​เกอ​ไว้​ ​“​วาดภาพ​นี้​ให้​เสร็จ​ก่อน​”​ ​จากนั้น​ก็​เงยหน้า​มอง​บุตรชาย​สอง​คนที​่​ยืน​กุมมือ​อยู่​ด้านหน้า​ตัวเอง​ด้วย​สีหน้า​เรียบ​เฉย​ ​“​แขก​กลับ​หมด​แล้ว​หรือ​”

จิ​่น​เกอ​นั่งลง​ใน​อ้อมแขน​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​อีกครั้ง​อย่างน้อยใจ​ ​ก้มหน้า​แล้ว​วาด​ลูกเจี๊ยบ​ต่อ

สวี​ซื่อ​จุน​รีบ​พูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​กลับกัน​หมด​แล้ว​ ​โต้​วจิ​้ง​ยัง​เชิญ​พวกเรา​ไป​เป็น​แขก​ที่​เรือน​เขา​ใน​อีก​ไม่​กี่​วัน​ด้วย​ขอรับ​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ตอบ​เพียง​ ​“​อืม​”​ ​แล้ว​พูด​ต่อไป​ว่า​ ​“​อากาศ​ร้อน​ ​คง​ไม่​สามารถ​อ่านหนังสือ​อย่างสงบ​ได้​ ​เช่นนั้น​ก็​อาศัย​โอกาส​นี้​ไปมาหาสู่​กับ​สหาย​ให้​มาก​ๆ​ ​ก็ดี​…​”

“​ท่าน​พ่อ​ ​ข้าวาด​เสร็จ​แล้ว​ขอรับ​!​”​ ​ทันทีที่​พูด​จบ​ ​จิ​่น​เกอ​ก็​ลุกขึ้น​ ​เขา​เคลื่อนไหว​อย่างรวดเร็ว​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​ไม่ได้​ระวัง​ ​หาก​ไม่ใช่​เพราะ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ตอบสนอง​อย่างรวดเร็ว​ ​รีบ​เงยหน้า​ขึ้น​ ​ศีรษะ​ของ​จิ​่น​เกอ​ก็​คง​กระแทก​เข้ากับ​คาง​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไป​แล้ว

เขา​ยิ้ม​พลาง​ตบ​ก้น​บุตรชาย​ ​แล้ว​มอง​ไป​ที่​โต๊ะ​บน​เตียง​เตา​

เดิมที​เท้า​ของ​ลูกเจี๊ยบ​ที่​ควรจะ​วาด​สาม​ขีด​ยาว​และ​หนึ่ง​ขีด​สั้น​ ​แต่​จิ​่น​เกอ​กลับ​แอบ​ขี้เกียจ​ ​ใช้​พู่กัน​จุ่ม​หมึก​แล้ว​กด​ลง​บน​กระดาษ

สวี​ลิ่ง​อี๋​อด​หัวเราะ​ไม่ได้​ ​“​นี่​ใช่​เท้า​ของ​ลูกเจี๊ยบ​หรือ​”

“​ใช่​สิ​ขอรับ​!​”​ ​จิ​่น​เกอ​มอง​เขา​ด้วย​สายตา​จริงจัง​ ​แล้ว​ใช้​นิ้ว​อ้วน​ๆ​ ​ชี้​ไป​ที่​ก้อน​หมึก​ ​“​ลูกเจี๊ยบ​ไป​เหยียบ​โดน​บ่อ​โคลน​ก็​เลย​เป็น​เช่นนี้​ ​ถ้าหาก​ท่าน​พ่อ​ไม่เชื่อ​ก็​ถาม​เสี่ยว​เหมา​ได้​เลย​ ​ตอนที่ฮ​วา​จิ​่​นข​อง​พวกเรา​เหยียบ​บ่อ​โคลน​ก็​เป็น​เช่นนี้​เหมือนกัน​!​”

ฮ​วา​จิ​่​นคือ​ไก่ฟ้า​ทองที​่​จิ​่น​เกอ​เลี้ยง​เอาไว้

เมื่อ​เห็นท่า​ทาง​จริงจัง​ที่​ไร้เดียงสา​ของ​บุตรชาย​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​อด​หัวเราะ​ไม่ได้​ ​น้ำเสียง​เต็มไปด้วย​ความสุข

สวี​ซื่อ​จุน​กับ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​เบิกตา​กว้าง​มอง​สวี​ลิ่ง​อี๋

สวี​ลิ่ง​อี๋​จึง​ได้​รู้ตัว​ว่า​ทำตัว​ไม่เหมาะสม​แล้ว​ ​เขา​ค่อยๆ​ ​หุบ​ยิ้ม

จิ​่น​เกอ​ดึง​แขน​เสื้อ​เขา​ ​“​ท่าน​พ่อ​ ​ท่าน​พ่อ​ ​ข้าวาด​เสร็จ​แล้ว​ ​ข้า​ลง​จาก​เตียง​เตา​ได้​หรือยัง​ขอรับ​”​ ​บิด​ตัว​ไปมา​ ​มอง​เขา​ด้วย​สีหน้า​เต็มไปด้วย​ความหวัง

สวี​ลิ่ง​อี๋​ใจอ่อน​ ​จะ​ปฏิเสธ​เขา​ได้​อย่างไร​ ​ลูบ​ศีรษะ​เขา​ ​“​เจ้า​จะ​ทำ​อะไร​”

“​ข้า​จะ​ไปดู​แมลง​ของ​ข้าว​่า​พวก​มัน​โต​ขึ้น​หรือยัง​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​พลาง​อุ้ม​เขา​ลง​จาก​เตียง​เตา​ ​“​ให้​อาจิน​พา​เจ้า​ไป​ ​ฟ้า​มืด​แล้ว​ ​อย่า​ไป​ไหน​มา​ไหน​คนเดียว​ ​เหมือน​ครั้ง​ที่แล้ว​ที่​เดิน​จน​หกล้ม​”

จิ​่น​เกอ​ตอบ​อย่าง​ขอไปที​ ​“​ขอรับ​”​ ​จากนั้น​ก็​รีบ​วิ่ง​ออก​ไป​จน​ไม่เห็น​เงา

สวี​ซื่อ​จุน​อด​เงยหน้า​มอง​ไป​ที่​หน้าต่าง​ไม่ได้

ท้องฟ้า​เต็มไปด้วย​แสง​หลาก​สี​ ​เปล่งประกาย​เหมือน​ผ้าไหม​แก้ว​คลุม​ไป​ทั่ว​ท้องฟ้า​ ​ทำให้​แสง​ใน​ห้อง​เป็น​สีแดง

นี่​นับว่า​มืด​แล้ว​หรือ

ความคิด​แวบ​เข้ามา​ใน​หัว​ ​เขา​เห็น​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พลาง​เดิน​ออกมา​จาก​ห้อง​ด้านใน​

“​จิ​่น​เกอ​วิ่ง​ไป​ไหน​อีกแล้ว​”​ ​น้ำเสียง​แฝง​ไว้​ด้วย​ความ​เอ็นดู

“​ไปดู​แมลง​ที่​เขา​เลี้ยง​เอาไว้​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ตอบ​ด้วย​รอยยิ้ม

“​ท่าน​โหว​นี่​จริงๆ​ ​เลย​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ขมวดคิ้ว​เล็กน้อย​ ​น้ำเสียง​ฟัง​ดูเหมือน​ตำหนิ​เบา​ๆ​ ​“​อีก​ประเดี๋ยว​ก็​จะ​ต้อง​ไป​คารวะ​ไท่ฮู​หยิน​แล้ว​ ​หาก​เล่น​จน​เลอะ​โคลน​ไป​ทั้งตัว​ ​ก็​ต้อง​ไป​ล้าง​อีก​นาน​จน​ทำให้​ไป​สาย​อีก​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ไม่ได้​พูด​อะไร​ ​นับว่า​ยอมรับ​คำตำหนิ​ของ​สือ​อี​เหนียง

ต่อหน้า​เด็ก​ๆ​ ​แน่นอน​ว่า​สือ​อี​เหนียง​ไม่​พูด​อะไร​มาก​ ​นาง​กำชับ​จู๋​เซียง​ให้​ไป​พา​จิ​่น​เกอ​กลับมา​ ​ยิ้ม​พลาง​ถาม​สวี​ซื่อ​จุน​กับ​สวี​ซื่อ​เจี้ยว​่า​ ​“​เป็น​อย่างไรบ้าง​ ​งานเลี้ยง​วันนี้​ครึกครื้น​หรือไม่​”

“​ครึกครื้น​มาก​ขอรับ​!​”​ ​สวี​ซื่อ​จุน​ที่​ปกติ​จะ​ชอบ​พูดคุย​กับ​นาง​มาก​ที่สุด​ ​ในเวลานี้​กลับ​ตอบ​อย่างรวบรัด​ ​เห็นได้ชัด​ว่า​ดู​น่าเบื่อหน่าย​ ​“​ทุกคน​เล่น​กัน​อย่างสนุกสนาน​ยิ่งนัก​”

สือ​อี​เหนียง​มอง​สวี​ซื่อ​เจี​้ย

สวี​ซื่อ​เจี​้ย​รีบ​พูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​ความรู้​ของ​คุณชาย​สกุล​โต้​วนั​้น​ดีมาก​ ​เขา​ใจดี​กับ​ทุกคน​…​”​ ​เสียงดัง​กว่า​ปกติ​ ​ดูเหมือนว่า​กำลัง​ปกปิด​อะไร​อยู่

ใน​ใจ​สือ​อี​เหนียง​พลัน​คิด​อะไร​บางอย่าง​ออก​ ​นึก​ขึ้น​ได้​ว่า​สวี​ลิ่ง​อี๋​ยัง​นั่ง​อยู่​ข้างๆ​ ​เลย​ไม่ได้​ถาม​อะไร​อีก​ ​ยิ้ม​พลาง​กำชับ​ทั้งสอง​คน​ ​“​พอ​จิ​่น​เกอ​ล้างมือ​แล้ว​ ​พวกเรา​ก็​ไป​คารวะ​ไท่ฮู​หยิน​กัน​เถิด​”​ ​จากนั้น​ก็​หันหลัง​แล้ว​เดิน​ออก​ไป​ ​ลาก​จิ​่น​เกอ​กลับมา​ด้วยตัวเอง​ ​จัดการ​ทำความสะอาด​ให้​เรียบร้อย​แล้วไป​หา​ไท่ฮู​หยิน

ไท่ฮู​หยิน​เอง​ก็​กำลัง​กังวล​กับ​งานเลี้ยง​ครั้งนี้​เป็นอย่างมาก​ ​ยิ้ม​พลาง​ดึง​สวี​ซื่อ​จุน​มาซั​กถาม

สวี​ซื่อ​จุน​เล่า​ให้​ไท่ฮู​หยิน​ฟัง​อย่างละเอียด​ ​ส่วน​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ทำ​เพียง​นั่ง​เงียบๆ​ ​อยู่​ด้าน​ข้าง

เช้า​วันรุ่งขึ้น​ ​สวี​ซื่อ​จุน​กับ​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยก​็​ไป​คารวะ​สือ​อี​เหนียง​ ​สือ​อี​เหนียง​ให้​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยอยู​่​คุย​ต่อ​ ​“​เหตุใด​เมื่อวาน​จู่ๆ​ ​ถึง​ได้​กลับ​เรือน​ตัวเอง​เล่า​”

ความตรง​ไป​ตรง​มา​ของ​นาง​ทำเอา​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​หน้าแดง​ ​เขา​ตอบคำถาม​สือ​อี​เหนียง​อย่าง​ซื่อตรง​มาโดยตลอด​ ​ก้มหน้า​ลง​แล้ว​พูด​ขึ้น​ ​“​บรรดา​คุณชาย​สกุล​โต้ว​และ​คนอื่นๆ​ ​ทั้ง​ฉลาด​…​และ​เก่งกาจ​อย่างมาก​…​คุย​แต่​เรื่อง​ที่​ข้า​ไม่เคย​ได้ยิน​มาก​่อน​ ​พูดถึง​แต่​ผู้คน​ที่​ข้า​ไม่รู้​จัก​…​พอ​เกิดเรื่อง​ผิดพลาด​ ​ก็​นำ​ป้าย​หยก​ไป​ที่​ร้าน​ตัว​เป่า​เก๋อ​ ​คนที​่​ร้าน​ตัว​เป่า​เก๋​อก​็​รีบ​ให้​อาจารย์​ผู้เชี่ยวชาญ​ที่​มีทั​กษะ​มาก​ที่สุด​ช่วย​แก้ไข​ข้อผิดพลาด​ให้​ทันที​ ​แก้ไข​นิดหน่อย​ก็​มอง​ไม่​ออก​แล้ว​…​”​ ​เสียง​เริ่ม​เบา​ลง​เรื่อยๆ​ ​อีกทั้ง​น้ำเสียง​ยัง​แฝง​เอาไว้​ด้วย​ความ​อึดอัด​เล็กน้อย

สือ​อี​เหนียง​อด​ถอนหายใจ​ไม่ได้

นาง​รู้​ว่า​บุตร​ภรรยา​เอก​กับ​บุตร​อนุ​นั้น​แตกต่าง​กัน​ ​แต่​คิดไม่ถึง​ว่า​ ​ใน​โลก​ของ​เด็ก​ก็​มี​ความแตกต่าง​อย่างชัดเจน​เช่นนี้

ความเป็นจริง​นั้น​โหดร้าย​ ​บาง​เรื่อง​ตน​คงจะ​คิด​ตื้น​เกินไป

สือ​อี​เหนียง​ตกลง​ไป​ใน​ห้วง​แห่ง​ความคิด

สวี​ซื่อ​เจี​้ย​เสียใจ​เล็กน้อย

พี่​สี่​บอกว่า​สหาย​ของ​เขา​นั้น​เข้ากับ​คน​ได้​ง่าย​ ​แต่​ใน​สายตา​เขา​กลับ​ไม่ใช่​เช่นนั้น

พอทุ​กคน​เห็น​เขา​ก็​พยักหน้า​ให้​เขา​อย่าง​สุภาพ​ ​ไม่​เหมือน​ที่​ปฏิบัติ​ต่อ​พี่​สี่​ ​เมื่อ​เห็น​หน้า​ก็​ตบ​ไหล่​กัน​เบา​ๆ​ ​ใช้​คำพูด​ติดตลก​หยอกล้อ​พี่​สี่​ ​ดูเหมือน​หยาบคาย​แต่กลับ​มี​ความ​สนิทสนม​ ​เขา​อิจฉา​ยิ่งนัก​ ​และ​อยาก​จะ​สนิทสนม​กับ​พวกเขา​เหมือน​พี่​สี่​ ​ตอน​พวกเขา​พูดคุย​กัน​ ​เขา​ก็​พยายาม​ทำตัว​มีส่วนร่วม​ ​เมื่อ​เห็น​คุณชาย​สกุลจัว​เล่น​ฉิน​ ​เขา​ก็​คิด​อยาก​จะ​ให้​ทุกคน​ชม​ว่า​เขา​เป่าขลุ่ย​ผิว​ได้ดี​ ​จึง​ได้​นำ​ขลุ่ย​ผิว​ออกมา​บรรเลง​ประสาน​กับ​คุณชาย​สกุลจั​ว.​..​แต่​ยิ่ง​เอาใจ​พวกเขา​เท่าไร​ ​สายตา​ที่​พวกเขา​มอง​มาก​ลับ​ยิ่ง​เย็นชา​มากขึ้น​เท่านั้น​ ​ยิ่ง​เขา​อยาก​จะ​แสดง​ข้อดี​ของ​ตัวเอง​ ​พวกเขา​ก็​ยิ่ง​ไม่สน​ใจ​ ​แม้กระทั่ง​พอ​เขา​เริ่ม​อ้า​ปาก​พูด​ ​พวกเขา​ก็​จะ​หยุด​พูด​ทันที​ ​มองดู​เขา​พูด​อยู่​คนเดียว​ ​น้ำเสียง​ของ​เขา​ดัง​ขึ้น​ใน​ศาลา​น้ำ​อัน​เงียบสงบ​ ​ยิ่ง​ทำให้​เขา​รู้สึก​อึดอัด​เป็นอย่างมาก​…​ต่อมา​คุณชาย​สกุล​โต้​วก​็​เรียก​ใช้​เขา​ราวกับ​เป็น​บ่าว​รับใช้​…

ตน​พยายาม​เอาใจ​พวกเขา​อย่างดี​ที่สุด​แล้ว​ ​แต่​ทำไม​พวกเขา​ถึง​ยัง​ไม่​ชอบ​ตน​เล่า​ ​

เมื่อ​เห็นท่าน​แม่นั​่ง​นิ่ง​โดย​ไม่พูดไม่จา​ ​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยก​็​รีบ​ระงับ​ความทุกข์​ใน​ใจ​ทันที

“​ท่าน​แม่​”​ ​เขา​ก้าว​ไป​ข้างหน้า​เบา​ๆ​ ​“​ข้า​จะ​ตั้งใจ​ฝึกฝน​ ​เรียนรู้​การ​วาดภาพ​ ​แต่ง​บทประพันธ์​กับ​อาจารย์​จ้าว​ ​จากนั้น​ค่อย​ออก​ไป​ข้างนอก​กับ​พี่​สี่​ ​คนอื่น​ก็​จะ​ไม่​หัวเราะ​ข้า​แล้ว​!​”

สือ​อี​เหนียง​มอง​ท่าทาง​จริงจัง​ของ​เขา​ ​ใน​ใจ​พลัน​รู้สึก​เจ็บปวด

บาง​เรื่อง​ใช่​ว่า​แค่​เรียน​วาดรูป​ ​แต่งคำ​ประพันธ์​ก็​จะ​สามารถ​แก้ไข​ได้

ความเคารพ​และ​การยอ​มรับ​จาก​ผู้อื่น​ ​ก็​ไม่ใช่​ว่า​จะ​ได้มา​ด้วย​การ​เอาใจ​หรือ​การ​ให้ความร่วมมือ

แต่ว่า​หาก​เขา​เป็น​เหมือนกับ​สวี​ซื่อ​อวี​้​ได้​ ​อาศัย​คุณธรรม​และ​ความสามารถ​ของ​ตัวเอง​ ​หา​พื้นที่​สำหรับ​ตัวเอง​ได้​ ​ก็​เป็นเรื่อง​ที่​ไม่เลว​เลย​!

นาง​ยิ้ม​พลาง​ยื่นมือ​ออกมา​ ​“​นี่​คือ​คำพูด​ของ​เจี​้ย​เกอ​ของ​พวกเรา​ ​พวกเรา​มา​แปะ​มือ​สัญญา​กัน​เถิด​”

สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ยิ้ม​แล้ว​แปะ​มือ​กับ​สือ​อี​เหนียง​ ​“​ท่าน​แม่​วางใจ​ได้​ ​ต่อไป​ข้า​จะ​ตั้งใจ​ฝึกฝน​อย่างแน่นอน​ขอรับ​”

[1]​คน​หลาย​คน​เดิน​มาด​้ว​ยกัน​ ​ต้อง​มีสั​กค​นนึง​ที่จะ​เป็น​ครู​ของ​เรา​ได้​ สุภาษิต​จีน​หมายถึง​ ​ไม่ว่า​จะ​เป็นการ​กระทำ​หรือ​คำพูด​ของ​คนอื่น​ ​เรา​สามารถ​ที่จะ​เรียนรู้​อะไร​บางอย่าง​จาก​เขา​ได้​ ​เพราะ​คนเรา​มี​ข้อดี​ข้อเสีย​ต่างกัน​ ​ข้อดี​สามารถ​นำมา​ปรับ​ใช้​ ​ส่วน​ข้อเสีย​ก็​สามารถ​นำมา​ย้อน​มองดู​ตัวเอง​เพื่อ​ปรับปรุงแก้ไข​ได้

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท