ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 611 วุ่นวาย (ปลาย)

ตอนที่ 611 วุ่นวาย (ปลาย)

​สือ​อี​เหนียง​รีบ​ไป​ที่​เรือน​หลัก

​ป้า​ตู้​อยู่​ที่นั่น​ ​“​เดิมที​บ่าว​ยัง​ต้อง​ไปดู​แลบร​รดา​ผู้ดูแล​ที่​ติดตามฮู​หยิน​มา​ ​ไท่ฮู​หยิน​ต้องการ​ให้​บ่าว​นำ​คน​มาส​่ง​แล้ว​กลับ​ไป​ทันที​ ​แต่​บ่าว​คิด​ว่าฮู​หยิน​สี่​จะ​ต้อง​มีเรื่อง​อยาก​ถาม​แน่นอน​ ​ดังนั้น​จึง​ได้หน้า​ด้าน​อยู่​ต่อ​เจ้าค่ะ​”

​“​ป้า​ตู้​พูด​อะไร​อย่างนั้น​”​ ​สือ​อี​เหนียง​เชิญ​ป้า​ตู้​เข้ามา​คุย​ที่​ห้อง​ด้านใน​ ​“​ป้า​ตู้​ก็​แค่​เห็นใจ​ ​รู้​ว่าการ​ที่​ข้า​ต้อง​ดูแล​เด็ก​ๆ​ ​นั้น​ไม่ใช่​เรื่อง​ง่าย​ ​อย่างน้อย​ข้า​ก็​ควร​รู้เรื่อง​นี้​”​ ​พูด​พลาง​นั่งลง​บน​เตียง​เตา​ริม​หน้าต่าง​กับ​ป้า​ตู้

​ชิว​อวี​่​นำ​ชามา​วาง​ ​ช่วย​พวก​นาง​ปิดประตู​อย่างเบามือ​

​ป้า​ตู้​โน้มตัว​มา​ข้างหน้า​เล็กน้อย​ ​พูดเสี​ยง​เบา​ว่า​ ​“​เมื่อวาน​และ​วันนี้​คุณชาย​น้อย​ห้า​ไป​ชม​ละคร​งิ้ว​ที่​ห้องโถง​เตี่ยน​ชุน​ ​โดยเฉพาะ​วันนี้​ ​ฟัง​ไป​พลาง​ปรบมือ​ไป​ด้วย​ ​บรรดาฮู​หยิน​พากั​นพูด​ติดตลก​ ​โดยเฉพาะฮู​หยิน​ของ​เหลียง​เก๋อ​เหล่า​ที่​พูด​หยอกล้อ​ว่า​ทำไม​เด็ก​คน​นี้​ไม่​เหมือน​ท่าน​โหว​ ​แต่กลับ​เหมือน​คุณชาย​ห้า​”

​สือ​อี​เหนียง​ใจเต้น​ระส่ำ

แม้ว่า​เรื่องราว​ใน​ปีนั​้น​จะ​ถูก​เก็บ​เป็นความลับ​แล้ว​ ​แต่​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ได้รับ​การ​เลี้ยงดู​ใน​สกุล​หลิ่ว​จนถึง​สาม​ขวบ​กว่า​จะ​พา​เข้า​จวน​ ​ด้วย​คน​อย่าง​หลิ่ว​ฮุ่ย​ฟัง​แล้ว​ ​ใน​สังคม​แวดวง​ของ​สกุล​หลิ่ว​จะ​ต้อง​มี​ใคร​ที่​รู้​หรือ​เคย​ได้ยิน​เกี่ยวกับ​ชาติกำเนิด​ของ​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยอย​่าง​แน่นอน​ ​ที่นาง​ห้าม​ไม่​ให้​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​เรียนรู้​การขับร้อง​เพลง​งิ้ว​ ​ก็​เพราะ​นาง​ไม่ต้องการ​ให้​เขา​ถลำลึก​เกินไป​ใน​โลก​ของ​การแสดง​งิ้ว​ ​แล้ว​อาจจะ​ทำให้​ได้​รู้เรื่องราว​ใน​ตอนนั้น​โดยบังเอิญ​ ​มารดา​ผู้ให้กำเนิด​เสียชีวิต​ก่อนกำหนด​ ​บิดา​ผู้ให้กำเนิด​ไม่ยอมรับ​ ​ส่วน​ลุง​ทาง​ฝั่ง​มารดา​ของ​เขา​ก็​ใช้​เขา​เป็น​เครื่องมือ​ต่อรอง​กับ​บิดา​ผู้ให้กำเนิด​ ​มีท​่า​นลุง​ฝั่ง​บิดา​เป็น​คนเลี้ยง​ดู​…​ไม่ว่า​เรื่อง​ไหน​ก็​ทำให้​คน​รู้สึก​ปวดใจ​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​เรื่อง​โชคร้าย​ทั้งหมด​นี้​ก็​มา​อยู่​ปะปนกัน​ ​ทำร้าย​ชีวิต​เด็กน้อย​อย่าง​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​รุนแรง​เกินไป​แล้ว

บางครั้ง​การ​ไม่รู้​ก็​ถือเป็น​ความสุข​อย่างหนึ่ง

​นาง​อด​ถาม​เสียง​เบา​ไม่ได้​ว่า​ ​“ฮู​หยิน​ท่าน​อื่น​ว่า​อย่างไรบ้าง​”

​“​แน่นอน​ว่า​หวงฮู​หยิน​และ​คนอื่นๆ​ ​ไม่ได้​พูด​อะไร​ ​ส่วน​โต้ว​เก๋อ​เหล่าฮู​หยิน​ก็​ถาม​คุณชาย​น้อย​ห้าว​่า​ฟัง​รู้เรื่อง​หรือไม่​ ​แล้ว​ถาม​อีกว่า​รู้​หรือไม่​ว่า​ร้อง​เกี่ยวกับ​อะไร​ ​คุณชาย​น้อย​ห้า​พยักหน้า​ด้วย​สีหน้า​แดงก่ำ​ ​อธิบาย​ถึง​เนื้อร้อง​บน​เวที​ให้​โต้ว​เก๋อ​เหล่าฮู​หยิน​ฟัง​อย่างละเอียด​ ​โต้ว​เก๋อ​เหล่าฮู​หยิน​ได้​ฟัง​ดังนั้น​ก็​รู้สึก​ประหลาดใจ​ ​ชม​ว่า​คุณชาย​น้อย​ห้า​เฉลียวฉลาด​ ​คุณชาย​น้อย​ห้า​ยิ้ม​อย่าง​เขินอาย​ ​ท่าทาง​น่ารัก​เป็นอย่างมาก​เจ้าค่ะ​”​ ​ป้า​ตู้​พูด​พลาง​ถอนหายใจ​ยาว​ ​“ฮู​หยิน​ของ​รอง​เจ้ากรม​เฉิน​เอ็นดู​เป็นอย่างมาก​ ​เรียก​คุณชาย​น้อย​ห้า​ไปหา​ ​จับมือ​คุณชาย​น้อย​ห้า​แล้ว​ถาม​ว่า​ปกติ​อ่านหนังสือ​อะไร​ ​เวลา​อยู่​เรือน​ทำ​อะไร​ ​มักจะ​ฟัง​ละคร​งิ้ว​เป็นเพื่อน​ท่าน​ย่า​ใช่​หรือไม่​ ​คุณชาย​น้อย​ห้า​จึง​ตอบ​ไป​ว่า​ตัวเอง​พึ่ง​จะ​เรียน​ตำรา​ปฐมวัย​จบ​ ​กำลัง​เตรียมตัว​เรียน​คัมภีร์​วิจารณ์​พจน์​ ​เวลา​อยู่​เรือน​ปกติ​จะ​ฝึก​เขียน​ตัวอักษร​ ​เป่าขลุ่ย​ ​เล่น​ฉิน​ ​ปั้น​หม้อดิน​ ​ไม่ได้​ดู​ละคร​งิ้ว​เป็นเพื่อน​ไท่ฮู​หยิน​บ่อย​นัก​ ฮู​หยิน​ของ​รอง​เจ้ากรม​เฉิน​ได้​ฟัง​ดังนั้น​ก็​ยิ่ง​รู้สึก​ประหลาดใจ​ ​ถาม​เขา​ว่า​ทำไม​ถึง​ได้​ฟัง​เข้าใจ​ว่า​ร้อง​เกี่ยวกับ​อะไร​ ​คุณชาย​น้อย​ห้า​บอกว่า​เขา​เอง​ก็​ไม่รู้​ ​เพียงแค่​ฟัง​ก็​เข้าใจ​แล้ว​ ฮู​หยิน​ของ​รอง​เจ้ากรม​เฉิน​ได้​ฟัง​แล้วก็​หัวเราะ​ ​พูด​กับ​ไท่ฮู​หยิน​ว่า​ ​‘​สกุล​ท่าน​จะ​มี​ผู้​ที่​มีชื่อเสียง​แล้ว​’​ ​แล้ว​ถาม​คุณชาย​น้อย​ห้าว​่า​ขับร้อง​ได้​หรือไม่​ ​คุณชาย​น้อย​ห้า​ก็​เลย​ลอง​ขับร้อง​เลียนแบบ​สอง​ประโยค​ที่​เขา​พึ่ง​ได้ยิน​เจ้าค่ะ​”

​เมื่อ​พูดถึง​ตรงนี้​ ​ป้า​ตู้​ก็​ยิ้ม​ให้​สือ​อี​เหนียง​ด้วย​ความลำบาก​ใจ

​“​แม้ว่า​บ่าว​จะ​ไม่ใช่​คน​เรียน​งิ้ว​ ​แต่​ก็​ฟัง​เข้าใจ​ ​แม้ว่า​คุณชาย​น้อย​ห้า​จะ​ร้อง​ได้​ไม่​แข็งแรง​เท่า​เสี่ยว​เหลียน​จู​ที่อยู่​บน​เวที​ ​แต่​น้ำเสียง​ของ​เขา​ช่าง​ไพเราะ​ ​สง่างาม​ ​และ​มี​คารม​คมคาย​ ​ดูเหมือน​เป็น​มืออาชีพ​ ​ดู​เก่ง​กว่า​เสี่ยว​เหลียน​จู​ผู้​นั้น​หนึ่ง​ขั้น​ ​อย่า​ว่าแต่​บรรดาฮู​หยิน​ใน​ห้อง​เลย​ ​แม้แต่​คนอื่นๆ​ ​ที่​รอชม​เสี่ยว​เหลียน​จู​อยู่​นอก​ห้องโถง​ต่าง​ก็​พากัน​ตกตะลึง​เจ้าค่ะ​”

นี่​นับว่า​มีชื่อเสียง​ใน​ชั่ว​ข้ามคืน​!

​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​อย่างลำบาก​ใจ​ ​“​ดังนั้น​ไท่ฮู​หยิน​จึง​ให้​ป้า​ตู้​นำ​เขา​มาส​่ง​!​?​”

​“​เพราะว่า​กลางคืน​เป็นช่วง​ของ​คณะ​เต​๋​ออิน​ปาน​ไม่ใช่​หรือ​เจ้า​คะ​!​”​ ​ป้า​ตู้​พยักหน้า​ ​ลด​เสียง​ให้​เบา​ลง​ราวกับ​เสียง​ยุง​ก็​มิ​ปาน​ ​“​หลิ่ว​ฮุ่ย​ฟัง​ผู้​นั้น​ร้อง​สำเนียง​เกอ​หยาง​ ​ซ้ำ​ยัง​เป็น​ผู้​ที่​มีชื่อเสียง​ใน​เยี​่​ยน​จิง​ด้วย​”

เช่นนั้น​ก็​ต้อง​ยิ่ง​หลบเลี่ยง​!

​สือ​อี​เหนียง​พยักหน้า​ ​“​ข้า​รู้​แล้ว​!​”

​ป้า​ตู้​ถอนหายใจ​ด้วย​ความ​โล่งอก​ ​“​ไท่ฮู​หยิน​ก็​รู้​ว่าฮู​หยิน​สี่​ลำบากใจ​ ​แต่ว่า​แขก​ทาง​ด้าน​ของ​ไท่ฮู​หยิน​มีมาก​เกินไป​ ​หลีกเลี่ยง​ได้​ก็​ควรจะ​หลีกเลี่ยง​ดีกว่า​เจ้าค่ะ​”​ ​พูด​จบ​ก็​ลุกขึ้น​ ​“​เช่นนั้น​บ่าว​ขอตัว​ก่อน​ ​หากฮู​หยิน​สี่​มีเรื่อง​อัน​ใด​ก็​ส่ง​คน​ไป​กำชับ​ได้​เจ้าค่ะ​”

​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พลาง​พยักหน้า​ ​ไป​ส่ง​ป้า​ตู้​ที่​ประตู

​เรื่องราว​ยุ่งยาก​กว่า​ที่นา​งคิด

ถ้าหาก​บอก​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ถึง​เหตุผล​ที่​ไท่ฮู​หยิน​ส่ง​เขา​กลับมา​ ​ก็​ต้อง​บอก​ชาติกำเนิด​แก่​เขา​ ​การ​ทำ​เช่นนี้​ในเวลานี้​ไม่ใช่​เรื่อง​ที่​ฉลาด​เอา​เสีย​เลย

ไม่มีใคร​ที่​ไม่​เศร้าใจ​หลังจาก​ได้​รู้​ว่า​ตัวเอง​มี​ชาติกำเนิด​เช่นนี้​ ​ใน​ช่วงเวลา​ที่​แขก​มารวม​ตัว​กัน​ ​การกระทำการ​โดย​ไม่​ระวัง​ ​เกรง​ว่า​อาจ​นำไปสู่​เรื่องอื้อฉาว​มากมาย​ ​เมื่อถึง​เวลา​นั้น​หาก​พวกเขา​อยาก​จะ​เก็บ​เรื่อง​นี้​เป็นความลับ​เกรง​ว่า​จะ​เป็นไปไม่ได้​แล้ว​ ​นั่น​จะ​ทำให้​จิตใจ​ของ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ถูก​กระทบกระเทือน​มากเกินไป

แต่​หาก​ไม่​บอก​เขา​ ​ก็​ต้องหา​เหตุผล​บางอย่าง​มา​แทน

คำ​โกหก​แค่​คำ​เดียว​มักจะ​ต้อง​ใช้​คำ​โกหก​อีก​หลาย​คำมา​ปกปิด

​เมื่อ​คิดได้​เช่นนี้​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็​รู้สึก​กลุ้มใจ​เล็กน้อย

​นาง​เดินไปเดินมา​ใน​ห้องโถง​ที่​กว้างขวาง​เป็นเวลา​นาน​ ​เมื่อ​อารมณ์​ค่อยๆ​ ​สงบ​ลง​แล้วจึง​ได้​ถาม​ชิว​อวี​่​ว่า​ ​“​คุณชาย​น้อย​ห้า​เล่า​”

​แม้ว่า​ชิว​อวี​่​จะ​ไม่รู้​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้น​ ​แต่​เมื่อ​เห็นท่า​ทาง​วิตกกังวล​ของ​สือ​อี​เหนียง​ ​นาง​ก็​รู้สึก​กังวลใจ​เล็กน้อย

​ชี้​ไป​ที่​ห้อง​ปลาย​สุดทาง​ทิศตะวันออก​ ​พูดเสี​ยง​เบา​ว่า​ ​“​บ่าว​ให้​คุณชาย​น้อย​ห้า​ไป​อยู่​ที่นั่น​เจ้าค่ะ​!​”

​สือ​อี​เหนียง​ไป​ที่​ห้อง​ปลาย​สุดทาง​ทิศตะวันออก

​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยนั​่​งก​อด​อก​ก้มหน้า​อยู่​บน​เก้าอี้​ไท่​ซือ​หน้า​โต๊ะ​ใหญ่​ริม​หน้าต่าง​ ​ปลายเท้า​ของ​เขา​เขี่ย​อิฐ​หิน​สีเขียว​เป็น​รูป​วงกลม

​เมื่อ​ได้ยิน​เสียง​ความเคลื่อนไหว​ ​เขา​ก็​เงยหน้า​ขึ้น​มาทัน​ที​ ​แววตา​ของ​เขา​เผย​ให้​เห็น​ความหวาดกลัว​และ​ตื่นตระหนก​ราวกับ​ลูก​สัตว์​อยู่​ครู่หนึ่ง

​“​ท่าน​แม่​!​”​ ​เมื่อ​เห็น​สือ​อี​เหนียง​เขา​ก็​รู้สึก​ผ่อนคลาย​ทันที​ ​กระโดด​ลง​จาก​เก้าอี้​ไท่​ซือ​แล้ว​วิ่ง​มาหา​ ​แต่​เขา​กลับ​หยุด​กะทันหัน​ในขณะที่​อยู่​ห่าง​จาก​สือ​อี​เหนียง​เพียง​ห้า​ก้าว

​“​ท่าน​แม่​”​ ​สวี​ซื่อ​เจี้ยม​อง​สือ​อี​เหนียง​ด้วย​สายตา​ที่​สับสน​ ​“​ข้า​ ​ข้า​ ​ข้า​…​”

​พูด​คำ​ว่า​ ​‘​ข้า​’​ ​เป็นเวลา​นาน​ ​ก็​ไม่ได้​พูด​อะไร​ออกมา​แม้แต่​ประโยค​เดียว​ ​สีหน้า​เต็มไปด้วย​ความรู้สึกผิด

การ​ที่​ถูก​ป้า​ตู้​ส่งกลับ​มา​เช่นนี้​ ​แน่นอน​ว่า​ต้อง​ไป​ทำ​อะไร​ผิด​มา​ ​แต่ว่า​ทำผิด​เรื่อง​อะไร​นั้น​ ​เกรง​ว่า​เขา​คงจะ​ไม่เข้าใจ​เลย​แม้แต่น้อย

​สือ​อี​เหนียง​เห็น​ดังนั้น​ก็​รู้สึก​ปวดใจ​เล็กน้อย​ ​เดิน​เข้าไป​โอบ​ตัว​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ ​“​ต่อไป​ห้าม​ทำ​เช่นนี้​อีก​ ​เอาแต่​ไป​ฟัง​ละคร​งิ้ว​ ​ไม่สน​ใจ​ว่าน​้​อง​ชาย​น้องสาว​ทำ​อะไร​อยู่​”

นี่​คือ​ข้ออ้าง​ที่​ดีที​่​สุดที​่​นาง​นึก​ขึ้น​ได้​!

​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​หน้าแดง​ก่ำ​ ​“​ข้า​…​”​ ​แสดง​สีหน้า​หวาดกลัว​ขึ้น​มา​อีกครั้ง​ ​ถาม​อย่าง​ลังเล​ว่า​ ​“​ท่าน​ย่า​จะ​โทษ​ท่าน​แม่​หรือไม่​ขอรับ​”

เขา​คิด​ว่า​ตัวเอง​ทำผิด​ไป​ ​กลัว​ว่านาง​จะ​เดือดร้อน​ ​ดังนั้น​จึง​ได้​รู้สึก​ผิด​เช่นนี้​อย่างนั้น​หรือ

​สือ​อี​เหนียง​พลัน​รู้สึก​ว่า​มีน​้ำ​ตารื​้​นอยู​่​ตรง​ขอบตา

​“​คง​ไม่​หรอก​!​”​ ​นาง​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​รู้​ผิด​แล้ว​แก้ไข​เป็น​สิ่ง​ที่​น่ายกย่อง​ ​ต่อไป​เรา​จะ​ไม่​ทำ​เช่นนี้​อีก​ ​ท่าน​ย่า​ย่อม​ไม่​โทษ​พวกเรา​อยู่​แล้ว​!​”

​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​รีบ​พยักหน้า​ ​“​บรรดา​พี่ใหญ่​พากัน​ไปรับ​เจ้าสาว​กัน​หมด​แล้ว​ ​น้อง​หญิง​สอง​ ​น้อง​หก​ ​และ​น้อง​เจ็ด​อยู่​ที่​เรือนหอ​ ​มีพี​่​สะใภ้​ใหญ่​กับ​พี่สะใภ้​สาม​คอย​ดูแล​อยู่​ที่นั่น​ ​แล้วยัง​มี​หง​เหวิน​ ​อาจิน​ ​หวง​เสี่ยว​เหมา​ ​หลิว​เอ้อร​์​อู่​ ​และ​ป้า​อู๋​คอย​ปรนนิบัติ​อยู่​ข้าง​กาย​…​น้อง​หญิง​สอง​กับ​พี่สะใภ้​สาม​เล่น​กระโดด​เชือก​ ​น้อง​หก​กับ​น้อง​เจ็ด​กำลัง​เล่น​ต่อสู้​กัน​อยู่​ที่​ลาน​…​”​ ​เขา​พูด​พลาง​ก้มหน้า​ ​“​ดังนั้น​ข้า​จึง​ ​ข้า​จึง​…​”

​“​บรรดา​พี่ใหญ่​ออก​ไป​กัน​หมด​แล้ว​ ​ตอนนี้​ที่​เรือน​เจ้า​เป็น​พี่ใหญ่​สุด​ ​ยิ่ง​ต้อง​ดูแล​น้องชาย​น้อง​หญิง​จึง​จะ​ถูก​ ​จะ​วิ่ง​ไปดู​ละคร​งิ้ว​คนเดียว​เพราะเหตุนี้​ได้​อย่างไร​!​ ​ไม่​แปลก​หาก​ท่าน​ย่า​จะ​โกรธ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​อย่าง​อ่อนโยน​ว่า​ ​“​เจี​้ย​เกอ​โต​แล้ว​ ​ย้าย​ไป​อยู่​เรือน​นอก​ ​ไม่ใช่​เด็ก​อีกต่อไป​แล้ว​ ​จะ​ต้อง​แบกรับ​หน้าที่​ความรับผิดชอบ​ของ​พี่ชาย​ ​อีกสักครู่​พอ​เกี้ยว​ของ​พี่สะใภ้​สอง​เข้า​จวน​มา​ ​จะ​มี​คน​ไปดู​เจ้าสาว​ ​ขออั​่ง​เปา​ ​สกุล​เซี่ยง​ส่งมอบตัว​เจ้าสาว​…​ไม่รู้​ว่า​จะ​ครึกครื้น​แค่ไหน​ ​ข้า​ ​ท่าน​ย่า​ ​และ​อาสะใภ้​ห้า​ของ​เจ้า​คงจะ​ไม่มีเวลา​มาดู​แล​ ​เจ้า​ยิ่ง​ต้อง​ช่วย​พวกเรา​ดูแล​น้องชาย​และ​น้อง​หญิง​ถึง​จะ​ถูก​!​”

​“​ข้า​รู้​แล้ว​ขอรับ​!​”​ ​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยพูด​ด้วย​รอยยิ้ม​ ​“​อีกสักครู่​ข้า​จะ​ไม่​ไปดู​ละคร​งิ้ว​แล้ว​ ​ข้า​จะ​ไปดู​แลน​้​อง​หญิง​สอง​ ​น้อง​หก​กับ​น้อง​เจ็ด​”

​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พลาง​พยักหน้า​ ​พูด​อย่าง​อ่อนโยน​ว่า​ ​“​ยัง​ไม่ได้​ทานข้าว​ใช่​หรือไม่​ ​เช่นนั้น​ก็​ไป​ทานข้าว​กับ​แม่​เถิด​!​”

​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ไป​ที่​ลาน​เล็ก​ๆ​ ​ข้าง​ห้องโถง​เตี่ยน​ชุน​กับ​สือ​อี​เหนียง​อย่าง​มีความสุข​ ​หลังจาก​ทานอาหาร​แล้วก็​ไป​ที่​เรือนหอ​ด้วยกัน

​จิ​่น​เกอ​กับ​เซิน​เกอ​กำลัง​จุด​ดอกไม้ไฟ​อยู่​ที่นั่น

​เมื่อ​เห็น​สือ​อี​เหนียง​ ​จิ​่น​เกอ​ก็​ถือ​ธูป​พลาง​วิ่ง​มาหา​ ​“​ท่าน​แม่​ ​วันนี้​ลูกชิ้น​อร่อย​มาก​เลย​ ​พรุ่งนี้​จะ​กิน​ลูกชิ้น​อีก​ขอรับ​!​”

​เซิน​เกอ​เห็น​ดังนั้น​ก็​วิ่ง​ตามมา​ด้วย​ ​“​ท่าน​ป้า​สี่​ ​ข้า​ก็​จะ​กิน​ลูกชิ้น​เหมือนกัน​ขอรับ​”

​สือ​อี​เหนียง​รีบ​จับ​ธูป​ใน​มือ​เด็กน้อย​ทั้งสอง​คน​ ​“​ระวัง​จะ​ทำ​เสื้อผ้า​ของ​ข้า​ไหม้​ ​วันนี้​ข้า​ไม่มีเวลา​ไป​เปลี่ยนเสื้อ​ผ้า​แล้ว​”

​จิ​่น​เกอ​หัวเราะ​ ​ส่ง​ธูป​ให้​หวง​เสี่ยว​เหมา​ที่อยู่​ข้างๆ​ ​เซิน​เกอ​เห็น​ดังนั้น​ก็​ทำตาม​ ​ส่ง​ธูป​ให้​หวง​เสี่ยว​เหมา​ด้วย​เช่นกัน

​มีสาว​ใช้​น้อย​มารา​ยงา​นว​่า​ ​“ฮู​หยิน​ ​สะใภ้​หลิว​จี้​ได้​นำ​ปลา​และ​กุ้ง​เป็น​ๆ​ ​สำหรับ​งานเลี้ยง​ใน​วันพรุ่งนี้​มาส​่ง​แล้ว​เจ้าค่ะ​ ​ป้า​หลีกั​บสะ​ใภ้​หลิว​จี้​ได้​ชั่งน้ำหนัก​แล้ว​ ​ต้อง​ขอให้ฮู​หยิน​ช่วย​ประทับตรา​รายการ​ให้​เจ้าค่ะ​”

​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ได้ยิน​ดังนั้น​ก็​รีบ​พูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​ท่าน​แม่​ ​ท่าน​รีบ​ไป​เถิด​!​ ​ข้า​จะ​ดูแล​น้อง​หก​กับ​น้อง​เจ็ด​ให้​เอง​ขอรับ​”

​สือ​อี​เหนียง​ตอบ​ตกลง​ด้วย​รอยยิ้ม​ ​พูด​กับ​บุตรชาย​สอง​สาม​ประโยค​แล้วจึง​ได้​ไป​ที่​ห้องโถง​เล็ก​ข้าง​ห้องโถง​เตี่ยน​ชุน

​เมื่อถึง​ต้น​ยามซ​วี​ ​เกี้ยว​ของ​เจ้าสาว​ก็​เข้า​จวน​มา​แล้ว​ ​โขก​ศีรษะ​คำนับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​กับ​สือ​อี​เหนียง​แล้ว​ส่ง​เข้า​เรือนหอ​ ​ทุกคน​เข้าไป​ห้อมล้อม​เพื่อ​ดู​เจ้าสาว​ ​สกุล​สวี​เปิดงาน​เลี้ยง​ ​สวี​ซื่อ​อวี​้​ออกมา​จุด​ธูป​สักการะ​ ​คุณนาย​น้อย​ใหญ่​และ​คนอื่นๆ​ ​พา​เจ้าสาว​ไป​นั่ง​บน​เตียง​ ฮู​หยิน​ห้า​พา​คุณนาย​ใหญ่​สกุล​หลิน​ ​โจวฮู​หยิน​และ​คนอื่นๆ​ ​ไป​เล่นไพ่​นกกระจอก​ที่​ห้อง​ปีก​ทิศตะวันออก​ของ​เรือน​ไท่ฮู​หยิน​ ​ส่วน​ไท่ฮู​หยิน​ ​หวงฮู​หยิน​และ​คนอื่นๆ​ ​นั่ง​ดู​ละคร​งิ้ว​ที่​ห้องโถง​เตี่ยน​ชุน​ ​ส่วน​สือ​อี​เหนียง​ก็​ปรึกษาหารือ​เรื่อง​ต่างๆ​ ​กับ​ผู้ดูแล​ทั้งหลาย​ ​จวน​สวี​เต็มไปด้วย​เสียง​บรรเลง​ดนตรี​ ​เสียงร้อง​เฮฮา​ ​เสียง​คนเล​่น​ไพ่​นกกระจอก​ ​เสียง​คน​คำนับ​สุรา​ ​เสียง​คนพูด​คุย​กัน​ ​เสียงร้อง​งิ้ว​ ​เสียงหัวเราะ​ ​และ​เสียง​ประทัด​ที่​ยังคง​ดำเนินต่อไป​จนกระทั่ง​ถึง​ต้น​ยาม​อิ​๋น​ใน​วันรุ่งขึ้น​จึง​ค่อยๆ​ ​หยุด​ลง​

​เมื่อ​สวี​ลิ่ง​อี๋​กลับมา​ที่​ห้อง​ก็​เห็น​สือ​อี​เหนียง​กำลัง​นอน​อยู่​บน​เตียง​โดย​ไม่ได้​เปลี่ยน​ชุด​ ​เขา​รีบ​ช่วย​ห่ม​ผ้าห่ม​ให้​นาง​ ​โน้มตัว​เข้าไป​เรียก​นาง​เบา​ๆ​ ​“​สือ​อี​เหนียง​ ​สือ​อี​เหนียง​ ​เปลี่ยนเสื้อ​ผ้า​ก่อน​แล้ว​ค่อย​นอน​”

​สือ​อี​เหนียง​ลุกขึ้น​นั่ง​ด้วย​ความ​สะ​ลึม​ละ​ลือ​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ช่วย​นาง​เปลี่ยนเสื้อ​ผ้า​ ​จากนั้น​นาง​ก็​ล้ม​ตัว​ลงนอน​อีกครั้ง

​สวี​ลิ่ง​อี๋​เห็น​ดังนั้น​ก็​ส่ายหน้า​ ​เรียก​ชิว​อวี​่​เข้ามา​สอบถาม​ ​“ฮู​หยิน​กลับ​เรือน​มาตั​้ง​แต่​เมื่อไร​ ​เหตุใด​ถึง​ยัง​ไม่ทัน​เปลี่ยน​ชุด​ก็​นอน​เสีย​แล้ว​”

​ชิว​อวี​่​รีบ​พูดว่า​ ​“ฮู​หยิน​พึ่ง​กลับมา​เจ้าค่ะ​ ​บอกว่า​อยาก​อยู่​คนเดียว​สักพัก​ ​พวก​บ่าว​ก็​เลย​ไม่กล้า​เข้ามา​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไปดู​จิ​่น​เกอ

​เขา​กับ​เซิน​เกอ​นอน​ข้าง​กัน​บน​เตียง​ใหญ่​ใน​ห้อง​หน​่​วน​เก๋อ​ ​กำลัง​หลับ​สบาย

​แม่นม​ของ​เซิน​เกอ​รีบ​อธิบาย​ขึ้น​ว่า​ ​“​คุณชาย​น้อย​เจ็ด​จะ​นอน​กับ​คุณชาย​น้อย​หก​ให้​ได้​เจ้าค่ะ​!​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​โบกมือ​ให้​นาง​แล้ว​กลับ​ไป​ที่​ห้อง​ด้านใน

​จู่ๆ​ ​ก็​มี​คน​เพิ่ม​มา​ใน​ห้อง​หนึ่ง​คน​ ​สือ​อี​เหนียง​หันไป​กอด​เอว​คน​ผู้​นั้น​ด้วย​ความ​งัวเงีย​ ​ได้กลิ่น​สุรา​จางๆ​

​“​ท่าน​ดื่ม​ให้​น้อยลง​เสียหน่อย​”​ ​นาง​พูด​พึมพำ​ ​“​ตอนกลางคืน​ดื่ม​มาก​ไป​จะ​ไม่ดี​ ​ระวัง​สุขภาพ​ด้วย​”

​“​รู้​แล้ว​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ตอบ​อย่าง​ไม่ใส่ใจ​ ​เห็น​ว่านา​งดิ​้น​ไป​ดิ้น​มา​ใน​อ้อมแขน​ของ​เขา​เพื่อ​หา​ตำแหน่ง​ที่​สบาย​ ​ใจ​ก็​พลัน​เต้น​แรง​ ​ก่อน​จะ​สอด​มือ​เข้าไป​ใต้​เสื้อ​ของ​นาง

​สือ​อี​เหนียง​ลืมตา​โพลง​ทันที

​นาง​จับ​ข้อมือ​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เอาไว้​ ​“​ระดู​ของ​ข้ามา​แล้ว​เจ้าค่ะ​!​”​ ​น้ำเสียง​ฟัง​ดู​เศร้าสร้อย​เล็กน้อย​ ​คิ้ว​ขมวด​แน่น

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ประหลาดใจ

ยัง​ไม่​ตั้งครรภ์​อีก​…

​เขา​ลูบ​หลัง​สือ​อี​เหนียง​ราวกับ​จะ​ปลอบโยน​นาง​ ​กระซิบ​หยอกล้อ​ข้าง​หู​นาง​เสียง​เบา​ว่า​ ​“​ดูแล​้ว​ข้า​คง​ต้อง​พยายาม​ต่อไป​!​”​ ​น้ำเสีย​จริงจัง​เป็นอย่างมาก

​สือ​อี​เหนียง​ตี​ไหล่เขา​ด้วย​ท่าทาง​ทั้ง​โกรธ​ทั้ง​ขวยเขิน

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท