ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 687 เตรียมการ (ต้น)

ตอนที่ 687 เตรียมการ (ต้น)

สวี​ลิ่ง​อี๋​เห็น​สือ​อี​เหนียง​พูด​เช่นนี้​ ​เขา​ก็​น้ำตา​คลอ​เบ้า​ด้วย​ความ​ตกตะลึง​ ​จากนั้น​ก็​หัวเราะ​เบา​ๆ

“​คน​บื้อ​!​”​ ​เขา​โอบ​ตัวนาง​เข้ามา​กอด​ใน​อ้อมแขน​ด้วย​ความรัก​และ​เอ็นดู​ ​“​หาก​เจ้า​อยาก​ให้​จิ​่น​เกอ​ออก​ไปรบ​ ​เช่นนั้น​ก็​ต้อง​มีส​งค​ราม​ให้​เขา​รบ​ก่อน​!​”

สือ​อี​เหนียง​ประหลาดใจ

สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ฮ่องเต้​ทรงพระ​ปรีชาสามารถ​ ​เมื่อ​เทียบ​กับ​สมัย​ฮ่องเต้​เจี​้​ยน​อู่​ ​แว่นแคว้น​ของ​เรา​สงบสุข​ขึ้น​ไม่น้อย​ ​ถึงแม้ว่า​จะ​อยู่​ที่ฝู​เจี​้​ยน​ ​ถึงแม้​ช่วง​ที่ผ่านมา​ราชสำนัก​จะ​สูญเสีย​กองกำลัง​ทหาร​ไป​ไม่น้อย​ ​แต่​มัน​ก็​ไม่​เหมือน​เมื่อ​สิบ​กว่า​ปีก่อน​ ​ที่​เรา​ถูก​คนอื่น​ข่มเหง​ ​สำหรับ​เรื่อง​ที่​มี​การโจรกรรม​เกิดขึ้น​ที่​ซี​เป่ย​และเ​เคว​้น​เหมียว​ ​พวกเขา​ต่าง​ก็​มีท​หาร​ของ​ตัวเอง​ ​ไม่จำเป็น​ต้อง​ให้​ราชสำนัก​ประกาศ​พระราช​โองการ​เคลื่อนย้าย​แม่ทัพ​ของ​ทหาร​ทั้ง​ห้า​เหล่าทัพ​แห่ง​กองทัพ​ภาค​ ​จะ​มีส​งค​ราม​ได้ที่​ไหน​กัน​”​ ​เขา​ถอนหายใจ​เบา​ๆ​ ​ด้วย​ความ​โล่งใจ​และ​ทอดถอนใจ

โล่งใจ​เพราะว่า​ราษฎร​ไม่ต้อง​ทนทุกข์ทรมาน​จาก​สงคราม​อีกต่อไป​ ​ทอดถอนใจ​เพราะว่า​เขา​ไม่มีทาง​ย้อน​เวลา​กลับ​ไป​ช่วง​ที่​เขา​ยัง​เป็น​หนุ่ม​ได้​อีก​ตลอดไป​!

สีหน้า​ของ​สือ​อี​เหนียง​ผ่อนคลาย​ลง​ ​นาง​ดิ้น​พลาง​ลุกขึ้น​นั่ง​แล้ว​พูด​ด้วย​สีหน้า​ที่​เคร่งขรึม​ ​“​ดินแดน​อื่น​นั้น​ข้า​ไม่รู้​ ​แม้​ซี​เป่ย​สงบสุข​มาสิ​บก​ว่า​ปี​แล้ว​ ​แต่​ที่นั่น​ทุรกันดาร​ ​ใช้ชีวิต​อย่างลำบาก​ ​พวกเขา​มอง​ด่าน​หุบเขาจ​ยา​อวี​้​เป็น​เหมือน​เนื้อ​ติด​มัน​ใน​ปาก​ ​ไม่มีทาง​ที่​พวกเขา​จะ​มอง​แต่​ไม่​กัด​…​หนึ่ง​ปี​ ​สอง​ปี​ ​ไม่มี​อะไร​เกิดขึ้น​ ​แต่​อีก​สิบ​ยี่สิบ​ปี​เล่า​”​ ​นับวัน​ดูแล​้ว​ ​ถึง​ตอนนั้น​จิ​่น​เกอ​ก็​กำลัง​โต​ ​นาง​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​ไม่พอใจ​ ​“​ท่าน​โหว​คือ​ขุนนาง​คนสำคัญ​ของ​ราชสำนัก​ ​แม้แต่​สตรี​อย่าง​ข้า​ยัง​รู้เรื่อง​นี้​พวก​นี้​ ​ท่าน​ก็​คง​รู้​เหมือนกัน​ใช่​หรือไม่​เจ้า​คะ​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​แปลกใจ​ ​เขา​หัวเราะ​แล้ว​มอง​ไป​ที่​สือ​อี​เหนียง​ ​“​มอง​ไม่​ออก​ว่า​เจ้า​จะ​รู้เรื่อง​พวก​นี้​ ​เก่ง​กว่า​ข้า​เสียอีก​!​”​ ​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​หยอกล้อ​สือ​อี​เหนียง​ ​เพราะ​ไม่​อยาก​ให้​สือ​อี​เหนียง​เครียด​จน​เกินไป

หาก​เป็น​วัน​ธรรมดา​ ​สือ​อี​เหนียง​อาจจะ​ล้อเล่น​กับ​เขา​ ​แต่​เรื่อง​นี้​เกี่ยวข้อง​กับ​อนาคต​ของ​จิ​่น​เกอ​…​ ​สือ​อี​เหนียง​เบิกตา​กว้าง​ใส่​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​“​ท่าน​โหว​ไม่ต้อง​มา​หยอกล้อ​ข้า​นะ​เจ้า​คะ​!​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​มองดู​ใบหน้า​ที่​เคร่งขรึม​แต่กลับ​ไม่มี​ร่องรอย​ของ​ความดุร้าย​เลย​แม้แต่น้อย​ของ​สือ​อี​เหนียง​ ​เขา​หัวเราะ​ออกมา

สือ​อี​เหนียง​ขมวดคิ้ว

สวี​ลิ่ง​อี๋​เห็น​นาง​มีสี​หน้า​ไม่พอใจ​ ​รู้​ว่านาง​จริงจัง​ ​เลย​ค่อยๆ​ ​หุบ​ยิ้ม​ ​เงียบ​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​จากนั้น​ก็​พูด​เบา​ๆ​ ​“​ฮ่องเต้​กำลัง​แข็งแกร่ง​ ​ข้า​ก็​มีชีวิต​สุขสบาย​ ​หาก​ผ่าน​ไป​ยี่สิบ​ปี​…​หรือ​มี​ฮ่องเต้​พระองค์​ใหม่​…​เจ้า​ก็​อย่า​ได้​กังวล​ไป​เลย​!​”

สือ​อี​เหนียง​เข้าใจ​ในทันที

สิบ​สาม​ปีก่อน​ ​ชาว​ซี​เป่ย​ไม่มีทาง​ลืม​ศึกสงคราม​ที่​สวี​ลิ่ง​อี๋​โจมตี​ซี​เป่ย​ ​ตราบใดที่​ฮ่องเต้​และ​เขา​ยัง​มีชีวิต​อยู่​ ​ใน​ฐานะ​ผู้มีอำนาจ​ใน​ซี​เป่ย​อย่าง​ฮ่องเต้​ไม่มีทาง​ยอมให้​ซี​เป่ย​ก่อ​กบฏ​ ​และ​ใน​ฐานะ​แม่ทัพ​ใหญ่​ที่​ยัง​สามารถ​นำ​ทัพ​ฆ่า​ศัตรู​อย่าง​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​คน​เหล่านั้น​คง​กล้า​แค่​เอะอะโวยวาย​รอบ​ชายแดน​เท่านั้น

แต่​ทุกอย่าง​ล้วน​มี​เวลา​จำกัด​ ​หาก​เวลา​ผ่าน​ไป​ ​กลายเป็น​ช่วงเวลา​ของ​คน​อีก​รุ่น​หนึ่ง​ ​แล้ว​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​อายุ​เยอะ​แล้ว​ ​สำหรับ​สงคราม​ใน​ตำนาน​ครั้งนั้น​ ​มัน​ก็​ไม่น่า​กลัว​เหมือน​แต่ก่อน​แล้ว​ ​หรือ​หาก​ฮ่องเต้​สิ้นพระชนม์​ ​ฮ่องเต้​พระองค์​ใหม่​ไม่มี​อำนาจ​ใน​การ​สั่งการ​เหล่า​ขุนนาง​ ​หาก​ซี​เป่ย​ก่อ​กบฎ​…

ดู​จาก​ตอนนี้​ ​ฮ่องเต้​ไม่เคย​พระ​ประชวร​ ​ไม่รู้​ว่า​ไท่​จื่อ​ต้อง​รอ​ไป​ถึง​เมื่อไร​ ​ยี่สิบ​ปี​…​ยัง​อีก​ยาวนาน​

แต่​ถึงแม้​จะ​เป็น​เช่นนี้​ ​นาง​ก็​ฟัง​อะไร​บางอย่าง​ออก

ใน​ค่ายทหาร​ผู้​แข็งแกร่ง​ที่สุด​คือ​ผู้​ที่​มีอำนาจ​มาก​ที่สุด​ ​ไม่ว่า​เจ้า​จะ​มี​กลยุทธ์​หรือ​มี​หมัด​ ​ขอ​แค่​เจ้า​แข็งแกร่ง​มาก​พอ

และ​การฝึกฝน​ที่​สวี​ลิ่ง​อี๋​ปฏิบัติ​ติต​่อ​จิ​่น​เกอ​ ​นั้น​มุ่ง​ไป​ทิศทาง​นี้

“​ท่าน​โหวตัด​สิน​ใจ​ให้​จิ​่น​เกอ​รับ​ตำแหน่ง​ขุนนาง​แล้ว​หรือ​เจ้า​คะ​”​ ​นาง​ถาม​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​“​แต่​ท่าน​เคย​คิด​หรือไม่​ ​ว่า​หาก​วันหนึ่ง​ซี​เป่ย​วุ่นวาย​ขึ้น​มา​ ​ถึงแม้ว่า​ต่อไป​เขา​จะ​อยู่​ใน​ค่าย​ใหญ่​ซี​ซาน​ ​หาก​ฮ่องเต้​จะ​ออกรบ​ด้วยตัวเอง​ ​เขา​ก็​ต้อง​ออก​ไปร​บด​้วย​”​ ​พูดถึง​ตรงนี้​ ​นาง​ก็​เม้มปาก​ ​“​สุภาพบุรุษ​ที่​ดี​ไม่​ควร​นำ​ตัวเอง​เข้าไป​อยู่​ที่​สถานที่​ที่​อันตราย​ ​ข้า​ไม่สน​ใจ​ว่า​ท่าน​โหว​คิด​เช่นไร​ ​แต่​ข้า​ไม่มีทาง​เห็นด้วย​แน่นอน​!​”

นาง​ไม่เคย​แน่วแน่​ขนาด​นี้​มาก​่อน

“​สือ​อี​เหนียง​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​แล้ว​กอด​นาง​ ​“​เจ้า​อย่า​เป็น​แบบนี้​เลย​!​”

สือ​อี​เหนียง​ผลัก​เขา​ออก​ ​“​ท่าน​โหว​ไม่ต้อง​พูด​อะไร​แล้ว​เจ้าค่ะ​ ​พรุ่งนี้​ข้า​จะ​ไปหา​พี่ใหญ่​ ​ให้​พี่ใหญ่​หา​อาจารย์​ให้​จิ​่น​เกอ​ ​ต่อไป​ก็​ให้​จิ​่น​เกอ​เรียนหนังสือ​กับ​อาจารย์​คน​ใหม่​ ​ด้วย​ความ​ฉลาด​ของ​เขา​ ​บางที​อาจจะ​สอบ​จู่​เห​ริน​ ​หรือไม่ก็​บัณฑิต​ชั้นสูง​ได้​ก็ได้​!​”​ ​จากนั้น​ก็​หันหลัง​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​แล้ว​ห่ม​ผ้า

“​สือ​อี​เหนียง​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ขยับตัว​เข้าไป​หานาง​ ​“​มีเรื่อง​อัน​ใด​ก็​ค่อยๆ​ ​คุย​กัน​เถิด​!​”​ ​เขา​เขย่า​ไหล่​สือ​อี​เหนียง​เบา​ๆ

“​มี​อะไร​ต้อง​คุย​กัน​อีก​หรือ​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​ด้วย​ความโกรธ​ ​“​ความคิด​เรา​ไม่​เหมือนกัน​”

“​สือ​อี​เหนียง​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ลูบ​เส้น​ผม​ที่​กระจัดกระจาย​อยู่​บน​หมอน​ของ​นาง​ ​“​ข้า​รู้​ว่า​เจ้า​เป็นห่วง​จิ​่น​เกอ​ ​ข้า​เอง​ก็​เป็นห่วง​เขา​เหมือนกัน​ ​เรื่อง​ที่​เจ้า​พูด​ ​ข้า​ก็​เคย​คิดดู​แล้ว​ ​หาก​จิ​่น​เกอ​ไม่มี​พรสวรรค์​ใน​การ​เป็น​แม่ทัพ​ ​หาก​ข้า​ยัง​พยายาม​ยัดเยียด​เขา​เข้าไป​ใน​ค่ายทหาร​ ​เช่นนั้น​มัน​คือ​การทำร้าย​เขา​”​ ​พูดถึง​ตรงนี้​ ​เขา​ก็​รู้สึก​ตื่นเต้น​ ​พูดเสี​ยง​ดัง​ขึ้น​กว่า​เดิม​ ​“​สือ​อี​เหนียง​ ​เจ้า​ไม่รู้​ว่า​จิ​่น​เกอ​ของ​เรา​เก่งกาจ​แค่ไหน​ ​ตอน​เขา​อายุ​หก​ขวบ​ ​ข้า​พูด​แค่​ไม่​กี่​คำ​ ​เขา​ก็​ดู​แผนที่​เข้าใจ​ ​ข้า​นำ​ทัพ​มาตั​้ง​หลาย​ปี​ ​ยัง​ไม่เคย​เห็น​คนที​่​ฉลาด​เช่นนี้​ ​ตอนที่​ข้า​อายุ​หก​ขวบ​ ​เข้าไป​คารวะ​ฮองเฮา​ใน​พระราชวัง​ยัง​หลงทาง​…​อาจารย์​ผัง​บอก​ให้​เขา​ฝึก​ศิลปะ​การต่อสู้​ภายใน​ ​คนอื่น​หา​ตำแหน่ง​ตันเถียน​ตั้ง​นาน​ก็​หาไม่​เจอ​ ​แต่​เขา​ฟัง​แค่​รอบ​เดียว​ก็​รู้​แล้ว​…​สือ​อี​เหนียง​ ​จิ​่น​เกอ​ของ​เรา​มีพรสวรรค์​…​”

สือ​อี​เหนียง​หันหน้า​กลับมา

สวี​ลิ่ง​อี๋​ไม่ทัน​ตั้งตัว​ ​เกือบ​ถูก​หัว​ของ​นาง​กระแทก​เข้าที่​คาง

“​ตอนที่​จ้าว​คั่ว​ยัง​ไม่ได้​ลงสนาม​รบ​ ​ทุกคน​ล้วน​บอกว่า​เขา​มีพรสวรรค์​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​มอง​สวี​ลิ่ง​อี๋​ด้วย​สายตา​ที่​เยือกเย็น​ ​“​ก่อนที่​ฮั่ว​ชี่​ปิ้ง​จะ​ลงสนาม​รบ​ ​ทุกคน​ต่าง​ก็​บอกว่า​มี​เขา​พรสวรรค์​!​”

คน​แรก​เสียชีวิต​ตอนที่​กำลัง​พูดคุย​เรื่อง​ยุทธวิธี​บน​กระดาษ​ ​ส่วน​คน​หลัง​เสียชีวิต​ก่อนเวลา​อัน​ควร

“​สือ​อี​เหนียง​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​อย่าง​ขมขื่น

สือ​อี​เหนียง​มอง​เขา​ด้วย​สายตา​ที่​เย็นชา​ ​จากนั้น​ก็​หันหลัง​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​อีกครั้ง​

สวี​ลิ่ง​อี๋​มองดู​รูปร่าง​ที่​สวยงาม​ ​เขา​ลูบ​หัว​นาง​เบา​ๆ​ ​ด้วย​สีหน้า​ที่​เหนื่อยหน่าย​ใจ

ผ่าน​ไป​ครู่หนึ่ง​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็​เริ่ม​หายโกรธ​ ​เขา​จึง​ค่อยๆ​ ​ขยับตัว​เข้าไป​ ​แล้ว​เอ่ย​เรียกชื่อ​นาง​อย่าง​แผ่วเบา

“​มั่ว​เหยี​ยน​ ​มั่ว​เหยี​ยน​!​”

สือ​อี​เหนียง​ไม่​ตอบ​อะไร

สวี​ลิ่ง​อี๋​จับ​ไหล่​นาง​เบา​ๆ

สือ​อี​เหนียง​ไม่​ขยับตัว​หนี

สวี​ลิ่ง​อี๋​แอบ​ถอนหายใจ​ด้วย​ความ​โล่งอก

“​มั่ว​เหยี​ยน​!​”​ ​เขา​กระซิบ​ข้าง​หู​นาง​ ​“​ข้า​เคย​ออกรบ​มาก​่อน​ ​ไม่รู้​ว่า​เคย​เห็น​โศกนาฏกรรม​มา​แล้ว​กี่​ครั้ง​ ​ไม่มีใคร​รู้​ถึง​ความโหดเหี้ยม​ของ​สงคราม​ดี​ไป​กว่า​ข้า​ ​ตอนนั้น​ ​หาก​ข้า​ไม่​นำ​ทัพ​ออก​ไปรบ​ ​ก็​ใช่​ว่า​จะ​ใช้ชีวิต​ที่​สุขสบาย​ต่อไป​ไม่ได้​ ​แต่​ข้า​ยอม​ใช้ชีวิต​และ​ความตาย​ของ​ข้า​เป็น​เดิมพัน​ ​ก็​เพราะ​อยาก​ให้​คนใน​ครอบครัว​มีชีวิต​ที่​ดีขึ้น​ ​ลูก​ของ​ข้า​จะ​ได้​ไม่ต้อง​ลำบาก​ ​ได้​ใช้ชีวิต​อย่าง​สุขสบาย​อยู่​บน​ความดี​ความชอบ​ของ​คนรุ่นก่อน​ ​จิ​่น​เกอ​คือ​บุตรชาย​ที่​พวกเรา​ตั้งหน้าตั้งตา​รอ​ ​คือ​บุตรชาย​ที่​ข้า​เห็น​เขา​เติบโต​ขึ้น​มาที​ละ​เล็ก​ทีละน้อย​ ​ข้า​เห็น​เขา​ไม่มี​ความสุข​ ​ข้า​ทุกข์ใจ​ยิ่งกว่า​ตัวเอง​ไม่มี​ความสุข​เสียอีก​ ​ข้า​เห็น​เขา​มีความสุข​ ​ข้า​ก็​มีความสุข​ ​ข้า​จะ​ยอมให้​เขา​ไป​ลำบาก​เหมือน​ที่​ข้า​เคย​ลำบาก​ได้​อย่างไร​”

พูด​จบ​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พลัน​รู้สึก​ว่า​ตัว​ของ​สือ​อี​เหนียง​ค่อยๆ​ ​ผ่อนคลาย​ลง

เขา​ได้สติ​กลับมา

“​เจ้า​เคย​บอกว่า​ ​เส้นทาง​ของ​พวกเรา​ไกล​กว่า​ท่าน​พ่อ​ท่าน​แม่​ ​เส้นทาง​ของ​ลูก​ก็​ไกล​กว่า​เรา​ไม่ใช่​หรือ​ ​ตอน​พวกเขา​ยัง​เด็ก​ ​พวกเรา​ยัง​มี​แรง​ปกป้อง​พวกเขา​จาก​ลม​ฝน​ ​แต่​เมื่อ​พวกเรา​แก่​แล้ว​ ​ถึงแม้​อยาก​จะ​ปกป้อง​พวกเขา​ ​แต่​ก็​คง​ไม่มี​เรี่ยวแรง​และ​ความสามารถ​อีก​ ​ดังนั้น​ ​ต้อง​ถือโอกาส​ตอนที่​เรา​อายุ​ยังน้อย​ ​อบรม​บ่ม​สอน​การเอาตัวรอด​ให้​พวกเขา​ ​เมื่อ​พวกเรา​แก่​แล้ว​ ​พวกเขา​จะ​ต้อง​อยู่​ด้วยตัวเอง​ให้​ได้​ ​แม้​ไม่มีใคร​คอย​ปกป้อง​ก็ตาม​ ​ข้า​เห็นด้วย​กับ​ประโยค​นี้​ของ​เจ้า

ดังนั้น​ ​เมื่อ​เจ้า​บอกว่า​เจี​้ย​เกอ​อยาก​เข้า​สอบ​ ​ต้อง​เชิญ​อาจารย์​มาสอน​หนังสือ​เขา​ ​ข้า​จึง​เชิญ​อาจารย์​ฉัง​ตามคำแนะนำ​ของ​พี่ชาย​เจ้า​ ​จิ​่น​เกอ​เป็น​เด็ก​ร่าเริง​ ​หลังจากที่​เจ้า​ตำหนิ​เขา​วันนั้น​ ​จู่ๆ​ ​เขา​ก็​กลายเป็น​เด็ก​ขี้ขลาด​ ​ตอนนั้น​ข้า​แค่​อยาก​ให้​เขา​ออก​ไป​พักผ่อน​ ​อ้างว่า​เกิดเรื่อง​ที่​สนามม้า​เป่า​ติ้ง​ ​พา​เขา​ออก​ไป​เดินเล่น​”​ ​พูด​จบ​ ​เขา​ก็​หยุดชะงัก​ ​“​เจ้า​ไม่รู้​ ​ยิ่ง​ข้า​เห็น​เขา​ออก​ไป​จาก​เยี​่​ยน​จิง​ไกล​เท่าไร​ ​เขา​ก็​ยิ่ง​มีชีวิตชีวา​ราวกับ​ต้นอ่อน​ที่​ถูก​แสงอาทิตย์​สาดส่อง​แล้ว​ได้รับ​ฝน​ก็​ไม่​ปาน​ ​ใน​ใจ​ของ​ข้า​…​”​ ​เขา​ไม่รู้​ว่า​ควร​บรรยาย​อย่างไร​ต่อ​ดี​

สือ​อี​เหนียง​ไม่พูดไม่จา​ ​แต่​ไหล่​ที่พึ่ง​จะ​ผ่อนคลาย​ลง​กลับ​แข็งทื่อ​อีกครั้ง

“​มั่ว​เหยี​ยน​!​”​ ​มือ​ที่​อบอุ่น​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ยื่น​เข้าไป​ใน​ผ้าห่ม​ ​เข้าไป​กุมมือ​นาง​ ​“​นั่น​คือ​บุตรชาย​ของ​เรา​…​”​ ​เขา​พูด​ตะกุกตะกัก​ ​“​ข้า​ไม่​อยาก​เห็น​เขา​เป็น​เด็ก​ขี้ขลาด​…​ข้า​อยาก​เห็น​เขา​ร่าเริง​สดใส​…​ถึงแม้​จะ​ไม่มี​ข้า​คอย​ปกป้อง​ ​แต่​เขา​ก็​สามารถ​อยู่​ได้​ด้วยตัวเอง​อย่าง​แข็งแกร่ง​!​”

ตัว​ของ​สือ​อี​เหนียง​สั่นเทา

สวี​ลิ่ง​อี๋​กอด​นาง​จาก​ข้างหลัง​ ​จากนั้น​ก็​จูบ​ขมับ​นาง​เบา​ๆ

“​มั่ว​เหยี​ยน​ ​เจ้า​ต้อง​เชื่อใจ​ข้า​ ​ข้า​ไม่มีทาง​ทำ​อะไร​เหลวไหล​ ​ตอนนี้​จิ​่น​เกอ​ยัง​เด็ก​ ​ปูพื้น​ฐาน​ให้​เขา​ก่อน​ ​รอ​ให้​เขา​เติบโต​กว่านี​้​อีก​สักหน่อย​ ​ข้า​ค่อย​ส่ง​เขา​เข้าไป​ใน​ค่ายทหาร​ ​ ​หาก​เขา​มี​ความสามารถ​ ​เรา​ค่อย​วางแผน​กัน​อีกที​ ​แต่​หาก​เขา​ไม่​ชอบ​…​”​ ​พูดถึง​ตรงนี้​ ​เขา​ก็​พูดเสี​ยง​เบา​ลง​ ​“​หาก​ฮ่องเต้​องค์​ใหม่​ขึ้น​ครอง​บัลลังก์​ ​ต้อง​แต่งตั้ง​สกุล​ญาติ​แน่นอน​…​สือ​อี​เหนียง​ ​ถึง​ตอนนั้น​ ​ข้า​จะ​ต้อง​ช่วงชิง​ตำแหน่ง​บรรดาศักดิ์​มา​ให้​จิ​่น​เกอ​ให้​ได้​…​เจ้า​ไม่ต้อง​เป็นห่วง​!​”

ใน​ห้อง​มีเสียง​ร้องไห้​ดัง​ขึ้น​เบา​ๆ

“​มั่ว​เหยี​ยน​ ​มั่ว​เหยี​ยน​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​ด้วย​ความ​ตื่นตระหนก​ ​“​อย่า​ร้องไห้​ ​เจ้า​อย่า​ร้องไห้​”​ ​เขา​พลิกตัว​สือ​อี​เหนียง​มาดู​”​ ​เจ้า​เชื่อใจ​ข้า​เถิด​ ​ข้า​เตรียมการ​เอาไว้​หมด​แล้ว​”

เชื่อใจ​?

ก็เพราะว่า​นาง​เชื่อใจ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​นาง​ถึง​ได้​เป็นกังวล

ความอดทน​ของ​เขา​ ​ความหนักแน่น​ของ​เขา​ ​ความเยือกเย็น​ของ​เขา​ ​ความเฉลียวฉลาด​ของ​เขา​ ​ล้วนแต่​เป็น​เงื่อนไข​ที่​จำเป็น​ต่อ​ความสำเร็จ

หาก​เขา​ตัดสินใจ​แล้ว​ ​ย่อม​ต้อง​สำเร็จ​แน่นอน

แต่​นาง​ไม่​อยาก​ให้​จิ​่น​เกอ​มี​อันตราย​แม้แต่น้อย

“​ข้า​ไม่​อยาก​ให้​จิ​่น​เกอ​เป็น​ขุนนาง​ทหาร​ ​ข้า​ไม่​อยาก​ให้​จิ​่น​เกอ​เป็น​ขุนนาง​ทหาร​เจ้าค่ะ​”​ ​นาง​รู้​ว่า​ตัวเอง​ไม่มีเหตุผล​ ​แต่​นาง​อยาก​ไม่มีเหตุผล​สักครั้ง​ ​“​ข้า​ไม่เห็นด้วย​ ​ทำไม​จิ​่น​เกอ​ต้อง​เป็น​ขุนนาง​ทหาร​ ​เขา​อยาก​จะ​ทำ​อะไร​ก็​ให้​เขา​ทำไม​่​ได้​หรือ​…​”

“​ได้​ๆ​ๆ​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ปลอบโยน​นาง​ราวกับ​กล่อม​เด็กน้อย​ ​“​จิ​่น​เกอ​ของ​เรา​อยาก​ทำ​อะไร​ก็​ให้​เขา​ทำ​ ​เจ้า​อย่า​ร้องไห้​ไป​เลย​ ​ประเดี๋ยว​ดวงตา​จะ​บวม​”

เขา​ไม่​พูด​ยัง​พอ​ไหว​ ​แต่​พอ​เขา​พูด​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ่ง​รู้สึก​น้อยใจ​ ​ร้องไห้​หนัก​กว่า​เดิม​

*​*​*​*​*​*

วัน​ต่อมา​ ​จิ​่น​เกอ​และ​เซิน​เกอ​ไป​คารวะ​สือ​อี​เหนียง​และ​สวี​ลิ่ง​อี๋​อย่าง​มีความสุข​ ​แต่​พวกเขา​รู้สึก​ว่า​บรรยากาศ​ใน​ห้อง​แปลก​ๆ​ ​ท่าน​แม่​ไม่​มองหน้า​ท่าน​พ่อ​เลย​แม้แต่น้อย​ ​ถึงแม้​พวกเขา​จะ​ยิ้ม​ ​แต่กลับ​รู้สึก​ว่า​พวกเขา​กำลัง​ฝืนยิ้ม​ ​ส่วน​ท่าน​พ่อ​ก็​นั่ง​อยู่​ข้างๆ​ ​เหลือบมอง​ท่าน​แม่​เป็นครั้งคราว​ ​ราวกับ​มีเรื่อง​จะ​พูด​กับ​ท่าน​แม่​แต่​หา​โอกาส​พูด​ไม่ได้

เซิน​เกอ​ดึง​แขน​เสื้อ​จิ​่น​เกอ​เบา​ๆ​ ​“​ท่าน​ป้า​สี่​กับ​ท่าน​ลุง​สี่​ทะเลาะ​กัน​แน่นอน​”

“​เป็นไปไม่ได้​!​”​ ​จิ​่น​เกอ​เบิกตา​โต​ ​“​ท่าน​พ่อ​และ​ท่าน​แม่​ของ​ข้า​ไม่เคย​ทะเลาะ​กัน​!​”

“​ฮ่า​ๆ​ๆ​!​”​ ​เซิน​เกอ​ยิ้ม​อย่างมั่นใจ​ ​“​ท่าน​ไม่รู้​อะไร​ ​ยาม​ที่​ท่าน​พ่อ​กับ​ท่าน​แม่​ของ​ข้า​ทะเลาะ​กัน​ก็​มักจะ​เป็น​เช่นนี้​”

สายตา​ของ​จิ​่น​เกอ​เต็มไปด้วย​ความสงสัย​ ​“​จริง​หรือ​”

“​จริง​ขอรับ​!​”​ ​เซิน​เกอ​พูด​ยืนยัน​ ​“​แต่​มักจะ​เป็น​ท่าน​พ่อ​ที่​ยิ้ม​แล้ว​พูด​กับ​พวกเรา​ ​ส่วน​ท่าน​แม่​ก็​นั่ง​จ้องหน้า​ท่าน​พ่อ​อยู่​ข้างๆ​”

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท