ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 76 สิ่งของ (ต้น)

ตอนที่ 76 สิ่งของ (ต้น)

ชีเหนียงเอาแต่คุยกับสืออีเหนียงไม่หยุด ทั้งสองคุยกันจนดึกดื่นค่อนคืนจึงค่อยพากันเข้านอนด้วยความสะลึมสะลือ ในขณะที่กำลังหลับอย่างสบายนั้น จู่ๆ ก็ถูกหู่พั่วปลุกให้ตื่น “คุณหนูเจ็ด คุณหนูสิบเอ็ด คนช่วยหวีผมของคุณหนูห้ามาแล้วเจ้าค่ะ” 

 

 

ทั้งสองจึงพากันลุกขึ้น จากนั้นก็มีสาวใช้เข้ามาช่วยล้างหน้าผลัดผ้า พากันไปทานอาหารเช้า แล้วจึงค่อยตรงไปหาอู่เหนียง 

 

 

ในเรือนจุดไฟสว่างไสว ป้าเจียงนั่งจิบชาเป็นเพื่อนหญิงวัยกลางผู้หนึ่งอายุราวสี่สิบเห็นจะได้ เมื่อเห็นชีเหนียงและสืออีเหนียงมาถึง ป้าเจียงก็รีบลุกขึ้นทันที จากนั้นก็ได้แนะนำกับทั้งสองว่า “ท่านนี้คือฮูหยินของจังเผยอวิ๋นหัวหน้าเลขาธิการกรมหงหลูเจ้าค่ะ” 

 

 

ดูแล้วคงจะเป็นคนที่เชิญมาช่วยอู่เหนียงหวีผม 

 

 

ทั้งสองย่อตัวทำความเคารพ จู่ๆ ชีเหนียงก็พูดขึ้นเสียงดังว่า “เอ๊ะ เหตุใดถึงไม่เห็นอู่เหนียงล่ะ” 

 

 

ซุ่ยเอ๋อร์ที่ยกน้ำชามาให้พวกนางก็รีบพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “กำลังอาบน้ำเจ้าค่ะ!” 

 

 

“ทำไมนางถึงได้ชักช้าขนาดนี้” ชีเหนียงบ่นอุบอิบ “ระวังจะคลาดฤกษ์งามยามดีเอาได้” 

 

 

“ไม่คลาดแน่นอน” ฮูหยินจังพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ทางฝั่งเจ้าบ่าวจะเริ่มขบวนแห่เกี้ยวตอนเที่ยงตรง มาถึงที่นี่ก็ยามโหย่วพอดี ไม่สายแน่นอน” 

 

 

“สายขนาดนั้นเชียวหรือ!” ชีเหนียงอึ้งไปชั่วขณะ “ตอนที่พี่หญิงสี่แต่งงาน ข้าจำได้ว่าส่งเจ้าสาวตั้งแต่เช้าตรู่เลย” 

 

 

“พี่หญิงสี่ของคุณหนูเจ็ดคงจะแต่งไปที่ไกลกระมัง” ฮูหยินจังพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “หากแต่งไปที่ไกลๆ ปกติแล้วเจ้าสาวจะถูกส่งตัวตั้งแต่เช้ามืด ส่วนคุณชายเฉียนนั้นอาศัยอยู่ในเมืองเดียวกัน ไม่เกินหนึ่งชั่วยามก็เดินทางไปถึง จึงเริ่มขบวนขันหมากสายสักหน่อยก็ได้ มาให้ถึงก่อนฤกษ์งามยามดีของยามซื่อก็เป็นอันสำเร็จลุล่วง!” 

 

 

ชีเหนียงตอบกลับไปว่า “อ๋อ พี่หญิงสี่ของข้าแต่งจากอวี๋หังไปที่ฟู่หยาง” 

 

 

“เช่นนั้นก็ถูกแล้ว” ฮูหยินจังยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า “แต่ละบ้านก็ไม่เหมือนกัน” 

 

 

ชีเหนียงรู้สึกว่าฮูหยินจังมีความคุ้นชินกับลำดับขั้นตอนของพิธีแต่งงานเป็นอย่างมาก จึงรู้ว่านางน่าจะถูกเชิญไปเป็นฮูหยินงานมงคลบ่อย จึงได้เข้าไปพูดคุยกับนางเกี่ยวกับรายละเอียดขั้นตอนต่างๆ 

 

 

“…งั้นระหว่างทางจะทำอย่างไร หากเดินทางไกลขนาดนั้น!” 

 

 

“หากเดินทางทางน้ำ ก็รอให้เกี้ยวขึ้นเรือแล้ว ก็สามารถปลดชุดเจ้าสาวออกชั่วคราวเพื่อพักผ่อนก่อนได้ เมื่อถึงจุดหมายแล้ว ฝ่ายชายจะหาที่ให้เจ้าสาวแต่งตัวใหม่ เมื่อถึงฤกษ์งามยามดีก็เริ่มเคลื่อนขบวนแห่เกี้ยวเจ้าสาวตามพิธีและขั้นตอนดังเดิม แต่หากว่าเดินทางทางบก เจ้าสาวคงจะต้องลำบากเสียหน่อย ต้องกินแล้วนอนในเกี้ยวตลอดทาง…” 

 

 

ขณะที่กำลังพูดคุยอยู่นั้น นายหญิงใหญ่และคุณนายใหญ่ก็มาพอดี 

 

 

วันนี้นายหญิงใหญ่สวมชุดเป้ยจื่อสีฟ้าเข้มลายน้ำเต้าปักตัวอักษรซวงสี่มงคลคู่สีทอง คุณนายใหญ่สวมชุดเป้ยจื่อสีแดงสดลายผีเสื้อขาว ทั้งคู่ทำเอาทุกสายตาจ้องมองด้วยความตะลึงตาค้างไปตามๆ กัน 

 

 

ทุกคนจึงยิ้มพร้อมกับย่อตัวทำความเคารพ จากนั้นก็พากันนั่งลง อู่เหนียงเองก็อาบน้ำเสร็จออกมาพอดี 

 

 

ใบหน้าที่ขาวเนียนหมดจดของนางมีสีแดงระเรื่อจางๆ ดูมีเสน่ห์เย้ายวนยิ่งนัก 

 

 

“อู่เหนียง วันนี้พี่หญิงสวยมากจริงๆ” คำชมของชีเหนียงทำให้อู่เหนียงขวยเขินเล็กน้อย 

 

 

นางเดินเข้ามาย่อตัวทำความเคารพนายหญิงใหญ่และคุณนายใหญ่ 

 

 

นายหญิงใหญ่ยิ้มพร้อมกับจ้องมองใบหน้าของนาง สีหน้าเต็มไปด้วยความปลื้มปีติยินดี “พริบตาเดียว เจ้าก็จะแต่งงานออกเรือนแล้ว” 

 

 

ดวงตาของอู่เหนียงน้ำตาคลอเบ้า 

 

 

ฮูหยินจังจึงยิ้มพร้อมกับพูดว่า “นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดี!” 

 

 

นายหญิงใหญ่ได้ยินแล้วก็ยิ้มขึ้น คุณนายใหญ่ไปจุดธูปและเครื่องหอมกราบไหว้บรรพบุรุษเป็นเพื่อนนายหญิงใหญ่ จากนั้นก็เชิญฮูหยินจังมาช่วยอู่เหนียงหวีผม 

 

 

เหล่าบรรดาสาวใช้ก็พากันนั่งล้อมรอบโต๊ะเครื่องแป้งของอู่เหนียง ฮูหยินจังก็ได้นำหวีไม้หวงหยางที่ตนเตรียมไว้ออกมาหวีผมให้อู่เหนียงตั้งแต่ต้นจรดปลาย นางหวีพลางกล่าวคำอวยพรไปด้วย “หวีหนึ่งราบรื่นตั้งแต่ต้นจรดปลาย หวีสองผมเผ้าขาวเสมอคิ้ว หวีสามลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง” เสร็จแล้ว ก็ได้ยกขนมบัวลอยที่ประกอบไปด้วยพุทราแห้งและเมล็ดบัวมาให้อู่เหนียงทาน 

 

 

ชีเหนียงแอบกระซิบกับสืออีเหนียงว่า “เราก็ไปหาข้าวทานสักถ้วยกันเถิด” 

 

 

“ข้าว่า ท่านไม่ได้ตั้งใจจะทานข้าวหรอก…” สืออีเหนียงหยอกล้อนาง 

 

 

ชีเหนียงจ้องสืออีเหนียงตาเขม็งด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ สืออีเหนียงจึงหัวเราะพร้อมกับหลบสายตาของนาง จู่ๆ นายหญิงใหญ่ก็หันมา 

 

 

ทั้งสองจึงรีบยืนตรงในทันที 

 

 

ฮูหยินจังช่วยอู่เหนียงสวมชุดแต่งงานและจัดแต่งทรงผม 

 

 

ระหว่างนั้นก็มีสาวใช้เข้ามาเรียนนายหญิงใหญ่ว่านายหญิงสองและนายหญิงสามมาถึงแล้ว 

 

 

นายหญิงใหญ่ก็ได้พาคุณนายใหญ่ออกไปต้อนรับ ชีเหนียงเองก็ได้ตามหลังไปด้วย จากนั้นนางก็กลับเข้ามาพร้อมกับนายหญิงสองและนายหญิงสาม สืออีเหนียงจึงรีบเข้าไปย่อตัวคารวะอาสะใภ้ทั้งสอง จากนั้นทุกคนก็พากันนั่งลงดูอู่เหนียงแต่งหน้าแต่งตัว 

 

 

เสียงพูดคุยกันดังเซ็งแซ่ เมื่อคนเพิ่มมากขึ้น ในห้องก็เริ่มครึกครื้นขึ้นมา 

 

 

อู่เหนียงแต่งหน้าแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ก็เที่ยงตรงพอดี ชีเหนียงและสืออีเหนียงไปทานข้าวเป็นเพื่อนอู่เหนียงในห้อง ส่วนคนอื่นๆ ก็พากันไปนั่งทานข้าวที่โต๊ะอาหารรับรองแขก 

 

 

เมื่อคืนชีเหนียงและสืออีเหนียงเข้านอนค่อนข้างดึกและตื่นค่อนข้างเช้า เมื่อทานข้าวเสร็จแล้ว ทั้งคู่ก็พากันหาวขึ้นมา 

 

 

ส่วนอู่เหนียงไม่มีอาการง่วงนอนเลยแม้แต่นิดเดียว นางมักจะถามจื่อเวยอยู่บ่อยๆ ว่า ‘รองเท้าเทพธิดาอวยพรวันเกิดผู้อาวุโสที่ข้าเพิ่งปักเสร็จเอาไปด้วยแล้วหรือยัง’ หรือ ‘ผ้าเช็ดหน้าสีแดงสดผืนนั้นของข้าอยู่ที่ใด’ นางดูตื่นเต้นเป็นอย่างมาก 

 

 

ชีเหนียงแอบยิ้มอยู่ข้างๆ 

 

 

อู่เหนียงไม่ได้สนใจอะไรนางแม้แต่นิดเดียว 

 

 

ไม่นาน หลังจากที่ทุกคนทานข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้วก็พากันทยอยกลับมา ชีเหนียงถือโอกาสรีบดึงมือของสืออีเหนียงกลับห้องไปพักผ่อน “…ไหนๆ ก็ไม่มีคนสังเกตเห็นอยู่แล้ว” 

 

 

สืออีเหนียงเองก็รู้สึกเหนื่อย เมื่อเอนตัวลงนอนก็พากันหลับไปทั้งคู่ 

 

 

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด หู่พั่วเข้ามาปลุกทั้งสอง “…ฝ่ายเจ้าบ่าวมาแล้วเจ้าค่ะ” 

 

 

ทั้งสองนอนกลิ้งไปมาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เรียกสาวใช้ให้มาช่วยล้างหน้าล้างตาแต่งตัวใหม่อีกครั้ง แล้วรีบตรงไปหาอู่เหนียงทันที 

 

 

ในห้องของอู่เหนียงมีคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ชีเหนียงชะงักไปเล็กน้อย สืออีเหนียงได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากข้างนอก 

 

 

นางยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เกรงว่าคงจะพากันไปดูความครึกครื้นข้างนอกจนหมดแล้ว” 

 

 

ชีเหนียงพยักหน้าเล็กน้อย จู่ๆ จั๋วเถาก็วิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้น “คุณหนู คุณชายใหญ่ทายปริศนาไปสิบข้อ หากว่าท่านเขยสามารถทายปริศนาทั้งหมดได้ก็จะยอมเปิดประตูให้ แต่หากไม่ผ่านด่านก็จะไม่ยอมเปิดประตู ท่านเขยฉลาดหลักแหลมเป็นอย่างมาก สามารถทายถูกทุกข้อได้ในครั้งเดียวเลยเจ้าค่ะ” 

 

 

“จริงหรือ จริงหรือ” อู่เหนียงยังไม่ทันจะได้พูดอะไร แต่ชีเหนียงกลับดีใจไปก่อนแล้ว รีบดึงมือของสืออีเหนียง “พวกเราก็ไปดูกัน” 

 

 

“ไม่ไปดีกว่ากระมัง!” สืออีเหนียงยิ้มพร้อมกับพูดต่อว่า “ในเมื่อพี่เขยห้าตอบปริศนาได้แล้ว คนที่จะมาแต่งภรรยาก็คงจะเข้ามาเร็วๆ นี้นี่แหละ…” 

 

 

ชีเหนียงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขัดใจ 

 

 

จั๋วเถาจึงยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า “คุณหนูเจ็ดอยากไปก็ไปเถิดเจ้าค่ะ! เกรงว่าประตูคงจะไม่ได้เปิดง่ายๆ เช่นนั้น” 

 

 

คนในห้องต่างพากันอึ้งไปตามๆ กัน 

 

 

จั๋วเถาปิดปากหัวเราะเบาๆ “ท่านเขยสี่ขึ้นมาแล้ว แต่ครั้งนี้ไม่ได้ทายปริศนา เปลี่ยนเป็นถามเกี่ยวกับคัมภีร์วิจารณ์พจน์หลุนอวี่แทน ให้ท่านเขยตอบว่า ‘สามคนที่เดินมา หนึ่งในนั้นเป็นอาจารย์ข้าคนหนึ่ง หมายความว่าอย่างไร’ ทำนองนี้นี่แหละเจ้าค่ะ…” 

 

 

อู่เหนียงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นอย่างร้อนใจว่า “เหตุใดพี่ใหญ่ถึงเป็นคนไม่รักษาคำพูดเช่นนี้นะ” 

 

 

ทั้งห้องก็พากันหัวเราะขึ้นมา 

 

 

อู่เหนียงเขินอายจนใบหน้าแดงก่ำ 

 

 

จั๋วเถาจึงพูดขึ้นว่า “ท่านเขยเองก็พูดเช่นนี้ แต่คุณชายใหญ่กลับพูดขึ้นว่า ‘ด่านของข้าเจ้าผ่านแล้ว แต่ไม่ได้บอกว่ามีแค่ด่านของข้าด่านเดียวเสียหน่อย!’” 

 

 

ชีเหนียงฟังดูแล้วก็รู้สึกน่าสนุกเป็นอย่างมาก จึงดึงมือสืออีเหนียงวิ่งออกไปด้านนอก “อู่เหนียง พวกเราออกไปช่วยท่านดู!” 

 

 

สืออีเหนียงเองก็รู้สึกน่าสนุก จึงได้ตามชีเหนียงไปที่เรือนหลักด้วย 

 

 

จึงเห็นว่าที่ประตูฉุยฮวานั้นปิดแน่น กำแพงข้างประตูมีบันไดพาดไว้อยู่ อวี๋อี๋ชิงปีนบันไดกำลังพูดคุยกับคนนอกกำแพง 

 

 

“…ข้อนี้ถือว่าท่านตอบถูก ตอบข้อนี้ต่อ…การหยั่งรากในเต๋า เต๋าหยั่งรากในคุณธรรม ธรรมาภิบาลแนวทางการปกครองและการประนีประนอมตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบันของขงจื๊อ คัมภีร์การปกครองทั้งเก้าที่ขงจื๊อถ่ายทอดให้กับหลู่จวิน รวบรวมกลับคืนสู่หลักคุณธรรมทั้งสามประการ และสัจธรรมที่ยอดขุนนางซือหม่ากวางในสมัยราชวงศ์ซ่งได้กล่าวไว้ว่า ‘คุณธรรมที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์มีสามประการ ได้แก่เมตตากรุณา สะอาดถ่องแท้ วรยุทธ์กล้าแกร่ง’ มีความสอดคล้องกับปรัชญาคำสอนของขงจื๊ออย่างไร” 

 

 

“นี่ไม่ได้เขียนหนังสือกราบบังคมเสียหน่อย” อวี๋อี๋ชิงพึ่งพูดจบ หลัวเจิ้นซิ่งก็โดดออกมาประท้วงต่อต้านเป็นคนแรก “เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น!” 

 

 

อวี๋อี๋ชิงหัวเราะอย่างตลกขบขัน จากนั้นก็หันไปพูดกับทุกคนว่า “เห็นแล้วหรือยัง แค่นี้ก็รีบออกหน้าช่วยเสียแล้ว” 

 

 

ทุกคนที่อยู่ในเรือนและนอกเรือนพากันหัวเราะเสียงดัง 

 

 

จากนั้นก็มีคนตะโกนขึ้นว่า “ท่านเขยเฉียน ท่านอย่าได้ทำให้คุณชายใหญ่ของเราผิดหวังในตัวท่านเชียว” 

 

 

“วางใจเถิด วางใจได้” เสียงของเฉียนหมิงดังขึ้นมาจากนอกประตู 

 

 

หลังจากที่ทุกคนพากันหัวเราะยกใหญ่เสร็จแล้ว ก็พากันเงียบเสียงลง ฟังคำตอบของเฉียนหมิงอย่างตั้งใจ 

 

 

บรรยากาศทั้งนอกและในประตูก็เข้าสู่ความเงียบสงบ 

 

 

สืออีเหนียงสังเกตเห็นว่าชีเหนียงนั้นกำลังกำมือแน่น 

 

 

ผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงของเฉียนหมิงจึงค่อยๆ ดังขึ้นว่า “อะไรคือสิ่งที่เรียกว่ารากฐาน…ท่ามกลางห้วงเหวแห่งการบรรจบ ทุกสรรพสิ่งสามารถเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน สมาธิจดจ่อที่นิ่งสงบและความสุขุมสง่าผ่าเผย สามารถหลอมรวมผสมผสานไร้ซึ่งช่องว่าง อะไรคือโอกาสที่ดีที่สุด…พิจารณาไตร่ตรองสถานการณ์ด้วยความเหมาะสมพึงควร สามารถผลักดันและขับเคลื่อนทุกๆ สิ่งออกไปอย่างไรซึ่งขอบเขต สามัคคีปรองดองโอบอ้อมอารี ไม่ใช่เพียงแค่อดทนและประคับประคอง ควรมองให้ถ่องแท้ลึกซึ้งและกว้างไกล ไม่มองข้ามสิ่งเล็กสิ่งน้อยแม้แต่นิดเดียว รวบรวมตัดสินใจแน่วแน่และเด็ดขาด แต่ไม่พลการโดยขาดซึ่งมนุษยธรรม สังเกตการณ์พินิจความแปรผันอันน่าทึ่งของหยินและหยาง ตัวเราเองเท่านั้นที่ปรับตัวเปลี่ยนแปลงอย่างไร้ซึ่งร่องรอย…” 

 

 

นี่เป็นหนังสือกราบบังคมที่ถูกต้องที่สุด 

 

 

สืออีเหนียงเองก็รู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก 

 

 

เฉียนหมิง ฉลาดล้ำอย่างแท้จริง! 

 

 

ส่วนอวี๋อี๋ชิงที่เป็นคนทดสอบเขานั้น ใบหน้าที่ยิ้มแย้มเมื่อครู่ค่อยๆ ถอดสีไปจนหมด เปลี่ยนเป็นสีหน้าที่เคร่งขรึมขึ้นมาแทน ส่วนหลัวเจิ้นซิ่งนั้นกำลังพยายามเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ 

 

 

“…ใช้อำนาจปกครองโดยไม่ยึดหลักคุณธรรม ถึงแม้ว่าจะมีสิ่งอำนวยหนุนนำมากมาย แต่เมื่อใดที่ตกหลุมพรางในความปรีชาสามารถของตน หลักปฏิบัติและการผลักดันเผยแพร่ก็จะเบี่ยงเบนไปจากความถูกต้อง เหตุใดการรักษาแก้ไขที่ต้นเหตุรากเหง้าก่อนถึงเป็นสิ่งสำคัญสูงสุดและสามารถคงไว้ซึ่งความสงบสันติสุขทั้งหมดได้ ขัดเกลาจิตใจแต่ไม่เคยรักษาไว้ซึ่งโชคและโอกาส ถึงแม้ว่าจะวางแผนด้วยสติปัญญาที่เลิศล้ำเพียงใด ก็จะยังคงหลั่งไหลเข้าสู่วังวนอคติที่โง่เขลาดังเช่นเดิม…” 

 

 

“ดี!” จู่ๆ ก็มีคนชื่นชมขึ้นเสียงดัง 

 

 

ทุกคนจึงพากันหันกลับไปมอง 

 

 

จึงเห็นว่าเป็นนายท่านใหญ่ที่สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ค่อยๆ ก้าวเดินลงขั้นบันไดอย่างช้าๆ 

 

 

“ถึงแม้ว่าจะมีสิ่งอำนวยหนุนนำมากมาย แต่เมื่อใดที่ตกหลุมพรางในความปรีชาสามารถของตน แม้ว่าจะวางแผนด้วยสติปัญญาที่เลิศล้ำเพียงใด ก็จะยังคงหลั่งไหลเข้าสู่วังวนอคติที่โง่เขลาดังเช่นเดิม!” เขาชะงักฝีเท้าลงยืนอยู่กลางลานสวน จากนั้นก็พูดขึ้นเสียงดังว่า “เปิดประตู ต้อนรับเขยสกุลหลัวของข้า!” 

 

 

ทุกคนต่างพากันอึ้งไปชั่วขณะ 

 

 

หลัวเจิ้นซิ่งรีบพูดขึ้นด้วยความดีใจว่า “เร็วเข้า เร็วเข้า รีบเปิดประตูเร็วเข้า!” 

 

 

บ่าวรับใช้ที่อยู่ข้างๆ ได้ยินแล้วก็รีบไปเปิดประตูใหญ่ทันที 

 

 

แต่แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงร้องไห้ดังลั่นพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ข้ายังไม่ได้รับซองแดงเลย!” 

 

 

เมื่อทุกคนหันไปดู ก็เห็นว่าเป็นคุณชายห้าหลัวเจิ้นไค 

 

 

เวลานี้เรือนทั้งเรือนก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ครึกครื้นและมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก 

 

 

***** 

 

 

นายหญิงใหญ่ที่กำลังนั่งรอให้บุตรเขยเข้ามาคารวะอยู่ในห้องข้างของเรือนปีกทิศตะวันตก ก็ได้เรียกป้าสวี่เข้ามา “ไปเอาเงินมาสักหนึ่งร้อยตำลึง” 

 

 

ป้าสวี่เข้าใจแล้วก็ตรงเข้าไปเปิดหีบในห้องชั้นใน จากนั้นก็นำตั๋วเงินราคาหนึ่งร้อยตำลึงออกมา บวกกับเงินก่อนหน้านี้อีกสี่สิบตำลึง ทั้งหมดรวมเป็นหนึ่งร้อยสี่สิบตำลึง จากนั้นก็ใส่ลงไปในซองแดง 

 

 

เฉียนหมิงจิบชาอยู่ในห้องโถงครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตรงไปหานายหญิงใหญ่เพื่อที่จะคารวะ 

 

 

นายหญิงใหญ่มอบซองแดงให้กับเขาด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงใจว่า “ตั้งแต่เยาว์วัย อู่เหนียงเติบใหญ่ภายใต้การดูแลของข้า ตอนนี้ข้าฝากฝังนางให้กับเจ้า เจ้าจะต้องดูแลนางให้เป็นอย่างดี” 

 

 

เฉียนหมิงที่สวมชุดมงคลสีแดงสดสีหน้าฮึกเหิม เขาคุกเข่าต่อหน้านายหญิงใหญ่ จากนั้นก็คำนับสามทีด้วยความเคารพ “ท่านแม่ยายโปรดวางใจ ข้าจะต้องดูแลคุณหนูห้าเป็นอย่างดีแน่นอนขอรับ” 

 

 

นายหญิงใหญ่พยักหน้าเล็กน้อย “เจ้าจะต้องจดจำและรักษาคำพูดของเจ้าไว้ให้ดี!” 

 

 

เฉียนหมิงพยักหน้าตอบรับ “จะไม่ผิดคำพูดที่ให้ไว้อย่างแน่นอนขอรับ” 

 

 

จากนั้นฝ่ายดูแลต้อนรับแขกก็ได้เชิญเฉียนหมิงไปยังห้องโถงเพื่อทำความเคารพคนจวนสกุลหลัว ไม่ว่าจะเป็นผู้อาวุโสหรือผู้เยาว์ เขาก็โค้งตัวคำนับด้วยความเคารพอย่างจริงใจทั้งสิ้น 

 

 

หลัวเจิ้นไคจ้องมองตาค้างด้วยความแปลกใจ 

 

 

หลังจากที่ทำความเคารพเสร็จเรียบร้อย ตามหลักการแล้ว ลูกพี่ลูกน้องจวนสกุลหลัวจะต้องมาดื่มสุราแสดงความเคารพต่อเฉียนหมิง 

 

 

หลัวเจิ้นซิ่งเพิ่งจะยกจอกสุราขึ้น จู่ๆ หลัวเจิ้นไคก็โผล่ออกมาจากที่ใดก็ไม่รู้ เขายกชามขนาดใหญ่ขึ้นมา “พี่เขยห้า ข้าขอคารวะท่าน!” พูดจบก็แหงนหน้าดื่มสุรา จากนั้นก็หันไปสั่งกับบ่าวรับใช้ที่อยู่ข้างๆ ว่า “ไปรินสุราให้ท่านบุตรเขยห้าของข้าสักจอก” 

 

 

บ่าวรับใช้คนนั้นก็รีบไปทำตามคำสั่งทันที 

 

 

เขาอายุน้อยขนาดนี้ จะดื่มสุราด้วยชามใบใหญ่ขนาดนี้ได้อย่างไรกัน ข้างในสงสัยคงจะเป็นน้ำเปล่าเสียมากกว่า 

 

 

นายท่านใหญ่ชักสีหน้าขึ้นมาทันที “เหลวไหล!” 

 

 

ทำเอาหลัวเจิ้นไคสะดุ้งตกใจไปหมด เขารีบวิ่งไปหลบอยู่ข้างหลังของหลัวเจิ้นซิ่งทันที 

 

 

เฉียนหมิงเองไม่ได้คิดเช่นนั้น “ชายชรายังนอนบนเปลไกวฉันใด ความเคารพก็ไม่แบ่งแยกอายุฉันนั้น ในเมื่อน้องภรรยาเชื้อเชิญข้าดื่มสุรา ข้าก็ไม่มีเหตุผลใดที่ต้องปฏิเสธ” 

 

 

พูดจบก็ยกจอกสุราจากบ่าวรับใช้มา 

 

 

เฉียนหมิงไม่พูดพร่ำทำเพลง ยกสุราขึ้นมาดื่มจนหมดจอก 

 

 

หลัวเจิ้นไคมองตาค้างด้วยความตะลึง 

 

 

คนอื่นๆ ก็พากันยกจอกสุราขึ้นมาดื่มตาม 

 

 

แม่ชักแม่สื่อของคนจวนสกุลเฉียนจึงรีบหันไปส่งสายตาให้กับคณะดนตรีงานมงคล 

 

 

คณะดนตรีงานมงคลที่มากด้วยประสบการณ์ ไฉนเลยจะไม่เข้าใจ จึงได้เคาะฆ้องตีกลองจุดประทัด รีบไปรับเจ้าสาวทันที 

 

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท