ลูกเขยมังกร – ตอนที่ 503

ตอนที่ 503

บทที่ 503 รุ่นพี่จาง

“อ้านจิ้งชั้นต้น”

เฉินเฟิงขมวดคิ้วก่อนตอบกลับเสียงเรียบ

ในวงการศิลปะการต่อสู้ การเอ่ยถามลำดับขั้นของผู้อื่นถือเป็นเรื่องที่เสียมารยาท

จางเทียนเซอเป็นถึงศิษย์ของสำนักใหญ่อย่างภูเขาหลงหู่น่าจะรู้กฎเกณฑ์ข้อนี้ดี

แต่ถึงจะรู้หลักเกณฑ์ข้อนี้เขากลับยังถามคำถามนี้อีก นั่นแสดงถึงว่าจางเทียนเซอมีข้อกังขากับเขา!

แต่จะเนื่องด้วยสาเหตุใด เฉินเฟิงก็พอคาดเดาได้บ้างและคาดว่าคงจะเป็นประวัติเบื้องหลังของจอมยุทธ์ฝึกเองอย่างเขาแน่นอน

ในวงการศิลปะการต่อสู้ ตำแหน่งของจอมยุทธ์ฝึกเองนั้นไม่ได้สูงส่งมากนัก

จอมยุทธ์ฝึกเองส่วนใหญ่ก็คือของเหลือที่ถูกเนรเทศออกจากอาณาสำนักต่างๆ

พวกเขาไม่มีพรสวรรค์ในการฝึกฝนวิชาและไม่มีต้นทุนที่เพียงพอในการฝึกฝน มีเพียงแค่หัวใจอันมุ่งมั่นในการต่อสู้เท่านั้น

ทว่าการฝึกฝนการต่อสู้มีแค่อุดมการณ์อย่างเดียวนั้นไม่พอ

คุณต้องมีพรสวรรค์ มีต้นทุน มีอาจารย์……

เมื่อมีสิ่งเหล่านี้คุณถึงจะแข็งแกร่งกว่าคนอื่น ถึงจะพัฒนาไปยังลำดับขั้นที่สูงขึ้นได้

หากไม่มีสิ่งเหล่านี้ คุณก็เป็นได้เพียงชนชั้นล่างของวงการศิลปะการต่อสู้

จอมยุทธ์ฝึกเองจึงเป็นชนชั้นล่างสุดในวงการศิลปะการต่อสู้

โดนองค์กรทางการรังเกียจ โดนอาณาสำนักดูถูก……

จะเรียกจอมยุทธ์ฝึกเองว่าเป็นลูกที่พ่อแม่ไม่รักก็ว่าได้

จากการที่จางเทียนเซอกล้าถามลำดับขั้นของจอมยุทธ์ฝึกเองอย่างเขาโดยเปิดเผย สามารถแสดงให้เห็นว่าในวงการศิลปะการต่อสู้ ชนชั้นของจอมยุทธ์ฝึกเองนั้นต่ำต้อยขนาดไหน

“อ้านจิ้งชั้นต้นหรือ?”

น้ำเสียงของจางเทียนเซอแฝงไว้ด้วยความสงสัย “คุณอยู่ในขั้นอ้านจิ้งชั้นต้นจริงหรือ?”

“จริงแท้แน่นอน” เฉินเฟิงโกหกหน้าตาย ลำดับขั้นของเขาจริงๆคือหั้วจิ้งชั้นต้นต่างหาก ไม่ใช่อ้านจิ้งชั้นต้นอะไรนี่หรอก!

อ้านจิ้งชั้นต้นคือเรื่องที่เขาแต่งขึ้นมาเองเท่านั้น

ถึงจะเป็นเรื่องที่เขาแต่งขึ้นมามั่วๆแต่ก็เพียงพอที่จะทำให้จางเทียนเซอตกตะลึงได้

“เป็นจอมยุทธ์ฝึกเองแต่สามารถฝึกฝนจนถึงอ้านจิ้งชั้นต้นได้ในช่วงอายุเพียงเท่านี้ก็ถือว่าไม่เลวแล้วล่ะ” เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองเสียอาการ จางเทียนเซอจึงรีบทำตัวให้เป็นปกติ

ทว่าเฉินเฟิงสามารถฝึกฝนจนถึงอ้านจิ้งชั้นต้นได้ในช่วงอายุเท่านี้ไม่ใช่แค่ไม่เลวอย่างที่เขาพูดแล้วล่ะ

หากเรียกอย่างจริงจังหน่อยก็คงเป็นปีศาจ!

อัจฉริยะอย่างเขาที่มีสำนักคอยสนับสนุน แถมเจ้าสำนักยังมาสอนวิชาด้วยตัวเอง ในช่วงอายุยี่สิบห้ายี่สิบหกก็ผ่านอ้านจิ้งชั้นกลางมาอย่างทุลักทุเล

ตอนนี้เขาใกล้จะสามสิบแล้วก็ยังคงอยู่ในขั้นอ้านจิ้งชั้นกลางอยู่

แต่ถึงแม้ผ่านไปห้าปีเขาก็ยังไม่สามารถผ่านขั้นอ้านจิ้งชั้นกลาง แต่เขาก็ถือว่าเป็นหนึ่งในอัจฉริยะของภูเขาหลงหู่

หากให้เฉินเฟิงอยู่ในสภาพแวดล้อมเดียวกับเขา ยากที่จะรับประกันว่าเฉินเฟิงจะไม่สามารถทำได้ดีกว่าเขา

คิดมาถึงตรงนี้ จางเทียนเซอจึงเก็บท่าทีดูถูกที่มีต่อเฉินเฟิง

ถึงแม้ลำดับขั้นของเฉินเฟิงจะต่ำไปหน่อย ทว่าพรสวรรค์ของเฉินเฟิงก็เป็นที่ยอมรับได้ ในอนาคตเฉินเฟิงอาจจะมีโอกาสไปถึงขั้นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ก็ได้

หากเฉินเฟิงสามารถผ่านไปถึงขั้นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้จริงๆ……

สีหน้าของจางเทียนเซอเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาหันไปมองเฉินเฟิงอีกครั้งด้วยสีหน้าที่แฝงไว้ด้วยความปรารถนาดี “การต่อสู้ในวันพรุ่งนี้ คุณทำให้เต็มที่ก็พอ หากต้านฝั่งตรงข้ามไม่ไหวจริงๆก็ยอมแพ้เสีย อย่าฝืนตัวเองเด็ดขาด การฝืนตัวเองจะเป็นการทำร้ายพื้นฐานของคุณ”

อย่าฝืนงั้นหรือ?

สีหน้าของเฉินเฟิงแปลกประหลาด นี่จางเทียนเซอกำลังเป็นห่วงตัวเขางั้นหรือ?

ทำไมท่าทีของเขาถึงเปลี่ยนรวดเร็วขนาดนี้?

ถึงแม้จะนึกสงสัยทว่าเฉินเฟิงก็ยังไม่ได้แสดงออกมา เขาเอ่ยแกมหัวเราะ “ที่รุ่นพี่จางแนะนำเมื่อครู่ ผมจะจำไว้ หากพรุ่งนี้ผมสู้ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้จริงๆ ผมจะยอมแพ้”

“อืม คุณคิดแบบนี้ได้ก็ดี” จางเทียนเซอพยักหน้ารับ เขาพึงพอใจมากกับท่าทีของเฉินเฟิง ให้ความรู้สึกเหมือนเด็กที่สั่งสอนได้

“รุ่นน้องเฉิน บอกตรงๆเลยแล้วกัน ช่วงสำคัญของการต่อสู้ในวันพรุ่งนี้ความจริงแล้วอยู่ที่ผมกับมหาปรมาจารย์ด้านกระบี่ คนที่อยู่ในขั้นอ้านจิ้งชั้นต้นอย่างพวกคุณมีไว้เพื่อลดทอนพละกำลังของจอมยุทธ์ประเทศญี่ปุ่น”

“ยิ่งพวกคุณลดทอนพละกำลังจอมยุทธ์ของประเทศญี่ปุ่นได้มากเท่าไหร่ โอกาสที่ผมและมหาปรมาจารย์ด้านกระบี่จะอยู่จนถึงตอนสุดท้ายก็มีมากเท่านั้น”

“ดังนั้นพรุ่งนี้จอมยุทธ์ในขั้นอ้านจิ้งชั้นต้นอย่างพวกคุณพยายามลดทอนพละกำลังจอมยุทธ์ของประเทศญี่ปุ่นให้ได้มากที่สุด เพื่อจะได้เพิ่มโอกาสชนะให้ผมและมหาปรมาจารย์ด้านกระบี่”

สีหน้าของจางเทียนเซอแฝงไว้ซึ่งความภาคภูมิใจ คำพูดของเขาถึงแม้จะตรงเกินไปจนทำให้คนฟังระคายหู แต่สิ่งที่เขาพูดคือความจริงทั้งนั้น

จอมยุทธ์จำนวนสิบคนที่สมาคมการค้าจงไห่เชิญมาในครั้งนี้ คนที่อยู่ในสายตาเขามีเพียงคนเดียวเท่านั้นซึ่งก็คือหวังเฉียนมหาปรมาจารย์ด้านกระบี่

นอกจากหวังเฉียนแล้วจอมยุทธ์คนอื่นๆล้วนอยู่ในขั้นอ้านจิ้งชั้นต้น

ระหว่างอ้านจิ้งชั้นต้นและอ้านจิ้งชั้นกลาง ถึงแม้จะห่างกันแค่ขั้นเดียว

ทว่าสำหรับจอมยุทธ์แล้วระยะห่างเพียงแค่หนึ่งขั้นนี้กลับต่างกันราวฟ้ากับเหว

นี่เป็นเส้นแบ่งระหว่างอัจฉริยะธรรมดากับสุดยอดอัจฉริยะ

สามารถผ่านเข้ามาถึงขั้นอ้านจิ้งชั้นกลางได้ก่อนอายุสามสิบปีถือว่าเป็นสุดยอดอัจฉริยะ!

นี่คือความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้!

“รุ่นพี่จางวางใจได้ การต่อสู้ในวันพรุ่งนี้ ผมจะพยายามลดทอนพละกำลังจอมยุทธ์ของประเทศญี่ปุ่นอย่างสุดความสามารถ” เฉินเฟิงเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง จากคำพูดของจางเทียนเซอแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าอีกฝ่ายกำลังเช็คให้มั่นใจว่าบทบาทหลักนั้นเป็นของตัวเอง

แน่นอนว่าเฉินเฟิงต้องไว้หน้าจางเทียนเซอเป็นธรรมดา

“ดีมาก” หน้าของจางเทียนเซอเต็มไปด้วยความพึงพอใจ เฉินเฟิงจอมยุทธ์ฝึกเองคนนี้รู้ความมากกว่าที่เขาคาดคิดไว้

ตอนแรกเขาคิดที่จะแสดงอำนาจใส่เฉินเฟิง เพื่อให้เฉินเฟิงเห็นถึงระยะห่างระหว่างเขากับอีกฝ่าย

แต่ตอนนี้ดูท่าทีแล้วคงไม่จำเป็นแล้วล่ะ

เพราะเฉินเฟิงรับรู้ถึงระยะห่างระหว่างตัวเองกับเขาแล้ว

บทสนทนาระหว่างจางเทียนเซอกับเฉินเฟิงได้ยินถึงหูของฉู่ยี่เฟยทุกคำ ทว่าฉู่ยี่เฟยก็ไม่ได้เอ่ยคัดค้านแม้แต่น้อย เขาเพียงแค่มองการแสดงของจางเทียนเซอด้วยสีหน้าแปลกๆตั้งแต่ต้นจนจบ เขาแปลกใจมากว่าถ้าหากจางเทียนเซอรู้ว่าจอมยุทธ์ฝึกเองที่อยู่หน้าตนนั้นแท้จริงแล้วอยู่ในขั้นอ้านจิ้งชั้นสุด จางเทียนเซอจะมีสีหน้ายังไง?

หลังจากจางเทียนเซอเดินจากไป

ฉู่ชีงฉือก็อดที่จะถามเฉินเฟิงไม่ได้ “พี่เฉิน พี่อยู่ในขั้นอ้านจิ้งชั้นต้นจริงๆหรือ?”

ถึงแม้เธอจะไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับจอมยุทธ์มากนัก แต่เธอก็รู้คร่าวๆว่าจอมยุทธ์แบ่งเป็นลำดับขั้นไหนบ้าง

จากการวิเคราะห์ของตระกูลฉู่ มีความเป็นไปได้มากว่าลำดับขั้นของเฉินเฟิงจริงๆคืออ้านจิ้งชั้นสุด ไม่ใช่อ่านจิ้งชั้นต้นแน่นอน

หากอยู่ในขั้นอ้านจิ้งชั้นต้นจริงๆ ตระกูลฉู่ไม่มีทางเอาเฉินเฟิงมาเป็นไม้ตายแน่

คนนอกต่างก็คิดว่าไม้ตายของตระกูลฉู่ในครั้งนี้คือจางเทียนเซอ มีเพียงแค่คนในระดับสูงของตระกูลฉู่เท่านั้นที่รู้ว่าเฉินเฟิงคือไม้ตายสำคัญที่ตระกูลฉู่จัดเตรียมไว้สำหรับการต่อสู้ในครั้งนี้!

“พรุ่งนี้เธอก็รู้เองแหละ”

เฉินเฟิงยกยิ้ม เขาอยู่ในขั้นอ้านจิ้งชั้นต้นจริงหรือไม่ บนเวทีพรุ่งนี้ก็ได้รู้กันเอง

มาอธิบายกันตอนนี้ก็ไม่มีความหมายอะไร

เมื่อไล่ฉู่ชีงฉือออกไป บริเวณรอบด้านก็เงียบสงบลง

ทว่าเฉินเฟิงไม่ได้กลับเข้าห้องพัก เมื่อสักครู่ตอนขึ้นเรือ เขาเห็นร่างคุ้นตาบริเวณท่าเรือ ตอนนี้เขาอยากจะพิสูจน์ว่าเมื่อสักครู่เขาไม่ได้ดูผิดไป

หลังจากเดินวกไปวนมา เฉินเฟิงก็เดินลงไปยังดาดฟ้าของชั้นสี่

เมื่อเทียบกับดาดฟ้าของชั้นบนสุด มุมมองดาดฟ้าของชั้นสี่แคบกว่าไม่น้อย

ทว่าจำนวนคนบนดาดฟ้าของชั้นสี่มีมากกว่าชั้นบนสุดอย่างเห็นได้ชัด

มีพนักงานต้อนรับหน้าตาสะสวย มีบริกรที่สวมชุดยูนิฟอร์มดูดี แน่นอนว่าที่มากกว่าก็คือนักท่องเที่ยวที่สวมชุดลำลองสบายๆ

ลูกเขยมังกร

ลูกเขยมังกร

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง ลูกเขยมังกร ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดย เรื่อง ลูกเขยมังกร บ้างส่วนของนิยาย

บทที่ 1 ทรัพย์สินหลายล้านล้าน

“อยากให้ฉันกลับบ้านตระกูลเฉินงั้นหรือ?” ถนนคนเดิน ในเมืองชางโจวที่ทางเข้าร้าน อาหาร เฉินเฟิงใส่ชุดส่งอาหารเดลิเวอรี่สีเหลืองด้วย สีหน้าเย็นชา

“ใช่ นายท่านบอกว่า ตราบใดที่นายน้อยเต็มใจ ที่จะกลับไปยังตระกูลเฉิน ทรัพย์สินทั้งหมดหลาย ล้านล้านของตระกูลเฉินจะอยู่ภายใต้การควบคุม ของนายน้อย” ตรงข้ามกับเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถัง สีเทาพูดด้วยความเคารพ

“เห้อ…ทรัพย์สินหลายล้านล้าน? ” เฉินเฟิง หัวเราะกับตัวเอง และถอนหายใจเบาๆ : “ตระกูล เฉินนั้นรวยมากจริงๆ”

ราวกับว่าเขาสามารถฟังออกจากคำ กาง ของเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถังถามอย่างหมด หนทาง : ” นายน้อย คุณยังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิด ขึ้นเมื่อสามปีก่อนหรือ? ”

เมื่อเห็นเฉินเฟิงไม่พูดเลย เฉินจงก็ยิ้มอย่าง ขมขื่น ” นายน้อย เรื่องของเมื่อสามปีก่อน นาย ท่านเป็นฝ่ายทำผิดจริงๆ แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา นายท่านได้ชดใช้กรรมไปแล้วมากพอสมควร สำหรับสิ่งนั้น เหตุใดนายน้อยจึงไม่ให้โอกาสนาย ท่านบ้าง?”

” โอกาสงั้นเหรอ? ” เฉินเฟิงยกมุมปากยิ้มเยาะ %3D เย้ย ขอให้เขาให้โอกาสเฉินเจิ้นหนาน แต่เฉินเจิ้น หนานเคยให้โอกาสแม่ของเขาหรือไม่?

เฉินเฟิงจะไม่มีวันลืมเรื่องที่แม่ของเขาเสียชีวิต de ด้วยโรคร้ายต่อหน้าตัวเอง เมื่อสามปีก่อน

ตระกูลเฉินมีทรัพย์สินหลายล้านล้าน แต่เฉิน เจิ้นหนานไม่ยอมจ่ายเงินหนึ่งล้านเพื่อรักษาแม่ของ เขา แม้ว่าตัวเองจะเป็นเหมือนสุนัข คุกเข่าต่อหน้า เขา และขอความเมตตาจากเขา แต่เฉินเจิ้นหนานไม่ ได้สนใจเลยสักนิด และทำได้เพียงแค่เฝ้าดูแม่ของ เขาเสียชีวิตด้วยความเจ็บป่วยอย่างสิ้นหวัง

ตอนนี้ เฉินเจิ้นหนานต้องการโอกาสงั้นหรือ?

ที…

เฉินเฟิงส่ายหัวด้วยสีหน้าเย้ยหยันสุดจะพรรณนา

“หรือว่า นายน้อยเต็มใจที่จะเป็นคนส่งอาหารไป ตลอดชีวิตหรือ? ” เฉินจงถามพร้อมกับถอนหายใจ เมื่อเฉินเฟิงไม่ไหวติง เขารู้ว่าสามปีหลังจากที่เฉินเฟิ งออกจากบ้านของตระกูลเฉิน ชีวิตของเขาไม่ราบ รื่นเลย ไปเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยไม่ต้องพูดถึง ฐานะที่ต่ำต้อยของเขา ยังคงถูกคนในตระกูลเสี้ย ดูถูกอยู่ตลอดด้วย และวันเวลาของเขาที่อยู่ในตระ กูลเฉินนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

“ส่งอาหารดีกว่าตาย” เฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ

สีหน้าของเฉินจงเปลี่ยนไป และเขาก็พูดว่า “นายน้อย คุณหมายถึงอะไร?”

“ไม่ได้หมายถึงอะไรเลย” เฉินเฟิงส่ายหัว “เฉิน จง คุณกลับไปได้แล้ว บอกเฉินเจิ้นหนานและคนใน ตระกูลเฉินด้วย สักวันหนึ่งผมจะกลับไปแน่นอน แต่ ไม่ใช่เพื่อทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น!”

เฉินจงผงะ มองดูเงาร่างด้านหลังของเฉินเฟิงที่ กำลังเดินจากไป ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็ซับ ซ้อน…

ตลอดทาง อารมณ์ของเฉินเฟิงซับซ้อนมาก

ตั้งแต่วันที่เขาเกิดมา เขาก็อาศัยอยู่ในบ้านของ ตระกูลเฉิน แต่เนื่องจากฐานะของเขาเป็นลูกนอก สมรส คนในตระกูลเฉินจึงไม่ค่อยชอบเขานัก แม้ กระทั่งคนรับใช้ของตระกูลเฉินก็สามารถดุด่าว่าเขา อย่างดุเดือด และดูถูกเขาได้ตามต้องการ

เดิมที่เฉินเฟิงเคยคิดว่าเขาจะเป็นตัวหนอนใน ตระกูลเฉินไปชั่วชีวิต จนกระทั่งแม่ของเขาล้มป่วย เมื่อสามปีก่อน เขาจึงตระหนักถึงว่า ตระกูลเฉินไม่ ได้ให้โอกาสเขาเป็นแม้แต่ตัวหนอนด้วยซ้ำ!

ในคืนนั้น แม่ของเขาป่วยหนักมาก เฉินเฟิง คุกเข่าต่อหน้าคนในครอบครัวเฉินเหมือนสุนัขตัว หนึ่ง ขอร้องให้พวกเขาช่วยชีวิตแม่ของเขา แต่ไม่มี ใครยื่นมือช่วยเหลือเลย

การแสดงออกของทุกคนนั้น เย็นชามาก

ในที่สุด แม่ของเขาก็ป่วยหนักจนเสียชีวิต เฉินเฟิงรู้สึกว้าวุ่นมาก ในตอนนั้น เขาก็เข้าใจ แล้วว่า ชีวิตของตัวเอง และแม่ของเขานั้น ด้อยกว่า มดอยู่ในสายตาของคนในตระกูลเฉิน!

ในวันนั้น เฉินเฟิงก็ออกจากบ้านของตระกูลเฉิน

ในวันนั้น เฉินเฟิงสาบานว่า วันหนึ่งเขาจะกลับ ไปที่ตระกูลเฉิน และใช้ความสามารถเข้มแข็งอย่าง เต็มที่ เพื่อให้ทุกคนในตระกูลเฉินคุกเข่าต่อหน้า หลุมฝังศพของแม่เขา และขอให้เธอยกโทษ!

แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นเพียงความคิดเล็กๆ น้อยๆของเขาที่ยังเด็ก หลังจากที่เขาออกจากตระ กูลเฉิน และมาที่ชางโจวได้สองวันเฉินเฟิงก็ถูกกลุ่ม คนไล่ล่าและสังหาร หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ จากเสี้ยเว่ยกั๋ว เขาก็คงกลายเป็นศพไปนานแล้ว

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า คนที่ไล่ล่าเขานั้น ต้องมีส่วน เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินอย่างแน่นอน

อยู่ต่อหน้าคนในตระกูลเฉินที่ยักษ์ใหญ่ เฉินเฟิ งก็ต่ำต้อยราวกับมด

หลังจากกลายเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยแล้ว ชีวิตของเฉินเฟิงก็ค่อยๆสงบลง แม้ว่าเขาจะถูกผู้คน นับพันหมื่นคนเยาะเย้ย แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นคน ธรรมดาคนหนึ่ง

แต่ต้นไม้ต้องการความสงบลมพัดไม่ยอมหยุด และตระกูลเฉิน ก็ตามมาอีกครั้งโดยไม่คาดคิด

ยังจะให้เขากลับไปที่ตระกูลเฉิน และสืบทอดทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น

แต่ลูกหลานรุ่นที่สามของตระกูลเฉินที่ใหญ่โต นั้น มีผู้ชายมากกว่าหนึ่งร้อยคน ไม่ว่าจะวนกันไปกี่ รอบ ก็ไม่มีวันที่จะวนจนถึงลูกนอกสมรสที่จะ สืบทอดตระกูลเฉิน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่เป็นแผนการชั่วร้ายของ พวกเขา

ครั้งหนึ่งเขาเคยถ่อมตัวเหมือนสุนัข แต่วันนี้ เขา มีค่าหลายล้านล้าน

แผนการชั่วร้ายนี้ปลอมเกินไป!

“เฉินเฟิง!” เมื่อเฉินเฟิงขมวดคิ้วอยู่ในความคิด ก็ มีหญิงสาวใส่ชุดเดรสสีขาวที่สง่างามปรากฏต่อหน้า เขา ผู้หญิงคนนั้นมีใบหน้าที่บอบบาง รูปร่างสูงสุด ส่วนอารมณ์ที่สวยงาม เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็จะ ทำให้คนรู้สึกสดใสและน่าทึ่งมาก

ผู้หญิงคนนี้ ก็เป็นภรรยาของเฉินเฟิง มีชื่อว่า เสี้ยเมิ่งเหยา

“เมิ่งเหยา มีอะไรเหรอ?”

เมื่อเห็นเสี้ยเมิ่งเหยา ใบหน้าของเฉินเฟิงก็เต็มทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท