ลูกเขยมังกร – ตอนที่ 673

ตอนที่ 673

บทที่ 673 ความแข็งแกร่งของอู่จื่อโจว

เมื่อจียุ่นเห็นว่าครั้งแรกไม่โดนก็รีบชักมือกลับอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ปล่อยหมัดอีกข้างออกไป หมัดชุดนี้ถูกจียุ่นชกออกไปรัวๆ

ทว่าอู่จื่อโจวยังคงนิ่งเหมือนเดิม หลบได้ทั้งสองครั้ง

ออกหมัดสองครั้งก็ยังไม่โดนแต่จียุ่นก็ไม่ย่อท้อ เขาเผยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ สองหมัดเมื่อกี้เป็นเพียงการปูทางเท่านั้น จากนั้นจียุ่นก็หมุนตัวแล้วเตะออกไปอย่างแรง

ไม่เสียแรงที่จียุ่นได้เป็นถึงจอมยุทธ์ที่โดดเด่นของตระกูล วรยุทธที่เชื่อมโยงกันเมื่อสักครู่ หากเป็นคนทั่วไปไม่มีทางที่จะหลบทัน บวกกับลูกเตะปิดท้ายที่ไม่มีเปิดโอกาสให้อู่จื่อโจวได้เบี่ยงหลบ

ครั้งนี้อู่จื่อโจวไม่ได้หลบแต่กลับยื่นฝ่ามือออกไป ใช้หลักการยืมแรงจับข้อเท้าของจียุ่นเอาไว้แล้วโยนอีกฝ่ายออกไป

ท่านี้ใช้ความนุ่มนวลสยบความแข็งแกร่งซึ่งจียุ่นคิดไม่ถึง เขาคิดว่าอู่จื่อโจวจะรับกระบวนท่าของเขา เช่นนั้นเขาจะได้ใช้หลักการยืมแรงเพื่อเชื่อมโยงลูกเตะอีกชุด

ทว่าใครจะไปคิดว่าอู่จื่อโจวจะใช้หลักการยืมแรงแล้วออกแรงโยนเขาออกไป เมื่ออยู่กลางอากาศจียุ่นไม่สามารถบังคับร่างกายตัวเองได้จึงลอยละลิ่วออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร เมื่อเท้าแตะพื้นก็ถอยหลังอีกหลายก้าวกว่าจะทรงตัวได้

ตั้งแต่ต้นจนจบอู่จื่อโจวยืนนิ่งอยู่กับที่โดยไม่ขยับฝีเท้าเลยสักนิด

คนที่อยู่ไกลๆอย่างเฉินเฟิงและคนอื่นต่างมองอย่างครุ่นคิด ในหัวกำลังกรอภาพกระบวนท่าการต่อสู้เมื่อสักครู่ แล้วลองวิเคราะห์ว่าหากตนเป็นจียุ่นจะรับมือกับกระบวนท่าของอู่จื่อโจวอย่างไร

เนื่องจากไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความคิดแบบนี้ หนึ่งในนั้นคือฉู่เหอ สายตาของเขาที่มองจียุ่นมีการเยาะเย้ยอย่างไม่ปิดบัง ภาพนี้ทำให้คนอื่นคิดว่าหากฉู่เหอขึ้นเวทีเองจะต้องรับมือกับกระบวนท่าเมื่อสักครู่ได้แน่นอน

หลังจากทรงตัวได้ จียุ่นก็พุ่งเข้าหาอู่จื่อโจวอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้เขาไม่ได้ใช้กระบวนท่า เพียงแค่ใช้ความเร็วสูงสุดเพื่อบีบให้อู่จื่อโจวหมุนตัว

จากนั้นจียุ่นก็หาโอกาสออกหมัด ซึ่งหมัดนี้เขาชกออกไปแบบไม่ยั้งโดยใช้หมัดสายฟ้าท่าไม้ตายของตระกูล

หมัดสายฟ้า เปรียบดั่งใช้สายฟ้าฟาดคู่ต่อสู้ บวกกับพลังที่ส่งออกไปจะไปทำลายอวัยวะภายในร่างกายของคู่ต่อสู้

ความเร็วและความรุนแรงของหมัดนี้เกินกว่าคนที่อยู่ในขั้นหั้วจิ้งชั้นต้นจะรับไหวแล้ว แม้แต่หั้วจิ้งชั้นกลางก็ต้านไม่ไหว ท่านี้คือท่าไม้ตายของจียุ่น

อย่างไรก็ตามเขาและอู่จื่อโจวอยู่คนละระดับกัน เป็นอีกครั้งที่อู่จื่อโจวจับข้อมือของเขาไว้ แล้วใช้หลักการยืมแรงโยนเขาออกไป

ครั้งนี้จียุ่นใช้แรงทั้งหมดที่มีจึงทำให้ควบคุมความเร็วไม่ได้ ร่างของเขาจึงเสียหลักล้มลงจนเกิดสัมผัสใกล้ชิดกับพื้น ครั้งนี้จบแล้วจริงๆ

“จียุ่น พอแค่นี้เถอะ คุณฝึกฝนหมัดสายฟ้าของตระกูลมาได้ถึงระดับนี้ถือว่าไม่เลวแล้วล่ะ!”

เมื่อเห็นสีหน้าตกใจและท่าทางน่าสังเวชของจียุ่น อู่จื่อโจวจึงเอ่ยปากขึ้นซึ่งก็ถือเป็นการยอมรับความสามารถของเขาทางหนึ่ง การท้าชิงของจียุ่นจึงจบลงเพียงเท่านี้

ความจริงจียุ่นตั้งใจจะรุกอีกครั้ง แต่หลังจากได้ฟังคำพูดของอู่จื่อโจว ถึงแม้เขาจะคับข้องใจแต่ก็พูดอะไรไม่ได้แล้ว เขาจึงหันหลังเดินกลับไปหาจีอู๋ฉาง

ในฐานะที่จียุ่นเป็นความภาคภูมิใจของตระกูล ถึงแม้จะอยู่ในขั้นหั้วจิ้งชั้นต้นทว่าในรุ่นเดียวกันเขาไม่มีคู่ต่อสู้ ถึงจะอยู่ในขั้นหั้วจิ้งชั้นกลางก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ทว่าคิดไม่ถึงเลยว่าจากการประชันกับอู่จื่อโจวในวันนี้ คู่ต่อสู้ของเขากลับไม่มีการขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย ความจริงในข้อนี้ทำให้เขาเสียศักดิ์ศรีในระดับหนึ่ง

“ฮ่าฮ่า อย่าเพิ่งท้อใจไป!”

จีอู๋ฉางเห็นดังนั้นจึงเอ่ยปลอบใจ “มีอะไรน่าท้อใจกัน ปรมาจารย์อู่เป็นถึงผู้แข็งแกร่งขั้นหั้วจิ้งชั้นสุด อีกทั้งการได้ประชันฝีมือกับมหาปรมาจารย์ขั้นหั้วจิ้งชั้นสุดระดับสูงสุดถือว่าเป็นความโชคดีของแกแล้ว อีกอย่างคนอื่นก็ทำอะไรปรมาจารย์อู่ไม่ได้เหมือนกัน!”

“ปรมาจารย์อู่ โปรดชี้แนะด้วย!”

เทียนอิงที่สังเกตการณ์ต่อสู้อยู่ข้างสนามก้าวออกด้านหน้า ก่อนจะยกมือคารวะพลางเอ่ย

ด้านเฉินเฟิงก็สังเกตอยู่ข้างสนาม ในใจก็คิดหาวิธีที่จะทำให้ปรมาจารย์อู่ขยับฝีเท้า

“ปรมาจารย์อู่ ผมใช้กระบี่ได้ไหม?”

เทียนอิงสวมเสื้อคลุมสีขาวสายตาจับจ้องอู่จื่อโจวอย่างแน่วแน่

“ฮ่าฮ่า ได้สิ เป็นนักกระบี่หากไม่มีกระบี่จะเรียกนักกระบี่ได้อย่างไร!”

อู่จื่อโจวหัวเราะ ประทับใจในตัวเทียนอิงไม่น้อย

ไม่เพียงแค่อู่จื่อโจวเท่านั้น รวมถึงเฉินเฟิงและคนอื่นๆก็ประทับใจในตัวเทียนอิง เยาวชนคนนี้มีความสามารถทว่าไม่เหิมเกริม เคารพผู้อาวุโสเป็นอย่างดี

“ขอบพระคุณปรมาจารย์อู่มาก เช่นนั้นผมเริ่มเลยนะ!” เทียนอิงยกมือคารวะอีกครั้ง

จากนั้นเทียนอิงก็ไม่ได้เริ่มในทันที ทว่ายืนปรับลมหายใจอยู่กับที่ จากนั้นถึงจะเดินเข้าไปหาอู่จื่อโจวทีละก้าว

เขาไม่ได้มีมาดที่น่าเกรงขามเหมือนอย่างจียุ่น กลับกันเขาสงบนิ่งเป็นอย่างมาก

เทียนอิงก้าวเท้าไปข้างหน้า ในขณะที่กระบี่ในมือก็ขยับเล็กน้อย ทุกการก้าวเดินของเขา กระบี่ในมือก็จะมีการขยับทีละน้อย ราวกับกระบี่ในมือสัมพันธ์กับลมหายใจของเขา เมื่อเทียนอิงก้าวเท้าก้าวที่สิบ กระบี่คมกริบก็ถูกดึงออกจากฝักจนเกิดเสียง

จากนั้นลมหายใจของเทียนอิงจากที่เคยสงบนิ่งดุจสายน้ำก็เริ่มเกิดคลื่น เมื่อเขาห่างจากอู่จื่อโจวไม่ถึงห้าก้าว พลังของเขาก็ทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุด

พลังของเขาแตกต่างจากจียุ่น พลังของเขาเป็นเหมือนกองทัพทหารม้าที่แข็งแกร่งยากจะหยุดยั้ง

เทียนอิงถีบตัวขึ้น มือถือกระบี่คมกริบไว้ก่อนจะฟันลงมา จนเกิดร่องรอยอยู่ในอากาศ

อู่จื่อโจวยังคงมีสีหน้าที่เรียบเฉยเหมือนเดิมพลางโยกตัวหลบกระบี่ที่ฟันลงมา

แสงสีขาวสว่างวาบ เทียนอิงดึงกระบี่กลับก่อนจะเล็งไปทางศีรษะของอู่จื่อโจวด้วยความเร็วสูง มุมซับซ้อน เห็นได้ชัดว่ากะเอาให้ตายในครั้งเดียว

ตั้งแต่เทียนอิงเริ่มรุกจนถึงกระบี่ที่ฟันเมื่อสักครู่ล้วนตกอยู่ในสายตาของทุกคน ม่านตาของเฉินเฟิงและคนอื่นๆเบิกกว้าง เทียนอิงคนนี้แข็งแกร่งมาก ไม่ว่าจะเป็นความสามารถหรือการวางแผนลงมือ อย่างที่สองคนที่ผ่านมาเทียบไม่ติดเลย

ทว่า

กระบี่ที่ฟันลงมาจนทำให้คนตกตะลึงก็ยังไม่อาจทำให้อู่จื่อโจวขยับฝีเท้าได้

อู่จื่อโจวเอามือไขว้หลัง เมื่อกระบี่คมกริบอยู่ห่างจากศีรษะเพียงแค่หนึ่งก้าว เขาก็เอียงศีรษะหลบพ้นอย่างง่ายดาย

ไม่ว่าจะเป็นทักษะการต่อสู้หรือโอกาสในการลงมือ เทียนอิงไม่ใกล้เคียงกับคู่ต่อสู้ของอู่จื่อโจวเลย

เมื่อเห็นว่าครั้งแรกไม่โดน เทียนอิงเปลี่ยนจากการฟันเป็นแทง แล้วเล็งไปยังบริเวณคอของอู่จื่อโจวด้วยความเร็วสูง หากแทงโดนอย่าว่าแต่เนื้อหนังเลยแม้แต่เหล็กกล้าก็อาจทะลุเป็นรูโบ๋ได้

เมื่อเห็นกระบี่คมกริบพุ่งเข้ามา อู่จื่อโจวหลับตาลงแล้วเตรียมใช้สัญชาตญาณในการหลบหลีก

แต่ใครจะไปรู้ว่าขณะที่กระบี่อยู่ห่างจากอู่จื่อโจวไม่ถึงสองนิ้ว ฉับพลันเทียนอิงก็เปลี่ยนกระบวนท่าเป็นเอียงแขนตวัดกระบี่แทน ซึ่งในตอนที่ร่างกายของอู่จื่อโจวทำตามสัญชาตญาณนั่นเอง เทียนอิงจึงเปลี่ยนแผน

การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันนี้ ถึงแม้อู่จื่อโจวจะคิดไม่ถึง ทว่าร่างกายของเขาก็ทำตามสัญชาตญาณไปแล้ว ในช่วงเวลาอันสั้นก็ไม่อาจมีปฏิกิริยาตอบโต้อีกครั้งได้

หากครั้งนี้ฟันโดน แขนของอู่จื่อโจวคงขาดไปแล้ว เขาไม่กล้าประมาทจึงขยับหลบจนพ้นรัศมีกระบี่ในชั่วพริบตา

ถึงแม้จะหลบพ้นแล้ว ทว่าอูจื่อโจวก็ขยับฝีเท้าแล้วเช่นกัน สามกระบวนท่ากระบี่ที่น่าตกตะลึงบีบให้อู๋จื่อโจวจำเป็นต้องขยับฝีเท้า ภาพนี้ทำให้เฉินเฟิงและคนอื่นๆตกตะลึง ตั้งแต่เทียนอิงเริ่มรุกจนกระทั่งถึงตอนนี้ เรียกได้ว่าตื่นตาตื่นใจกันทั้งสนาม

ลูกเขยมังกร

ลูกเขยมังกร

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง ลูกเขยมังกร ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดย เรื่อง ลูกเขยมังกร บ้างส่วนของนิยาย

บทที่ 1 ทรัพย์สินหลายล้านล้าน

“อยากให้ฉันกลับบ้านตระกูลเฉินงั้นหรือ?” ถนนคนเดิน ในเมืองชางโจวที่ทางเข้าร้าน อาหาร เฉินเฟิงใส่ชุดส่งอาหารเดลิเวอรี่สีเหลืองด้วย สีหน้าเย็นชา

“ใช่ นายท่านบอกว่า ตราบใดที่นายน้อยเต็มใจ ที่จะกลับไปยังตระกูลเฉิน ทรัพย์สินทั้งหมดหลาย ล้านล้านของตระกูลเฉินจะอยู่ภายใต้การควบคุม ของนายน้อย” ตรงข้ามกับเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถัง สีเทาพูดด้วยความเคารพ

“เห้อ…ทรัพย์สินหลายล้านล้าน? ” เฉินเฟิง หัวเราะกับตัวเอง และถอนหายใจเบาๆ : “ตระกูล เฉินนั้นรวยมากจริงๆ”

ราวกับว่าเขาสามารถฟังออกจากคำ กาง ของเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถังถามอย่างหมด หนทาง : ” นายน้อย คุณยังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิด ขึ้นเมื่อสามปีก่อนหรือ? ”

เมื่อเห็นเฉินเฟิงไม่พูดเลย เฉินจงก็ยิ้มอย่าง ขมขื่น ” นายน้อย เรื่องของเมื่อสามปีก่อน นาย ท่านเป็นฝ่ายทำผิดจริงๆ แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา นายท่านได้ชดใช้กรรมไปแล้วมากพอสมควร สำหรับสิ่งนั้น เหตุใดนายน้อยจึงไม่ให้โอกาสนาย ท่านบ้าง?”

” โอกาสงั้นเหรอ? ” เฉินเฟิงยกมุมปากยิ้มเยาะ %3D เย้ย ขอให้เขาให้โอกาสเฉินเจิ้นหนาน แต่เฉินเจิ้น หนานเคยให้โอกาสแม่ของเขาหรือไม่?

เฉินเฟิงจะไม่มีวันลืมเรื่องที่แม่ของเขาเสียชีวิต de ด้วยโรคร้ายต่อหน้าตัวเอง เมื่อสามปีก่อน

ตระกูลเฉินมีทรัพย์สินหลายล้านล้าน แต่เฉิน เจิ้นหนานไม่ยอมจ่ายเงินหนึ่งล้านเพื่อรักษาแม่ของ เขา แม้ว่าตัวเองจะเป็นเหมือนสุนัข คุกเข่าต่อหน้า เขา และขอความเมตตาจากเขา แต่เฉินเจิ้นหนานไม่ ได้สนใจเลยสักนิด และทำได้เพียงแค่เฝ้าดูแม่ของ เขาเสียชีวิตด้วยความเจ็บป่วยอย่างสิ้นหวัง

ตอนนี้ เฉินเจิ้นหนานต้องการโอกาสงั้นหรือ?

ที…

เฉินเฟิงส่ายหัวด้วยสีหน้าเย้ยหยันสุดจะพรรณนา

“หรือว่า นายน้อยเต็มใจที่จะเป็นคนส่งอาหารไป ตลอดชีวิตหรือ? ” เฉินจงถามพร้อมกับถอนหายใจ เมื่อเฉินเฟิงไม่ไหวติง เขารู้ว่าสามปีหลังจากที่เฉินเฟิ งออกจากบ้านของตระกูลเฉิน ชีวิตของเขาไม่ราบ รื่นเลย ไปเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยไม่ต้องพูดถึง ฐานะที่ต่ำต้อยของเขา ยังคงถูกคนในตระกูลเสี้ย ดูถูกอยู่ตลอดด้วย และวันเวลาของเขาที่อยู่ในตระ กูลเฉินนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

“ส่งอาหารดีกว่าตาย” เฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ

สีหน้าของเฉินจงเปลี่ยนไป และเขาก็พูดว่า “นายน้อย คุณหมายถึงอะไร?”

“ไม่ได้หมายถึงอะไรเลย” เฉินเฟิงส่ายหัว “เฉิน จง คุณกลับไปได้แล้ว บอกเฉินเจิ้นหนานและคนใน ตระกูลเฉินด้วย สักวันหนึ่งผมจะกลับไปแน่นอน แต่ ไม่ใช่เพื่อทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น!”

เฉินจงผงะ มองดูเงาร่างด้านหลังของเฉินเฟิงที่ กำลังเดินจากไป ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็ซับ ซ้อน…

ตลอดทาง อารมณ์ของเฉินเฟิงซับซ้อนมาก

ตั้งแต่วันที่เขาเกิดมา เขาก็อาศัยอยู่ในบ้านของ ตระกูลเฉิน แต่เนื่องจากฐานะของเขาเป็นลูกนอก สมรส คนในตระกูลเฉินจึงไม่ค่อยชอบเขานัก แม้ กระทั่งคนรับใช้ของตระกูลเฉินก็สามารถดุด่าว่าเขา อย่างดุเดือด และดูถูกเขาได้ตามต้องการ

เดิมที่เฉินเฟิงเคยคิดว่าเขาจะเป็นตัวหนอนใน ตระกูลเฉินไปชั่วชีวิต จนกระทั่งแม่ของเขาล้มป่วย เมื่อสามปีก่อน เขาจึงตระหนักถึงว่า ตระกูลเฉินไม่ ได้ให้โอกาสเขาเป็นแม้แต่ตัวหนอนด้วยซ้ำ!

ในคืนนั้น แม่ของเขาป่วยหนักมาก เฉินเฟิง คุกเข่าต่อหน้าคนในครอบครัวเฉินเหมือนสุนัขตัว หนึ่ง ขอร้องให้พวกเขาช่วยชีวิตแม่ของเขา แต่ไม่มี ใครยื่นมือช่วยเหลือเลย

การแสดงออกของทุกคนนั้น เย็นชามาก

ในที่สุด แม่ของเขาก็ป่วยหนักจนเสียชีวิต เฉินเฟิงรู้สึกว้าวุ่นมาก ในตอนนั้น เขาก็เข้าใจ แล้วว่า ชีวิตของตัวเอง และแม่ของเขานั้น ด้อยกว่า มดอยู่ในสายตาของคนในตระกูลเฉิน!

ในวันนั้น เฉินเฟิงก็ออกจากบ้านของตระกูลเฉิน

ในวันนั้น เฉินเฟิงสาบานว่า วันหนึ่งเขาจะกลับ ไปที่ตระกูลเฉิน และใช้ความสามารถเข้มแข็งอย่าง เต็มที่ เพื่อให้ทุกคนในตระกูลเฉินคุกเข่าต่อหน้า หลุมฝังศพของแม่เขา และขอให้เธอยกโทษ!

แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นเพียงความคิดเล็กๆ น้อยๆของเขาที่ยังเด็ก หลังจากที่เขาออกจากตระ กูลเฉิน และมาที่ชางโจวได้สองวันเฉินเฟิงก็ถูกกลุ่ม คนไล่ล่าและสังหาร หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ จากเสี้ยเว่ยกั๋ว เขาก็คงกลายเป็นศพไปนานแล้ว

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า คนที่ไล่ล่าเขานั้น ต้องมีส่วน เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินอย่างแน่นอน

อยู่ต่อหน้าคนในตระกูลเฉินที่ยักษ์ใหญ่ เฉินเฟิ งก็ต่ำต้อยราวกับมด

หลังจากกลายเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยแล้ว ชีวิตของเฉินเฟิงก็ค่อยๆสงบลง แม้ว่าเขาจะถูกผู้คน นับพันหมื่นคนเยาะเย้ย แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นคน ธรรมดาคนหนึ่ง

แต่ต้นไม้ต้องการความสงบลมพัดไม่ยอมหยุด และตระกูลเฉิน ก็ตามมาอีกครั้งโดยไม่คาดคิด

ยังจะให้เขากลับไปที่ตระกูลเฉิน และสืบทอดทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น

แต่ลูกหลานรุ่นที่สามของตระกูลเฉินที่ใหญ่โต นั้น มีผู้ชายมากกว่าหนึ่งร้อยคน ไม่ว่าจะวนกันไปกี่ รอบ ก็ไม่มีวันที่จะวนจนถึงลูกนอกสมรสที่จะ สืบทอดตระกูลเฉิน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่เป็นแผนการชั่วร้ายของ พวกเขา

ครั้งหนึ่งเขาเคยถ่อมตัวเหมือนสุนัข แต่วันนี้ เขา มีค่าหลายล้านล้าน

แผนการชั่วร้ายนี้ปลอมเกินไป!

“เฉินเฟิง!” เมื่อเฉินเฟิงขมวดคิ้วอยู่ในความคิด ก็ มีหญิงสาวใส่ชุดเดรสสีขาวที่สง่างามปรากฏต่อหน้า เขา ผู้หญิงคนนั้นมีใบหน้าที่บอบบาง รูปร่างสูงสุด ส่วนอารมณ์ที่สวยงาม เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็จะ ทำให้คนรู้สึกสดใสและน่าทึ่งมาก

ผู้หญิงคนนี้ ก็เป็นภรรยาของเฉินเฟิง มีชื่อว่า เสี้ยเมิ่งเหยา

“เมิ่งเหยา มีอะไรเหรอ?”

เมื่อเห็นเสี้ยเมิ่งเหยา ใบหน้าของเฉินเฟิงก็เต็มทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท