ลูกเขยมังกร – ตอนที่ 839

ตอนที่ 839

คำอธิบายนี้เฉินเฟิงไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย แต่บางทีหากเขาได้เป็นมหาปรมาจารย์แล้วก็คงจะได้สัมผัสมันเอง

จากนั้นชิงจือก็กล่าวอธิบายต่อ

“แต่ด้วยความกระจัดกระจายของศิลปะการต่อสู้เก่าแก่ทำให้การก้าวหน้าของเหล่าผู้ไล่ตามเริ่มถดถอย และค่อยๆ หยุดชะงักลงไป ซึ่งในช่วงเวลานั้นเพื่อที่จะแยกแยะความแตกต่างระหว่างศิลปะการต่อสู้ในตอนนั้นและปัจจุบันจึงได้มีการขนานนามช่วงเวลานั้นว่าเป็นยุคศิลปะการต่อสู้เก่าแก่ และเมื่อเอายุคศิลปะการต่อสู้เก่าแก่มาเปรียบเทียบก็เป็นเหมือนกับระบบต่างๆ ในยุคปัจจุบันนี้ ซึ่งความแตกต่างของทั้งสองมีสัญลักษณ์สำคัญอยู่อย่างหนึ่ง”

“การเดินทางของพระรัตนตรัย”

ประวัติศาสตร์ในส่วนนี้เฉินเฟิงเคยได้ยินมาก่อน เรื่องนี้มีการแผ่ขยายมาจากเปอร์เซีย อินเดีย เข้าสู่ประเทศทางตะวันตกจนมีผลกระทบอย่างรวดเร็วต่อศิลปะการต่อสู้ในที่ราบตอนกลาง และที่สำคัญไปกว่านั้นทั้งหมดนี้เป็นการสืบทอดมาจากพระพุทธศาสนาอีกด้วย เช่นเดียวกับวัดเส้าหลินที่เรียนรู้จนกลายเป็นสถานที่ของผู้เชี่ยวชาญในศิลปะการต่อสู้ จนเหล่านักต่อสู้ล้วนให้ความเคารพว่าเป็นต้นแบบทางศิลปะการต่อสู้

แต่ว่าทั้งหมดนี้เดิมทีไม่ได้มีการเริ่มต้นมาจากพื้นที่ราบตอนกลาง ดังนั้นหลังจากมีการเข้าสำรวจพื้นที่แห่งศิลปะต่อสู้ดั้งเดิม จึงทำให้เกิดการบูรณาการและการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ทำให้ค่อยๆ มีการสืบทอดศิลปะการต่อสู้ในแบบปัจจุบัน

ชิงจือพยักหน้า

“ใช่แล้ว ฉะนั้นความเกี่ยวข้องกับสิบสองเม็ดบัวพระพุทธเจ้านั้นจึงเป็นความลับสุดยอดของศิลปะการต่อสู้ในแบบปัจจุบันนี้”

“มันมีความเกี่ยวข้องกับต้าถงด้วยงั้นหรอ?” เฉินเฟิงถามอีกครั้ง

“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ตามที่ได้มีการสืบขานกันมาคือหากได้ครอบครองสิบสองเม็ดบัวพระพุทธเจ้าแล้วก็จะรู้จักต้าถงไปโดยปริยายเอง ทั้งยังสามารถเข้าสู่ดินแดนแห่งความกลมกลืนของสวรรค์และโลก และทั้งหมดนี้ก็คือความลับที่พวกเราเหล่ามหาปรมาจารย์ต้องพยายามปกป้องเอาไว้”

“ในเมื่อมีสิบสองเม็ดบัวพระพุทธเจ้าแล้ว พวกคุณทำไมถึงไม่เข้าไปค้นหาความลับที่มันมีอยู่ข้างในนั้น แต่กลับแยกมันมาปกป้องกันคนละเม็ดแบบนี้ด้วยล่ะ และทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าในนั้นมีของล้ำค่าซ่อนอยู่กลับยังอดทนไม่เข้าไปแตะต้องมันอีก” เฉินเฟิงถามด้วยความสงสัย

แต่ว่าชิงจือกลับไม่ให้คำตอบใดๆ ราวกับว่าสิ่งที่เธอพูดไปทั้งหมดนั้นได้อธิบายข้อสงสัยของเฉินเฟิงไปหมดแล้ว และสิ่งที่เธอต้องการรู้มากที่สุดก็คือตอนนี้เม็ดบัวของชายชราหยางไปอยู่ที่ไหนแล้ว

เฉินเฟิงที่เห็นแบบนั้นก็ไม่คิดที่จะปกปิดอะไร เขาจึงได้บอกคำพูดที่หยางสิงอี้ได้บอกกับเขาให้กับชิงจือ

“คิดไม่ถึงเลยว่าเต้าสวนจะยังมีชีวิตอยู่ ตึกไห่สือช่างใจกล้าแม้แต่เต้าสวนยังกล้ารับเอาไว้”

แน่นอนว่าชิงจือเข้าใจความหมายในประโยคนั้น ในขณะที่เฉินเฟิงที่อยากจะถามให้เข้าใจ แต่ชิงจือราวกับว่าไม่อยากจะสนใจเขาอีกต่อไปแล้ว

สำหรับเรื่องของตึกไห่สือและเต้าสวนอะไรนั่น เฉินเฟิงรู้สึกว่าตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเฟ้นหาคำตอบ เพราะสถานที่ต่อไปของชิงจือก็คงจะไม่พ้นจากตึกไห่สือแน่นอน ดังนั้นรอจนขับรถเข้าสู่ถนนใหญ่ เฉินเฟิงจึงได้ถามขึ้นมา

“พวกเราต้องไปตึกไห่สือใช่หรือเปล่า?”

แต่ว่าชิงจือกลับบอกชื่อสถานที่ที่เฉินเฟิงไม่รู้จักอีกครั้ง

“หอเทียนเสี้ย”

เฉินเฟิงมองไปยังชิงจือด้วยความสงสัย อยากให้เธออธิบายเรื่องนี้ให้ชัดเจน แต่ดูเหมือนว่าเธอคนนี้จะเป็นผู้หญิงที่หากสามารถพูดให้น้อยลงได้ เธอจะไม่มีทางพูดอะไรเกินจำเป็นกว่านั้นเด็ดขาด

เฉินเฟิงจึงต้องถามเอาคำตอบเองเท่านั้น “แล้วหอเทียนเสี้ยเป็นที่แบบไหน?”

แต่ในตอนที่เฉินเฟิงยังไม่ทันได้คำตอบก็มีรถซูเปอร์คาร์สีแดงคันหนึ่งขับไล่ตามเขามาจากด้านหลัง รถคันนั้นขับแซงขึ้นไปจอดลงตรงหน้ารถของเฉินเฟิงเพื่อบังคับให้เขาจอดรถอย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น

เมื่อสักครู่นี้เขาเหลียวหันไปมองชิงจือเลยทำให้ตอนที่หันหน้ากลับมา ข้างหน้าก็มีรถซูเปอร์คาร์คันหนึ่งจอดขวางหน้าเขาแล้ว เขาจึงรีบหักพวงมาลัยรถหลบไปอีกทางทันที ก่อนจะเหยียบเบรกจนสุด

แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงชนเข้ากับราวกั้นถนนอย่างเลี่ยงไม่ได้

รอจนกระทั่งทุกอย่างจบลง เฉินเฟิงที่รู้สึกเจ็บแค่ตรงบริเวณข้อมือ โดยส่วนอื่นๆ ของร่างกายไม่ได้เป็นอะไรมาก เขาจึงหันไปดูอาการของชิงจือ

ชิงจือหันมามองเขาด้วยสายตาขุ่นเคืองราวกับกำลังบอกว่าเขานั้นขับรถไม่ระวัง

เฉินเฟิงเองก็รู้สึกเอือมระอา แต่เมื่อเห็นว่าชิงจือไม่น่าจะเป็นอะไร เขาจึงโล่งอกขึ้นมาทันที

แต่ว่ารถซูเปอร์คาร์สีแดงที่จอดอยู่ขวางทางพวกเขา ไม่ว่าอย่างไรเฉินเฟิงก็ไม่มีทางปล่อยไปเด็ดขาด

เขาเดินลงจากรถพร้อมกับเดินไปข้างหน้าเตรียมตัวที่จะจัดการเรื่องนี้ และดูเหมือนอีกฝ่ายจะเห็นเฉินเฟิงเดินลงมาจากรถ เขาจึงลงมาจากรถด้วยเช่นกัน

คนที่เดินลงมาเป็นชายหนุ่มท่าทางเป็นผู้ดีคนหนึ่ง แต่เมื่อย้อนคิดถึงการกระทำของเขาแล้ว เฉินเฟิงรู้สึกว่าเขาไม่มีความเป็นผู้ดีอะไรเลยแม้แต่น้อย

เมื่อเดินไปถึงหน้าของเขาคนนั้น เฉินเฟิงยังไม่ทันได้เอ่ยปากอะไร เขาก็ชิงพูดออกมาก่อน

“คุณคือเฉินเฟิงสินะครับ?”

เฉินเฟิงตอบกลับอย่างไม่เกรงใจ

“มาตามหาบรรพบุรุษนายทำไมไม่ทราบ?”

ถึงจะถูกต่อว่า แต่เขาคนนั้นกลับไม่โกรธเคืองเลย แถมยังยิ้มกลับเบาๆ

“อย่างนั้นก็ถูกคนแล้ว ช่วยไปกับผมหน่อย”

เฉินเฟิงตอกกลับทันที

“ไปกับคุณ?ผมไม่รู้จักคุณ และก็ไม่อยากไปกับคุณด้วย ตอนนี้ผมแค่อยากจะต่อยหน้าคุณสักหมัดเท่านั้น”

เขาพูดไปพลางพุ่งเข้าไปหวังจะต่อยหน้าของอีกฝ่ายทันที ถึงจะไม่สามารถเอาเขาให้ถึงตายได้ แต่อย่างน้อยการทำให้เขาบาดเจ็บก็นับว่ายังพอจะทำได้

แต่หมัดที่เขาส่งออกไป อีกฝ่ายกลับหลบตัวได้ทันเสียอย่างนั้น

“ผมรู้ว่าคุณนั้นร้ายกาจ ผมคงจะสู้กับคุณไม่ได้ แต่ผมแค่คิดว่าถ้าคุณไม่ไปกับผม คุณอาจจะต้องเสียใจ”

เฉินเฟิงไม่รอให้เขาได้พูดจบก็สะบัดหมัดออกไปอีกครั้งแล้ว เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายก็เคยฝึกวิชาต่อสู้มาบ้าง ครั้งนี้เฉินเฟิงจึงไม่ใช้เวลาคิดอะไรเลย

หมัดนั้นเสยใต้คางของเขาขึ้นไป จากนั้นเฉินเฟิงก็รีบเปลี่ยนการเคลื่อนไหวทันที เดิมทีเขาไม่คิดอยู่แล้วว่าการออกหมัดครั้งนี้จะโดนเป้าหมายอย่างจัง จึงรีบต่อยเข้าไปที่หน้าอกของอีกฝ่าย แล้วตามด้วยอีกหมัดเสริมเข้าไปอีก

ทำให้ชายคนนั้นที่พยายามเอียงตัวเพื่อหลบหมัดของเฉินเฟิงล้มลงไปกับพื้นทันที

เฉินเฟิงที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขาพร้อมกับพูดขึ้นมา “ตอนนี้ผมเริ่มจะหายโมโหแล้ว เรื่องที่คุณพูดเมื่อคุณสามารถพูดใหม่อีกทีได้แล้ว”

ที่จริงอีกฝ่ายจะพูดเรื่องเมื่อกี้นี้อีกครั้งหรือเปล่า เฉินเฟิงไม่คิดจะสนใจอยู่แล้ว

แต่ด้วยความที่เรื่องนี้อาจมีความจำเป็น ชายผู้ดีคนนั้นจึงพยายามกุมหน้าอกของตัวเองเอาไว้แล้วพูดอีกครั้ง

“มีคนอยากพบกับคุณ และถ้าหากคุณไม่ไป เรื่องการเคลื่อนไหวของคุณจะถูกแจ้งไปยังสำนักเทียนซานโดยเร็วที่สุด”

เฉินเฟิงพูดออกมาด้วยความเย็นชา “คิดจะขู่ผมงั้นหรอ?”

อีกฝ่ายเพียงแต่กุมหน้าอกเอาไว้ไม่กล้าพูดอะไรออกมา

เฉินเฟิงที่เห็นแบบนี้จึงพูดขึ้นมาอีกครั้ง

“คุณก็คงจะเป็นแค่ตัวส่งสารสินะ ผมไม่คิดจะเอาเรื่องกับคนแบบคุณหรอก พาผมไปหาเขาคนนั้น ผมอยากจะเห็นว่าเขาเป็นใครกันแน่”

จากนั้นเขาก็เดินกลับไปที่รถ

เฉินเฟิงเอ่ยปากบอกโดยที่ชิงจือไม่ได้ถามอะไรทั้งนั้น

“ไม่รู้ว่าใครกำลังตามหาผมอยู่ ผมคงต้องไปจัดการซะหน่อย ถ้าเกิดว่าคุณไม่อยากจะไปด้วย ผมจะส่งคุณยังเมืองใกล้ๆ นี้ก่อน”

ชิงจือถาม “คุณจะใช้เวลานานเท่าไหร่”

“ไม่รู้ อีกฝ่ายเป็นใครผมยังไม่รู้เลย ต้องไปดูเท่านั้นจากนั้นค่อยว่ากันอีกที”

“ฉันไม่อยากให้มันวุ่นวาย รอให้คุณเสร็จธุระ พวกเราก็ออกเดินทางเลยจะดีกว่า”

ทางด้านชายคนนั้นที่ล้มอยู่กับพื้นพยายามลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก ถึงจะถูกเฉินเฟิงทำร้ายไปทีหนึ่ง แต่เขายังคงนำทางให้กับเฉินเฟิง นับว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเขาให้การสั่งสอนผู้อยู่ใต้บัญชาได้ดีทีเดียว

รถซูเปอร์คาร์เริ่มขยับอีกครั้ง และเพื่อที่จะรักษาระดับความเร็วของเฉินเฟิง เขาเลยขับรถไม่เร็วมาก

ในขณะที่ขับรถตามเขาไปก็ย้อนกลับมายังทางเดินและผ่านหมู่บ้านที่เพิ่มขับรถออกมาเมื่อสักครู่นี้ ก่อนจะขับรถต่อไปตามถนนจากนั้นก็เข้าสู่ถนนเล็กๆ เส้นหนึ่ง

ถึงแม้ว่าถนนเส้นนี้จะเลี้ยวเข้ามาจากถนนใหญ่ แต่กลับมีความกว้างที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าถนนใหญ่เลย ซึ่งตรงสุดถนนเส้นนี้มีวิลล่าหลังหนึ่งตั้งอยู่พอดี และจากการคำนวณของเฉินเฟิงแล้วคนที่เขาจะต้องไปเจอจะต้องอยู่ที่นี่แน่นอน

แม้จะบอกว่าอีกฝ่ายอยากจะเจอกับเฉินเฟิง แค่ตอนนี้ที่เฉินเฟิงไปถึงกลับต้องนั่งรออยู่ในห้องรับแขกเป็นพักใหญ่เลยทีเดียวกว่าเฉินเฟิงจะได้พบกับอีกฝ่าย

ชายชราถือไม้เท้าพยุงตัวเองค่อยๆ เดินลงมาตามบันได พร้อมกับมีหญิงสาวคนหนึ่งเดินตามหลังลงมา พร้อมกับในมือถือของบางอย่างที่ถูกคลุมเอาไว้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ในนั้น

เฉินเฟิงนั่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่คิดว่าจะต้องยืนขึ้นเพื่อให้การเคารพการมาของอีกฝ่ายเลย

ลูกเขยมังกร

ลูกเขยมังกร

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง ลูกเขยมังกร ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดย เรื่อง ลูกเขยมังกร บ้างส่วนของนิยาย

บทที่ 1 ทรัพย์สินหลายล้านล้าน

“อยากให้ฉันกลับบ้านตระกูลเฉินงั้นหรือ?” ถนนคนเดิน ในเมืองชางโจวที่ทางเข้าร้าน อาหาร เฉินเฟิงใส่ชุดส่งอาหารเดลิเวอรี่สีเหลืองด้วย สีหน้าเย็นชา

“ใช่ นายท่านบอกว่า ตราบใดที่นายน้อยเต็มใจ ที่จะกลับไปยังตระกูลเฉิน ทรัพย์สินทั้งหมดหลาย ล้านล้านของตระกูลเฉินจะอยู่ภายใต้การควบคุม ของนายน้อย” ตรงข้ามกับเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถัง สีเทาพูดด้วยความเคารพ

“เห้อ…ทรัพย์สินหลายล้านล้าน? ” เฉินเฟิง หัวเราะกับตัวเอง และถอนหายใจเบาๆ : “ตระกูล เฉินนั้นรวยมากจริงๆ”

ราวกับว่าเขาสามารถฟังออกจากคำ กาง ของเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถังถามอย่างหมด หนทาง : ” นายน้อย คุณยังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิด ขึ้นเมื่อสามปีก่อนหรือ? ”

เมื่อเห็นเฉินเฟิงไม่พูดเลย เฉินจงก็ยิ้มอย่าง ขมขื่น ” นายน้อย เรื่องของเมื่อสามปีก่อน นาย ท่านเป็นฝ่ายทำผิดจริงๆ แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา นายท่านได้ชดใช้กรรมไปแล้วมากพอสมควร สำหรับสิ่งนั้น เหตุใดนายน้อยจึงไม่ให้โอกาสนาย ท่านบ้าง?”

” โอกาสงั้นเหรอ? ” เฉินเฟิงยกมุมปากยิ้มเยาะ %3D เย้ย ขอให้เขาให้โอกาสเฉินเจิ้นหนาน แต่เฉินเจิ้น หนานเคยให้โอกาสแม่ของเขาหรือไม่?

เฉินเฟิงจะไม่มีวันลืมเรื่องที่แม่ของเขาเสียชีวิต de ด้วยโรคร้ายต่อหน้าตัวเอง เมื่อสามปีก่อน

ตระกูลเฉินมีทรัพย์สินหลายล้านล้าน แต่เฉิน เจิ้นหนานไม่ยอมจ่ายเงินหนึ่งล้านเพื่อรักษาแม่ของ เขา แม้ว่าตัวเองจะเป็นเหมือนสุนัข คุกเข่าต่อหน้า เขา และขอความเมตตาจากเขา แต่เฉินเจิ้นหนานไม่ ได้สนใจเลยสักนิด และทำได้เพียงแค่เฝ้าดูแม่ของ เขาเสียชีวิตด้วยความเจ็บป่วยอย่างสิ้นหวัง

ตอนนี้ เฉินเจิ้นหนานต้องการโอกาสงั้นหรือ?

ที…

เฉินเฟิงส่ายหัวด้วยสีหน้าเย้ยหยันสุดจะพรรณนา

“หรือว่า นายน้อยเต็มใจที่จะเป็นคนส่งอาหารไป ตลอดชีวิตหรือ? ” เฉินจงถามพร้อมกับถอนหายใจ เมื่อเฉินเฟิงไม่ไหวติง เขารู้ว่าสามปีหลังจากที่เฉินเฟิ งออกจากบ้านของตระกูลเฉิน ชีวิตของเขาไม่ราบ รื่นเลย ไปเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยไม่ต้องพูดถึง ฐานะที่ต่ำต้อยของเขา ยังคงถูกคนในตระกูลเสี้ย ดูถูกอยู่ตลอดด้วย และวันเวลาของเขาที่อยู่ในตระ กูลเฉินนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

“ส่งอาหารดีกว่าตาย” เฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ

สีหน้าของเฉินจงเปลี่ยนไป และเขาก็พูดว่า “นายน้อย คุณหมายถึงอะไร?”

“ไม่ได้หมายถึงอะไรเลย” เฉินเฟิงส่ายหัว “เฉิน จง คุณกลับไปได้แล้ว บอกเฉินเจิ้นหนานและคนใน ตระกูลเฉินด้วย สักวันหนึ่งผมจะกลับไปแน่นอน แต่ ไม่ใช่เพื่อทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น!”

เฉินจงผงะ มองดูเงาร่างด้านหลังของเฉินเฟิงที่ กำลังเดินจากไป ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็ซับ ซ้อน…

ตลอดทาง อารมณ์ของเฉินเฟิงซับซ้อนมาก

ตั้งแต่วันที่เขาเกิดมา เขาก็อาศัยอยู่ในบ้านของ ตระกูลเฉิน แต่เนื่องจากฐานะของเขาเป็นลูกนอก สมรส คนในตระกูลเฉินจึงไม่ค่อยชอบเขานัก แม้ กระทั่งคนรับใช้ของตระกูลเฉินก็สามารถดุด่าว่าเขา อย่างดุเดือด และดูถูกเขาได้ตามต้องการ

เดิมที่เฉินเฟิงเคยคิดว่าเขาจะเป็นตัวหนอนใน ตระกูลเฉินไปชั่วชีวิต จนกระทั่งแม่ของเขาล้มป่วย เมื่อสามปีก่อน เขาจึงตระหนักถึงว่า ตระกูลเฉินไม่ ได้ให้โอกาสเขาเป็นแม้แต่ตัวหนอนด้วยซ้ำ!

ในคืนนั้น แม่ของเขาป่วยหนักมาก เฉินเฟิง คุกเข่าต่อหน้าคนในครอบครัวเฉินเหมือนสุนัขตัว หนึ่ง ขอร้องให้พวกเขาช่วยชีวิตแม่ของเขา แต่ไม่มี ใครยื่นมือช่วยเหลือเลย

การแสดงออกของทุกคนนั้น เย็นชามาก

ในที่สุด แม่ของเขาก็ป่วยหนักจนเสียชีวิต เฉินเฟิงรู้สึกว้าวุ่นมาก ในตอนนั้น เขาก็เข้าใจ แล้วว่า ชีวิตของตัวเอง และแม่ของเขานั้น ด้อยกว่า มดอยู่ในสายตาของคนในตระกูลเฉิน!

ในวันนั้น เฉินเฟิงก็ออกจากบ้านของตระกูลเฉิน

ในวันนั้น เฉินเฟิงสาบานว่า วันหนึ่งเขาจะกลับ ไปที่ตระกูลเฉิน และใช้ความสามารถเข้มแข็งอย่าง เต็มที่ เพื่อให้ทุกคนในตระกูลเฉินคุกเข่าต่อหน้า หลุมฝังศพของแม่เขา และขอให้เธอยกโทษ!

แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นเพียงความคิดเล็กๆ น้อยๆของเขาที่ยังเด็ก หลังจากที่เขาออกจากตระ กูลเฉิน และมาที่ชางโจวได้สองวันเฉินเฟิงก็ถูกกลุ่ม คนไล่ล่าและสังหาร หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ จากเสี้ยเว่ยกั๋ว เขาก็คงกลายเป็นศพไปนานแล้ว

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า คนที่ไล่ล่าเขานั้น ต้องมีส่วน เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินอย่างแน่นอน

อยู่ต่อหน้าคนในตระกูลเฉินที่ยักษ์ใหญ่ เฉินเฟิ งก็ต่ำต้อยราวกับมด

หลังจากกลายเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยแล้ว ชีวิตของเฉินเฟิงก็ค่อยๆสงบลง แม้ว่าเขาจะถูกผู้คน นับพันหมื่นคนเยาะเย้ย แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นคน ธรรมดาคนหนึ่ง

แต่ต้นไม้ต้องการความสงบลมพัดไม่ยอมหยุด และตระกูลเฉิน ก็ตามมาอีกครั้งโดยไม่คาดคิด

ยังจะให้เขากลับไปที่ตระกูลเฉิน และสืบทอดทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น

แต่ลูกหลานรุ่นที่สามของตระกูลเฉินที่ใหญ่โต นั้น มีผู้ชายมากกว่าหนึ่งร้อยคน ไม่ว่าจะวนกันไปกี่ รอบ ก็ไม่มีวันที่จะวนจนถึงลูกนอกสมรสที่จะ สืบทอดตระกูลเฉิน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่เป็นแผนการชั่วร้ายของ พวกเขา

ครั้งหนึ่งเขาเคยถ่อมตัวเหมือนสุนัข แต่วันนี้ เขา มีค่าหลายล้านล้าน

แผนการชั่วร้ายนี้ปลอมเกินไป!

“เฉินเฟิง!” เมื่อเฉินเฟิงขมวดคิ้วอยู่ในความคิด ก็ มีหญิงสาวใส่ชุดเดรสสีขาวที่สง่างามปรากฏต่อหน้า เขา ผู้หญิงคนนั้นมีใบหน้าที่บอบบาง รูปร่างสูงสุด ส่วนอารมณ์ที่สวยงาม เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็จะ ทำให้คนรู้สึกสดใสและน่าทึ่งมาก

ผู้หญิงคนนี้ ก็เป็นภรรยาของเฉินเฟิง มีชื่อว่า เสี้ยเมิ่งเหยา

“เมิ่งเหยา มีอะไรเหรอ?”

เมื่อเห็นเสี้ยเมิ่งเหยา ใบหน้าของเฉินเฟิงก็เต็มทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท