ลูกเขยมังกร – ตอนที่ 863

ตอนที่ 863

จากนั้นก็ล้มลงไปหาเฉินเฟิงอย่างกะทันหัน

ตามหลักแล้ว เฉินเฟิงยังไงก็จะต้องพยุงเซียงหลันไว้ แต่ว่าเขาไม่ได้ทำเช่นนั้น ได้แต่มองไปยังยังทิศทางที่เซียงหลันล้มลงไป แม้แต่ก่อนที่เธอเกือบจะล้มมาชนตัวเองนั้น ก็ยังหลบหลีกให้พ้นทางไป

ฉะนั้นเซียงหลันไม่ทันระวังจึงล้มลงไปกับพื้น เธอเพิ่งจะหลับตาทั้งสองลงเมื่อครู่ คิดว่าเฉินเฟิงไม่มีทางที่จะปล่อยให้เธอล้มลงไปได้

แต่ว่าตอนนี้กลับล้มลงไปกับพื้น จึงรู้สึกตกตะลึงบ้างเล็กน้อย เสียงของเฉินเฟิงก็ดังขึ้น

“ตอนนี้ร่างกายของแกอ่อนแอมากจริงๆ แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่จะต้องเป็นลมล้มพับแบบนี้ ส่วนที่แกทำเช่นนี้ ฉันก็คิดว่าแกคิดแผนการอะไรกับฉัน”

เซียงหลันคิดในใจว่า “ต่อให้ฉันคิดแผนการอะไรกับแก แต่ว่าแกก็ไม่น่าจะใจดำขนาดปล่อยให้ผู้หญิงคนหนึ่งต้องล้มลงไปกับพื้นต่อหน้าต่อตาเลยนี่นา”

ถึงแม้ในใจคิดเช่นนั้น แต่ตัวเองก็ต้องคลานขึ้นมาด้วยความอัดอั้นตันใจบ้างเล็กน้อย

มองไปยังเฉินเฟิง แต่ก็ยังคงยิ้มหน้าระรื่นแล้วพูดว่า “ท่านเฝิงคะ ทำไมถึงได้ไร้เยื่อใยเช่นนี้ล่ะคะ”

เฉินเฟิงพูดว่า “นิสัยอย่างแกนะ เปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วตลอดเวลามากเกินไป คนซื่อๆอย่างฉันก็คงตามไม่ทัน กลัวตัวเองถูกแกหลอกเอาสิ”

เซียงหลันยืนขึ้นมา แล้วปัดเศษใบหญ้าที่ติดมาบนตัวออกไป พูดว่า “ท่านเฝิง ท่านก็อย่ามาล้อเล่นกับเซียงหลันสิ เซียงหลันเคยพูดโกหกหลอกลวงท่านเมื่อไหร่บ้างล่ะ”

ส่วนเฉินเฟิงก็มาคิดดู เมื่อตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน ดูเหมือนว่าเซียงหลันก็ไม่เคยพูดอะไรที่โกหกเขาจริงๆ แต่ว่ายังไงก็ต้องกันไว้ดีกว่าแก้

จากนั้นก็หยิบก้อนหินชิ้นนั้นออกมาจากกระเป๋า แล้วถามเซียงหลันว่า “แล้วนั่นมันเป็นเรื่องอะไรอีกกันแน่?”

เซียงหลันยังคงยิ้ม ดวงตาที่กลมโตคู่นั้นกลอกกลิ้งไปมาสองรอบแล้วพูดว่า “แน่นอนก็ต้องเป็นของขวัญที่ให้กับท่านเฝิงไง ถือว่าเป็นของขวัญที่ชดใช้ให้กับท่าน จากคนที่เคยจับตัวท่านผิดไปไงล่ะ”

เฉินเฟิงก็ย่อมไม่เชื่อเป็นธรรมดา เขาพูดว่า “ในเมื่อเป็นของขวัญที่ชดใช้ให้ฉัน งั้นฉันก็คงต้องรับมันไว้แล้วสิ”

สีหน้าของเซียงหลันสะดุดอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยิ้มแล้วพูดขึ้นมาว่า “ท่านเฝิงพูดอะไรเช่นนั้นล่ะ ในเมื่อบอกว่าให้ท่านแล้ว ถ้าท่านไม่รับไว้ก็จะทำให้เซียงหลันรู้สึกทำตัวลำบากนะสิ ของชิ้นนี้ถึงจะไม่ใช่เป็นของวิเศษอะไร แต่อย่างน้อยก็มีราคาบ้างนะ”

เฉินเฟิงก็ไม่รู้ว่าเรื่องที่เธอพูดนั้นเป็นจริงหรือไม่ แต่มักจะมีความรู้สึกว่าหญิงสาวคนนี้ไม่น่าจะธรรมดาเช่นนี้

แต่ว่าเซียงหลันก็พูดอย่างนี้แล้ว เฉินเฟิงจึงเอาของชิ้นนั้นกลับเข้าไปในกระเป๋าเช่นเดิม

“ในเมื่อเป็นของของฉัน แกก็อย่าคิดเอาคืนไปก็แล้วกัน”

เซียงหลันยิ้มแล้วพูดว่า “ท่านคงไม่ใช่เกรงกลัวตู๋กูหยุนอะไรนั่นนะ”

เฉินเฟิงรู้ว่าคำพูดเธอแฝงหมายความว่าอย่างไร แต่ว่าก็ไม่สนใจเธอ เพียงแต่ถามถึงเด็กหนุ่มเมื่อครู่ว่า “คนที่จากไปสองคนนั้น แกรู้จักเหรอ?”

เซียงหลันตอบว่า “คนของตระกูลเชียน”

เฉินเฟิงถามว่า “อะไรคือคนของตระกูลเชียนเหรอ?”

มองดูท่าทีของเฉินเฟิงก็ไม่เหมือนกำลังหยอกล้อเธออยู่ เซียงหลันจึงถามอย่างประหลาดใจว่า “ท่านเฝิงไม่เคยได้ยินตระกูลเชียนเลยเหรอ?”

เฉินเฟิงถามอย่างอยากรู้ว่า “พวกเขามีชื่อเสียงมากเลยเหรอ?”

เฉินเฟิงไม่เคยได้ยินก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร หากว่าเมื่อสองปีก่อนเขาสามารถบรรลุถึงระดับชั้นเหมือนเช่นนี้แล้ว ก็ย่อมต้องรู้จักตระกูลเชียนอย่างแน่นอน ตอนนั้นผู้กล้าทั้ง18ของตระกูลเชียน เพียบพร้อมด้วยคนมีความรู้ความสามารถ ยอดฝีมือก็มีอยู่ทุกแห่งหน

แผ่นดินจีนกว้างใหญ่ไพศาลนี้หากไม่รู้จัก18คุณชายของตระกูลเชียนนี้แล้ว ย่อมต้องถูกตราหน้าว่าเป็นไดโนเสาร์เต่าล้านปีออกมาจากหลังเขาไหน แต่ว่าเพียงแค่ภายในสองปีเท่านั้น 18คุณชายของตระกูลเชียนนั้นก็ทยอยถูกคนล้มลงไปได้ บางคนถึงกับถูกทำลายวรยุทธ์จนหมดสิ้น จนในที่สุดก็เริ่มมีแต่คนคอยเหยียบย่ำซ้ำเติม

ในช่วงเวลานั้น ตระกูลเชียนก็เกรงกลัวถูกคนปองร้าย จึงได้ตัดสินใจห้ามไม่ให้สมาชิกของตระกูลเชียนไปมาหาสู่กับวงการศิลปะการต่อสู้อีกต่อไป ชื่อเสียงของพวกเขาจึงค่อยๆจางหายไป แต่ว่าสำหรับพื้นที่ทะเลทรายแห้งแล้งแห่งนี้แล้ว อิทธิพลของตระกูลเชียนยังคงเป็นที่น่าเกรงขามเช่นเดิมจนถึงทุกวันนี้

เซียงหลันถามอย่างประหลาดใจว่า “กระบี่สุ้นเทียนของตระกูลเชียน หรือว่าท่านก็ยังไม่เคยได้ยินเลยเหรอ?”

เฉินเฟิงยังคงส่ายหน้าเช่นเดิม ชื่อนี้ก็รู้สึกคุ้นหูบ้างจริงๆ แต่อาจจะเป็นเพียงเคยได้ยิน คนเขาพูดถึงบางครั้งเท่านั้น

เซียงหลันยิ่งประหลาดใจมากขึ้น เพียงแต่ว่าต่อหน้าเฉินเฟิงนั้น เธอไม่กล้าจะละลาบละล้วง พูดได้แต่เพียงว่า “หากพูดขึ้นมาแล้ว ตระกูลเชียนนี้นับได้ว่าเป็นตระกูลสูงศักดิ์ที่เก่าแก่ที่สุดในทะเลทรายแห่งนี้ เก่าแก่เสียจนไม่มีใครรู้เลยว่าเขามาถึงที่ทะเลทรายแห่งนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ผู้คนทุกคนในทะเลทรายแห่งนี้ต่างจดจำชื่อของพวกเขาไว้เสมอ

กระบี่สุ้นเทียนก็ได้ตกทอดมาจากสมัยโบราณมาหลายชั่วอายุคนแล้ว ร่ำลือกันว่าเป็นอาวุธขั้นเทพชนิดหนึ่ง ดื่มเลือดมานับไม่ถ้วน อีกทั้งยังเป็นเลือดของระดับปรมาจารย์ทั้งนั้น ก็ไม่รู้ว่าได้ลิ้มลองมามากเท่าไหร่แล้ว แต่เสียดายที่ว่าผู้คนรู้จักแต่เพียงกระบี่เล่มนี้ แต่ยังไม่มีใครเคยได้พบเห็นสักที แต่ว่าชื่อเสียงของที่เลื่องลือไปทั่วทั้งแผ่นดินจีนนั้น กลับไม่ใช่เพียงเพราะว่าเขามีความมหัศจรรย์มากขนาดไหน แต่เป็นเพราะร่ำลือกันว่าภายในกระบี่เล่มนั้นมีเคล็ดวิชาลับสุดยอดของตระกูลเชียนซ่อนอยู่ภายในต่างหาก”

เฉินเฟิงก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับตระกูลสูงศักดิ์เก่าแก่โบราณนี้ขึ้นมา เขาถามว่า “ศิลปะการต่อสู้ของตระกูลเชียนนั้นร้ายกาจมากจริงเหรอ?”

เซียงหลันพูดว่า “น่าจะต้องร้ายกาจมากสิ! ฉันก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน เพียงแต่ฟังจากคนอื่นเขาพูดมาอีกที ในเมื่อใครๆก็พูดแบบนี้ งั้นก็ย่อมต้องร้ายกาจมากเป็นธรรมดา”

เฉินเฟิงมองไปยังเซียงหลันท่าทางที่รู้บ้างไม่รู้บ้าง ก็เลยล้มเลิกที่จะถามต่อไปอีก

กล่าวถึงฝ่ายตู๋กูหยุนนั้น หลังจากที่ถูกหมัดของเฉินเฟิงชกเข้าตรงหน้าอกแล้ว หากไม่ใช่เป็นเพราะว่าเขาเคยฝึกฝนเคล็ดวิชาแปลกประหลาดมาแล้ว ในขณะที่หัวใจถูกทำร้ายนั้น ก็สามารถที่จะผนึกลมปราณปกป้องไว้ได้ด้วยตัวเอง พลังหมัดนั้นอาจจะทำให้เขาเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุก็ได้ แต่ว่าถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นก็ตาม เขาก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่น้อยเลย

ยังดีที่เจ้าเด็กหนุ่มซื่อบื่อคนนั้น ช่วยขัดขวางเฉินเฟิงไว้ เขาจึงสามารถที่จะหนีรอดออกมาได้

ส่วนตอนนี้ก็ได้มารักษาตัวอยู่ที่ห้องรักษาส่วนตัวบ้านตระกูลหลี่ หัวหน้าครอบครัวบ้านตระกูลหลี่หมาป่าทะเลทราย กำลังนั่งอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย ใบหน้าของเขาเยือกเย็นมาก ด้วยกลิ่นกายที่เยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง ท่าทางที่ใครเห็นก็ไม่อยากเข้าใกล้ทั้งนั้น

ในมือของเขาจับไม้เท้าหัวมังกรสีทองไว้ จ้องมองอยู่ด้านข้าง ราวกับว่ากำลังครุ่นคิดเรื่องอะไรสักอย่าง

ภายในห้องรักษาผู้ป่วยนั้น นอกจากตู๋กูหยุนที่กำลังนอนให้เลือดอยู่บนเตียงแล้วก็ไม่มีคนอื่นอีกเลย

ตู๋กูหยุนพูดว่า “หลังจู่ ถ้าหากไม่ใช่เป็นเพราะเจ้าหนูน้อยแห่งตระกูลเชียนคนนั้นมาขัดขวางละก็ ตอนนี้ฉันก็คงจะเอาศีรษะของไอ้หมอนั้นกลับมาได้แล้ว”

เมื่อชายชราฟังเขาพูดแล้ว ก็เงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วพูดว่า “เรื่องนี้ แกก็ไม่ต้องยุ่งชั่วคราวแล้ว ฉันจะส่งคนอื่นเข้าไปใหม่ แกพาเยว่เอ๋อกลับมาได้ก็เพียงพอแล้ว”

แต่ว่าตู๋กูหยุนรู้สึกยังไม่ยอมรามือ พูดว่า “หลังจู่ ถึงยังไงก็แล้วแต่ฉันก็ยังทนอัดอั้นใจไว้ไม่ไหว ฉันจะต้องทำให้ไอ้หมอนั่นรู้จักความเจ็บปวดทรมานเสียมั้ง”

ชายชราพูดว่า “เรื่องราวคราวนี้ไปเกี่ยวโยงถึงตระกูลเซียนแล้ว ถ้าแกยังดื้อรั้นต่อไปอีก ก็จะทำให้ไปเพิ่มความโกรธแค้นให้กับพวกเขามากขึ้น พวกเรายังไม่สมควรที่จะไปฉีกหน้าตระกูลเชียนตอนนี้”

ตู๋กูหยุนกำลังจะพูดอะไรต่ออีก แต่ว่าชายชราก็ทำตาถลนใส่ เขาก็ได้แต่กำหมัดไว้แน่น แล้วพูดว่า “ฉันเข้าใจแล้ว”

เมื่อมองดูตู๋กูหยุนยอมอ่อนข้อให้แล้ว ท่าทีของคนชราก็นุ่มนวลมากขึ้น เขาพูดว่า “แกไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ในฝูงหมาป่าก็ย่อมจะต้องมีหมาป่าที่หิวโหยหลงเหลืออยู่สักตัวสองตัว เมื่อปล่อยพวกเขาออกไปก็ย่อมต้องไปล่าเนื้อกินทั้งนั้น”

ตู๋กูหยุนก็ใจเย็นลงแล้วพูดว่า “ให้โถวหลังไปจะดีกว่านะ”

ชายชรากลับอึ้งไปสักครู่ แล้วพูดว่า “โถวหลังเหรอ? มันจะไม่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ไปเหรอ?”

แต่ว่าตู๋กูหยุนพูดอย่างยืนหยัดว่า “หากไม่ใช่โถวหลังแล้วละก็ คนอื่นจะต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบภายใต้เงื้อมมือเขาอย่างแน่นอน หากเป็นไปได้แล้วละก็ หลังจู่ควรที่จะไปเชิญ ใต้เท้าเทียนหลังมาดีที่สุด อย่างน้อยฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าปรมาจารย์ท่านนั้นจะยังปรากฏตัวออกมาอีกหรือเปล่า”

ชายชราก็ครุ่นคิดขึ้นมาอย่างจริงจัง

ปรมาจารย์ที่ตู๋กูหยุนพูดถึงนั้นก็หมายถึงหยางชิงจือนั่นเอง ชายชราก็รู้อยู่แก่ใจดี

ลูกเขยมังกร

ลูกเขยมังกร

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง ลูกเขยมังกร ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดย เรื่อง ลูกเขยมังกร บ้างส่วนของนิยาย

บทที่ 1 ทรัพย์สินหลายล้านล้าน

“อยากให้ฉันกลับบ้านตระกูลเฉินงั้นหรือ?” ถนนคนเดิน ในเมืองชางโจวที่ทางเข้าร้าน อาหาร เฉินเฟิงใส่ชุดส่งอาหารเดลิเวอรี่สีเหลืองด้วย สีหน้าเย็นชา

“ใช่ นายท่านบอกว่า ตราบใดที่นายน้อยเต็มใจ ที่จะกลับไปยังตระกูลเฉิน ทรัพย์สินทั้งหมดหลาย ล้านล้านของตระกูลเฉินจะอยู่ภายใต้การควบคุม ของนายน้อย” ตรงข้ามกับเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถัง สีเทาพูดด้วยความเคารพ

“เห้อ…ทรัพย์สินหลายล้านล้าน? ” เฉินเฟิง หัวเราะกับตัวเอง และถอนหายใจเบาๆ : “ตระกูล เฉินนั้นรวยมากจริงๆ”

ราวกับว่าเขาสามารถฟังออกจากคำ กาง ของเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถังถามอย่างหมด หนทาง : ” นายน้อย คุณยังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิด ขึ้นเมื่อสามปีก่อนหรือ? ”

เมื่อเห็นเฉินเฟิงไม่พูดเลย เฉินจงก็ยิ้มอย่าง ขมขื่น ” นายน้อย เรื่องของเมื่อสามปีก่อน นาย ท่านเป็นฝ่ายทำผิดจริงๆ แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา นายท่านได้ชดใช้กรรมไปแล้วมากพอสมควร สำหรับสิ่งนั้น เหตุใดนายน้อยจึงไม่ให้โอกาสนาย ท่านบ้าง?”

” โอกาสงั้นเหรอ? ” เฉินเฟิงยกมุมปากยิ้มเยาะ %3D เย้ย ขอให้เขาให้โอกาสเฉินเจิ้นหนาน แต่เฉินเจิ้น หนานเคยให้โอกาสแม่ของเขาหรือไม่?

เฉินเฟิงจะไม่มีวันลืมเรื่องที่แม่ของเขาเสียชีวิต de ด้วยโรคร้ายต่อหน้าตัวเอง เมื่อสามปีก่อน

ตระกูลเฉินมีทรัพย์สินหลายล้านล้าน แต่เฉิน เจิ้นหนานไม่ยอมจ่ายเงินหนึ่งล้านเพื่อรักษาแม่ของ เขา แม้ว่าตัวเองจะเป็นเหมือนสุนัข คุกเข่าต่อหน้า เขา และขอความเมตตาจากเขา แต่เฉินเจิ้นหนานไม่ ได้สนใจเลยสักนิด และทำได้เพียงแค่เฝ้าดูแม่ของ เขาเสียชีวิตด้วยความเจ็บป่วยอย่างสิ้นหวัง

ตอนนี้ เฉินเจิ้นหนานต้องการโอกาสงั้นหรือ?

ที…

เฉินเฟิงส่ายหัวด้วยสีหน้าเย้ยหยันสุดจะพรรณนา

“หรือว่า นายน้อยเต็มใจที่จะเป็นคนส่งอาหารไป ตลอดชีวิตหรือ? ” เฉินจงถามพร้อมกับถอนหายใจ เมื่อเฉินเฟิงไม่ไหวติง เขารู้ว่าสามปีหลังจากที่เฉินเฟิ งออกจากบ้านของตระกูลเฉิน ชีวิตของเขาไม่ราบ รื่นเลย ไปเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยไม่ต้องพูดถึง ฐานะที่ต่ำต้อยของเขา ยังคงถูกคนในตระกูลเสี้ย ดูถูกอยู่ตลอดด้วย และวันเวลาของเขาที่อยู่ในตระ กูลเฉินนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

“ส่งอาหารดีกว่าตาย” เฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ

สีหน้าของเฉินจงเปลี่ยนไป และเขาก็พูดว่า “นายน้อย คุณหมายถึงอะไร?”

“ไม่ได้หมายถึงอะไรเลย” เฉินเฟิงส่ายหัว “เฉิน จง คุณกลับไปได้แล้ว บอกเฉินเจิ้นหนานและคนใน ตระกูลเฉินด้วย สักวันหนึ่งผมจะกลับไปแน่นอน แต่ ไม่ใช่เพื่อทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น!”

เฉินจงผงะ มองดูเงาร่างด้านหลังของเฉินเฟิงที่ กำลังเดินจากไป ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็ซับ ซ้อน…

ตลอดทาง อารมณ์ของเฉินเฟิงซับซ้อนมาก

ตั้งแต่วันที่เขาเกิดมา เขาก็อาศัยอยู่ในบ้านของ ตระกูลเฉิน แต่เนื่องจากฐานะของเขาเป็นลูกนอก สมรส คนในตระกูลเฉินจึงไม่ค่อยชอบเขานัก แม้ กระทั่งคนรับใช้ของตระกูลเฉินก็สามารถดุด่าว่าเขา อย่างดุเดือด และดูถูกเขาได้ตามต้องการ

เดิมที่เฉินเฟิงเคยคิดว่าเขาจะเป็นตัวหนอนใน ตระกูลเฉินไปชั่วชีวิต จนกระทั่งแม่ของเขาล้มป่วย เมื่อสามปีก่อน เขาจึงตระหนักถึงว่า ตระกูลเฉินไม่ ได้ให้โอกาสเขาเป็นแม้แต่ตัวหนอนด้วยซ้ำ!

ในคืนนั้น แม่ของเขาป่วยหนักมาก เฉินเฟิง คุกเข่าต่อหน้าคนในครอบครัวเฉินเหมือนสุนัขตัว หนึ่ง ขอร้องให้พวกเขาช่วยชีวิตแม่ของเขา แต่ไม่มี ใครยื่นมือช่วยเหลือเลย

การแสดงออกของทุกคนนั้น เย็นชามาก

ในที่สุด แม่ของเขาก็ป่วยหนักจนเสียชีวิต เฉินเฟิงรู้สึกว้าวุ่นมาก ในตอนนั้น เขาก็เข้าใจ แล้วว่า ชีวิตของตัวเอง และแม่ของเขานั้น ด้อยกว่า มดอยู่ในสายตาของคนในตระกูลเฉิน!

ในวันนั้น เฉินเฟิงก็ออกจากบ้านของตระกูลเฉิน

ในวันนั้น เฉินเฟิงสาบานว่า วันหนึ่งเขาจะกลับ ไปที่ตระกูลเฉิน และใช้ความสามารถเข้มแข็งอย่าง เต็มที่ เพื่อให้ทุกคนในตระกูลเฉินคุกเข่าต่อหน้า หลุมฝังศพของแม่เขา และขอให้เธอยกโทษ!

แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นเพียงความคิดเล็กๆ น้อยๆของเขาที่ยังเด็ก หลังจากที่เขาออกจากตระ กูลเฉิน และมาที่ชางโจวได้สองวันเฉินเฟิงก็ถูกกลุ่ม คนไล่ล่าและสังหาร หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ จากเสี้ยเว่ยกั๋ว เขาก็คงกลายเป็นศพไปนานแล้ว

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า คนที่ไล่ล่าเขานั้น ต้องมีส่วน เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินอย่างแน่นอน

อยู่ต่อหน้าคนในตระกูลเฉินที่ยักษ์ใหญ่ เฉินเฟิ งก็ต่ำต้อยราวกับมด

หลังจากกลายเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยแล้ว ชีวิตของเฉินเฟิงก็ค่อยๆสงบลง แม้ว่าเขาจะถูกผู้คน นับพันหมื่นคนเยาะเย้ย แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นคน ธรรมดาคนหนึ่ง

แต่ต้นไม้ต้องการความสงบลมพัดไม่ยอมหยุด และตระกูลเฉิน ก็ตามมาอีกครั้งโดยไม่คาดคิด

ยังจะให้เขากลับไปที่ตระกูลเฉิน และสืบทอดทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น

แต่ลูกหลานรุ่นที่สามของตระกูลเฉินที่ใหญ่โต นั้น มีผู้ชายมากกว่าหนึ่งร้อยคน ไม่ว่าจะวนกันไปกี่ รอบ ก็ไม่มีวันที่จะวนจนถึงลูกนอกสมรสที่จะ สืบทอดตระกูลเฉิน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่เป็นแผนการชั่วร้ายของ พวกเขา

ครั้งหนึ่งเขาเคยถ่อมตัวเหมือนสุนัข แต่วันนี้ เขา มีค่าหลายล้านล้าน

แผนการชั่วร้ายนี้ปลอมเกินไป!

“เฉินเฟิง!” เมื่อเฉินเฟิงขมวดคิ้วอยู่ในความคิด ก็ มีหญิงสาวใส่ชุดเดรสสีขาวที่สง่างามปรากฏต่อหน้า เขา ผู้หญิงคนนั้นมีใบหน้าที่บอบบาง รูปร่างสูงสุด ส่วนอารมณ์ที่สวยงาม เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็จะ ทำให้คนรู้สึกสดใสและน่าทึ่งมาก

ผู้หญิงคนนี้ ก็เป็นภรรยาของเฉินเฟิง มีชื่อว่า เสี้ยเมิ่งเหยา

“เมิ่งเหยา มีอะไรเหรอ?”

เมื่อเห็นเสี้ยเมิ่งเหยา ใบหน้าของเฉินเฟิงก็เต็มทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท