ลูกเขยมังกร – ตอนที่ 877

ตอนที่ 877

หลังจากนั้นไม่กี่วัน ชีวิตความเป็นอยู่กลับเปลี่ยนเป็นเรียบง่ายมากขึ้น ทุกวันก็ต้องช่วยพี่น้องสองสาวตระกูลฉางไปเก็บสมุนไพร หรือไม่ก็ช่วยทำงานที่ต้องใช้แรงงานให้กับพี่น้องสองสาวตระกูลฉาง

แทบจะรู้สึกเหมือนหวนกลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านของชิงจือเช่นนั้นเลย แต่ว่ากลับมีพี่น้องสองสาวฝาแฝดแสนสวยอยู่เป็นเพื่อน ก็จึงไม่รู้สึกเหงา

ในเวลาสองวันนี้ เฉินเฟิงก็ได้รู้จักชื่อของพี่สาวคนนั้น ฉางหลงหลิน คล้องจองกับน้องสาวเฟิ่งซีกลายเป็นมังกรหนึ่งหงส์หนึ่ง คาดเดาว่าพ่อของพวกเธอคงอยากได้ลูกชายหนึ่งคนลูกสาวหนึ่งคน แต่ว่านึกไม่ถึงจะเป็นลูกสาวทั้งคู่

หลงหลินเป็นคนที่ไม่ค่อยพูด ทุกวันก็ขลุกอยู่กับพวกยาสมุนไพร ไม่งั้นก็จะอยู่ในห้องหนังสือดูตำราวิชาการแพทย์ ดูเหมือนจะเพลิดเพลินจนไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเลย เฉินเฟิงเองก็คิดอยากจะพูดคุยกับเธอบ้าง แต่ว่าเมื่อเห็นสายตาเธอแล้ว เขาก็ล้มเลิกความตั้งใจนั้นไป

แต่ยังดีที่ว่าพูดคุยกับเฟิ่งซีได้ง่ายกว่า

“พวกคุณสองคนพี่น้องทำไมถึงได้มาอยู่ที่แบบนี้ตามลำพังได้ล่ะ หรือว่าคนที่บ้านก็ไม่สนใจแล้วเหรอ?”

วันหนึ่งหลังจากอาหารเย็นแล้ว ขณะที่เฟิ่งซีได้มาช่วยตรวจร่างกายของเฉินเฟิงนั้น เฉินเฟิงถาม

เฟิ่งซีก็ปักเข็มเงินเข้าไปในจุดรวมประสาทของเฉินเฟิง เธอพูดว่า “ฉันกับพี่สาวเป็นลูกกำพร้า หลังจากที่อาจารย์รับเลี้ยงพวกเราไว้ ก็ได้อาศัยอยู่ที่บ้านสวนแห่งนี้มาโดยตลอด อย่างมากก็ไปแค่หมู่บ้านซื้อของบางอย่าง ก็ไม่รู้ว่าโลกภายนอกมันเป็นยังไงเลย”

เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบง่าย รู้สึกไม่ค่อยให้ความสนใจกับประวัติส่วนตัวของตัวเองเท่าไรนัก เพียงแต่เมื่อพูดถึงเรื่องของโลกภายนอกแล้ว ดูเหมือนว่าความรู้สึกนึกคิดเต็มเป็นไปด้วยความโหยหา

เฉินเฟิงรู้สึกละอายใจเล็กน้อย เดิมทีไม่น่าจะไปสืบหาเรื่องน่าเศร้าพวกนี้เลย เขาพูดอย่างสำนึกผิดว่า “ฉันไม่ควรจะถามเลย เพียงแต่ฉันนึกไม่ถึงว่าพวกคุณจะเป็นลูกกำพร้า แล้วอาจารย์พวกคุณล่ะ?”

เฟิ่งซีกลับไม่ได้ใส่ใจอะไร พูดอย่างเรียบง่ายว่า “ก็ผ่านไปตั้งหลายปีแล้ว อาจารย์เลี้ยงพวกเราอย่างดี ความจริงเมื่อเทียบกับเด็กคนอื่นแล้ว ฉันกับพี่สาวนับว่าโชคดีมากเลย ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องไปถือโทษโกรธเคืองทั้งนั้น

สำหรับอาจารย์นั้น เมื่อปีที่แล้วเขาก็ได้เสียไปแล้ว ฉันกับพี่สาวเลยไหว้วานคนให้นำศพเขาไปฝั่งภายในสวนสมุนไพรบนเขานั้น ชั่วชีวิตของเขาก็อยู่กับพวกสมุนไพรมาตลอด เมื่อเขาสิ้นแล้วก็คงยังชอบดมกลิ่นหอมของพวกสมุนไพร คาดหวังว่าเขาคงชอบอย่างนั้น”

เฉินเฟิงก็นึกภาพตามคำพูดของเฟิ่งซี จินตนาการถึงรูปร่างหน้าตาของผู้เฒ่านั้น คิดว่าคงไม่แตกต่างอะไรกับหลิงหลงในตอนนี้ ที่คอยศึกษาค้นคว้าตำราวิชาการแพทย์ทั้งวันทั้งคืน หนำซ้ำยังปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนซกมกไปบ้าง

หลังจากคิดคิดดูแล้ว เฉินเฟิงก็ถามอีกว่า “งั้นพวกคุณก็พักอยู่ที่นี่ตลอดเลยเหรอ? ไม่คิดที่จะออกไปเที่ยวข้างนอกบ้าง”

เฟิ่งซีก็ได้ทำการฝังเข็มเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้บนร่างของเฉินเฟิงก็มีเข็มเล็กๆปักอยู่เต็มไปหมด ดูราวกับเหมือนแม่นตัวหนึ่ง หลังจากที่เธอตรวจดูแล้วว่าไม่มีขาดเกิน จึงได้นั่งลงข้างเฉินเฟิง

ดูเหมือนแทบจะเป็นอย่างที่เฉินเฟิงพูดไว้เช่นนั้น มีความรู้สึกปรารถนาที่อยากจะไปสู่โลกภายนอก

“พี่สาวชอบที่นี่มาก ฉันกลับอยากจะออกไปดูโลกภายนอกบ้าง แต่ว่าพี่สาวไม่ยอมไปฉันก็เลยต้องยกเลิกความตั้งใจ ถ้าให้ฉันเลือกระหว่างไปข้างนอกกับอยู่กับพี่สาวแล้ว ความจริงฉันก็อยากจะอยู่เป็นเพื่อนพี่สาวมากกว่านะ”

เฉินเฟิงพูดอย่างตื้นตันใจว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของพวกคุณสองคนช่างดีจริงๆเลยนะ”

ส่วนเฟิ่งซีก็รู้สึกภูมิใจเป็นพิเศษ “นั่นเป็นเพราะว่าฉันชอบพี่สาวฉันมากที่สุดเลย เพียงแต่เธอไม่ค่อยชอบยิ้ม มักจะชอบทำหน้าบึ้งตึงเย็นชา แต่ความจริงแล้วพี่สาวก็อ่อนแอมากนะ ตอนที่อาจารย์เสียนั้น เธอก็มักจะรอให้ฉันนอนหลับก่อนแล้วแอบไปนั่งร้องไห้คนเดียว แล้วยังทำเป็นแกล้งไม่ให้ฉันรู้อีก ที่จริงเธอไม่รู้หรอกว่า ตอนที่ฉันตื่นขึ้นมา ก็ได้ยินหมดแล้ว”

เฉินเฟิงก็หัวเราะ คาดเดาว่าสาวงามเย็นชาคนนั้นเวลาร้องไห้ขึ้นมาคงน่าสงสารมาก เพียงแต่สถานการณ์เช่นนี้คงไม่มีใครมีโอกาสที่จะได้เห็น

“ยังนึกไม่ออกเลยว่าหน้าตาตอนร้องไห้ของหลงหลินเป็นยังไง ฉันยังคิดว่าอย่างเธอนี่ไม่มีวันที่จะร้องไห้ได้เลย ตอนที่สบสายตาเธอ รู้สึกอุณหภูมิจะลดลงไปอีกสองสามองศาเลยแหละ”

“ใช่แล้ว นิสัยพี่สาวก็มักจะเป็นแบบนั้น แต่ว่าคุณอย่าไปบอกเธอว่าฉันพูดเรื่องของเธอล่ะ เดี๋ยวเธอจะโกรธขึ้นมา ฉันคงต้องบรรลัยแน่เลย เธอจะต้องให้ฉันขึ้นเขาไปจับงูลำพังคนเดียวแน่นอน ฉันเกลียดงูที่สุดเลยล่ะ”

“คุณกลัวงูเหรอ?”

“อื่ม ตัวลื่นไหลแบบนั้น เห็นแล้วก็รู้สึกขยะแขยง”

“เออ ใช่ล่ะ ถ้าพวกคุณไม่เคยออกไปข้างนอกเลย แล้วรู้จักกับหวั่นชีวได้ยังไงล่ะ เธอก็อยู่ยันเจียงมาตลอด หรือว่าพวกคุณเคยไปยันเจียงมาเหรอ?” เฉินเฟิงนึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องสองสาวตระกูลฉางกับหวั่นชีว จึงได้ถามขึ้น

ดูเหมือนว่าเฟิ่งซีกำลังหวนกลับไปรำลึกความทรงจำในอดีต

“ตอนที่รู้จักกับหวั่นชีวนั้นก็เป็นเวลาผ่านมานานแล้ว ตอนเธอเด็กๆเคยมากับพ่อของเธอเพื่อมาหาอาจารย์รักษาโรคให้ ตอนนั้นเธอคนเดียวได้แต่จ้องมองพวกฉัน แต่ไม่กล้าที่จะพูดคุยด้วย ก็ได้แต่หลบอยู่ข้างหลังของพ่อเขา แต่เวลาที่อาจารย์รักษาโรคก็ไม่อนุญาตให้คนอื่นอยู่ด้วย ต่อให้เป็นเด็กก็ไม่ได้”

“หลินชีงตี้เคยมาหาอาจารย์คุณรักษาโรคด้วยเหรอ?” เฉินเฟิงถามด้วยความประหลาดใจ

เฟิ่งซีมองไปยังเฉินเฟิงที่ท่าทีดูแตกตื่นเกินเหตุว่า “คนที่มาหาอาจารย์รักษาโรคมีตั้งเยอะแยะมากมาย ไม่เพียงแค่หลินชีงตี้คนเดียวเท่านั้น ถ้าไม่ใช่เพราะว่าอาจารย์ละก็ เขาคงตายไปนานแล้วล่ะ หลังจากที่อาจารย์เสียแล้ว ตอนนี้ก็มีคนเยอะแยะมากมายมารักษาโรคกับพี่สาวเลยนะ คุณก็เป็นคนหนึ่งในนั้นไม่ใช่เหรอ?”

เฉินเฟิงคิดดูแล้ว ก็เป็นจริงอย่างที่พูดมา แต่ว่าก็ยังรู้สึกเซอร์ไพรส์มาก แม้แต่หลินชีงตี้ก็ยังต้องมาหาหมอถึงที่นี่เลย เช่นนั้นแล้ววิชาการแพทย์ที่ใช้รักษาของเขาจะน่าทึ่งขนาดไหน แต่จากนั้นเฉินเฟิงก็เลิกคิดเช่นนั้นอีกแล้ว เพราะแม้แต่ความเจ็บปวดที่แปลกประหลาดภายในร่างกายตัวเองนั้นยังสามารถกำจัดไปจนหมดสิ้น ในโลกใบนี้วิชาการแพทย์เช่นนี้คงมีเหลือให้เห็นน้อยมากจริงๆ

ส่วนเฟิ่งซีก็พูดอธิบายเรื่องราวของหวั่นชีวต่อไป

“ยัยเด็กคนนั้น ตอนที่ถูกพ่อเธอไล่ออกมานั้น ร้องไห้จนกลายเป็นคนเจ้าน้ำตาไปเลย แต่ก็ไม่มีใครไปสนใจเธอ สุดท้ายแล้วก็มีแต่ฉันเอาตุ๊กตาที่ตัวเองรักที่สุดออกมาปลอบใจเธอ เธอถึงได้หยุดร้อง ระหว่างที่พ่อเธอรักษาโรคอยู่ที่นี่หลายวัน เธอก็เลยคุ้นเคยและสนิทกับพวกเราสองพี่น้อง หลังจากนั้นก็มีการติดต่อกันบ้างนิดหน่อย”

เฉินเฟิงพยักหน้า เขาก็ยังคงนึกถึงแต่หมอคนที่มีวิชาการแพทย์สูงส่งคนนั้น ทำไมกลับไม่ค่อยได้ยินชื่อของเขาเลย

ตอนนี้ เข็มที่ปักอยู่บนร่างของเฉินเฟิงก็ถึงเวลาที่ต้องดึงออกได้แล้ว เฟิ่งซีจึงดึงเข็มเงินออกมาทีละเล่มๆ หลังจากรักษาด้วยการฝังเข็มแล้ว ร่างกายก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ราวกับว่าได้ปลดปล่อยภาระหนักหน่วงที่แบกรับไว้ในตัวออกไปจนหมดสิ้น

“การรักษาด้วยการฝังเข็มเห็นผลดีจริงๆนะ ฉันรู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนเป็นผ่อนคลายมากขึ้นทันทีเลย” เฉินเฟิงพูดอย่างตื้นตันใจ

เฟิ่งซีพูดว่า “เคล็ดวิชาการฝึกฝนวรยุทธ์ของคุณทำให้ลมปราณของตัวเองต้องแบกภาระหนักขึ้นมาโดยตลอด ดังนั้นทุกครั้งหลังจากที่ใช้เคล็ดวิชาพลังย้อนกลับแล้ว ก็จะทำให้ตะกรันที่อุดตันภายในลมปราณทั้งทั่วร่างเกิดการตีกลับอีกครั้งหนึ่ง ไม่ทำให้คุณเจ็บปวดเจียนตายก็ดีเท่าไหร่แล้ว คุณยังดีนะ สามารถที่เอามาใช้ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่กลัวว่าจะตายเพราะเหตุนี้เลย”

เฉินเฟิงก็รู้สึกไม่มีทางเลือก เขาก็ย่อมไม่อยากจะใช้เป็นธรรมดา แต่ทุกครั้งมันก็ด้วยเหตุสุดวิสัยจริงๆ อาจจะเป็นเพราะความโชคดีของเขาก็ได้ จนถึงทุกวันนี้ยังไม่เคยถึงขั้นตายเพราะทนความเจ็บปวดไม่ไหวสักที

“ค่อยๆปรับสภาพสมดุลเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ตะกรันที่อุดตันภายในระบบลมปราณก็ได้ถูกสลายไปมากแล้ว ถ้าคุณยังใช้วิชาพลังย้อนกลับอีกละก็ น่าจะไม่รุนแรงขนาดนั้นแล้ว ถ้าหากสามารถรักษาถึงขั้นที่ไม่มีการอุดตันหลงเหลืออยู่อีกเลย คาดว่าคงไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดอีกแล้ว แต่ว่าก็เป็นไปไม่ค่อยได้ที่จะเป็นอย่างนั้น มันเป็นปัญหาของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน” เฟิ่งซีบอกกับเฉินเฟิง

เฉินเฟิงไม่เคยคิดเลยว่าก็ยังมีความเป็นไปได้เช่นนี้อยู่เหมือนกัน ในใจก็ย่อมรู้สึกดีใจเป็นธรรมดา จึงพูดกับเฟิ่งซีว่า

“ได้มาพบเจอกับพวกคุณ มันเป็นความโชคดีที่สุดของฉันจริงๆเลย”

ลูกเขยมังกร

ลูกเขยมังกร

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง ลูกเขยมังกร ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดย เรื่อง ลูกเขยมังกร บ้างส่วนของนิยาย

บทที่ 1 ทรัพย์สินหลายล้านล้าน

“อยากให้ฉันกลับบ้านตระกูลเฉินงั้นหรือ?” ถนนคนเดิน ในเมืองชางโจวที่ทางเข้าร้าน อาหาร เฉินเฟิงใส่ชุดส่งอาหารเดลิเวอรี่สีเหลืองด้วย สีหน้าเย็นชา

“ใช่ นายท่านบอกว่า ตราบใดที่นายน้อยเต็มใจ ที่จะกลับไปยังตระกูลเฉิน ทรัพย์สินทั้งหมดหลาย ล้านล้านของตระกูลเฉินจะอยู่ภายใต้การควบคุม ของนายน้อย” ตรงข้ามกับเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถัง สีเทาพูดด้วยความเคารพ

“เห้อ…ทรัพย์สินหลายล้านล้าน? ” เฉินเฟิง หัวเราะกับตัวเอง และถอนหายใจเบาๆ : “ตระกูล เฉินนั้นรวยมากจริงๆ”

ราวกับว่าเขาสามารถฟังออกจากคำ กาง ของเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถังถามอย่างหมด หนทาง : ” นายน้อย คุณยังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิด ขึ้นเมื่อสามปีก่อนหรือ? ”

เมื่อเห็นเฉินเฟิงไม่พูดเลย เฉินจงก็ยิ้มอย่าง ขมขื่น ” นายน้อย เรื่องของเมื่อสามปีก่อน นาย ท่านเป็นฝ่ายทำผิดจริงๆ แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา นายท่านได้ชดใช้กรรมไปแล้วมากพอสมควร สำหรับสิ่งนั้น เหตุใดนายน้อยจึงไม่ให้โอกาสนาย ท่านบ้าง?”

” โอกาสงั้นเหรอ? ” เฉินเฟิงยกมุมปากยิ้มเยาะ %3D เย้ย ขอให้เขาให้โอกาสเฉินเจิ้นหนาน แต่เฉินเจิ้น หนานเคยให้โอกาสแม่ของเขาหรือไม่?

เฉินเฟิงจะไม่มีวันลืมเรื่องที่แม่ของเขาเสียชีวิต de ด้วยโรคร้ายต่อหน้าตัวเอง เมื่อสามปีก่อน

ตระกูลเฉินมีทรัพย์สินหลายล้านล้าน แต่เฉิน เจิ้นหนานไม่ยอมจ่ายเงินหนึ่งล้านเพื่อรักษาแม่ของ เขา แม้ว่าตัวเองจะเป็นเหมือนสุนัข คุกเข่าต่อหน้า เขา และขอความเมตตาจากเขา แต่เฉินเจิ้นหนานไม่ ได้สนใจเลยสักนิด และทำได้เพียงแค่เฝ้าดูแม่ของ เขาเสียชีวิตด้วยความเจ็บป่วยอย่างสิ้นหวัง

ตอนนี้ เฉินเจิ้นหนานต้องการโอกาสงั้นหรือ?

ที…

เฉินเฟิงส่ายหัวด้วยสีหน้าเย้ยหยันสุดจะพรรณนา

“หรือว่า นายน้อยเต็มใจที่จะเป็นคนส่งอาหารไป ตลอดชีวิตหรือ? ” เฉินจงถามพร้อมกับถอนหายใจ เมื่อเฉินเฟิงไม่ไหวติง เขารู้ว่าสามปีหลังจากที่เฉินเฟิ งออกจากบ้านของตระกูลเฉิน ชีวิตของเขาไม่ราบ รื่นเลย ไปเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยไม่ต้องพูดถึง ฐานะที่ต่ำต้อยของเขา ยังคงถูกคนในตระกูลเสี้ย ดูถูกอยู่ตลอดด้วย และวันเวลาของเขาที่อยู่ในตระ กูลเฉินนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

“ส่งอาหารดีกว่าตาย” เฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ

สีหน้าของเฉินจงเปลี่ยนไป และเขาก็พูดว่า “นายน้อย คุณหมายถึงอะไร?”

“ไม่ได้หมายถึงอะไรเลย” เฉินเฟิงส่ายหัว “เฉิน จง คุณกลับไปได้แล้ว บอกเฉินเจิ้นหนานและคนใน ตระกูลเฉินด้วย สักวันหนึ่งผมจะกลับไปแน่นอน แต่ ไม่ใช่เพื่อทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น!”

เฉินจงผงะ มองดูเงาร่างด้านหลังของเฉินเฟิงที่ กำลังเดินจากไป ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็ซับ ซ้อน…

ตลอดทาง อารมณ์ของเฉินเฟิงซับซ้อนมาก

ตั้งแต่วันที่เขาเกิดมา เขาก็อาศัยอยู่ในบ้านของ ตระกูลเฉิน แต่เนื่องจากฐานะของเขาเป็นลูกนอก สมรส คนในตระกูลเฉินจึงไม่ค่อยชอบเขานัก แม้ กระทั่งคนรับใช้ของตระกูลเฉินก็สามารถดุด่าว่าเขา อย่างดุเดือด และดูถูกเขาได้ตามต้องการ

เดิมที่เฉินเฟิงเคยคิดว่าเขาจะเป็นตัวหนอนใน ตระกูลเฉินไปชั่วชีวิต จนกระทั่งแม่ของเขาล้มป่วย เมื่อสามปีก่อน เขาจึงตระหนักถึงว่า ตระกูลเฉินไม่ ได้ให้โอกาสเขาเป็นแม้แต่ตัวหนอนด้วยซ้ำ!

ในคืนนั้น แม่ของเขาป่วยหนักมาก เฉินเฟิง คุกเข่าต่อหน้าคนในครอบครัวเฉินเหมือนสุนัขตัว หนึ่ง ขอร้องให้พวกเขาช่วยชีวิตแม่ของเขา แต่ไม่มี ใครยื่นมือช่วยเหลือเลย

การแสดงออกของทุกคนนั้น เย็นชามาก

ในที่สุด แม่ของเขาก็ป่วยหนักจนเสียชีวิต เฉินเฟิงรู้สึกว้าวุ่นมาก ในตอนนั้น เขาก็เข้าใจ แล้วว่า ชีวิตของตัวเอง และแม่ของเขานั้น ด้อยกว่า มดอยู่ในสายตาของคนในตระกูลเฉิน!

ในวันนั้น เฉินเฟิงก็ออกจากบ้านของตระกูลเฉิน

ในวันนั้น เฉินเฟิงสาบานว่า วันหนึ่งเขาจะกลับ ไปที่ตระกูลเฉิน และใช้ความสามารถเข้มแข็งอย่าง เต็มที่ เพื่อให้ทุกคนในตระกูลเฉินคุกเข่าต่อหน้า หลุมฝังศพของแม่เขา และขอให้เธอยกโทษ!

แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นเพียงความคิดเล็กๆ น้อยๆของเขาที่ยังเด็ก หลังจากที่เขาออกจากตระ กูลเฉิน และมาที่ชางโจวได้สองวันเฉินเฟิงก็ถูกกลุ่ม คนไล่ล่าและสังหาร หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ จากเสี้ยเว่ยกั๋ว เขาก็คงกลายเป็นศพไปนานแล้ว

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า คนที่ไล่ล่าเขานั้น ต้องมีส่วน เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินอย่างแน่นอน

อยู่ต่อหน้าคนในตระกูลเฉินที่ยักษ์ใหญ่ เฉินเฟิ งก็ต่ำต้อยราวกับมด

หลังจากกลายเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยแล้ว ชีวิตของเฉินเฟิงก็ค่อยๆสงบลง แม้ว่าเขาจะถูกผู้คน นับพันหมื่นคนเยาะเย้ย แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นคน ธรรมดาคนหนึ่ง

แต่ต้นไม้ต้องการความสงบลมพัดไม่ยอมหยุด และตระกูลเฉิน ก็ตามมาอีกครั้งโดยไม่คาดคิด

ยังจะให้เขากลับไปที่ตระกูลเฉิน และสืบทอดทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น

แต่ลูกหลานรุ่นที่สามของตระกูลเฉินที่ใหญ่โต นั้น มีผู้ชายมากกว่าหนึ่งร้อยคน ไม่ว่าจะวนกันไปกี่ รอบ ก็ไม่มีวันที่จะวนจนถึงลูกนอกสมรสที่จะ สืบทอดตระกูลเฉิน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่เป็นแผนการชั่วร้ายของ พวกเขา

ครั้งหนึ่งเขาเคยถ่อมตัวเหมือนสุนัข แต่วันนี้ เขา มีค่าหลายล้านล้าน

แผนการชั่วร้ายนี้ปลอมเกินไป!

“เฉินเฟิง!” เมื่อเฉินเฟิงขมวดคิ้วอยู่ในความคิด ก็ มีหญิงสาวใส่ชุดเดรสสีขาวที่สง่างามปรากฏต่อหน้า เขา ผู้หญิงคนนั้นมีใบหน้าที่บอบบาง รูปร่างสูงสุด ส่วนอารมณ์ที่สวยงาม เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็จะ ทำให้คนรู้สึกสดใสและน่าทึ่งมาก

ผู้หญิงคนนี้ ก็เป็นภรรยาของเฉินเฟิง มีชื่อว่า เสี้ยเมิ่งเหยา

“เมิ่งเหยา มีอะไรเหรอ?”

เมื่อเห็นเสี้ยเมิ่งเหยา ใบหน้าของเฉินเฟิงก็เต็มทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท