บทที่ 624 การผจญภัยที่น่าอัศจรรย์ของฉีหยวน (4)
“ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงนำทางให้” ฉีหยวนโค้งคำนับด้วยการทำคารวะเต๋าอีกครั้ง
หลงจี๋โค้งคำนับตอบกลับและออกจากหอไป จากนั้นนางก็กระโดดขึ้นไปบนก้อนเมฆและขี่เมฆกลับไปที่ตำหนักเทพวารี
แน่นอนว่า หลังจากนั้น ย่อมมีเทพเซียนที่นำฉีหยวนเข้าไปสู่หอทงหมิง แล้วพวกเขาก็เสนอชาและให้ผลไม้เซียนแก่เขา พวกเขายังกังวลเกี่ยวกับปัญหาความยากลำบากในการฝึกบำเพ็ญของเขาในยามนี้อีกด้วย
นอกจากนี้ ในการดำเนินการจะมีชุดปฏิบัติการ “มุ่งเน้นระดับตำแหน่งเทพ” และ “เลือกเขตอำนาจปกครอง” โดยมีเหล่าเทพเซียนชี้แนะพวกเขาจากด้านข้าง และให้บริการทางประตูหลัง[1]แบบครบวงจรโดยจัดการให้เบ็ดเสร็จอย่างเป็นระบบในที่เดียว…
ข่าวเกี่ยวกับการแนะนำเทพเซียนของเทพวารีได้แพร่กระจายไปในศาลสวรรค์ราวกับไฟป่า
หลังจากได้ยินข่าว เหล่าผู้เป็นเทพเซียนจำนวนมากก็มาที่นี่ พวกเขาเดินวนเวียนอยู่รอบหอทงหมิง และมองไปยังจั๋วเซียนที่ท่านเทพวารี แนะนำมาด้วยตัวเอง จากนั้น พวกเขาก็ลอยจากไป…
ครึ่งวันต่อมา นักพรตเฒ่าเต๋าฉีหยวนก็ได้ทำตามขั้นตอนและเสร็จสิ้นกระบวนการอย่างเรียบร้อยด้วยความรู้สึกงุนงง และกลายเป็นเทพน้อยระดับล่างอย่างเป็นทางการในศาลสวรรค์แล้ว
นับจากนั้นเป็นต้นมา ฉีหยวนก็อยู่ในชุดของเทพแห่งขุนเขา เขาไม่ได้รับลำดับตำแหน่ง เขามีอำนาจปกครองในดินแดนเทวะบูรพาในรัศมีหมื่นลี้จากสำนักตู้เซียน และยังครอบครองพลังศักดิ์สิทธิ์บางอย่างอีกด้วย
ฉีหยวนได้รับป้ายหยกที่มีระดับบุญและกรรมอยู่บนนั้น เขาจะกลับไปที่ศาลสวรรค์ในทุกๆ ร้อยปีเพื่อรายงานผลงานตามหน้าที่ของเขา
นอกจากนั้น ยังมีตราประทับที่ลงสลักด้วยภูเขาเอาไว้ มันเป็นสมบัติพลังศักดิ์สิทธิ์ของเขา ซึ่งมีพลังมากกว่าสมบัติอมตะทั่วไป มันสามารถใช้ทุบผู้คน และยังมีวิชาเวทที่สามารถทำลายหินภูเขาก้อนเล็กๆ ได้
“ขอบคุณ ขอบคุณทุกท่าน ”
นักพรตเต๋าชราฉีหยวนประสานมือคารวะขึ้นเพื่อแสดงความขอบคุณพวกเขา และเหล่าผู้เป็นเทพเซียนทุกคนต่างก็แย้มยิ้มและตอบกลับคำขอบคุณนั้น แล้วพวกเขาแต่ละคนก็กลับไปง่วนอยู่กับกิจการงานของศาลสวรรค์
จากนั้นเหล่าเทพเซียนก็ส่งฉีหยวนออกจากหอทงหมิง และชี้ไปยังเส้นทางเมฆที่ตรงไปสู่ประตูสวรรค์บูรพา
ฉีหยวนกล่าวขอบคุณเขาและเมื่อเขากำลังจะขี่เมฆไป จู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะมาจากด้านข้าง…
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า สหายเต๋าฉีหยวน พวกเราได้พบกันอีกแล้ว”
ในขณะนั้น แม่ทัพตงมู่ซึ่งสวมชุดคลุมอมตะสีน้ำตาล ได้ขี่เมฆมาถึง
ฉีหยวนอดจะตกตะลึงกับเสียงที่ส่งผ่านเข้ามาในหูของเขาไม่ได้
“สหายเต๋า ไม่ต้องกังวล ข้าคือ แม่ทัพตงมู่ เป็นสหายของเทพวารี ข้าได้รับพระบัญชาจากองค์เง็กเซียนให้มาช่วยปกปิดส้นเท้า[2]ของสหายเต๋า และส่งสหายเต๋าไปเข้ารับตำแหน่งของท่าน”
ฉีหยวนตัวสั่นสะท้านทันที แม่ทัพตงมู่? หัวหน้าเซียนบุรุษในศาลสวรรค์? แม่ทัพตงมู่มาตามพระบัญชาขององค์เง็กเซียนให้มาส่งเขาเข้ารับตำแหน่งด้วยตัวเองหรือ?
โอ สวรรค์ ข้าเป็นเพียงแค่เซียนจั๋วที่ผ่านเข้าทางประตูหลัง…
ประตูหลังที่เกือบจะกลายเป็นทางเข้าหลักอย่างประตูหน้า!
ฉีหยวนมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขารู้ว่า เขาได้สร้างปัญหาให้กับ “เทพวารี” เขาจึงโค้งคำนับด้วยการทำคารวะเต๋าทันที
“น้อมพบท่านแม่ทัพตงมู่”
ทันใดนั้นแม่ทัพตงมู่ก็ก้าวออกไปข้างหน้าพร้อมกับทักทายแล้วคว้าแขนของฉีหยวนเอาไว้
“ฮ่าฮ่าฮ่า พวกเราเพิ่งแยกจากกันไปเมื่อสองสามวันก่อน ข้าไม่คาดคิดเลยว่า สหายเต๋าจะมารับใช้ในศาลสวรรค์ด้วย ช่างเป็นเรื่องดี เป็นเรื่องดี!”
“นี่ ข้าไม่กล้ารบกวนคุณ ท่านแม่ทัพตงมู่…”
“เทพวารีได้รับความไว้วางใจจากฝ่าบาท โดยปกติแล้ว เขามักจะยุ่งกว่าข้ามาก หากท่านประสงค์สิ่งใด ท่านก็มาหาข้าได้”
แม่ทัพตงมู่ยิ้มและพึมพำเบาๆ พวกเขาทั้งสองต่างพูดคุยแลกเปลี่ยนคำพูดเล็กน้อยดุจคุ้นเคยกันและขี่เมฆบินตรงไปที่ประตูสวรรค์บูรพา
ในระหว่างทางนั้น เปี้ยนจวง และแม่ทัพสวรรค์สองสามคนกำลังรออยู่ พวกเขาได้นำทหารสวรรค์หลายร้อยคนมาเพื่อส่งฉีหยวนไปตามทางของเขา!
แม่ทัพตงมู่ ทหารสวรรค์ และแม่ทัพสวรรค์ได้ส่งฉีหยวนกลับไปยังดินแดนเทวะบูรพาจริงๆ พวกเขามาถึงในระยะรัศมีสามหมื่นลี้จากสำนักตู้เซียน…
หลังจากได้รับข้อความเสียงของหลี่ฉางโซ่วแล้ว ฉีหยวนก็กล่าวขอบคุณแม่ทัพตงมู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และบอกว่า เขาไม่กล้ารบกวนแม่ทัพตงมู่อีกต่อไปแล้ว
จากนั้นแม่ทัพตงมู่ก็มอบยันต์หยกเคลื่อนย้ายให้ฉีหยวนก่อน ซึ่งของสิ่งนี้จะช่วยทำให้ฉีหยวนสามารถกลับไปยังอาณาเขตภายใต้อำนาจปกครองของเทพแห่งขุนเขาด้วยตัวของเขาเองได้
เดิมทีแม่ทัพตงมู่ยังต้องการจัดคนเพื่อสร้างวิหารเทพแห่งขุนเขาหรืออะไรสักอย่าง…
เมื่ออำลาแม่ทัพตงมู่ เหล่าแม่ทัพสวรรค์และทหารสวรรค์แล้ว ฉีหยวนก็รู้สึกสับสนและมึนงงเล็กน้อย
จากนั้น ภายใต้การแนะนำของหลี่ฉางโซ่ว เขาก็ใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายแล้วท่องเที่ยวเตร็ดเตร่ไปทั่วเป็นเวลาสองวันก่อนจะเดินทางกลับไปยังสำนักตู้เซียน
หลังจากเข้าประตูภูเขาของสำนักแล้ว นักพรตเต๋าเฒ่าฉีหยวนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก และหัวใจเต๋าของเขาก็ร่วงลงสู่พื้น
เขา…
นี่…
ช่างเถิด ข้าจะกลับไปฝึกบำเพ็ญ
โลกบรรพกาลนี้ เกินกว่าจะคาดเดาได้จริงๆ!
นักพรตเต๋าเฒ่าฉีหยวนแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นและบินกลับไปที่ยอดเขาหยกน้อย จากนั้นก็เข้าไปในค่ายกลใหญ่สี่หรือห้าชั้น แล้วกลับไปนั่งลงในกระท่อมมุงจากของเขา
เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงการเดินทางไปยังศาลสวรรค์ที่เรียบง่ายแล้ว ก็มีคำถามมากมายผุดขึ้นมา … สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้คืออันใดกัน?
“ท่านอาจารย์” หลี่ฉางโซ่วส่งข้อความเสียงเรียกพลางแย้มยิ้มและกล่าวต่อว่า “ต่อจากนี้ไป ท่านก็สามารถฝึกบำเพ็ญได้อย่างสงบสุข บุญของท่านจะค่อยๆ เพิ่มพูนขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ท่านมีอายุยืนยาวขึ้นขอรับ”
“เฮ้ ฉางโซ่ว เจ้ารู้จักเทพวารีผู้นี้หรือไม่?”
“เป็นศิษย์เองขอรับ”
ฉีหยวนผงะงันไปพักหนึ่ง เขาเพียงรู้สึกว่าหัวใจเต๋าของเขายุ่งเหยิงวุ่นวายมาก และเขาก็มีอาการปวดศีรษะเล็กน้อย
“ท่านอาจารย์ ขอท่านโปรดอย่าลืมว่า หากท่านมีประสงค์จะออกไป ได้โปรดแจ้งให้ศิษย์รู้ด้วยเช่นกัน และโปรดนำยันต์หยกติดตัวท่านไปด้วยนะขอรับ”
ฉีหยวนพยักหน้าและตกอยู่ในห้วงแห่งความคิดลึกซึ้ง
ในเวลาเดียวกันนั้น…
ในตำหนักครองคู่แห่งศาลสวรรค์ เทพจันทรากำลังเดินไปมาและครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา และในไม่ช้า เขาก็ตัดสินใจเดินไปที่โถงด้านหลัง
การแต่งงานของฉีหยวนเฒ่า…
ข้าจะดูอีกครั้ง หากพอมีวี่แวว ข้าก็จะจัดให้!
………………………………………………………………..
[1] ประตูหลังในที่นี้คือ การไปหาคนของผู้ที่มีอำนาจ เพื่อขอบางสิ่งบางอย่างที่จะเป็นผลประโยชน์แทนที่จะไปหาบุคคลที่มีอำนาจนั้นโดยตรง
[2] ร่องรอยหรือภูมิหลัง
