ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว – บทที่ 766 กลุ่มใดที่ทรงพลังในการข่มเหงสัตว์มงคล? (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

บทที่ 766 กลุ่มใดที่ทรงพลังในการข่มเหงสัตว์มงคล? (1)

เหตุใดศิษย์พี่ถึงเลือกคำตอบที่ข้าให้เขา?

ที่มุมถ้ำแสงเมฆแห่งสมบัติทั้งแปดของภูเขาคุนหลุน หลิงเอ๋อร์กำลังกอดอก และคิดถึงคำถามที่ลึกซึ้งนั้น

นางรู้สึกว่า นางต้องค้นหาตำแหน่งของนาง ดูว่านางมีสถานะอะไรในใจของศิษย์พี่

เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ภายใต้แผนภาพไท่จี๋ที่หมุนวน ก็เห็นว่านักพรตเต๋าวัยกลางคนถูกพันธนาการด้วยพลังหยินหยางอยู่อย่างแน่นหนา ตั้งแต่ข้อเท้าจนถึงข้อมือ และปากของเขาก็ถูกปิดสนิท…

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวว่า “ศิษย์น้อง การสังหารไป๋เจ๋อผู้นี้ทันทีจะไม่สูญเปล่าไปหรอกหรือ?

เหตุใดเราไม่พาเขาเข้าสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินเล่า?

เขาไม่ใช่ผู้บัญชาการปีศาจหรอกหรือ?

ขอบเขตพลังของเขาก็ไม่เลว และเขายังช่วยทำหน้าที่คอยเฝ้าปกป้องดูแลบ้านได้ดีอีกด้วย”

ในยามนั้น นักพรตเต๋าวัยกลางคนทำได้เพียงแค่ขยับคอของเขาเท่านั้น และเขาก็รีบพยักหน้าหงึกหงัก

หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “ศิษย์พี่ นั่นไม่ใช่เรื่องดีเลย

นอกจากนี้ สหายเต๋าผู้นี้ยังเป็นหนึ่งในสิบชั้นยอดในสมัยโบราณ

ย้อนกลับไปตอนนั้น เขาเป็นผู้ทรงพลังยิ่งใหญ่ในสมัยโบราณที่สามารถดื่มร่วมโต๊ะเดียวกันกับจักรพรรดิปีศาจและคุนเผิงได้…

การปล่อยให้ผู้บัญชาการปีศาจคอยเฝ้าปกป้องดูแลบ้านของเรานั้น ย่อมไม่ดีต่อภาพลักษณ์ของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน ผู้คนจะคิดว่าพวกเราโอหังเกินไปขอรับ”

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่พยักหน้าและกล่าวอย่างจริงจังว่า “คิดเช่นนั้นก็ไม่เลว แม้จักรพรรดิปีศาจจะดับชีพไปแล้ว แต่เราก็ยังต้องให้ความเคารพนับถือตามควรแก่ปรมาจารย์ผู้แข็งแกร่ง

แล้วไยเจ้าไม่ถามเขาสักหน่อยว่าเต็มใจหรือไม่ เผื่อบางทีเขาอาจเต็มใจ?”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ไป๋เจ๋อ เป็นผู้ที่หายากและสง่างามในโลกบรรพกาล เขาย่อมยอมตายมากกว่ายอมจำนน ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องถามเลยขอรับ

ข้าควรสังหารเขาเสียดีกว่า แล้วปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่และตายไปกับศาลปีศาจโบราณอย่างสมศักดิ์ศรี

ในอีกด้านหนึ่งนั้น ข้าก็สามารถเก็บปราณวิญญาณของเขาเอาไว้ครึ่งหนึ่ง และผนึกมันเอาไว้ในไข่มุกได้ มันยังสามารถใช้เป็นตำราประวัติศาสตร์ที่มีชีวิตได้อีกด้วย”

นักพรตเต๋าวัยกลางคนเบิกตากว้าง ดวงตากลมโตของเขาแดงก่ำ และใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความเศร้าโศกและขุ่นเคืองยิ่ง

หลิงเอ๋อร์เกือบจะหัวเราะออกมาดังลั่น นางแทบจะได้ยินเสียงตะโกนที่เงียบงันของนักพรตเต๋าผู้นั้น

“เจ้าเป็นมนุษย์หรือ?! เจ้าเป็นมนุษย์ใช่หรือไม่?! ได้โปรด เป็นมนุษย์!” หรืออะไรทำนองนั้น

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยังคงกล่าวต่อไปว่า “การปฏิบัติต่อเขาในลักษณะที่หยาบคายเช่นนี้ ดูไม่ดีเลย เพราะในท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ไม่มีกรรมร้ายติดตัวเลย นอกจากนี้เขายังมีชื่อเป็นสัตว์มงคลอีกด้วย…”

“ช่างน่าเสียดายนัก” หลี่ฉางโซ่วส่ายศีรษะอย่างเสียใจ “สัตว์มงคลตัวนี้ได้เปลี่ยนไปแล้วขอรับ”

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เดาะลิ้นของเขา และกล่าวว่า

“หลังจากแปลงร่างแล้ว เจ้าจะดูเหมือนมนุษย์ หากใช้เป็นอาหารโดยตรง มันจะส่งผลต่อหัวใจเต๋าของเราอย่างแน่นอน ว่ากันว่า สัตว์วิญญาณเซียนเทียนนั้น เต็มไปด้วยสมบัติ”

ทันใดนั้นไป๋เจ๋อก็ตัวสั่นเทาไปทั้งร่าง และน้ำตาก็รินไหลเป็นประกายอยู่ที่หางตาของเขา

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “ไยเราไม่ปล่อยให้เขาเข้าไปในวังดุสิตและเป็นกุมารเฒ่าเล่า?”

หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “หากเป็นเช่นนั้น เกณฑ์ของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินของเราก็ออกจะต่ำเกินไปสักหน่อยหรือไม่ขอรับ?

ในโลกนี้ มีสิ่งมีชีวิตมากมายที่ต้องการได้รับการปกป้องคุ้มครองจากท่านปรมาจารย์จอมปราชญ์ของเรา และนี่ก็เป็นกรรมเช่นกัน ท่านอาจารย์ไม่น่าจะชอบมันนะขอรับ”

จากนั้นปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็พยักหน้าเห็นชอบด้วยและถอนหายใจออกมา

“ถูกต้อง ไม่จำเป็นที่จะต้องให้สหายผู้นี้ให้คำชี้แนะและคิดแผนการให้สำนักบำเพ็ญเต๋าหยินของเราเช่นกัน มีศิษย์น้องก็เพียงพอแล้ว”

หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ศิษย์พี่ คนที่เกี่ยวข้องก็มีความคิดน้อย กับมนุษย์สมบัติเวทเช่นนี้จริงๆ”

“ฮ่าๆๆ! ฆ่า ฆ่า เรื่องเดียว จบหมด[1]”

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่หัวเราะเสียงลั่น จากนั้นเขาก็ยกนิ้วขึ้น และชี้ไปที่หน้าผากของไป๋เจ๋อ ซึ่งกำลังลอยกลับหัวอยู่กลางอากาศด้วยแผนภาพไท่จี๋

ทันใดนั้น น้ำตาสองหยดก็รินไหลลงมาตามหางตาของไป๋เจ๋อในขณะที่เขาส่ายศีรษะไปมาอย่างบ้าคลั่ง สะบัดร่างของเขาอย่างแรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ภายใต้การควบคุมของลมปราณหยินหยาง

“นั่น!”

ครั้นเมื่อหลิงเอ๋อร์เห็นศิษย์พี่ของนางทำท่าทางอยู่ข้างหลังนาง นางก็ลุกขึ้นยืนอย่างเด็ดเดี่ยวและตะโกนออกมาเบาๆ ว่า

“ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ เหตุใดท่านถึงไม่ปล่อยให้เขาพูดเล่าเจ้าคะ?

มีคำกล่าวในเผ่าพันธุ์มนุษย์ว่า คนใกล้ตายจะพูดความจริงจากใจและจิตใจดี

คราวนี้ เขาเพียงแค่ข่มขู่คุกคามสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินของเราและช่วยเหลือเศษซากของศาลปีศาจโบราณเท่านั้น จะเป็นอย่างไรหากเขาเต็มใจและพร้อมจะชดใช้ความผิดของเขาเจ้าคะ…

นอกจากนี้ เรายังสามารถใช้เขาเป็นแบบอย่างและเป็นตัวอย่างให้กับพวกเผ่าปีศาจเหล่านั้นได้อีกเจ้าค่ะ”

ทันใดนั้นไป๋เจ๋อก็มองดูหลิงเอ๋อร์ด้วยความขอบคุณ

หลี่ฉางโซ่วยกนิ้วให้นางด้วยมือซ้ายของเขา และใบหน้าของหลิงเอ๋อร์ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ

ยากนักที่นางจะได้รับการยกย่องจากศิษย์พี่ของนาง

บัดนั้นปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็เหยียดยื่นมือขวาของเขาออกและฟาดไปในอากาศ แล้วพลังลมปราณหยินหยางบนปากของไป๋เจ๋อก็หายไปในทันที

ในขณะนั้น ผู้บัญชาการปีศาจโกรธจัด เขาอ้าปากกล่าวว่า “ผู้ใดบอกว่าข้ายอมตายมากกว่ายอมจำนน! ข้าจะยอมจำนน! ที่ข้าปรากฏตัวในครั้งนี้เพราะข้าต้องการยอมจำนน!”

หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ศิษย์พี่ นั่นใช่ไป๋เจ๋อจริงๆ หรือไม่ขอรับ?”

“ข้าเดาว่า บางทีพวกเราจับผิดคนแล้วแน่ๆ” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ส่ายศีรษะและกล่าวว่า “เขาเป็นผู้อาวุโสบรรพกาล แต่เขาไม่มีความซื่อสัตย์เลยจริงๆ เช่นนั้น เราก็ฆ่าเขากันเถิด”

“ท่านทั้งสอง ท่านทั้งสองเป็นศิษย์ชั้นสูงและศิษย์ของจอมปราชญ์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน อย่าได้ทรมานข้าเยี่ยงนี้เลย!”

ไป๋เจ๋ออดจะร้องไห้ออกมาไม่ได้

จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “ข้าจัดให้มีคนส่งยันต์หยกไปที่สำนักตู้เซียนเพราะข้าต้องการติดต่อกับสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินเอาไว้ล่วงหน้าก่อนเพื่อลองดูว่าเราจะจัดการประนีประนอมเรื่องนี้กันได้หรือไม่

ข้ายินดีที่จะเฝ้าประตูสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน เพียงหวังว่าสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินจะรับข้าเข้าไปเท่านั้น อย่าคิดสังหารข้าอีกต่อไปเลย!”

หลี่ฉางโซ่วและปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ต่างมองหน้ากัน และจู่ๆ ศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งสองคนต่างก็เผยรอยยิ้ม…คล้ายๆ กันทันที

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวว่า “สหายเต๋า ข้ารู้สึกสับสนเล็กน้อย เพียงแค่เจ้าซ่อนตัวอยู่ ก็จะไม่มีผู้ใดคิดถึงเจ้า

แล้วไฉนเจ้าถึงต้องช่วยลู่หยา?

หากไม่เป็นเพราะเจ้าชี้แนะแนวทางให้ลู่หยาแล้ว ต่อให้ข้าจะใช้แผนภาพไท่จี๋ก็ตาม ข้าก็คงไม่อาจตรวจจับร่องรอยที่อยู่ของสหายเต๋าได้”

“เฮ้อ…”

ไป๋เจ๋อถอนหายใจเบาๆ แล้วกล่าวว่า “เมื่อลู่หยาไปหาข้าในวันนั้น เดิมทีข้าก็อยากจะหลีกเลี่ยงเขา

ในเวลานั้น ลู่หยาถูกล้อมรอบไปด้วยพลังลมปราณสีดำ ภัยพิบัติแห่งความตายได้ตกมาถึงแล้ว

ครั้งหนึ่ง ข้าเคยสัญญากับจักรพรรดิปีศาจเอาไว้ว่าจะปกป้องเขา ดังนั้นข้าจึงช่วยให้เขาฝ่าฟันเอาชนะภัยพิบัตินั้น…”

“โอ้? จักรพรรดิปีศาจ?”

หลี่ฉางโซ่วคลี่ยิ้มและกล่าวว่า “สหายเต๋า ดูเหมือนว่าเจ้ากำลังซ่อนอะไรบางอย่างอยู่

หากเป็นเพราะความสัมพันธ์ในอดีตของเจ้ากับจักรพรรดิปีศาจ หรือเพราะเจ้าได้สัญญาไว้กับจักรพรรดิปีศาจจริงๆ น้ำเสียงของสหายเต๋าที่พูดคำว่า “จักรพรรดิปีศาจ” ก็ไม่น่าจะเบามากนักเมื่อยามที่กล่าวเช่นนี้

มันราวกับว่าเจ้าได้คิดหาข้อแก้ตัวเอาไว้แล้ว

ดูเหมือนว่า สหายเต๋าผู้นี้จะไม่ได้กำลังพูดความจริง ศิษย์พี่…”

“เป็นเทพีสุริยา เป็นเทพีสุริยา!”

………………………………………………………………..

[1] หมายถึง เมื่อเข้าใจหรือจัดการแก้ไขปัญหาใหญ่หรือเรื่องหลักให้สิ้นสุดลงได้แล้ว ก็จะเข้าใจหรือแก้ไขปัญหาเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องให้พลอยลุล่วงและสิ้นสุดตามไปด้วย

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

Status: Ongoing
เพื่อให้มีอายุยืนยาวในยุคบรรพกาลอันโหดร้าย จงหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการ เก็บงำความสามารถ ขยันฝึกวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง! หลี่ฉางโซ่วที่ไปเกิดใหม่เป็นผู้บำเพ็ญเซียนตัวน้อยๆ ในโลกบรรพกาลอันน่าสะพรึงกลัว เขาถูกอาจารย์ผู้นำยอดเขาสุดแสนอัตคัดในสำนักเซียนมนุษย์เล็กๆ พาตัวมาดูแล เพื่อฝึกฝนให้บรรลุวิถีเซียนตั้งแต่ยังเยาว์ เป้าหมายของเขาคือ ‘อายุยืนยาว’ ในยุคบรรพกาลอันโหดร้ายนี้ จึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการ เก็บงำความสามารถ ขยันหมั่นเพียรฝึกฝนเคล็ดวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง! เดิมทีในแผนการของหลี่ฉางโซ่ว เขาตั้งใจว่าจะซ่อนตัวอยู่ในเขาฝึกบำเพ็ญเป็นเซียนอย่างสงบสุขไปตลอดชีวิต จนกระทั่งปีหนึ่ง อาจารย์ของเขาคงมีชีวิตที่สงบเงียบเกินไปจนเบื่อขึ้นมา ถึงได้รับศิษย์น้องหญิงคนหนึ่งมาให้เขา… เพื่อไม่ให้ศิษย์น้องนำผลกรรมมาแปดเปื้อนตน เขาจะต้องสอนหลักการการใช้ชีวิตให้ศิษย์น้องดีๆ เสียหน่อยแล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท