ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา – บทที่ 289 เห็นดารากลางทิวา-3

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

บทที่ 289 เห็นดารากลางทิวา-3

หลิวรุ่ยอิ่งยังไม่ทันตั้งสติได้

ทันใดนั้นเอง พลังปราณมหึมาดั่งทะเลโหมซัดคลุมทั้งเมืองเอาไว้

ปราณกระบี่พุ่งขึ้นฟ้า!

เสาลำแสงแท่งหนึ่งแทงทะลุชั้นเมฆหนา

และฉายแสงสว่างจ้าลงมา

หลิวรุ่ยอิ่งคิดไม่ถึงว่าในค่ายทหารแห่งนี้จะมียอดฝีมือแฝงตัวอยู่!

เกรงว่าพลังนี้จะเกินกว่าระดับเทพบริราชเก้าทวีปถึงครึ่งก้าว

คาดว่าจะเป็นคนที่เจิ้นเป่ยอ๋องซ่างกวนซวี่เหยาส่งมาบัญชาการโดยเฉพาะ!

“เจ้าทำสิ่งใดลงไปกันแน่”

หลิวรุ่ยอิ่งถาม

สตรีมองปราณกระบี่นั้น

หาได้ใส่ใจคำถามของหลิวรุ่ยอิ่ง

เขาเดินไปข้างๆ สองสามก้าวจึงเห็นว่าด้านข้างของกระโจมค่ายที่นายทหารผู้นั้นเข้าไปเมื่อครู่ถูกอาบไปด้วยเลือดสดจนแดงฉาน

ในเมื่อสตรีนางนี้เดินออกมาได้

คนที่ตายก็ต้องเป็นนายทหารผู้นั้น

ดูทีว่าสตรีนางนี้ใช่ว่าจะสละได้ทุกเมื่อ

เพราะเมื่อครู่นี้นางก็ไม่ได้สละสิ่งใด

หากนางสละไปแล้ว นายทหารผู้นั้นย่อมมีชีวิตอยู่

และจะไม่ไปยั่วยุยอดฝีมือที่มาควบคุมเหตุการณ์ผู้นี้ด้วย

สตรีพลันยกมือขาวงามขึ้น

ดึงกระบี่อ่อนเล่มหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ

กระบี่อ่อนนี้ราวกับงูวิญญาณตัวหนึ่ง

แล้วตัวนางเองก็เป็นงูวิญญาณตัวหนึ่งเช่นกันไม่ใช่หรือ

งูสตรีแสนงดงามที่ไม่รู้ว่าจะกัดเจ้าเมื่อใด

นายทหารถูกนางกัดจนตายแล้ว

แม้ว่าหลิวรุ่ยอิ่งอยากปิดบังฐานะของตน แต่เหตุการณ์เร่งด่วนต้องรู้จักพลิกแพลง

เมื่อจนถึงท้ายที่สุดแล้ว เรื่องนี้กลับไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขา

“เป็นเจ้า!”

ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งพุ่งตัวอยู่กลางอากาศ

เดินเพียงไม่กี่ก้าวก็มาถึงที่ตรงหน้าใกล้ๆ

เขาเอ่ยพลางชี้กระบี่ไปยังสตรีผู้นั้น

เห็นชัดว่าคนทั้งสองไม่เพียงรู้จักคุ้นเคย แต่ยังมีเรื่องขุ่นข้องหมองใจกันด้วย

“อย่างไรเล่า คนคุ้นเคยได้พบกัน ตัวเจ้าซุนเต๋ออวี่ไม่เลี้ยงสุราข้าสักจอกก็ยังแล้วไป กลับยังใช้กระบี่มาข่มขู่ข้าผู้เป็นสตรีอ่อนแอผู้หนึ่งอีกหรือ”

สตรีเอ่ยทั้งรอยยิ้มบางๆ

ไม่ได้หวาดกลัวแม้แต่น้อย

“เจ้า นางปีศาจ! สามปีก่อนยั่วยวนบุตรชายข้าทำให้ตบะทั้งหมดของเขาสูญสิ้น แม้แต่พลังอินหยางสองขั้วภายในกายก็ยังสูญสลาย! ยังมีหน้ามาบอกว่าข้าเป็นคนคุ้นเคยอีกรึ”

“นั่นเพราะตัวเขาไม่ได้ความเอง! นี่เรียกว่าคนประเภทใดก็เลี้ยงลูกหลานออกมาได้เช่นนั้น…ไม่เพียงบุตรชายที่เป็นเช่นนี้ พวกทหารของเจ้าในเวลานี้แข็งแกร่งว่าบุตรชายเจ้าสักกี่มากน้อยกัน”

“เจ้าสังหารนายกองทัพหน้าแดนเจิ้นเป่ยอ๋องของข้า ทั้งเรื่องหลวงเรื่องราษฎร์วันนี้ต้องสะสางกับเจ้าในครั้งเดียว!”

ซุนเต๋ออวี่กล่าว

และสามารถสงบลงได้ในพริบตา

ไม่ได้เดือดดาลเช่นก่อนหน้านี้

หลิวรุ่ยอิ่งมองเห็นได้ด้วยตาว่ารังสีกระบี่กำลังปะทุอยู่ทั่วตัวเขา

เพียงลงมือก็จะเข้าจู่โจมศัตรูได้ด้วยระดับสุดยอด

ดูทีว่าสตรีนางนี้ก็ไม่ได้เป็นพวกอ่อนหัด

“เรื่องเมื่อสามปีก่อนก็ยังเอามาพร่ำพูดอยู่ได้ไม่ลืมสักที…มิน่าเล่าที่เนิ่นนานเพียงนี้แล้วกลับยังไม่ได้นั่งแท่นเทพบริราชเก้าทวีปนั่นเสียที!”

สตรีเอ่ยดูแคลน

นางเคลื่อนเท้าไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง

พลังปราณที่มือกำลังหมุนเคลื่อน

กระบี่อ่อนดั่งงูวิญญาณเล่มนั้นพลันพุ่งออกมาทันใด

ตรงดิ่งมั่นคง

อานุภาพไร้ขอบเขตแผ่ออกมาจากรอบกายนาง

และถึงกับสะกดปราณกระบี่ของซุนเต๋ออวี่เอาไว้ได้

สตรีนางนี้ แม้ร่างกายจะเป็นหญิง

แต่วิชายุทธ์กลับดุดันรุนแรงยิ่งนัก

และภายใต้ความแข็งแกร่งว่องไวนี้ กลับมีความชั่วร้ายบางเบาส่งออกมา

“หรือว่าเจ้า…”

เมื่อซุนเต๋ออวี่สัมผัสถึงพลังแรงกล้าของสตรีก็ถึงกับตื่นตระหนก

“ข้าบอกแต่แรกแล้วว่าเจ้าอย่าได้เผด็จการเกินไป! ลูกหลานย่อมมีความสุขของลูกหลานเอง ไปฝืนไม่ได้ หากเจ้าไปหาหนทางอื่นเร็วกว่านี้หน่อย ข้าย่อมไม่อาจทัดเทียมเจ้าได้”

สตรีกล่าว

หลิวรุ่ยอิ่งนิ่งเงียบอยู่ข้างๆ ตั้งใจว่าจะนิ่งดูดายเท่านั้น

เพราะเขาไม่รู้ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงใดขึ้นอีก

ซุนเต๋ออวี่ไม่เอ่ยคำใดอีก

แม้อีกฝ่ายจะมีพลังแข็งแกร่ง แต่เขาก็สัมผัสได้ว่า

สตรีนางนี้ก็ยังไปไม่ถึงขั้นนั้นเช่นกัน

หากนางได้อยู่ในตำแหน่งเทพบริราชเก้าทวีปแล้ว

เช่นนั้น ตนสามารถไปได้ไกลเท่าใดก็ต้องหลบเลี่ยงไปให้ไกลเท่านั้น

จะไม่มีทางมาต่อกรกับนางเป็นแน่

ต้องรู้เสียก่อนว่าตบะในกายทั้งมวลใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ

แม้โชควาสนาจะสำคัญยิ่งกว่า

แต่หากมีเวลามากกว่านี้ ผู้ใดจะสามารถบอกได้แม่นยำว่าเขาจะไร้วาสนานั้น?

ขอเพียงมีชีวิตอยู่ให้นานพอ

ย่อมสามารถทำให้อวิชชาที่นับไม่ถ้วนบรรลุรู้แจ้งได้ทั้งสิ้น

ซุนเต๋ออวี่เคลื่อนเท้าฉับพลัน พุ่งกระบี่ตรงออกไป

ทว่าสตรีนางนี้กลับไม่รีบเร่ง

ท่าทีไม่ได้พรั่นพรึงแต่อย่างใด

นางไม่หลบหลีกปราณกระบี่แสนรุนแรงของซุนเต๋ออวี่

แต่ค่อยๆ ส่งกระบี่อ่อนของตนออกไปเบาๆ

ในพริบตาที่รังสีของกระบี่อ่อนเล่มนี้สัมผัสกับกระบี่ของซุนเต๋ออวี่ก็พลันหักเลี้ยวออกไปทันใด

กระบี่ครึ่งท่อนล่างยังคงแข็งทื่อ

ต้านเพลงกระบี่ของซุนเต๋ออวี่ไว้ได้อย่างมั่นคง

ส่วนกระบี่ท่อนบนกลับโค้งม้วนอย่างแปลกประหลาด พร้อมพันรอบกระบี่ของซุนเต๋ออวี่และแทงเข้าไปยังไหล่ซ้ายของเขา

ซุนเต๋ออวี่เห็นดังนั้นก็ไม่กล้าพุ่งกระบี่ไปข้างหน้าอีก

ทำได้เพียงดึงกระบี่ถอยหลังกลับไปป้องกันจุดสำคัญทั่วร่าง

แต่กระบี่อ่อนของสตรีนางนี้ รัดพันขึ้นไปทีละชุ่นราวกับหนอนไชกระดูก

ทำให้ซุนเต๋ออวี่ไม่เพียงไม่สามารถเปลี่ยนกระบวนท่าได้

แม้แต่ดึงกระบี่ออกเพื่อกลับไปป้องกันตัวก็ยังทำไม่ได้

ทันใดนั้นเอง

กระบี่อ่อนของสตรีกลับหมุนวนรุนแรง ก่อนจะกลับมาเป็นรูปร่างตรงเช่นเดิมอีกครั้ง

พลันพุ่งเข้าใส่ซุนเต๋ออวี่สี่สิบเก้ากระบี่โดยไม่หยุดพัก

ทุกกระบี่ที่พุ่งออกไปล้วนเปลี่ยนแปลงฉับพลัน เป็นกระบวนท่าจู่โจมที่มีแต่รุกไม่มีถอย

แต่กลับทำให้ช่องโหว่ทั่วตัวปรากฏออกมาทั้งหมด

แม้ว่าซุนเต๋ออวี่จะเห็นช่องโหว่ทั่วตัวนาง

หากให้โอกาสเขาเพียงหนึ่งพริบตา

ในกระบวนท่ากระบี่สี่สิบเก้าที่สตรีนางนี้พุ่งกระบี่ออกมานี้ เขาก็สามารถสังหารสตรีนางนี้ได้สี่สิบเก้าครั้ง

แต่จนใจนักที่เพลงกระบี่ของสตรีนางนี้เฉียบคมเกินไป

ทำให้ซุนเต๋ออวี่ทำได้เพียงตั้งท่ารับ แต่ไม่อาจตอบโต้ได้

ซุนเต๋ออวี่ทำได้เพียงต้องต้านรับให้มั่นคง

ปกป้องจุดสำคัญทั่วกายเอาไว้

เขาต้องการใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว รอให้อานุภาพกระบี่ของสตรีถดถอยลง

และนี่ก็คือโอกาสที่เขาจะพุ่งกระบี่ตอบโต้อีกครา

ไม่มีจุดสุดยอดใดของมนุษย์ที่สามารถคงอยู่ได้ตลอดไป

ยิ่งเป็นเพลงกระบี่ที่ร้ายกาจเท่าใด ก็ยิ่งถดถอยรวดเร็วเท่านั้น

ก็เหมือนกับความรักระหว่างคนสองคน

ในยามที่ไม่รู้จักมัน สามารถทำให้คนอยู่เงียบๆ โดยไร้สุ้มเสียง

เมื่อรู้จักมากเข้า กลับกลายเป็นเพลิงร้อนระอุ

แต่ยิ่งรู้จักมากขึ้น เพลิงร้อนนี้กลับค่อยๆ ผ่อนลง

จวบจนสุดท้าย เทียบไม่ได้แม้แต่ความนิ่งเงียบ

และเปลี่ยนเป็นเย็นชา

ทว่าซุนเต๋ออวี่กลับมองข้ามปัญหาที่สำคัญยิ่งไปข้อหนึ่ง

นั่นก็คือคู่ต่อสู้ของเขาเป็นสตรีนางหนึ่ง

เรี่ยวแรงสตรีไม่ได้ท่วมท้นเช่นบุรุษ

แต่กำลังวังชาของสตรีกลับสามารถคงอยู่ได้นานกว่าบุรุษมากนัก!

ความทุกข์ที่ใหญ่หลวงที่สุดของสตรีผู้หนึ่ง ไม่ใช่ถูกทอดทิ้ง ไม่ใช่ไม่ได้รับรักสุดซึ้ง

แต่คือการสูญเสียความรู้สึกลึกล้ำที่เคยมี

ไม่ว่าความรู้สึกลึกล้ำที่ว่านี้จะเป็นที่ร่างกายหรือว่าที่จิตใจ

ความทุกข์ทรมานที่เกิดขึ้นไม่เพียงแค่รุนแรง แต่ยังยากลืมเลือนตราบนิรันดร์

บางทีจวบจนวันที่นางตายจึงจะสามารถดับลงได้

กระบี่ของซุนเต๋ออวี่กลับไปปลุกเร้าความรู้สึกลึกล้ำของสตรีนางนี้

ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เช่นเขาอาจไม่รู้

แต่หลิวรุ่ยอิ่งกลับมองเห็นชัดเจนยิ่งนัก

จริงดังว่า

เมื่อกระบี่สี่สิบเก้านี้สิ้นสุดลง

พลังของนางยังไม่ลดลงด้วยซ้ำ

ซุนเต๋ออวี่ยังคงตั้งท่ารับอยู่ แต่ถอยไปหลังสิบกว่าจั้งแล้ว

ทว่าก็ยังคงทานรับไม่ค่อยไหว

เขาไม่ต้องการประมือกับนางอีก

เพราะหากถอยต่อไปเรื่อยๆ ไม่เพียงหน้าตาของเขาในเหล่าทหารแดนเจิ้นเป่ยอ๋องจะหมดสิ้นแล้ว เกรงว่าตนก็จะยังทนทุกข์ทรมานกับปมในใจที่ยากก้าวข้ามนั้นอยู่

จากนั้นเขาเสี่ยงยอมถูกแทงด้วยกระบี่

ปล่อยวางการป้องกันลง

พุ่งปลายกระบี่เข้าจู่โจมที่ใบหน้าของสตรีนางนี้

เมื่อเข้าใกล้คิ้วงามของนาง

“คิดถึงครานั้น บุตรชายเจ้าเขียนคิ้วให้ข้าทุกวันทีเดียว”

สตรีกล่าวออกมาอย่างคาดไม่ถึง

ซุนเต๋ออวี่กลับถูกคำพูดนี้รบกวนจนจิตใจว้าวุ่นอย่างหนัก

ทำให้ปลายกระบี่เคลื่อนไปชุ่นกว่าๆ

คลาดไปเพียงชุ่นกว่าๆ เท่านั้น กลับทำให้สตรีหลบกระบี่ของเขาไปได้

ทว่ากระบี่อ่อนของนางกลับแทงเข้าไปที่แขนซ้ายของซุนเต๋ออวี่

เลือกสดซึมออกมานอกเสื้อผ้า

ราวกับดอกกุหลาบดอกหนึ่งกำลังค่อยๆ เบ่งบาน

หลิวรุ่ยอิ่งมองสีหน้าของสตรีนางนี้

และเขาพบว่าก่อนหน้านี้ตนคิดผิดไปเสียแล้ว…

สิ่งที่ทำให้สตรีผสานความรู้สึกลึกล้ำขึ้นมาใหม่ ไม่ใช่กระบี่ของซุนเต๋ออวี่

แต่เป็นเลือดสด

เลือดสดของนายกองทัพหน้าคนก่อนหน้านี้

ต้องรู้ด้วยว่าในเรื่องความรักนั้น สตรีมักเยือกเย็นกว่าบุรุษ

ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นความทรงจำที่เจ็บปวดอีกเพียงใด ในยามจำเป็นนางล้วนสามารถใช้มันเป็นอาวุธสังหารศัตรูได้ทั้งสิ้น

ซุนเต๋ออวี่เป็นชาย

และเรื่องนี้ก็เกี่ยวพันถึงบุตรชายของเขา

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่อาจเยือกเย็นอยู่ได้

………………………………………

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

Status: Ongoing
ด้วยภารกิจสำคัญที่ได้รับมา เขาจึงมุ่งหน้าสู่แดนพายัพ โดยไม่รู้เลยว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้าสู่วิถีแห่งเซียนและการต่อสู้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท