ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา – บทที่ 296 ผ้าขาวกับของขวัญงานเลี้ยงวันเกิด-2

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

บทที่ 296 ผ้าขาวกับของขวัญงานเลี้ยงวันเกิด-2

เขาตัดสินใจที่จะแช่น้ำ

แช่ในน้ำอุ่นที่อุ่นกว่าแสงแดดนี้

แสงอาทิตย์ช่างนุ่มนวลเหลือเกิน

ราวกับมือนุ่มและเส้นผมของหญิงสาวที่นอนบนเตียงกำลังเคลื่อนไหวอยู่บนหน้าอกเขา

เสียงครางเบาๆ

หญิงสาวผู้นั้นก็ตื่นเช่นกัน

แต่จิ้นเผิงสวมใส่อาภรณ์เรียบร้อยแล้ว

เตรียมตัวไปแช่น้ำ

เหตุใดคนที่กำลังจะไปแช่น้ำถึงยังต้องสวมใส่อาภารณ์อย่างเรียบร้อยด้วยเล่า

เพราะเขาจะต้องเดินออกจากห้อง ออกจากอาคารกรมสอบสวน

เดินผ่านร้านสุราที่พวกหลิวรุ่ยอิ่งเคยดื่มกัน แล้วเลี้ยวซ้ายไปที่โรงอาบน้ำที่อยู่สุดทาง

คนที่กำลังจะออกจากห้อง ยิ่งเป็นหัวหน้าอาคารกรมสอบสวนด้วยแล้ว ยิ่งต้องสวมใส่อาภารณ์ให้เรียบร้อย

เขายังเตรียมอาภรณ์อีกชุดหนึ่งไปด้วย

เครื่องแบบกรมสอบสวนใหม่เอี่ยมหนึ่งชุด

หัวหน้าอาคารของกรมสอบสวนมักได้รับการแต่งตั้งจากตำแหน่งผู้สั่งการกอง

ทว่าชุดเครื่องแบบของเขาไม่ใช่ชุดของผู้สั่งการกอง

แต่เป็นเครื่องแบบของผู้บังคับบัญชากรมสอบสวน

กรมสอบสวนกลางมีผู้บังคับบัญชาเพียงสิบหกคนเท่านั้น

ซึ่งก็ถือว่ามีตำแหน่งและอำนาจสูง

เป็นรองเพียงผู้ตรวจการกองแต่ละกองเท่านั้น

แต่เหตุใดผู้บังคับบัญชาถึงมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าอาคารในเมืองหยางเหวินที่ห่างไกลนี้เล่า

มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้

เมื่อเขาเดินทางมารับตำแหน่ง แม้แต่เจ้าหน้าที่ในอาคารกรมสอบสวนท้องถิ่นก็ยังประหลาดใจ

ไม่มีใครคิดว่าใต้เท้าผู้บังคับบัญชาจะยินดีมาที่นี่

แต่จิ้นเผิงไม่คิดเช่นนั้น

เขากลับปรับตัวเข้ากับเมืองหยางเหวินได้อย่างรวดเร็ว

ที่นี่คืออาณาจักรเจิ้นเป่ยอ๋อง

แต่จารีตของผู้คนที่นี่ไม่ได้ดุดันอย่างที่คิด

กลับเปิดกว้างกว่าในแผ่นดินกลางและทางใต้

ในช่วงแรก คนในอาคารยังต้องระแวดระวังและคอยรับใช้ด้วยความเกรงกลัว

แต่ต่อมาพวกเขาก็พบว่าใต้เท้าผู้บังคับบัญชาผู้นี้ไม่มีอารมณ์ร้าย ไม่หยิ่งยโส

กลับกลายเป็นว่าก็เหมือนกับพวกเขา

ดื่มสุราทุกวัน

หลังจากดื่มเสร็จก็ไปเล่นการพนัน

เมื่อเล่นการพนันเสร็จไม่ว่าจะแพ้ชนะเท่าไร ก็ต้องไปหาสตรี

และไม่เลือกสรรเลยแม้แต่น้อย

เขาเป็นลูกค้าที่แม่เล้าในเมืองหยางเหวินต่างมองว่าเป็นสุภาพบุรุษ ใจกว้างที่สุด และรับใช้ง่ายที่สุด

จะแนะนำให้เขารู้จักกับสาวน้อยวัยสิบหกก็ได้

หรือแม้แต่สตรีที่เสน่ห์หมดสิ้นก็ไม่เป็นไร

ขอเพียงแค่เวลาเขาหลับ มีสตรีอยู่ข้างกายก็พอ

“เงินอยู่บนหัวเตียงนะ!”

จิ้นเผิงบอกกับหญิงสาวตรงหน้า

หญิงสาวมองไปที่เงินตำลึงขนาดใหญ่สองก้อนที่วางอยู่บนหัวเตียง

ดวงตานางเป็นประกาย

ดูเหมือนจะสว่างกว่าแสงสะท้อนของเงินตำลึงที่ส่องประกายใต้แสงอาทิตย์เสียอีก

พูดจบ จิ้นเผิงก็จัดปกเสื้อ แล้วเดินออกจากห้องไป

พร้อมร้องเพลงคลอเบาๆ

ก่อนจะออกจากอาคาร เขายังทักทายทุกคนที่พบ

แม้แต่ชายแก่ที่กำลังกวาดทำความสะอาดก็ไม่เว้น

จิ้นเผิงไม่ได้อ่อนโยนตลอดเวลา

เขาก็มีช่วงที่บันดาลโทสะ

และมีช่วงที่ต้องฆ่าคนด้วย

แต่วันนี้เขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษ

เพราะวันนี้คือวันเกิดของเขา

ทุกคนต่างพูดกันว่าในวันเกิดไม่ควรโกรธเคือง

ไม่เช่นนั้น ทั้งปีอาจจะต้องผ่านไปด้วยความขุ่นเคือง

บางคนบอกว่าในวันเกิดไม่ควรเล่นการพนัน

เพราะหากชนะ ก็ถือเป็นการใช้โชคชะตาของตนเองล่วงหน้า

แต่หากแพ้ ก็เหมือนทำให้ปีนั้นเต็มไปด้วยความโชคร้าย

เรื่องราวเหล่านี้ล้วนมีที่มาที่ไปของมันเอง

ท้ายที่สุดแล้ว แต่ละที่ล้วนมีความเชื่อที่แตกต่างกัน

แต่จิ้นเผิงไม่เคยใส่ใจเรื่องเหล่านี้

เขาเชื่อแค่หลักการเดียว

นั่นคือคนที่ฉลองวันเกิดต้องจัดเลี้ยง

ดังนั้นเขาจึงจองทั้งโรงเตี๊ยมเพื่อให้สหายที่เดินทางมาจากทุกหนทุกแห่งได้พักอาศัย

อันที่จริงจิ้นเผิงเพิ่งกลับมาถึงเมืองหยางเหวินเมื่อไม่กี่วันนี้เอง

เขาเป็นหัวหน้าอาคารคนแรกที่กล้านำสตรีจากหอนางโลมมายังอาคารกรมสอบสวน และยังเป็นหัวหน้าอาคารคนแรกที่กล้าออกไปข้างนอกไม่กลับมานานถึงครึ่งปี

โชคดีที่ที่ทำการในเมืองหยางเหวินนั้น ตลอดทั้งปีก็ไม่มีเรื่องให้ต้องจัดการมากมายเกินสามเรื่อง

นอกจากนี้ แม้ว่าเขาจะเป็นหัวหน้าอาคาร แต่ก็ยังคงเป็นผู้บังคับบัญชา

ดังนั้น ไม่มีใครกล้าขัดแย้งกับเขาแม้แต่คำเดียว

หากเจ้าถามเขาว่าในครึ่งปีที่ผ่านมาเขาไปที่ไหน ทำอะไรอยู่

จิ้นเผิงจะตอบเจ้าเพียงสามคำว่า ‘คบค้าสหาย’

ไม่ผิด เขาไม่เพียงชอบดื่มสุรา การพนันและหาสตรีเท่านั้น เขายังชอบทำความรู้จักสหายใหม่ๆ

ไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรี ขอเพียงเป็นคนที่เขาพอใจ เช่นนั้นก็คือสหายของเขา ไม่ว่าจะยอมรับหรือไม่ก็ตาม

และการที่เขาได้รู้จักกับวิหคทมิฬก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจยิ่งนัก

ในเวลานั้น เขาได้ยินข่าวว่ามีคนต้องการสังหารวิหคทมิฬ

จึงควบม้าห้อตะบึงตลอดห้าวันสี่คืน

สุดท้าย เขาก็สังหารคนผู้นั้นก่อนที่จะพบกับวิหคทมิฬ

ถึงแม้จิ้นเผิงจะอ้างว่าเป็นสหายของวิหคทมิฬ

แต่หลังจากเหตุการณ์นั้น ผู้คนถึงรู้ว่าวิหคทมิฬไม่เคยรู้จักจิ้นเผิงเลย

คำว่าสหายนั้น ดูเหมือนจะเป็นเพียงความปรารถนาของจิ้นเผิง

แต่หลังจากนั้น เขาทั้งสองก็กลายเป็นสหายกันจริงๆ

กลายเป็นสหายที่คุยกันได้ทุกเรื่อง ดื่มกันได้ทุกสถานการณ์

ตัวเขายังมีเรื่องราวที่คล้ายคลึงกันอีกมากมาย…

ซึ่งล้วนน่าตื่นเต้นและน่าติดตามกว่าตำนานที่ถูกบันทึกไว้ในหนังสือเล่าขานด้วยซ้ำ

แต่ความลับที่ลึกซึ้งที่สุดนั้น เขาไม่เคยเปิดเผยให้ใครรับรู้

นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมผู้บังคับบัญชาของกรมสอบสวนกลางอย่างเขาจึงต้องมาอยู่อย่างสันโดษในอาคารเล็กๆ ที่เมืองหยางเหวิน

เมื่อก้าวสู่ถนน จิ้นเผิงก็ยืดเส้นยืดสายอย่างเกียจคร้าน

แม้เมื่อคืนเขาจะนอนดึก แต่ก็นอนหลับสบาย

และยังได้เงินจากการพนัน

แต่เขากลับใช้เงินที่ชนะมาทั้งหมดมอบให้หญิงสาวผู้นั้น

จำนวนเงินนั้นมากกว่าราคาค่าตัวของหญิงสาวถึงสิบเท่า

เงินที่ได้มาจากการพนัน เขามักจะใช้จ่ายออกไปเช่นนี้

ตามที่จิ้นเผิงเคยกล่าวไว้ นี่เรียกว่าฝุ่นกลับสู่ฝุ่น ดินกลับสู่ดิน

สิ่งที่เราไม่ได้นำมาตอนเกิด และไม่สามารถนำไปตอนตาย ก็ควรจะใช้จ่ายให้หมดโดยเร็ว

โดยเฉพาะเงินที่ได้มาอย่างไม่ชัดเจน เงินที่ได้รับมาจากโชควาสนาพวกนี้

ไม่ควรเก็บรักษาไว้นานเกินไป

แต่เมื่อพูดถึงเรื่องของบุรุษสตรี เขากลับมีความคิดที่แตกต่างออกไป

เมื่อเทียบกับการทุ่มเทให้กับความรักอย่างแท้จริง เขามักรู้สึกว่ามันเหน็ดเหนื่อยและสิ้นเปลืองเวลามากเกินไป

ยอมที่จะรักษาในความสัมพันธ์ชั่วครั้งชั่วคราวมากกว่าเข้าไปพัวพันกับความผูกพันที่ลึกซึ้งและจริงใจ

ทว่าบุรุษเช่นนี้ มักจะเป็นคนที่ได้รับบาดแผลทางความรักมาอย่างสาหัส

ล้วนเกี่ยวข้องกับอดีตที่เขาเคยประสบมา

ความเจ็บปวดแต่ละแบบก็เหมือนเมล็ดพันธุ์ ในที่สุดแล้วก็จะงอกเงยแตกหน่อ

เมื่อกิ่งก้านเหล่านี้บดบังธรรมชาติที่แท้จริงอย่างสมบูรณ์ ก็ถึงเวลาที่ต้องยอมแพ้อย่างสิ้นเชิง

เช่นเดียวกับจิ้นเผิงในตอนนี้

เขาเดินออกมาถึงถนน

กลับไม่อยากไปแช่น้ำแล้ว

แม้ว่าเมื่อคืนเขาจะเหงื่อชุ่ม

แต่แสงแดดวันนี้ดีเกินไป

ทำให้เขาลังเลที่จะออกไป

แต่หากไม่แช่น้ำ เขากลับรู้สึกผิดต่อเครื่องแบบใหม่ที่เพิ่งตัดเสร็จ

คิดไปคิดมา เขาจึงตัดสินใจที่จะเดินเล่นไปตามถนนก่อน

ถนนยาวสิบลี้

ทุกคนล้วนรับรู้ว่าคืนนี้เขาจะจัดงานเลี้ยงเพื่อฉลองวันเกิด

ด้วยเหตุนี้ ทุกคนที่พบเขาต่างก็ประสานมือคาราวะ พร้อมกล่าวคำมงคลอวยพร

จิ้นเผิงก็ตอบรับอย่างสุภาพทีละคน พร้อมกล่าวขอบคุณ

เขาเดินไปถึงประตูโรงเตี๊ยม ถามเถ้าแก่โรงเตี๊ยมเรื่องการเตรียมงานในคืนนี้ว่าเรียบร้อยดีหรือยัง

แต่เขาไม่ได้เข้าไปตรวจสอบด้วยตัวเอง

เพราะเขาต้องการยืนอยู่ใต้แสงแดดอุ่นๆ นี้

เถ้าแก่โรงเตี๊ยมบอกจิ้นเผิงอย่างเคารพนบนอบว่าทุกอย่างเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว เขาจึงออกจากที่นั่นด้วยความพึงพอใจ

ตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองพร้อมที่จะไปแช่น้ำแล้ว

เนื่องจากฤทธิ์สุราที่ตกค้างจากเมื่อคืน ทำให้เหงื่อเริ่มซึมออกมาเล็กน้อยเมื่ออยู่ภายใต้แสงแดด

เวลานี้ไปแช่น้ำ จากนั้นค่อยทานอาหาร

หลังจากดูแลร่างกายทั้งภายในและภายนอกเรียบร้อยแล้ว สวมใส่เครื่องแบบใหม่เอี่ยมที่เพิ่งตัดเสร็จ นับว่ากำลังดีทีเดียว!

……………………………………………………

ค่ำคืนนั้นลมวสันต์มาเยือน

ค่ำคืนนั้นลมวสันต์มาเยือน

Status: Completed
หนังสือเล่มนี้เป็นนิยายรักน้ำเน่า นางร้ายของเรื่องบังเอิญมีชื่อเดียวกันกับ "อวี๋เซียง" ที่บังเอิญยิ่งกว่านั้น ยังขาพิการตั้งแต่ยังเด็กเหมือนอวี๋เซียงไม่ผิดเพี้ยน ไม่ต้องเสียเวลาคิดก็รู้ ไม่ว่าจะเป็นด้านจิตวิญญาณหรือสุขภาพร่างกาย คนทั้งคู่มีโอกาสหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว! "นี่มันวันซวยของเธอ อวี๋เซียงหรืออย่างไร! ภพก่อนประสบเคราะห์กรรมตั้งมากมาย ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้เกิดชาติใหม่ภพใหม่ สุดท้ายกลับต้องเกิดใหม่ในร่างที่ไม่สมบูรณ์ นั่นยังพอทำใจได้ แต่ทีทำให้เธอโมโหที่สุดก็คือ...เธอหลงเข้ามาอยู่ในนิยาย ทั้งยังได้รับบทเป็นตัวละครสมทบหญิงที่ซวยที่สุดในโลก!"

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท