บทที่ 357 เถ้าธุลีแห่งคำเตือน-1
อาณาจักรเจิ้นเป่ยอ๋อง
เหมืองแร่รัฐหง
จวนนายท่านจิน
คนจะไป ผู้ใดก็ห้ามไม่อยู่
แม้ว่าคนผู้นี้จะเป็นเพียงคนธรรมดาก็ตาม
ทั้งยังไม่เคยฝึกฝนวิถียุทธ์
และไม่มีร่างกายที่แข็งแกร่งเช่นกัน
ต้องการจะไปอย่างไรก็ห้ามไม่อยู่
สิ่งที่บังเอิญอย่างยิ่งก็คือ สภาพอากาศในเหมืองแร่นายท่านจินดีเยี่ยม
ในจวนนายท่านจินไม่มีสายลมพัดผ่าน
แต่แม้จะอยู่ภายนอกจวนของเขาก็ไร้ซึ่งพายุทราย
นี่เป็นเรื่องที่แปลกอย่างยิ่ง
คนที่ต้องการจะไปไม่ได้มีเพียงหนึ่ง
แต่เป็นสามคน
ชายประหลาดที่มาเยือนจวนนายท่านจินก่อนหน้านี้จากไปแล้ว
ยามที่จากไปอารมณ์ดีเหลือเกิน
ยังขอยืมม้าของนายท่านจินอีกด้วย
สัญญาว่าจะส่งคืนให้ครั้งหน้ายามที่กลับมาสร้างวัตถุบางอย่าง
แม้นายท่านจินจะไม่รู้ว่าครั้งหน้าคือเมื่อใดก็ตาม
หลิวรุ่ยอิ่งเตรียมจะพาหวาหนงรวมถึงเสี่ยวจีหลิงจากไปด้วย
ทำให้นายท่านจินหงอยเหงาเล็กน้อย…
เขาไม่สนใจในตัวหลิวรุ่ยอิ่งมากนัก
แต่ทำใจปล่อยเสี่ยวจีหลิงไปไม่ได้อย่างยิ่ง
ทว่าเสี่ยวจีหลิงก็เป็นผู้ที่ไปมาราวกับสายลมเช่นนี้ เปรียบเสมือนกับนกไร้ขา
ไม่มีทางหยุดอยู่ที่ใดนานเกินไปนัก
แต่ก็ไม่มีทางจากไปไกลเกินไปเช่นกัน
เพราะเรื่องนี้ยังห่างไกลจากจุดจบมาก
บ่อยครั้งยามที่เจ้าไม่อยากเห็นเสี่ยวจีหลิงที่สุด เขาก็จะโผล่มาอยู่ตรงหน้าเจ้า
ส่วนหลิวรุ่ยอิ่งกลับรู้สึกเป็นห่วงเจ้าหน้าที่อาคารกรมสอบสวนเมืองหยางเหวินหลายคนที่ยังอาศัยอยู่ร้านขายของชำ ร้านอาหารและร้านขายโลงศพ
เขารู้ทุกสิ่งที่อยากรู้จากนายท่านจินแล้ว
หากอยู่ต่อไปก็มีเพียงดื่มสุราเท่านั้น
น่าเบื่อหน่ายอย่างยิ่ง…
ประจวบกับเดินทางในค่ำคืนที่อากาศยอดเยี่ยมเช่นนี้พอดี
หลังจากหลิวรุ่ยอิ่งกล่าวลานายท่านจินจึงควบม้าจากไปพร้อมกับหวาหนง
ปราศจากการโจมตีของพายุทราย หลิวรุ่ยอิ่งจึงเร่งเดินทาง
ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็มองเห็นร้านขายของชำ ร้านอาหารและร้านขายโลงศพแห่งนั้น
แม้ยามนี้จะเข้าสู่กลางคืนแล้ว
แต่ก็ยังไม่นับว่าดึกเกินไป
แม้เหล่าคนงานใต้เพิงหน้าประตูจะแยกย้ายกันไปนอนแล้ว
แต่ข้างในก็ยังมีแสงไฟอยู่รำไร
หลิวรุ่ยอิ่งลงจากม้าแล้วเดินเข้าไป
มองเห็นเถ้าแก่เนี้ยและเถ้าแก่อ้วนกำลังดื่มสุราอยู่
ทั้งสองอิงแอบแนบชิด รักใคร่ปานจะกลืนกิน
ตอนที่หลิวรุ่ยอิ่งข้ามธรณีประตู เขาทั้งสองกำลังคล้องแขนแลกกันดื่ม
หลิวรุ่ยอิ่งเห็นแล้วอยากจะหัวเราะ
ในใจพลันรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย
บุรุษก็เป็นเช่นนี้
ตอนที่เถ้าแก่เนี้ยยั่วยวนเขาก่อนหน้านี้ แม้ใจจะเต้นแรงบ้าง แต่ก็ยังต้องแสร้งเป็นสุภาพบุรุษนั่งสงบนิ่ง
ตอนนี้เห็นความอ่อนโยนหวานปานน้ำผึ้งของเถ้าแก่เนี้ยและเถ้าแก่อ้วนเช่นนี้ ในใจพลันรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
ความรู้สึกเช่นนี้ไม่นับว่าเป็นการหึงหวง
อย่างน้อยหลิวรุ่ยอิ่งก็ไม่มีทางยอมรับว่าหึงหวงเด็ดขาด
อย่างมากที่สุดมีเพียงกระอักกระอ่วนไปบ้างเท่านั้น
หลิวรุ่ยอิ่งเดินเลียบไปตามผนัง เตรียมตัวขึ้นไปชั้นบนทันที
เขาไม่อยากรบกวนสามีภรรยาคู่นี้ และไม่อยากให้คู่สามีภรรยาพบว่าตนกลับมาแล้ว
ถึงอย่างไรตอนที่เขากำลังจะไป ท่าทีที่เถ้าแก่เนี้ยมีต่อตนช่างเย็นชายิ่งนัก…
ตอนนี้จึงไม่จำเป็นต้องแส่เข้าไปทำเรื่องไม่เหมาะสม
“ไฉนจึงกลับมาเร็วเพียงนี้เล่า”
คิดไม่ถึงว่าเถ้าแก่เนี้ยจะวางจอกสุราและหันไปพูดคุยกับหลิวรุ่ยอิ่ง
นางยังนั่งไขว่ห้างอยู่บนม้านั่ง
เพียงเอี้ยวตัวบิดไปทางหลิวรุ่ยอิ่งเท่านั้น
ทั้งยังมีอากัปกิริยาเช่นนี้ ยิ่งดูมีเสน่ห์น่าหลงใหล
ส่วนเถ้าแก่อ้วนกลับยิ้มซื่อๆ ให้หลิวรุ่ยอิ่ง ถือเป็นการทักทาย
“คืนนี้ด้านนอกไม่มีพายุทราย เดินทางราบรื่นยิ่ง”
หลิวรุ่ยอิ่งกล่าว
ทว่าจงใจตอบไม่ตรงคำถาม
เถ้าแก่เนี้ยถามว่าไฉนเขาจึงกลับมาจากจวนนายท่านจินเร็วเพียงนี้
หลิวรุ่ยอิ่งกลับกล่าวเพียงเมื่อครู่ตนเดินทางรวดเร็วมาก
“ที่จวนพี่ชายข้าไม่ดีหรือ”
เถ้าแก่เนี้ยถามต่อ
จากนั้นดึงม้านั่งข้างกายออกมา
ส่งสัญญาณให้หลิวรุ่ยอิ่งนั่งลงด้วย
“อืม”
หลิวรุ่ยอิ่งคิดครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เดินเข้าไป
เขาให้หวาหนงขึ้นไปดูสถานการณ์ของคนเหล่านั้นก่อน
ทันทีที่เถ้าแก่อ้วนเห็นหลิวรุ่ยอิ่งนั่งลงจึงรีบนำจอกสุรามาให้เขา
หลิวรุ่ยอิ่งมองจอกสุราแล้วยิ้ม
ในใจพลันคิดว่าดูเหมือนอยู่ที่จวนนายท่านจินกับกลับมาก็ไม่ต่างกัน ล้วนดื่มสุราทั้งสิ้น
แต่การดื่มสุราขึ้นอยู่กับว่าดื่มที่ใดและดื่มกับผู้ใด
ไม่รู้เพราะเหตุใด หลิวรุ่ยอิ่งรู้สึกว่าดื่มสุราที่นี่สะดวกใจกว่าดื่มสุราในจวนหรูหราของนายท่านจินมาก
เถ้าแก่เนี้ยรินให้หลิวรุ่ยอิ่งหนึ่งจอกเองกับมือ
หลิวรุ่ยอิ่งยื่นมือออกไปเตรียมล้วงเงิน
ทว่าถูกเถ้าแก่เนี้ยกดข้อมือยั้งไว้
“ข้าเลี้ยงเจ้า!”
เถ้าแก่เนี้ยกล่าว
ไม่เจอกันหลายวัน
เถ้าแก่เนี้ยกลับมากระตือรือร้นดังก่อนหน้านี้และมีน้ำใจมากยิ่งขึ้น
หลิวรุ่ยอิ่งยิ้มพลางพยักหน้า
มีคนเลี้ยงสุราตนไม่ใช่เรื่องดีอย่างยิ่งหรอกหรือ
สตรีมักจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็น รู้จักทิ้งระยะและเข้าใกล้พอเหมาะเป็นเรื่องธรรมดา
แต่หลิวรุ่ยอิ่งกลับคิดไม่ถึง
เป็นเรื่องผิดปกติขนาดไหนกันที่ผู้ที่เอาแต่พูดเรื่องเงิน จู่ๆ ก็กลายเป็นใจกว้างเลี้ยงสุราผู้อื่น
นับตั้งแต่ที่หลิวรุ่ยอิ่งนั่งลงเถ้าแก่อ้วนก็เริ่มกระดกดื่มเอาๆ
เขาใช้ชามดื่ม
เป็นชามก้นลึกแบบเดียวกับที่หลิวรุ่ยอิ่งเห็นที่จวนนายท่านจิน
รินสุราหนึ่งกาลงไปก็ยังไม่เต็มชามด้วยซ้ำ
เถ้าแก่อ้วนยกชามขึ้นมาก็เท่ากับดื่มสุราหนึ่งกาแล้ว
ไม่นานก็ฟุบหลับบนโต๊ะและกรนเสียงดังสนั่น
เถ้าแก่เนี้ยเหยียดเท้าออกไปสะกิดเถ้าแก่อ้วน ทว่าอีกฝ่ายไม่ขยับสักนิด
“เจ้าคนนี้นี่…หลายปีผ่านไปก็ยังไม่ก้าวหน้า!”
เถ้าแก่เนี้ยบ่นเล็กน้อย
“เจ้าจะให้ก้าวหน้าสิ่งใด ความสามารถในการดื่มหรือ”
“แน่นอน! แม้จะกล่าวว่าบุรุษที่ไม่ดื่มสุราและไม่เล่นพนันจะเป็นคนดี แต่บุรุษที่ไม่ดื่มสุราและไม่เล่นพนันไหนเลยจะยังมีความเป็นบุรุษอยู่เล่า”
คำพูดของเถ้าแก่เนี้ยน่าประหลาดใจนัก
วาจานี้ทำเอาหลิวรุ่ยอิ่งตะลึงงัน
“แต่หากบุรุษรู้จักเพียงดื่มสุราเล่นพนันทั้งวี่ทั้งวัน ผู้ที่ทุกข์ระทมที่สุดก็จะเป็นภรรยาของเขา”
เถ้าแก่เนี้ยพลันถอนหายใจอีกหนและพูดเนือยๆ
สตรีหลายคนตกหลุมรักบุรุษผู้หนึ่ง ในตอนแรกอาจเป็นเพราะความรอบรู้ไม่ถือตัวหรือตระกูลร่ำรวยของอีกฝ่าย
แต่หากแต่งงานกับคุณชายดั่งปรารถนาเช่นนั้นจริงๆ
กลับพบว่าเรื่องราวไม่เป็นดั่งที่ปรารถนา…
ความรอบรู้ไม่ถือตัวนั้น ยามที่เชิญชวนมิตรสหายออกไปเมาหัวราน้ำ เจ้าต้องอยู่ในห้องว่างเปล่าเพียงลำพัง
ตระกูลร่ำรวยนั้น เกี้ยวพาราสีไปทั่ว แค่ความริษยาก็เพียงพอที่จะฆ่าคนทั้งเป็นแล้ว…
แต่หากมองหาคนซื่อสัตย์ กลับรู้สึกว่าในอีกสิบปีให้หลังอาจไร้อารมณ์ตื่นเต้นเร้าใจและความหวัง
ทั้งสองสิ่งขัดแย้งกัน หากจะตำหนิก็ต้องตำหนิตนเองที่เรียกร้องมากไป
“เถ้าแก่ก็เป็นบุรุษที่ดีผู้หนึ่งไม่ใช่หรือ”
หลิวรุ่ยอิ่งกล่าว
“เขาก็ไม่เลว…เพียงแต่คออ่อนเกินไป”
เถ้าแก่เนี้ยกล่าวพลางส่ายศีรษะ
ลากหลิวรุ่ยอิ่งเดินไปนั่งที่โต๊ะด้านข้างแทน
เนื่องจากเสียงกรนของเถ้าแก่อ้วนดังเกินไปจริงๆ…
ทั้งสองหันหน้าเข้าหากันแท้ๆ แต่กลับได้ยินเสียงพูดกันและกันไม่ชัดเจน
“นายท่านจินเป็นพี่ชายแท้ๆ ของเจ้าหรือ”
หลิวรุ่ยอิ่งเอ่ยถาม
“หากกล่าวว่าเป็นพี่ชาย ข้าจะต้องอยู่อาศัยในจวนของเขา จะจากมาได้อย่างไรเล่า”
เถ้าแก่เนี้ยกล่าว
หลิวรุ่ยอิ่งพยักหน้า
แม้ว่าสองพี่น้องจะรูปร่างหน้าตาแตกต่างกันมาก
แต่คอแข็งสุดยอดทั้งคู่
ยิ่งกว่านั้นเดิมทีมนุษย์ก็เป็นเช่นนี้
ยิ่งเป็นสหายคนสนิทเท่าใด ก็จะเหิมเกริมไร้ความเกรงใจมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อเกลียดชังญาติสนิทของตน ย่อมเคียดแค้นยิ่งกว่าศัตรูสามเท่า
อันที่จริงหลิวรุ่ยอิ่งอยากถามเรื่องเถ้าแก่เนี้ยกับนายท่านจิน แต่ก็รู้สึกว่าค่อนข้างล่วงเกินไปหน่อย
ทุกคนต่างมีอดีตของตนเองทั้งสิ้น
เกิดขึ้นไปแล้วก็คือเกิดขึ้นไปแล้ว
ชั่วชีวิตนี้ไม่ต้องการเอ่ยถึงมันอีก
ผู้อื่นถามยังพอฝืนใจพูดได้
แต่จะเป็นการทรยศค่ำคืนแสนสุขที่ได้มาอย่างยากลำบากนี้
“พี่ชายข้าเป็นอย่างไรบ้าง”
เถ้าแก่เนี้ยถามหลังจากดื่มอยู่เงียบๆ ครู่หนึ่ง
“ข้าไม่รู้ว่าในอดีตเขาเป็นอย่างไร แต่ยามที่ข้าได้พบเขานั้นดีมากทีเดียว เพียงแต่มีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้น”
หลิวรุ่ยอิ่งกล่าว
“เรื่องใดหรือ”
เถ้าแก่เนี้ยถามด้วยสีหน้าจริงจัง
แม้ว่าสองพี่น้องจะเหินห่างและบาดหมางกัน
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าลึกๆ ในใจยังคงเป็นห่วงซึ่งกันและกันอยู่วันยังค่ำ
“จินซื่ออวี่บุตรบุญธรรมของเขาตายแล้ว”
หลิวรุ่ยอิ่งกล่าว
จากนั้นก็เล่าการตายรวมถึงเรื่องชายประหลาดให้เถ้าแก่เนี้ยฟัง
ไม่ใช่ว่าเขาหวังดี
แต่เขาต้องการสังเกตปฏิกิริยาของเถ้าแก่เนี้ย
บางครั้งการตอบสนองอย่างตรงไปตรงมาและละเอียดอ่อนที่สุดของมนุษย์สามารถเปิดเผยสิ่งต่างๆ มากมายโดยไม่รู้ตัว
“อ้อ…”
คิดไม่ถึงว่าหลังจากเถ้าแก่เนี้ยได้ยินกลับตอบรับเบาๆ เท่านั้น
ไม่กล่าวให้มากความ
ทำให้หลิวรุ่ยอิ่งสงสัยว่าเถ้าแก่เนี้ยรู้จักจินซื่ออวี่นายน้อยของจวนนายท่านจินผู้นี้หรือไม่
“พี่ชายข้าน่าจะรู้สึกหวาดกลัวมากจึงจะถูก”
เถ้าแก่เนี้ยพลันกล่าวพลางหัวเราะอีกครั้ง
ดูเหมือนเรื่องที่พี่ชายของนางพบเจอเรื่องไม่ดีจะทำให้นางมีความสุขขึ้นมา
“แม้พี่ชายเจ้าจะไม่เปลี่ยนสีหน้า ใช้ชีวิตตามปกติ แต่ก็มองออกว่าเขารักบุตรบุญธรรมของตนมาก”
หลิวรุ่ยอิ่งหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวในตอนนั้นออกมาวางบนโต๊ะแล้วกล่าว
“วางสิ่งหนึ่งไว้ตรงหน้าเจ้าเป็นเวลานานย่อมทำให้เจ้าเกิดความรู้สึกบางอย่าง มนุษย์ก็เช่นกัน แต่สุดท้ายแล้วบุตรบุญธรรมก็หาใช่บุตรชายแท้ๆ ไม่”
เถ้าแก่เนี้ยกล่าว
“ดูเหมือนนายท่านจินจะไม่มีทายาท”
หลิวรุ่ยอิ่งกล่าว
เป็นการหยั่งเชิงและต้องการถามเรื่องราวเกี่ยวกับนายท่านจินอีกเล็กน้อย
“มี เพียงแต่ตายแล้ว”
เถ้าแก่เนี้ยกล่าว
“ตายอย่างไรหรือ”
หลิวรุ่ยอิ่งเอ่ยถาม
“เขาแต่งงานมาทั้งหมดสี่ครั้ง ภรรยาทั้งสี่คนต่างตายขณะคลอด หนึ่งศพสองชีวิต”
เถ้าแก่เนี้ยกล่าว
หลิวรุ่ยอิ่งไม่รู้ว่าควรจะพูดสิ่งใด
สำหรับคนผู้หนึ่งเหตุการณ์เช่นนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก…
แต่เรื่องเคราะห์ร้ายเช่นนี้จะเกิดขึ้นในโลกได้อย่างไร