ตอนที่ 1219 ออกเดินทางเดี๋ยวนี้
ตอนที่เขาได้รับรายงานว่าไป๋ชิงเหยียนถูกล้อมไว้ในเมืองเจียงจือและรีบนำทัพมาช่วยเหลือโดยไม่สนสิ่งใดทั้งสิ้นเขาก็รู้แล้วว่าพวกเขาไม่เหมือนกัน
“ข้าต้องไปแล้ว…” เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวเสียงเบา
“บาดแผลบนตัวท่านเพิ่งได้รับการทำแผลใหม่…”
“ข้าต้องไปยึดอวิ๋นจิงให้ต้าเยี่ยน ข้าติดค้างต้าเยี่ยนอยู่”
แววตาของเซียวหรงเหยี่ยนมีทั้งความอบอุ่นและสงบนิ่ง เขาตัดความสัมพันธ์ส่วนตัวออกไม่ได้จึงนำทัพของต้าเยี่ยนที่เดิมทีต้องมุ่งหน้าไปโจมตีเมืองอวิ๋นจิงมาช่วยเหลือไป๋ชิงเหยียนที่เจียงจือ
ตอนนี้เขาจำเป็นต้องกลับไปยังสนามรบ ต้องยึดเมืองอวิ๋นจิงชดเชยให้ต้าเยี่ยนให้ได้
มิเช่นนั้นหากเรื่องนี้รู้ไปถึงหูพี่สะใภ้ของเขาไม่รู้ว่านางจะคิดเช่นไร นางคงทำเรื่องให้อาลี่ลำบากใจที่ต้องเป็นคนกลางระหว่างเขากับพี่สะใภ้อีกแน่นอน
“อาเป่า ข้าไม่อยากบังคับฝืนใจเจ้า ทว่า หากครั้งหน้าพบเจออันตรายอีก หากไม่ทำเพื่อข้า ไม่ทำเพื่อลูกในท้องที่ยังไม่ลืมตามาดูโลกของพวกเรา เจ้าก็ควรคิดถึงท่านแม่ อาสะใภ้และบรรดาน้องๆ ของเจ้าบ้าง หากพวกเขารู้ว่าเจ้าไม่ยอมจุดควันส่งสัญญาณเพราะต้องการให้พวกเขาบุกโจมตีเมืองอวิ๋นจิงโดยไม่มีความกังวลแล้วเมืองเจียงจือถูกตีแตกขึ้นมา เจ้าคิดว่าพวกเขาจะเสียใจไปตลอดชีวิตหรือไม่”
น้ำเสียงของเซียวหรงเหยี่ยนอ่อนโยนมาก อ่อนโยนกว่าทุกครั้งที่ไป๋ชิงเหยียนเคยได้ยิน ทว่า หญิงสาวกลับรู้สึกเจ็บปวดและเสียใจมากกว่าเดิม
นางรู้ดีว่าภายใต้รอยยิ้มของเซียวหรงเหยี่ยนเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย
“ข้าไม่ได้ไม่สนใจท่านและลูกในท้องของพวกเรา…”
“เช่นนั้นตอนที่เจ้าตัดสินใจไม่ยอมส่งสัญญาณควันขอความช่วยเหลือเจ้าคิดสิ่งใดอยู่กันแน่!” เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวยิ้มๆ “เจ้ากำลังคิดว่าจะไม่ยอมให้ทัพเสริมที่ด่านเย่เฉิงมาช่วยเหลือเพราะกลัวแม่ทัพชราชุยดักโจมตีพวกเขาจนต้องสูญเสียด่านเย่เฉิงไป! จากนั้นเจ้าจะไม่มีเส้นทางส่งเสบียงไปให้กองทัพหลักของต้าโจวของบรรดาน้องของเจ้า เจ้าต้องการยึดเมืองหลวงของอวิ๋นจิงให้ได้เพื่อความมั่นคงในการต่อสู้ด้วยระบอบการปกครองของพวกเราสองแคว้นใช่หรือไม่”
“อาเป่า…” เซียวหรงเหยี่ยนลูบริมฝีปากของไป๋ชิงเหยียนที่ถูกเขาจูบจนบวมเจ่อเบาๆ “เจ้าเคยคิดแม้แต่ครู่เดียวหรือไม่ว่าเจ้ากำลังตั้งท้องลูกของพวกเราอยู่ เจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าหากเจ้าและลูกเป็นอันใดไปข้าคงมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้เช่นกัน”
ไป๋ชิงเหยียนเม้มปากแน่น ขอบตาของนางร้อนผ่าวขึ้นทันที เพราะเหตุนี้เซียวหรงเหยี่ยนจึงย้อนกลับมาที่เมืองเจียงจือโดยไม่สนสิ่งใดทั้งสิ้นใช่หรือไม่
ไม่รู้ว่าไป๋ชิงเหยียนมีความสำคัญในหัวใจของเซียวหรงเหยี่ยนมากมายเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อใด
“ข้าเคยคิดแล้วอาเป่า” ใบหน้าของเซียวหรงเหยี่ยนเต็มไปด้วยความอ่อนล้าอย่างปกปิดไม่มิด “ข้าเคยคิดว่าหากข้าตายไปเจ้าคงเจ็บปวดมาก บางทีเจ้าอาจเสียใจจนลืมข้าไม่ได้ตลอดชีวิต ทว่า เจ้าจะรวบรวมสติสานต่อปณิธานที่เจ้าต้องการทำให้สำเร็จต่อให้ได้ ทว่า ข้าจะพยายามไม่ให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายจนเจ้าต้องเป็นกังวลหรือเสียใจ ส่วนเจ้าเล่าอาเป่า”
เมื่อไม่ได้ยินคำตอบของไป๋ชิงเหยียนเซียวหรงเหยี่ยนจึงถอนหายใจออกมาเบาๆ “เรื่องนี้ข้าสู้เจ้าไม่ได้จริงๆ”
พี่สะใภ้ของเขาเคยบอกว่าเป็นห่วงเขา เพราะจีโฮ่วให้ความสำคัญกับความรักมาก เขาคือบุตรชายของจีโฮ่วดังนั้นพี่สะใภ้จึงเป็นห่วงเขา กลัวว่าสุดท้ายแล้วเขาจะทำลายตัวเองและแคว้นต้าเยี่ยนทั้งแคว้นเพียงเพราะคำว่า ‘รัก’ นางกลัวว่าไป๋ชิงเหยียนจะกลายเป็นคนเช่นเดียวกันจักรพรรดิต้าเยี่ยนผู้เป็นบิดาของเขา
เขาไม่คิดว่าไป๋ชิงเหยียนจะกลายเป็นเหมือนจักรพรรดิต้าเยี่ยนผู้เป็นบิดาของเขา ทว่า เขาไม่รู้ว่าเขาจะกลายเป็นคนเช่นเดียวกับมารดาหรือไม่…
ทว่า ตอนนี้เขารู้แล้ว…
“อาเหยี่ยน ข้ามั่นใจว่าควบคุมได้” ไป๋ชิงเหยียนจับมือของเซียวหรงเหยี่ยนไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง “ทว่า เกิดข้อผิดพลาดขึ้นเล็กน้อย แม่ทัพชราชุยส่งคนไปปล้นเสบียงอาหารที่เมืองไป๋หลง แต่ข้าสั่งให้แม่ทัพคุ้มกันเมืองไป๋หลงโจมตีกองทัพซีเหลียงแล้ว จากนั้นค่อยยกทัพมาช่วยเหลือข้าที่เมืองเจียงจือ เมื่อแม่ทัพชราชุยได้ข่าวว่ากองทัพเสริมจากด่านเย่เฉิงจะเดินทางมาช่วยเหลือข้า เขาต้องส่งกองทัพส่วนหนึ่งไปดักซุ่มโจมตีทัพเสริมแน่…”
ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้ามองเซียวหรงเหยี่ยน “ทว่า ซีเหลียงบุกโจมตีก่อนเวลาที่ข้าคาดการณ์ไว้…”
“หากข้าไม่มาเจ้าจะจุดควันส่งสัญญาณหรือไม่” เซียวหรงเหยี่ยนถาม
ไป๋ชิงเหยียนเม้มปากแน่น…
“หากจุดควันส่งสัญญาณ เมืองอื่นจะรู้ว่าเมืองเจียงจือต้องการความช่วยเหลือ พวกเขาต้องส่งข่าวไปบอกให้กองทัพหลักของต้าโจวที่ด่านหน้ารับรู้ เช่นนั้นจะส่งผลกระทบถึงน้องๆ ของเจ้า…” เซียวหรงเหยี่ยนมองหน้าไป๋ชิงเหยียน “อาเป่า เจ้าจะจุดควันส่งสัญญาณหรือไม่ เจ้าโกหกไม่เก่ง…”
ไป๋ชิงเหยียนไม่ตอบ
“เจ้าทำสงครามมานานเท่าใดแล้ว เจ้าไม่รู้หรือว่าในสนามรบไม่มีสิ่งใดตรงตามการคาดการณ์แน่นอน ขอเพียงมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยสถานการณ์ก็จะเปลี่ยนไปทันที ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเอง…” เซียวหรงเหยี่ยนมองไปที่ท้องของไป๋ชิงเหยียน “และลูกในท้องของพวกเราเลย!”
เซียวหรงเหยี่ยนมองไปที่ท้องของไป๋ชิงเหยียน เขาเคยคิดซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายครั้งว่าหากหมอทุกคนไม่ได้กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าไป๋ชิงเหยียนตั้งท้องไม่ได้ ตอนนั้นหญิงสาวจะเผลอใจไปกับเขาเช่นนั้นหรือไม่
คำตอบแน่นอนอยู่แล้วว่าไป๋ชิงเหยียนไม่มีทางทำเช่นนั้น…
เด็กคนนี้อยู่เหนือความคาดหมายของทุกคน ทว่า ในเมื่อเขามาเกิดในท้องของไป๋ชิงเหยียนแล้วหญิงสาวจะดูแลเด็กคนนี้อย่างดีที่สุด ทว่า ในใจของหญิงสาวเด็กคนนี้คงสำคัญสู้ตระกูลไป๋และแคว้นต้าโจวไม่ได้
เซียวหรงเหยี่ยนไม่ปฏิเสธว่าไป๋ชิงเหยียนรักเขาและลูกเหมือนกัน ทว่า พวกเขาไม่ได้สำคัญสำหรับหญิงสาวถึงขนาดนั้น
เซียวหรงเหยี่ยนจับปอยผมของหญิงสาวไปทัดด้านหลังใบหู “อาเป่า ข้าสามารถโหดร้ายกับผู้อื่นได้ เจ้าก็เช่นเดียวกัน แม้พวกเราจะโหดร้ายเหมือนกัน ทว่า เราแตกต่างกันอยู่ดี”
ไป๋ชิงเหยียนส่ายหน้า
“ทว่า เป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน…” เซียวหรงเหยี่ยนยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย จากนั้นประทับจูบที่ริมฝีปากของไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง ใบหน้าคมคายของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความอ่อนโยน “เป็นเช่นนี้หากข้าตายไปข้าจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้ามากนัก!”
เมื่อไป๋ชิงเหยียนได้ยินคำว่าตายออกมาจากปากของเซียวหรงเหยี่ยนอย่างง่ายดายสมองของหญิงสาวขาวโพลนทันที นางบีบแขนของเซียวหรงเหยี่ยนแน่น น้ำตาไหลพรากไม่ขาดสาย “อาเหยี่ยน ท่านอย่ากล่าวเช่นนี้!”
“อย่าร้องไห้อาเป่า” เซียวหรงเหยี่ยนใช้นิ้วมือปาดน้ำตาของไป๋ชิงเหยียนทิ้ง เมื่อเห็นว่าเช็ดไม่หมดจึงจูบลงที่เปลือกตาของหญิงสาวเบาๆ “ข้าไม่กล่าวแล้ว ต่อไปข้าจะไม่กล่าวเช่นนี้อีก หยุดร้องไห้เถิด”
ไป๋ชิงเหยียนเอื้อมมือโอบรอบคอของเซียวหรงเหยี่ยนแน่น “ท่านคือสามีของข้า เหตุใดข้าจะไม่สนใจท่าน ไม่สนใจลูกของพวกเรา!”
เซียวหรงเหยี่ยนลูบหลังไป๋ชิงเหยียนอย่างแผ่วเบา “ข้าไม่ดีเอง ข้าจะไม่กล่าวเช่นนี้อีก เอาเถิด ข้าต้องไปแล้ว…”
“ทว่า ท่านได้รับบาดเจ็บหนัก…”
“หากเจ้าเป็นคนได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ เจ้าจะไม่ออกเดินทางตอนนี้เพื่อต้าโจวอย่างนั้นหรือ”
เมื่อรู้ว่าห้ามเซียวหรงเหยี่ยนไม่ได้ไป๋ชิงเหยียนจึงปล่อยแขนออกจากลำคอของชายหนุ่ม จากนั้นจับมือของเขาเอาไว้ “ยาต้มเสร็จแล้ว ท่านทานก่อนค่อยออกเดินทาง พาหมอทหารไปด้วย เขาถนัดรักษาบาดแผลเช่นนี้มาก”
ตอนที่ 1217 ลำบากแล้ว
แม้ซากศพนอกเมืองเจียงจือจะถูกเก็บกวาดเรียบร้อยภายในหนึ่งคืน ทว่า ต้าโจวไม่สามารถกำจัดกลิ่นคาวเลือดที่ลอยเข้าไปในเมืองและดินที่เปื้อนเลือดนอกเมืองเจียงจือได้ ตอนนี้นอกเมืองยังเต็มไปด้วยสีแดงคล้ำเป็นจุดๆ
หลิ่วผิงเกาและตู้ซานเป่าพากองทัพต้าโจวและต้าเยี่ยนขี่ม้ามุ่งหน้าไปทางเมืองเจียงจือท่ามกลางแสงอรุณแรกของวันที่สาดส่องขึ้นทางทิศตะวันออกของท้องฟ้า ด้านหลังของกองทัพต้าโจวและต้าเยี่ยนคือทหารเชลยของซีเหลียง
ทหารหน่วยลาดตระเวนบนกำแพงเมืองมองเห็นธงของแคว้นต้าโจวและต้าเยี่ยนจึงตะโกนขึ้นเสียงดังลั่น “กลับมาแล้ว…ท่านแม่ทัพและกองทัพเสริมของต้าเยี่ยนกลับมาแล้ว! พวกเขาจับเชลยกลับมาด้วย!”
ทหารต้าโจวมองไปทางเบื้องหน้าพลางตะโกนโห่ร้องด้วยความดีใจ พวกเขาหวังว่าหลิ่วผิงเกาและตู้ซานเป่าจะสามารถจับเป็นแม่ทัพชราชุยซานจงกลับมาได้ เช่นนี้จึงจะทำให้กองทัพซีเหลียงเสียขวัญ เมื่อข่าวนี้ส่งไปถึงด่านหน้ากองทัพต้าโจวของพวกเขาต้องมีกำลังใจต่อสู้มากกว่าเดิมแน่นอน
ตู้ซานเป่าใช้ผ้าหยาบพันบาดแผลที่แขนของตัวเองไว้อย่างลวกๆ บริเวณด้านหน้าเสื้อเกราะมีลูกธนูที่ถูกหักออกไปครึ่งหนึ่งปักอยู่
แม้ตู้ซานเป่าจะไม่ได้รับบาดเจ็บหนัก ทว่า เขาได้รับบาดเจ็บที่ผิวหนังหลายแห่ง เขาก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกผิดและหงุดหงิดใจ
เดิมทีเขาอยากจับแม่ทัพชราชุยซานจงกลับมาเพื่อสร้างความดีความชอบชดเชยความผิดที่ทำไป ทว่า สุดท้ายก็จับไม่ได้ ตอนนี้เขายังไม่รู้เลยว่าควรเผชิญหน้ากับฝ่าบาทเช่นไร
หลิ่วผิงเกาหันไปใช้แส้ม้าเคาะลงบนหมวกของตู้ซานเป่าซึ่งอยู่ทางด้านหลังเขาพลางเอ็ดเขาเบาๆ “ตั้งสติหน่อย!”
ตู้ซานเป่าขยับหมวกเกราะที่ถูกหลิ่วผิงเกาเคาะให้เข้าที่อยู่บนหลังม้า เขาไม่ได้สนใจคำกล่าวของหลิ่วผิงเกาแม้แต่น้อย
ครั้งนี้ตู้ซานเป่าพาทหารออกไปโจมตีค่ายทหารของซีเหลียงโดยพลการจนซีเหลียงยกทัพบุกมาโจมตีต้าโจวก่อนเวลาที่กำหนด ตู้ซานเป่ารู้สึกเข็ดแล้วจริงๆ
ต่อไปต่อให้มีคนยุให้เขาทำสิ่งใดโดยพลการเขาก็คงไม่กล้าอีกแล้ว
ทุกครั้งที่เขาทำสิ่งใดลงไปโดยพลการแล้วรายงานแม่ทัพหวังสี่ผิงในภายหลังล้วนไม่เคยเกิดปัญหามาก่อน แม่ทัพหวังสี่ผิงจึงไม่เคยลงโทษตู้ซานเป่าสักครั้ง ทว่า กลับชื่นชอบในตัวทหารกล้าอย่างเขามาก แม่ทัพหวังสี่ผิงคอยถือหางตู้ซานเป่ามาโดยตลอดเขาจึงกลายเป็นคนมีนิสัยทำสิ่งใดไม่คิดเช่นนี้
หลิ่วผิงเกาลดความเร็วม้าลงเล็กน้อยเพื่อขี่ม้าเคียงคู่ไปกับตู้ซานเป่า จากนั้นกล่าวขึ้น “กลับไปข้าจะช่วยขอร้องแทนเจ้า จะส่งเจ้าไปยังด่านหน้าเพื่อให้เจ้ามีโอกาสสร้างความดีความชอบชดเชยความผิดที่ทำลงไป ต่อไปห้ามทำสิ่งใดโดยพลการเช่นนี้อีกเข้าใจหรือไม่!”
เมื่อตู้ซานเป่าได้ยินว่าจะถูกส่งไปยังด่านหน้าจึงรีบรับคำทันที “ขอรับ!”
“พวกเรารบชนะกลับมา ทหารทุกคนกำลังดีใจ เจ้าอย่ามัวก้มหน้าทำหน้าเศร้าสร้อยเช่นนี้” หลิ่วผิงเกาเห็นตู้ซานเป่าอารมณ์ดีจนเคยชินแล้ว เมื่อเขาทำหน้าราวกับแบกโลกไว้ทั้งใบเช่นนี้จึงไม่ชิน “ผู้อื่นไม่รู้จะคิดว่าพวกเรารบพ่ายแพ้ได้”
ตู้ซานเป่ากำบังเหียนม้าแน่นพลางกล่าวขึ้น “เดี๋ยวข้าจะไปคุกเข่าขอขมาฝ่าบาท ท่านแม่ทัพหลิ่วต้องช่วยขอร้องแทนข้านะขอรับ”
“ไปทำแผลที่ค่ายทหารก่อน ฝ่าบาทไม่ชอบทอดพระเนตรเห็นพวกเราบาดเจ็บที่สุด” หลิ่วผิงเกากล่าวกับตู้ซานเป่า “เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าจะช่วยขอร้องแทนเจ้าแน่นอน”
ประตูเมืองอยู่ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ตู้ซานเป่าพยายามรวบรวมสติขี่ม้าเข้าไปในเมืองพร้อมกับหลิ่วผิงเกาและกองทัพต้าเยี่ยน
ทหารและชาวบ้านในเมืองโห่ร้องด้วยความดีใจที่พวกเขารบชนะทำให้ทุกคนในเมืองรอดพ้นจากหายนะในครั้งนี้
เมื่อเห็นแม่ทัพหวังจินและทหารโบกมือให้พวกเขาอยู่บนกำแพงเมืองตู้ซานเป่าจึงคลี่ยิ้มออกมา เขาโบกมือตอบพวกหวังจิน ทว่า กระตุกโดนแผลของตัวเองจึงต้องสูดปากด้วยความเจ็บปวด
พระอาทิตย์ค่อยๆ โผล่ขึ้นจากขอบฟ้า แสงสีทองส่องกระทบหลังคากระเบื้องสีดำจนเปล่งประกาย แสงแดดกระจายไปยังกำแพงเมืองทิศตะวันตก ไม่นานเสาเคลือบน้ำมันสีแดง กระเบื้องและหน้าต่างแกะสลักในเมืองต่างเปล่งประกายเป็นสีทองอร่าม
แสงแดดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องจนมองเห็นเศษฝุ่นลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ แสงส่องผ่านเตียงไม้แกะสลักงดงามกระทบลงบนหน้าผากและดวงตาของหญิงสาวที่กำลังนั่งหลับอยู่บนที่วางเท้าไม้ข้างเตียง
เมื่อดวงตาสัมผัสถูกแสงขนตาของไป๋ชิงเหยียนจึงกะพริบเล็กน้อย นางอยากลืมตาขึ้น ทว่า ดวงตาของนางหนักอึ้งจนแทบลืมไม่ไหว นางเหมือนจะเห็นเซียวหรงเหยี่ยนในความฝันที่เลือนรางจึงรีบลืมตาตื่นขึ้นทันที เมื่อได้สติก็รีบเอื้อมมือไปแตะที่หน้าผากของเซียวหรงเหยี่ยน
ตัวของชายหนุ่มไม่ได้ร้อนเหมือนเมื่อคืนอีกแล้ว ในที่สุดไข้ก็ลดลงเสียที
ไป๋ชิงเหยียนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ตอนนี้จึงเพิ่งรู้สึกว่านางนั่งอยู่เช่นนี้ทั้งคืนจนขาชาไปหมดแล้ว
ไป๋ชิงเหยียนใช้สองมือจับขอบเตียงพลางเอ่ยเรียก “ชุนจือ…”
เว่ยจงที่เฝ้าอยู่นอกห้องรีบเดินเข้ามาด้านใน “ฝ่าบาท แม่นางชุนจือเฝ้าฝ่าบาทมาทั้งคืนแล้วเพิ่งกลับไปพักผ่อนพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทมีสิ่งใดจะรับสั่งหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“ขาของข้าชาหมดแล้ว ช่วยประคองข้าลุกขึ้นที…” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว
ตอนนี้ท้องของไป๋ชิงเหยียนใหญ่ขึ้นมากแล้ว นางไม่กล้าประมาทลุกขึ้นเอง
เว่ยจงได้ยินจึงเดินอ้อมฉากกั้นเข้ามาด้านใน เขาแหวกม่านเดินเข้าไปช่วยประคองไป๋ชิงเหยียนลุกขึ้น จากนั้นกล่าว “ฝ่าบาทจะเสวยน้ำแกงไก่สักนิดหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ บ่าวให้โรงครัวอุ่นรอไว้ตลอด บ่าวจะนำมาป้อนท่านอ๋องเก้าด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
เว่ยจงไม่ได้บอกว่าเยว่สือมารอปรนนิบัติเซียวหรงเหยี่ยนที่เรือนตั้งแต่เช้า ทว่า ถูกเขาเกลี้ยกล่อมให้กลับไปแล้ว ตอนนี้ทุกคนต่างรู้ว่าอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนพักอยู่ที่เรือนติดกับไป๋ชิงเหยียน หากเยว่สืออยู่ที่นี่อาจทำให้ผู้อื่นจับพิรุธได้
เยว่สือเห็นด้วยกับคำกล่าวของเว่ยจงจึงเดินก้มหน้ากลับไปยังเรือนของตัวเองทันที
ไป๋ชิงเหยียนกำลังจะเอ่ยบอกว่าป้อนเซียวหรงเหยี่ยนคนเดียวก็พอก็รู้สึกว่าเด็กในท้องดิ้นเล็กน้อย หญิงสาวก้มหน้าลูบหน้าท้องของตัวเองเบาๆ พลางพยักหน้า “ได้ พวกหลิ่วผิงเกากลับมาแล้วหรือไม่”
“เพิ่งกลับเข้ามาในเมืองพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาจับเชลยซีเหลียงได้ไม่น้อย ทว่า จับแม่ทัพชราชุยซานจงกลับมาไม่ได้ แม่ทัพหลิ่วจะมารายงานรายละเอียดให้ฝ่าบาททราบเมื่อฝ่าบาทตื่นบรรทมพ่ะย่ะค่ะ กองทัพต้าเยี่ยนได้รับการดูแลอย่างดี ฝ่าบาทไม่ต้องเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ” เว่ยจงกล่าวจบจึงกล่าวต่อ “เมื่อคืนไป๋หลงส่งเสบียงอาหารมาให้พวกเราแล้ว ทว่า ฝ่าบาทบรรทมไปแล้วองครักษ์ไป๋จึงไปสำรวจความถูกต้องด้วยตัวเอง ตอนนี้บันทึกอยู่กับแม่นางชุนจือพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “บนโต๊ะมีจดหมายอยู่ฉบับหนึ่ง เจ้าให้คนนำไปให้อาอวี๋ที่ด่านหน้าที มีบันทึกสรุปการมอบรางวัลให้ทุกคนที่มีความดีความชอบในการคุ้มกันเมืองครั้งนี้วางอยู่ด้วย แม่ทัพหลิ่วเป็นคนลงโทษตู้ซานเป่าที่นำทหารบุกออกไปโจมตีค่ายทหารของซีเหลียงโดยพลการด้วยตัวเอง”
“พ่ะย่ะค่ะ” เว่ยจงพยักหน้า “บ่าวจะไปสั่งให้คนยกน้ำอุ่นเข้ามาปรนนิบัติฝ่าบาทก่อน จากนั้นค่อยตามหมอทหารมาตรวจอาการของท่านอ๋องเก้าพ่ะย่ะค่ะ”
“ได้” ไป๋ชิงเหยียนหันไปมองเซียวหรงเหยี่ยนที่ยังสลบอยู่แวบหนึ่ง
ไม่นานบ่าวรับใช้จึงทยอยถือกะละมังน้ำอุ่นและอุปกรณ์อาบน้ำเข้ามาให้ไป๋ชิงเหยียนล้างหน้าแปรงฟัน จากนั้นเดินออกไปทันทีโดยไม่ถามว่าเหตุใดวันนี้ฝ่าบาทจึงไม่ให้พวกนางอยู่ปรนนิบัติ
หมอทหารรู้ดีว่าไป๋ชิงเหยียนเป็นห่วงเซียวหรงเหยี่ยนจึงเตรียมตัวเสร็จนานแล้ว เมื่อเว่ยจงให้คนมาตามเขาจึงแบกกล่องยาออกไปทันที
เมื่อตรวจชีพจรเสร็จแล้วพบว่าไข้ของเซียวหรงเหยี่ยนลดลงเร็วถึงเพียงนี้หมอทหารจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เขาทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนพลางกล่าวขึ้น “ฝ่าบาทไม่ต้องเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ ไข้ลดลงแล้ว ขอเพียงท่านอ๋องเก้าทานยาตามกำหนดก็ไม่มีสิ่งใดน่ากังวลอีกพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ลำบากเจ้าแล้ว”
