ตอนที่ 1220 ขอร้อง
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวต่อโดยไม่ปล่อยให้เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวสิ่งใดขึ้นอีก
“ท่านห้ามปฏิเสธ มีหมอทหารติดตามไปด้วยข้าจะได้สบายใจ ข้ากับลูก…จะรอท่านกลับมา”
ไม่นานเว่ยจงจึงถือยาเข้ามาด้านใน เซียวหรงเหยี่ยนมองไป๋ชิงเหยียนนิ่งแวบหนึ่งแล้วรับถ้วยยามาดื่มจนหมดด้วยมือข้างเดียว จากนั้นใส่หน้ากากบนใบหน้าให้เรียบร้อย
เซียวหรงเหยี่ยนเดินออกมาจากเรือนของไป๋ชิงเหยียนก็เห็นบรรดาแม่ทัพต้าเยี่ยนยืนอยู่หน้าประตูเรือนติดกัน
เมื่อเห็นเซียวหรงเหยี่ยนเดินออกมาแม่ทัพต้าเยี่ยนต่างกรูกันเข้ามาถามอาการบาดเจ็บของเซียวหรงเหยี่ยนทันที
ไป๋ชิงเหยียนยืนฟังสิ่งที่เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวกับบรรดาแม่ทัพต้าเยี่ยนอยู่ในเรือนของตัวเอง
“มิเป็นอันใดแล้ว…”
“ท่านอ๋อง กระหม่อมได้ยินว่าแม่ทัพหวังที่สนิทสนมกับแม่ทัพซ่งรายงานเรื่องที่ท่านอ๋องนำทัพมาช่วยเหลือจักรพรรดินีแห่งต้าโจวโดยพลการที่เมืองเจียงจือกลับไปยังเมืองหลวงของต้าเยี่ยนแล้วพ่ะย่ะค่ะ เขาต้องการให้ไทเฮาและฝ่าบาทยึดอำนาจทางทหารของท่านอ๋องคืน หากไทเฮาทราบเรื่องนี้ต้องลงโทษท่านอ๋องอย่างหนักแน่นอน ท่านอ๋องรีบเขียนจดหมายกลับไปรายงานเถิดพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะรีบให้คนส่งไปยังเมืองหลวงโดยเร็วที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”
แม่ทัพติดตามเซียวหรงเหยี่ยนร้อนใจมาก
ไทเฮาเป็นคนหูเบา ตอนนี้อ๋องเก้าไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง หากไทเฮาถูกหลอกใช้ขึ้นมาต้าเยี่ยนของพวกเขาคงหมดหวังที่จะรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งแน่
“ข้ารู้แล้ว” เซียวหรงเหยี่ยนรับคำ จากนั้นสั่งต่อ
“พวกเจ้ารีบไปจัดทัพ พวกเราจะออกเดินทางไปยังกู่เฟิงเดี๋ยวนี้”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
บรรดาแม่ทัพต้าเยี่ยนรับคำแล้วจากไปทันที
เยว่สือถลาไปด้านหน้า เขามองไปทางเซียวหรงเหยี่ยนอย่างเป็นห่วงและรู้สึกผิด
“นายท่าน…”
เซียวหรงเหยี่ยนเอื้อมมือลูบศีรษะของเยว่สือเบาๆ “ไปเถิด”
“อ๋องเก้าโปรดรอสักครู่” ไป๋ชิงเหยียนเดินออกมาจากเรือน
เซียวหรงเหยี่ยนหันกลับไปมอง เยว่สือทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนอย่างนอบน้อม “ฝ่าบาท…”
ไป๋ชิงเหยียนหันไปรับกล่องยามาจากมือของเว่ยจง จากนั้นเดินไปหยุดอยู่หน้าชายหนุ่ม
“ในกล่องยามียารักษาแผลที่ท่านหมอหงคิดค้นขึ้นเองอยู่หลายชนิด มันใช้ได้ผลกับแผลธนูมาก ท่านอ๋องโปรดนำติดตัวไปด้วยเถิด”
เยว่สือก้าวเข้าไปรับกล่องยามาแทนเซียวหรงเหยี่ยน จากนั้นทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนอีกครั้งแล้วถอยไปยืนอยู่ด้านหลังเซียวหรงเหยี่ยน
“ข้าจะไปส่งท่านอ๋องเก้า…” ไป๋ชิงเหยียนผายมือเชิญเซียวหรงเหยี่ยน
เซียวหรงเหยี่ยนพยักหน้า จากนั้นเดินเอามือไขว้หลังนำอยู่ด้านหน้าสุด
เยว่สือและเว่ยจงพยายามกันองครักษ์ของไป๋ชิงเหยียนและเซียวหรงเหยี่ยนให้ทิ้งห่างระยะพอสมควร
“อาเหยี่ยน ข้าไม่ได้ไม่ใส่ใจท่านและลูกอย่างที่ท่านคิด”
ไป๋ชิงเหยียนเดินไปด้านหน้าอย่างช้าๆ เมื่อเดินถึงบันไดเซียวหรงเหยี่ยนเอื้อมมือมาช่วยประคองหญิงสาวโดยสัญชาตญาณ จากนั้นรับคำเสียงเบา “อืม”
ไป๋ชิงเหยียนลูบท้องของตัวเองเบาๆ
“ข้าแค่คิดว่าควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงแม้มีการเปลี่ยนแปลง ทว่า ข้าคิดว่าข้าสามารถควบคุมมันได้ใหม่อยู่ดี”
เซียวหรงเหยี่ยนเดินเคียงข้างไป๋ชิงเหยียนไปอย่างเงียบๆ
“อาเหยี่ยน ท่านและลูกคือคนในครอบครัวของข้า…”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวเสียงแผ่งเบา
“ท่านอยู่ในใจของข้าเสมอ ข้ายอมรับว่าตอนศัตรูบุกมาล้อมเมืองเจียงจือข้าไม่เคยคิดถึงท่าน นั่นเป็นเพราะข้าไม่คิดว่าท่านจะทอดทิ้งต้าเยี่ยนมาช่วยเหลือข้าเช่นนี้”
เซียวหรงเหยี่ยนที่เดินเอามือไขว้หลังชะงักฝีเท้าลง ไป๋ชิงเหยียนก็หยุดเดินเช่นเดียวกัน
เว่ยจงรีบขวางองครักษ์ไว้พลางเดินถอยหลังไปสองสามก้าว จากนั้นบอกให้พวกเขาหันหลังกลับยิ้มๆ
“เจ้าไม่ต้องพยายามอธิบายให้ข้าเข้าใจหรอก” ดวงตาล้ำลึกภายใต้หน้ากากของเซียวหรงเหยี่ยนมองไปที่ไป๋ชิงเหยียนนิ่ง ชายหนุ่มเดินเข้าไปจับไหล่ของไป๋ชิงเหยียนเบาๆ
“บางเรื่องที่ข้าทำไปแล้วล้วนเป็นการตัดสินใจของข้าเอง ข้าจะไม่ขอให้เจ้าทำให้ได้เหมือนกับข้า อาเป่า…เจ้าทำได้ดีมากแล้ว”
เซียวหรงเหยี่ยนจึงกล่าวต่อ
“เจ้าไม่ต้องออกไปส่งข้าแล้ว รีบเตรียมเดินทางกลับเมืองหลวงโดยเร็วที่สุดเถิด ท่านแม่ อาสะใภ้และบรรดาน้องๆ ของเจ้าจะได้สบายใจ!”
เซียวหรงเหยี่ยนปล่อยมือออกจากบ่าของไป๋ชิงเหยียน จากนั้นเอ่ยเรียกเยว่สือ
ท่านแม่ อาสะใภ้ น้องชายและน้องสาว ทว่า เขาไม่ได้นับตัวเองรวมอยู่ด้วย
“อาเหยี่ยน!” ไป๋ชิงเหยียนจับมือเซียวหรงเหยี่ยนแน่น นางเงยหน้ามองชายหนุ่มพลางกล่าวเสียงเบา
“ท่านคือสามีของข้า ข้าให้ความสำคัญกับท่านเหมือนกับที่ท่านให้ความสำคัญกับข้า!”
เยว่สือซึ่งถือกล่องยาอยู่ในมือหันกลับมา ทว่า เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนกุมมือเจ้านายของตนอยู่เขาจึงรีบหันหลังกลับไปอีกครั้ง แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงเรียกของเจ้านาย
“หากข้าให้เจ้าเลือกระหว่างข้ากับบรรดาน้องๆ ของเจ้าหรือต้าโจว เจ้าจะเลือกผู้ใด”
ไป๋ชิงเหยียนนิ่งอึ้งไป
เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนไม่ตอบเซียวหรงเหยี่ยนจึงถามต่อ
“หากข้าหรือน้องชาย น้องสาวของเจ้าถูกศัตรูล้อมอยู่ในเมืองพร้อมกัน ทุกคนล้วนตกอยู่ในอันตราย ทว่า กองกำลังในมือของอาเป่าสามารถช่วยเหลือได้เพียงคนเดียวเท่านั้นเจ้าจะเลือกช่วยผู้ใด”
เซียวหรงเหยี่ยนยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เขาก้าวเข้าไปรั้งตัวไป๋ชิงเหยียนเข้ามากอดไว้ในอ้อมกอด
“ข้าจะปล่อยให้เจ้าตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากใจเช่นนั้นได้อย่างไรกัน”
ไป๋ชิงเหยียนวางมือไว้บนหน้าอกแกร่งของเซียวหรงเหยี่ยน นางสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งและจังหวะหัวใจที่เต้นรัวผ่านเสื้อของเขา
เซียวหรงเหยี่ยนก้มหน้าต่ำลง หน้ากากของเขาแนบกับใบหูข้างซ้ายของไป๋ชิงเหยียน น้ำเสียงแหบพร่ากระซิบขึ้นเบาๆ
“อีกอย่างข้าก็กลัวเหมือนกันว่าเจ้าจะทอดทิ้งข้า ดังนั้นอาเป่า หากเจ้าต้องเลือกระหว่างข้าและน้องๆ ของเจ้าขึ้นมาจริงๆ เจ้าต้องเลือกช่วยน้องของเจ้านะ นี่คือทางเลือกและคำขอร้องจากข้า”
เซียวหรงเหยี่ยนผู้หยิงทระนงไม่เคยต้องก้มหัวให้ผู้ใดเช่นนี้มาก่อน ทว่า ครั้งนี้…เขาพ่ายแพ้ให้กับไป๋ชิงเหยียนอย่างหมดท่า
ดวงตาของไป๋ชิงเหยียนแดงก่ำขึ้นมาทันที นางกำหมัดแน่น น้ำตาไหลพรากออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่
เซียวหรงเหยี่ยนผละออกจากร่างของไป๋ชิงเหยียน จากนั้นกำชับเสียงเบาอีกครั้ง
“รีบเดินทางกลับเมืองหลวง อย่าทำให้ข้าเป็นห่วงอีกเข้าใจหรือไม่”
เซียวหรงเหยี่ยนเอ่ยเรียกเยว่สืออีกครั้งโดยไม่รอให้ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยตอบ
ครั้งนี้เยว่สือไม่กล้ารอช้าอีก เขารีบพาองครักษ์เดินไปหยุดอยู่หน้าเซียวหรงเหยี่ยน “ข้าอยู่นี่ขอรับ”
เซียวหรงเหยี่ยนถอยหลังไปทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน
“ฝ่าบาททรงพระครรภ์อยู่ ไม่ต้องออกไปส่งข้าแล้ว หรงเหยี่ยนขอทูลลาตรงนี้ ฝ่าบาทรักษาพระองค์ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อกล่าวกับไป๋ชิงเหยียนจบเซียวหรงเหยี่ยนพาเยว่สือและองครักษ์จากไปทันที
เยว่สือทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนอย่างรีบร้อนและวิ่งถือกล่องยาตามเซียวหรงเหยี่ยนไปทันที
ไป๋ชิงเหยียนมองตามแผ่นหลังของร่างสูงโปร่งไปจนลับสายตา หากไม่รู้ว่าเซียวหรงเหยี่ยนได้รับบาดเจ็บหนักมาก่อนตอนนี้นางมองไม่ออกด้วยซ้ำว่าเขากำลังบาดเจ็บอยู่
ชายหนุ่มกลัวว่านางจะทอดทิ้งเขาเพราะต้าโจวและบรรดาน้องๆ ของนาง
ไป๋ชิงเหยียนไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเซียวหรงเหยี่ยนคิดเช่นนี้
ในความทรงจำของไป๋ชิงเหยียนเซียวหรงเหยี่ยนเป็นบุรุษผู้สูงส่งและแข็งแกร่งจนไม่มีศัตรูคนใดสามารถต่อกรได้
ตอนนี้นางยังจำภาพเหตุการณ์หน้าประตูเมืองหลวงของชาติที่แล้วได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มสวมเครื่องแต่งกายสีขาวสวมทับด้วยเสื้อคลุมสีดำ ใบหน้าคมคายและแข็งกร้าวของเขาดูสงบนิ่ง ทว่า ร่างกายของเขามีพลังบางอย่างที่น่าหวาดหวั่นและเกรงขามมาก
ตอนที่ 1218 ยอมถอย
เมื่อส่งหมอทหารจากไปเว่ยจงจึงกล่าวขึ้นยิ้มๆ
“ฝ่าบาท เมื่อแม่ทัพต้าเยี่ยนกลับเข้ามาในเมืองเขาอยากมาพบท่านอ๋องเก้า ทว่า ถูกเยว่สือห้ามไว้ก่อนพ่ะย่ะค่ะ แต่เยว่สือคงห้ามไม่ได้ทุกครั้ง เราควรย้ายท่านอ๋องเก้าไปยังเรือนติดกันดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“ตอนนี้อย่าเพิ่งย้าย รอเขาฟื้นขึ้นมาก่อนค่อยว่ากัน”
ไป๋ชิงเหยียนนั่งลงข้างเตียงพลางกุมมือเซียวหรงเหยี่ยนไว้หลวมๆ
“พ่ะย่ะค่ะ” เว่ยจงรับคำ
เซียวหรงเหยี่ยนลืมตาตื่นขึ้นในช่วงบ่ายของวันนั้น
ความเจ็บปวดที่บาดแผลทำให้ชายหนุ่มต้องสูดหายใจลึก เขานึกถึงเมืองเจียงจือขึ้นมาได้จึงผุดลุกขึ้นนั่งทันที เขาเปิดมุ้งที่เตียงออกอย่างแรง
ผ้าม่านหนาถูกม้วนไปเกี่ยวบนตะขอทองแดงทั้งสองด้านแล้ว เซียวหรงเหยี่ยนมองเห็นร่างของไป๋ชิงเหยียนกำลังเอ่ยสั่งงานองครักษ์อยู่ด้านนอกฉากกั้น ไป๋ชิงเหยียนเหมือนจะรู้ว่าเซียวหรงเหยี่ยนตื่นแล้วจึงมองมาทางฉากกั้นแวบหนึ่ง จากนั้นกล่าวกับองครักษ์
“ไปได้”
“ขอรับ”
องครักษ์ไป๋รับคำแล้วจากไปทันที
“เว่ยจงนำยาเข้ามาได้” ไป๋ชิงเหยียนเดินอ้อมฉากกั้นเข้าไปด้านใน
ไป๋ชิงเหยียนเห็นเซียวหรงเหยี่ยนนั่งตัวงอกุมบาดแผลอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าซีดเผือด
ไป๋ชิงเหยียนหยุดยืนอยู่ตรงฉากกั้น ในสมองเต็มไปด้วยคำถามที่เซียวหรงเหยี่ยนถามนางก่อนหน้านี้ หญิงสาวจับชายกระโปรงของตัวเองแน่นโดยไม่รู้ตัว นางส่งยิ้มฝืดให้ชายหนุ่ม จากนั้นเดินตรงเข้าไปหา
“ยังเจ็บบาดแผลอยู่หรือไม่”
เซียวหรงเหยี่ยนเห็นไป๋ชิงเหยียนปลอดภัยดีจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เขานึกขึ้นมาได้ว่าสั่งให้เยว่สือไล่ตามกองทัพซีเหลียงไป
“พอไหว” เสียงของเซียวหรงเหยี่ยนแหบพร่า เขาขยับเสื้อที่เปิดออกให้เข้าที่พลางผูกเสื้อให้เรียบร้อย จากนั้นเอื้อมหยิบเสื้อตัวนอกสีขาวหิมะลายเมฆมงคนลซึ่งวางอยู่บนเก้าอี้กลมข้างเตียงมาสวมด้วยตัวเอง
ไป๋ชิงเหยียนยืนมองเซียวหรงเหยี่ยนนิ่ง แม้เขาจะไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา ทว่า นางรู้ดีว่าเซียวหรงเหยี่ยนกำลังโมโห
เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวขึ้นโดยไม่สนใจบาดแผลของตัวเองแม้แต่น้อย
“เยว่สือกลับมาแล้วหรือไม่ เขากำจัดกองทัพหลักของซีเหลียงได้หมดหรือไม่”
“จับเชลยซีเหลียงกลับมาได้ส่วนหนึ่ง ทว่า จับแม่ทัพชราชุยไม่ได้ แม่ทัพชราชุยคงกำลังคิดหาวิธีต่อสู้กับกองทัพหลักของต้าโจวและต้าเยี่ยนอยู่”
ไป๋ชิงเหยียนเห็นเซียวหรงเหยี่ยนผูกเชือกเครื่องแต่งกายด้วยมือข้างเดียว จากนั้นเตรียมเอื้อมมือไปหยิบหน้ากากไป๋ชิงเหยียนจึงรีบเข้าไปหยิบมาให้
“ขอบคุณ” เซียวหรงเหยี่ยนรับหน้ากากพลางกล่าวขอบคุณไป๋ชิงเหยียน
“ครั้งนี้กองทัพซีเหลียงเสียหายค่อนข้างมาก แม่ทัพชราชุยคงต้องใช้เวลาจัดทัพใหม่เพื่อมุ่งหน้าไปปกป้องเมืองอวิ๋นจิง เมืองเจียงจือคงปลอดภัยแล้ว”
ดวงตาล้ำลึกของเซียวหรงเหยี่ยนมองไปทางไป๋ชิงเหยียนนิ่ง เขาจัดเครื่องแต่งกายของตัวเองพลางกล่าวขึ้น “ชาวบ้านเร่ร่อนของซีเหลียงรู้ว่าต้าโจวจะรับพวกเขาเป็นชาวเมือง พวกเขาต้องทยอยกันมาหาต้าโจวแน่นอน ตอนนี้ต้าโจวมีวิธีรับมือกับชาวบ้านอพยพแล้ว เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง เจ้าคือจักรพรรดินีแห่งต้าโจว เจ้าควรรีบเดินทางกลับเมืองหลวงจะดีกว่า”
กล่าวจบเซียวหรงเหยี่ยนเตรียมสวมหน้ากากบนใบหน้า
ไป๋ชิงเหยียนกุมมือข้างที่ถือหน้ากากของเซียวหรงเหยี่ยนไว้หลวมๆ รั้งไม่ให้เขาสวมหน้ากาก จากนั้นเอ่ยถามเสียงเบา “ท่านจะไปที่ใด”
“กู่เฟิง…” เซียวหรงเหยี่ยนจ้องตาไป๋ชิงเหยียนนิ่ง
“ก่อนหน้านี้ตกลงแผนการโจมตีเมืองอวิ๋นจิงกับต้าโจวไว้แล้ว ตอนนี้กองทัพต้าโจวโจมตีอีกสองสามเมืองก็คงถึงอวิ๋นจิงแล้ว ข้าต้องรีบนำทัพไปที่นั่น บางทีอาจบุกไปถึงอวิ๋นจิงเร็วกว่า…”
“ท่านได้รับบาดเจ็บหนัก ไข้ก็เพิ่งลด ท่านเร่งเดินทางไกลตอนนี้ไม่ห่วงร่างกายของตัวเองบ้างหรือ!”
ไป๋ชิงเหยียนจับข้อมือของเซียวหรงเหยี่ยนแน่นกว่าเดิม
เซียวหรงเหยี่ยนได้ยินประโยคนี้จึงจ้องเข้าไปในดวงตาของไป๋ชิงเหยียนนิ่งราวกับต้องการมองทะลุใจหญิงสาว
สองสายตาประสานกันนิ่ง ไป๋ชิงเหยียนกระชับมือแน่นอย่างทำตัวไม่ถูก
เสียงทุ้มของเซียวหรงเหยี่ยนหัวเราะออกมาราวกับกำลังเย้ยหยันตัวเอง ร่างสูงขยับเข้าไปใกล้ไป๋ชิงเหยียนจนบังร่างของหญิงสาวเอาไว้มิด เขาเอื้อมมือประคองใบหน้าของไป๋ชิงเหยียน แนบหน้าผากเข้ากับหน้าผากของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา น้ำเสียงนุ่มกล่าวออกมาเบาๆ
“กล่าวราวกับว่าเจ้าเป็นห่วงข้ามาก”
น้ำเสียงอ่อนโยนของเซียวหรงเหยี่ยนทำให้ใจของไป๋ชิงเหยียนสั่นสะท้านเล็กน้อย
นางกำมือของเซียวหรงเหยี่ยนแน่น ทว่า ไม่ได้รีบร้อนเอ่ยแก้ต่าง ทำเพียงกล่าว
“อาเหยี่ยน ข้าเป็นห่วงท่าน”
เซียวหรงเหยี่ยนรับคำอย่างลวกๆ ชายหนุ่มก้มหน้าประทับจูบลงบนริมฝีปากของไป๋ชิงเหยียนเบาๆ แล้วผละออก จากนั้นไล้นิ้วโป้งไปตามริมฝีปากของหญิงสาว มองหญิงสาวนิ่งอีกครั้งแล้วประทับจูบลงอีกรอบ
ปลายจมูกของคนทั้งสองสัมผัสกัน ไป๋ชิงเหยียนมองเห็นขนตายาวเป็นแพของเซียวหรงเหยี่ยนชัดเจน ครั้งนี้นางไม่ได้ใจสั่นเหมือนทุกครั้ง ทว่า รู้สึกเจ็บแน่นที่หน้าอกแทน
เว่ยจงที่เดินถือยาเข้ามาด้านในมองเห็นร่างที่อยู่แนบชิดกันของคนทั้งสองผ่านฉากกั้นจึงรีบเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว จากนั้นสั่งให้คนนำยาของเซียวหรงเหยี่ยนกลับไปอุ่นที่โรงครัวตามเดิมก่อน
ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้ารับจูบของเซียวหรงเหยี่ยนอย่างเต็มใจ ปล่อยมือที่กุมอยู่ที่ข้อมือของชายหนุ่มออก นางอยากเอื้อมมือไปโอบกอดเซียวหรงเหยี่ยน ทว่า กลัวโดนแผลของชายหนุ่มจึงได้แต่จับบ่าทั้งสองข้างของเขาไว้แน่นพลางเขย่งปลายเท้ารับจุมพิตของเซียวหรงเหยี่ยน
การตอบรับของไป๋ชิงเหยียนทำให้จุมพิตของเซียวหรงเหยี่ยนยิ่งทวีความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ฟันของหญิงสาวถูกดันออก ชายหนุ่มจุมพิตอย่างดูดดื่มราวกับจะกลืนกินหญิงสาวเข้าไปทั้งร่างจนนางเซถอยหลังไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้ตัว
นางให้ความสำคัญกับเซียวหรงเหยี่ยนมาก หากเขาไม่สำคัญ…นางจะยอมกลายเป็นภรรยาของเขาได้อย่างไร
ไป๋ชิงเหยียนต้องการพิสูจน์ให้เซียวหรงเหยี่ยนเห็นด้วยจุมพิตครั้งนี้
ฝีเท้าของคนทั้งสองเซเล็กน้อย เท้าของไป๋ชิงเหยียนสะดุดที่วางเท้าจนร่างของนางเซไปทางด้านหลัง ทว่า เซียวหรงเหยี่ยนรีบโอวเอวหญิงสาวไว้ มืออีกข้างจับเสาข้างเตียงเพื่อทรงตัว มิเช่นนั้นทั้งสองคนต้องล้มลงบนเตียงอย่างแน่นอน
ไป๋ชิงเหยียนยังไม่ได้สติ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นเซียวหรงเหยี่ยนกำลังจ้องมาทางนาง
เมื่อยืนทรงตัวได้จึงเตรียมเอ่ยถามว่าบาดแผลของเซียวหรงเหยี่ยนเป็นเช่นไรบ้าง ทว่า เซียวหรงเหยี่ยนกลับจับใบหน้าของนางเข้าไปใกล้และประกบริมฝีปากลงมาอีกครั้ง
ชายหนุ่มไล้นิ้วโป้งไปตามใบหน้าของหญิงสาว จากนั้นกล่าวเสียงแผ่วเบา
“ข้าจะไปแล้ว เจ้ารีบเดินทางกลับเมืองหลวงเถิด”
“อาเหยี่ยน ท่านกำลังโกรธ…”
เซียวหรงเหยี่ยนพยักหน้าให้ไป๋ชิงเหยียนน้อยๆ อย่างปลอบโยน ริมฝีปากซีดเผือดคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ข้าเข้าใจ เจ้าไม่ต้องอธิบายสิ่งใดกับข้าหรอก พวกเราทำสัญญากันไว้ก่อนหน้านี้แล้ว หากข้าโกรธเจ้าข้าจะกลายเป็นคนไร้เหตุผลขึ้นมาทันที! เจ้าเป็นคนมีปณิธานยิ่งใหญ่ เจ้ามีทั้งสติปัญญาและความสามารถ เจ้าเข้มแข็งและโหดร้ายบ้างในบางครั้ง ทว่า เจ้าเป็นห่วงชาวบ้านและตระกูลไป๋ของเจ้ามาก เจ้าสามารถเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อน้องๆ ของเจ้าได้ ข้าเข้าใจสิ่งเหล่านี้ดีตั้งแต่เริ่มตกหลุมรักเจ้าแล้ว”
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเซียวหรงเหยี่ยนคิดว่าเขาเป็นคนประเภทเดียวกับไป๋ชิงเหยียนมาโดยตลอด
จนเมื่อเขาได้รับรายงานว่ากองทัพซีเหลียงบุกล้อมเมืองเจียงจือ เมื่อเขานำทัพบุกมาช่วยเหลือหญิงสาวและได้รับรายงานว่านางไม่เคยจุดควันส่งสัญญาณเลยแม้แต่ครั้งเดียว เขาจึงตระหนักได้ว่าเขาไม่ใช่คนประเภทเดียวกับไป๋ชิงเหยียน
หากไป๋ชิงเหยียนมีเป้าหมาย นางจะทำทุกอย่างเพื่อไปถึงเป้าหมายนั้น นางมีความมุ่งมั่นและยืนหยัด นางไม่มีทางยอมถอยเพียงเพราะเขาหรือลูกในท้องของพวกเขาแม้แต่ก้าวเดียว
