บทที่ 200 อยู่ตัวคนเดียว[รีไรท์]
บทที่ 200 อยู่ตัวคนเดียว[รีไรท์]
หลังจากที่งูพวกนั้นและชายชราถูกดูดเข้าไปในหม้อทองคำ พวกงูก็ดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดอย่างบ้าคลั่งก่อนที่จะมีแสงสาดส่องออกมา
มันเป็นเม็ดยาขนาดใหญ่ที่มีขนาดเท่าครึ่งตัวมนุษย์และพลังข้างในของมันก็น่ากลัวมาก! เพราะไม่ใช่แค่มีพวกงูขั้นเต๋าอยู่ข้างในนั้น แต่ยังมีชายชราที่อาจเป็นถึงขั้นผู้พิชิตดาราถูกดูดเข้าไปด้วย แน่นอนว่าพลังของยานี้ต้องน่ากลัวมากแน่ ๆ
เพราะงั้นฉู่เหินจึงเปิดฟังก์ชันประเมินสมบัติ เขาอยากจะรู้ว่ายาเม็ดนี้เอาไว้ทำอะไรกันแน่ ทว่าเมื่อมีเสียงยืนยันจากระบบดังออกมา ฉู่เหินก็ต้องหวาดกลัวที่ได้ยินมัน
“ยาระเบิดกลายพันธุ์ ถูกหลอมรวมจากเลือดของปรมาจารย์มากมาย ถ้าขว้างมันออกไปจะมีพลังเทียบเท่าสายฟ้าผ่า! การระเบิดของมันนั้นรวดเร็วมาก หากไม่ระวังผู้ใช้อาจตายได้!!”
หลังจากได้ยินฉู่เหินก็ตะลึง เพราะครั้งสุดท้ายที่เขาได้รับบาดเจ็บจากสายฟ้า จนตอนนี้เขาก็ยังคงรู้สึกหวาดกลัวอยู่เลย และตอนนี้ยาระเบิดนี้ก็ทรงพลังยิ่งกว่าสายฟ้าพวกนั้นอีก ชายหนุ่มชักจะแอบกลัวหน่อย ๆ แล้วสิ
ฉู่เหินไม่กล้าที่จะแตะมัน เขาเก็บมันเข้าไปในกล่องไม้และยัดมันเข้าไปในแหวน จากนั้นเดินเข้าไปหาคนจากตระกูลซ่างกวง ตอนนี้ศัตรูที่แข็งแกร่งได้หายไปแล้ว และทุกคนในตระกูลซ่างกวนก็ไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ
“ลุงซ่างกวง ปลอดภัยหรือเปล่าครับ?”
“โชคดีนะที่นายมาทันนะ ไม่งั้นพวกเราต้องแย่แน่ ๆ เลย” เมื่อชิงเฟิงได้ยินคำถามของฉู่เหินก็รู้สึกดีขึ้นมา เพราะหากฉู่เหินมาไม่ทันเวลา เขาก็กลัวว่าพวกเขาคงจะไม่รอด
“ลุงซ่างกวง ลุงอยากจะสำรวจต่อหรืออยากจะกลับบ้าน?” ฉู่เหินคิดว่าถ้าตระกูลซ่างกวงอยากจะสำรวจต่อ เขาก็ไม่รังเกียจที่จะพาพวกเขาไปยังสถานที่ที่พี่เสือและแรดพูดถึง
“หลังจากที่ฉันมาที่นี่ก็เจอแต่เรื่องประหลาด ๆ ฉันเคยคิดว่าพวกเราน่ะเป็นยอดฝีมือผู้เก่งกาจ แต่จนกระทั่งได้มาเจอกับคนอื่นๆ พวกเราก็เป็นได้แค่แมลงสาบตัวกระจ้อยที่ถูกฆ่าตายได้ตลอดเวลา! ดังนั้นพวกเราคิดว่าควรจะกลับดีกว่า ฉันคงไม่คิดจะมาที่นี่อีกแล้วล่ะ”
เห็นได้ชัดว่าชิงเฟิงนั้นก็อายุมากแล้ว หลังจากครุ่นคิดสักพัก ฉู่เหินก็พูดต่อ “ลุงซ่างกวง ผมมีเรื่องอยากจะพูด แต่ไม่รู้ว่าควรพูดดีไหม”
“ตั้งแต่ที่มีเรื่องมากมายเกิดขึ้น พวกเราก็คงไม่ต้องปิดบังอะไรกันแล้วล่ะ พูดมาเถอะ!” ชิงเฟิงโบกมือ
“อ่า ตระกูลซ่างกวงมีขั้นผู้พิชิตดาราไหม?”
พอได้ยินแบบนั้น ชิงเฟิงก็ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
“จากขั้นปรมาจารย์ หรือที่เรียกกันว่าขั้นเต๋าไปสู่ขั้นผู้พิชิตดารา สองขั้นนี้ถือว่าแตกต่างราวฟ้ากับเหวมาก มันไม่ได้ทะลวงผ่านกันง่าย ๆ หรอก น่าเสียดายที่บรรพบุรุษของพวกเราที่เป็นขั้นผู้พิชิตดาราได้จากไปกว่า 10 ปีแล้ว ไม่งั้นก็คงไม่โดนดูถูกจากกลุ่มอื่นแบบนี้!”
“ลุงซ่างกวง นี่คือยาหลงหยวน ผมให้ลุงไว้นะ ถ้าผู้ที่อยู่ขั้นเต๋ากินเข้าไปประมาณ 10 เม็ดจะเข้าสู่ขั้นผู้พิชิตดารา ส่วนคนที่เป็นขั้นปราชญ์ต้องกินเข้าไป 100 เม็ดถึงจะเข้าสู่ขั้นผู้พิชิตดาราได้ แต่หลังจากเข้าสู่ขั้นผู้พิชิตดาราแล้วก็จะใช้ไม่ได้อีก ขวดนี้มีอยู่ 300 เม็ด ลุงอยากเอาไปให้ใครก็ตามสบายเลย”
หลังจากได้ยินแบบนั้นคนจากตระกูลซ่างกวงก็ตะลึง พวกเขาตระหนักดีว่ายาหลงหยวนนี้ช่างน่ากลัวขนาดไหน ทว่า ฉู่เหินกลับมอบของขวัญชิ้นใหญ่นี้ให้แก่ตระกูลของพวกเขาโดยไม่ลังเล นี่ทำให้พวกเขาจ้องมองไปที่ฉู่เหินด้วยความซาบซึ้ง
ถ้าคำนวณดี ๆ ด้วยยา 300 เม็ดนั้นจะทำให้สามารถเข้าสู่ขั้นผู้พิชิตดาราได้หลาย 10 คน ถ้าเป็นแบบนี้ระดับของตระกูลซ่างกวงจะถูกยกให้สูงขึ้นเทียบเท่ากับสามขั้วอำนาจอย่าง สำนักคุนหลุน เทือกเขาพยัคฆ์มังกร และตระกูลหลิ่ว!
เม็ดยาพวกนี้ทำให้ทั้งตระกูลซ่างกวงต่างก็ซาบซึ้งในสิ่งที่ฉู่เหินทำมาทั้งหมด พวกเขารู้ว่าชายหนุ่มให้โอกาสตระกูลพวกเขาในการพัฒนาความแข็งแกร่ง แท้จริงแล้วการเข้าสู่ขั้นผู้พิชิตดาราสำหรับพวกเขานั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย ดังนั้นพวกเขาจึงถูกกลุ่มต่างๆ หมางเมินมาตลอดหลายปี แต่ในตอนนี้พวกเขามีโอกาสแล้ว มันราวกับว่าพวกเขาได้รับพรจากพระเจ้าก็ไม่ปาน
หลังจากบอกลาตระกูลซ่างกวง ฉู่เหินก็พาโม่เจียวกลับไปด้วยกันกับพี่เสือและแรดด้วยความเร็วสูง ครั้งนี้ฉู่เหินวางแผนเอาไว้ว่าจะดำเนินการคนเดียว ถ้าเขาสามารถเข้าสุสานจากทางเข้าที่พี่เสือและแรดบอกได้ก็คงจะดีมาก
พี่เสือและแรดใช้เวลาอยู่นานกว่าจะมาถึงที่ที่ด้านเป็นหุบเขาที่มีหมอกหนาทึบปกคลุมอยู่ ขณะที่ยืนอยู่ที่นอกหุบเขา ฉู่เหินสำรวจรอบข้างอย่างระมัดระวัง ทั้ง ๆ ที่มันมีหมอกบดบังวิสัยทัศน์เอาไว้หมดทุกอย่าง แต่เขาก็สัมผัสได้ว่าที่นี่มันต้องมีอะไรซ่อนอยู่แน่
ฉู่เหินเติบโตมาแบบชาวบ้าน การรู้เรื่องธรรมชาติเป็นพรสวรรค์ของเขา ดังนั้นเขาจึงสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงภายในแม้ว่าจะมีหมอกหนาก็ตาม ฉู่เหินรู้สึกได้เลยว่าหมอกหนานี้กำลังเคลื่อนไหวได้อยู่ ถึงกระนั้นเขาก็ไม่รู้อยู่ดีว่ามันเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นชายหนุ่มจึงตัดสินใจที่จะระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา
2 คนและ 2 สัตว์ร้ายเดินเข้าไปภายในหมอกอย่างช้า ๆ ทว่าทันทีที่พวกเขาเข้าไปในนั้น พวกเขาก็ตะลึงอย่างมาก ทั้ง ๆ ที่ทั้งสี่เข้ามาพร้อมกันแท้ ๆ แต่ด้านข้างนั้นกลับไม่มีใครอยู่เลย และสถานที่ที่พวกเขาอยู่มันกลับไม่ใช่ในหุบเขา ตอนนี้ฉากโดยรอบได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
พี่เสือยืนอยู่ที่กลางทะเลทรายอันกว้างใหญ่ ไม่ว่าจะวิ่งไปทางไหนก็เจอแต่ทะเลทราย ขณะที่พี่เสือเดินลึกเข้าไปในทะเลทราย ทันใดนั้นทะเลทรายก็เกาะกลุ่มกันปรากฏเป็น ยักษ์ทะเลทราย!
พี่เสือสามารถต่อกรกับมันได้อยู่ แต่หลังจากที่ฆ่าพวกมันไปมากกว่าพันตัว จิตใจของพี่เสือก็เริ่มท้อแท้ เพราะยักษ์พวกนี้มันไม่ได้ถูกจัดการได้ง่าย ๆ เมื่อฆ่ามันไปแล้วมันก็จะโผล่ออกมาอีกเป็นวัฏจักรวนลูปไปจนกว่าอีกฝ่ายจะหมดแรง
อีกทางด้านหนึ่ง
ที่ที่แรดอยู่นั้นก็ไม่ได้ต่างจากพี่เสือเท่าไหร่ ในตอนนี้มันเองก็อยู่ที่ทะเลอันกว้างใหญ่ โชคดีที่มันสามารถว่ายน้ำในมหาสมุทรได้ แต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่ง่ายที่จะออกจากทะเลอันกว้างใหญ่นี้
นอกจากนี้ ทะเลที่นี่ก็ยังมีสัตว์ร้ายมากมายคอยขวางทางอยู่ หลังจากที่แรดสังหารมันจนหมด แรงของมันเองก็ไม่เหลือแล้วเช่นกัน ตอนนี้มันอยากจะออกไปจากที่นี่ให้ได้แต่ก็ไม่รู้วิธี
ส่วนโม่เจียวก็อยู่ในป่าดงดิบที่มีท้องฟ้าอันแสนมืดมิด เธอไม่สามารถแยกแยะทิศทางได้เลยแม้ว่าเธอจะปล่อยงูออกมามากมายเพื่อคอยนำทางก็ตาม แต่เมื่อปล่อยมันออกมา เธอก็ขาดการติดต่อกับพวกมันทันที เธอหลงอยู่ในป่าใหญ่ด้วยความงุนงง
แต่พวกเขาก็ยังถือว่าสบายดีอยู่ เพราะฉู่เหินนี่แหละที่ซวยที่สุด เขายืนอยู่ท่ามกลางไฟและสายฟ้า! ถ้าหากเขาเดินผิดละก็จะต้องตายแน่ ๆ สายฟ้าที่นี่หนาเท่ากับแขนคน หลังจากโผล่มาอยู่ที่นี่แล้วเขาก็รู้สึกยังกับอยู่ในเตาอบ
ด้วยความสิ้นหวัง ฉู่เหินไม่มีทางเลือกนอกจากต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมบางอย่าง เพื่อใช้ประโยชน์จากสายฟ้าเหล่านี้ เขาจึงตัดสินใจใช้พลังดวงดาวเพื่อฝึกตนกับสายฟ้า!
ระดับวิชาของเขาได้เข้าสู่ระดับบรรลุแล้ว หากเขาก้าวไปได้อีกขั้น วิชาของเขาก็จะเข้าสู่ระดับแก่นแท้ ถ้าหากอยากจะไปถึงขั้นนั้นเขาต้องฝึกฝนตนเอง เมื่อคิดได้แบบนั้นชายหนุ่มก็ตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากที่เขาเข้าสู่ขั้นปรมาจารย์ หรือขั้นเต๋าได้แล้วนั้น ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับพลังส่วนตัวแล้วล่ะ
ทว่า การที่ต้องมาติดอยู่กับสายฟ้าแบบนี้ทำให้เขามีเวลาไม่มากที่จะดูดซับมันเข้ามาได้อย่างที่คิด และถ้าต้องการให้พลังดวงดาวพัฒนาอย่างรวดเร็ว เขาก็ต้องสัมผัสกับสายฟ้าโดยตรงเท่านั้น! ฉู่เหินเริ่มรู้สึกเศร้าขึ้นมา ทุกครั้งที่ตัวเองถูกฟ้าผ่าแม้ว่าจะไม่ตาย แต่มันก็เจ็บปวดสุด ๆ อยู่ดี!!
