บทที่ 629 พระก็ประสบภัยได้เหมือนกัน
บทที่ 629 พระก็ประสบภัยได้เหมือนกัน
“เด็กโง่ นายรู้ไหมว่าของพวกนี้มีค่าขนาดไหน เอาไปขายได้ตั้งเท่าไหร่ ?”
“เพื่อนกันเขาไม่คิดเงินหรอกครับ ท่านปู่ฮวาไม่ต้องเกรงใจ” หลังจากได้ยินประโยคนี้ของฉู่เหิน ผู้เฒ่าฮวาก็ถอนหายใจ “มีนายเป็นหลานเขย ชีวิตนี้ฉันก็พอใจแล้ว !” ฉู่เหินได้ยินดังนั้นใบหน้าแทบจะกลายเป็นสีเขียว
เขาออกมานอกโลกแบบนี้ จึงไม่อยากจะมีเรื่องราวชู้สาวอะไร แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าผู้เฒ่าฮวาคิดกับตัวเองไว้ว่ายังไง ? ดูเหมือนว่าทุกย่างก้าวเขาคิดแต่จะจับคู่ตนกับหลานสาวเขาเหลือเกิน ช่างเป็นสถานการณ์ที่น่าลำบากใจ
แต่ก่อนอื่นเขาต้องทิ้งความคิดนี้ไป เพราะตอนนี้อาการของศิษย์พี่สามรอไม่ได้แล้ว ก่อนหน้านี้ผู้เฒ่าฮวาเข้าฌานรักษาอาการบาดเจ็บของศิษย์พี่สามได้แค่อาการภายนอกเท่านั้น ตอนนี้ถึงเวลาต้องรักษาอาการบาดเจ็บภายในแล้ว
ในที่สุดฉู่เหินก็ได้พัก เขาจึงเรียกกู้เฟิงจือมานั่งข้าง ๆ และถามไถ่เรื่องราวของเขา ซึ่งเมื่อได้ฟัง ชายหนุ่มก็พลันมีความรู้สึกมากมายที่ตีกันอยู่ในอก ! ด้วยคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะซวยมากขนาดนี้ กู้เฟิงจือทั้งโดนจับตัวทั้งโดนใส่ร้าย เรื่องก่อนหน้าที่ตัวเองเข้าแถวผิดเกือบเป็นขันทีกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย
หลังจากกู้เฟิงจือเล่าเรื่องราวของตัวเองจบ พอได้ยินเรื่องที่ฉู่เหินหนีการเป็นขันทีไปเขาก็พูดไม่ออก เพราะอีกฝ่ายสามารถกำหนดชะตาชีวิตตัวเองได้ ส่วนตนก็กลายเป็นแพะรับบาป …ทั้งสองช่างแตกต่างกันเหลือเกิน !
ฉู่เหินถามกู้เฟิงจือต่ออีกว่าได้เจอกับคนที่มาจากโลกบ้างหรือไม่ พอกู้เฟิงจือได้ยินสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นย่ำแย่ ทำให้ฉู่เหินที่เห็นสีหน้าแบบนั้นของอีกฝ่ายก็รู้เลยว่าต้องเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น และรีบถามรายละเอียดออกไปในทันที
สุดท้ายพอได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด ฉู่เหินก็ไม่รู้จะพูดว่าอะไรออกมาดี เพราะกู้เฟิงจือรู้เรื่องของคนที่มาจากโลกถึง 2 คน โดยหนึ่งในคนนั้นก็คือนักพรตคนนั้น ซึ่งชายหนุ่มก็รู้ดีคนคนนั้นเป็นพระที่มากด้วยคุณธรรม แต่มาตอนนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะยังเหลือสิ่งนี้อยู่ไหม
เพราะตามที่กู้เฟิงจือได้บอกมา นักพรตนั่นก็ถูกคนจับตัวไปเช่นเดียวกัน อีกทั้งยังถูกขายไปในหอนางโลม จนมาตอนนี้ก็ได้กลายเป็นนางโลมชายคนหนึ่งไปแล้ว ทุกวันเขาต้องรับแขกหญิงสูงวัย และเมื่อคิดแบบนี้ ความรู้สึกที่ยากจะบรรยายก็พลันท่วมท้นอยู่ในใจของฉู่เหิน !
ใครจะไปนึกว่าคนที่มีความสามารถขนาดนั้น จากพระต้องกลายเป็นนางโลมชาย เรื่องพวกนี้อย่าว่าแต่จะทำเลย ขนาดคิดเขายังไม่อยากจะคิดเลย เห็นได้ชัดว่านี้เป็นเรื่องชวนหัวเสียที่สุดเรื่องหนึ่ง เพราะขนาดฉู่เหินได้ยินกับหูตัวเองยังรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ !
ต้องเข้าใจว่านักพรตคนนั้นเป็นคนที่ดูเคร่งขรึมจริงจังคนหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับถูกจับไปเป็นนางโลมชาย คิดแล้วเขายังจินตนาการไม่ออก ! แต่แม้ว่าในใจจะรู้สึกโกรธที่เพื่อนตัวเองถูกกระทำแบบนี้ ทว่าเขาก็โกรธไม่ออก กลับมีความรู้สึกพิเศษบางอย่างขึ้นมาแทน !
กระทั่งตอนนี้เขายังเกิดความรู้สึกอยากเห็นว่านักพรตคนนั้นมีลักษณะเป็นอย่างไรไปแล้วในตอนนี้ !
ซึ่งฉู่เหินก็ได้แอบคาดเดาบางอย่างไว้ ว่าถ้านักพรตคนนั้นเห็นตัวเองเข้าแล้วจะทำหน้ายังไง ! แต่ถึงยังไงเขาก็มีชีวิตรอดมาได้ เพราะงั้นเรื่องอื่นเอาไว้ว่ากันที่หลัง !
จากนั้นฉู่เหินก็ถามกู้เฟิงจือว่าเขารู้เรื่องคนที่มาจากโลกคนอื่นไหม ! และที่เขานึกไม่ถึงก็คือกู้เฟิงจือรู้เรื่องจริง ๆ! เพียงแต่ตอนที่กู้เฟิงจือกำลังจะพูดถึงอีกคน ใบหน้าก็กลับย่ำแย่ยิ่งกว่าพระรูปนั้นเสียอีก ทำให้ฉู่เหินเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังขึ้นมา !
ขณะที่ฉู่เหินกำลังถามต่อ กู้เฟิงจือก็พูดความจริงออกมาอย่างจนใจ ! และเพียงได้ยินเรื่องที่กูเฟิงจือพูด หัวใจของฉู่เหินก็เต้นรั่วด้วยความโกรธ !
เดิมทีหลังจากที่กู้เฟิงจือเข้าวังแล้ว ก็ได้พบเจอทาปาหยินหนานตอนออกมาข้างนอกครั้งหนึ่ง ต้องเข้าใจว่าทาปาหยินหนานนั้นเป็นคนที่องอาจผู้หนึ่งอย่างแน่นอน อีกทั้งเขายังเป็นคนมีคุณธรรมอีกด้วย ! และที่สำคัญเขายังเป็นคนของตระกูลฉู่ด้วย !
ซึ่งความสัมพันธ์ของกู้เฟิงจือกับฉู่เหินนั้นไม่ถือว่าแย่ ดังนั้นตอนที่เห็นทาปาหยินหนานนั่งอยู่ข้างถนน เขาจึงไม่ลังเลที่จะยื่นมือเข้าช่วยเล็กน้อย !
เลยกลายเป็นว่ากู้เฟิงจือได้พาทาปาหยินหนานเข้าวังมาด้วยกัน ! ซึ่งเรื่องพรสวรรค์ของอีกฝ่ายนั้นไม่ต้องพูดถึงเลย เพราะอีกฝ่ายมีพลังน้อยกว่าตัวเองแค่ขั้นเดียวเท่านั้น ! บวกกับนิสัยสบาย ๆ ของเขา เลยทำให้ทาปาหยินหนานกลายเป็นที่ต้องการของพวกคนในวัง !
อีกทั้งเขายังมีพรสวรรค์ที่ดี และพลังวรยุทธ์ก็ไม่แย่ด้วย ทำให้อีกหน่อยคงสามารถเลื่อนขั้นได้ง่าย ๆ!
เมื่อพื้นฐานของทาปาหยินหนานดี และมีแววว่าพลังวรยุทธ์จะก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว มันก็เลยทำให้เขากลายเป็นที่อิจฉาของคนอื่น ๆ เพราะเขาไม่ได้หยุดแค่ตำแหน่งบัณฑิต แต่เป็นถึงทหารองครักษ์ ! และหากพลังวรยุทธของเขายังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นนี้ อีกไม่นานเขาต้องได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าองครักษ์อย่างแน่นอน !
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เหล่าองค์ชายไปที่นั่นเพื่อรับคน ผลสุดท้ายคือทาปาหยินหนานถูกองค์ชายสี่เลือกไป ! และก็เป็นที่รู้กันว่าองค์ชายสี่เป็นคนใจดำขี้อิจฉาคนหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงชอบนักที่ได้แย่งตัวคนมีพรสวรรค์มาจากเหล่าบรรดาองค์ชายคนอื่น ๆ!
ทำให้มาตอนนี้ทาปาหยินหนานก็กลายมาเป็นคนของตัวเองแล้วอย่างแท้จริง ซึ่งการที่ทาปาหยินหนานติดตามองค์ชายสี่ก็ถือว่าเป็นโชคดีอย่างหนึ่ง เพราะต้องเข้าใจว่าในบรรดาองค์ชาย องค์ชายสี่ถือว่าเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุด ! เช่นนี้ขอเพียงแค่วันหนึ่งที่องค์ชายสี่ได้ขึ้นครองบัลลังก์ เขาก็จะได้ดีไปด้วย
เรื่องนี้ทำให้ทาปาหยินหนานรู้สึกดีใจเล็กน้อยที่ได้กลับมากลับองค์ชายสี่ ด้วยองค์ชายสี่เองก็ได้มอบของหลายอย่างให้แก่เขา ดังนั้นภายในระยะเวลาแค่ 2 ปี พลังวรยุทธ์ของทาปาหยินหนานก็พลันเลื่อนขึ้นมาเป็นขั้นครึ่งจอมปราชญ์ระดับกลาง !!!
เรียกได้ว่าเขาเป็นคนเลื่อนขั้นเร็วที่สุดของทุกคนที่มาจากโลก แต่ก็ถูกกำจัดเร็วที่สุดเช่นกัน ! และที่เป็นเช่นนี้เริ่มมาจากองค์ชายสี่นี่แหละ ที่เขารู้สึกชอบใจทาปาหยินหนาน จนให้ของวิเศษเพิ่มพลังยุทธ์แก่เขาอย่างบ้าคลั่ง !
ทำให้ทาปาหยินหนานที่ได้ของมาแบบนี้ก็ยิ่งรู้สึกจงรักภักดี และเชื่อฟังคำขององค์ชายสี่ทุกอย่าง ทว่าน่าเสียดายที่ในเวลาไม่นาน ทาปาหยินหนานก็พบว่าองค์สี่คิดจะทำร้ายกู้เฟิงจือ จนในใจเกิดความรู้สึกขัดแย้งขึ้นมา !
ทาปาหยินหนานคิดในใจว่าองค์ชายสี่น่าจะเห็นแก่หน้าของตัวเองบ้าง จึงคิดจะไปบอกเรื่องนี้กับอีกฝ่าย เพียงแต่ที่เขาคิดไม่ถึงก็คือ พออีกฝ่ายได้ฟังที่ตัวเองพูด ก็ด่าเขาเสียยกใหญ่ !
กระทั่งสั่งโบยเขาหลายสิบไม้ ! และเพียงสิบไม้ เนื้อของทาปาหยินหนานก็ปริแตกออก จนทำให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงขององศ์ชายสี่ ! ว่าแท้ที่จริงแล้วคนคนนี้เป็นคนขี้อิจฉาที่น่ารังเกียจคนหนึ่ง !
…แล้วคนเช่นนี้จะกลายเป็นคนมีความสามารถได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้หรอก !
ยิ่งกู้เฟิงจือเคยมีบุญคุณกับตัวเองแบบนี้ หลังจากที่เขาคิดได้ ก็พาร่างที่บาดเจ็บของตัวเองชวนกู้เฟิงจือเก็บของหนีออกจากวังไปในกลางดึกคืนนั้นเลย !
เพียงแต่สวรรค์ไม่เห็นใจ คิดไม่ถึงว่าตอนที่พวกเขาหนีออกมาจากวัง จะเจอเข้ากับองค์ชายสี่พอดี เนื่องจากองค์ชายสี่ล่วงรู้แผนการของพวกเขาอยู่แล้ว ! ซึ่งอีกฝ่ายเขาก็ไม่คิดจะให้ทั้งสองได้หนีออกไปได้สำเร็จหรอก !
ทั้งสองจึงถูกจับตัวกลับมาอย่างไม่เต็มใจ ก่อนองค์ชายสี่จะออกคำสั่งมาฉบับหนึ่ง ให้พวกเขารอคำสั่งอยู่ในวัง อีกทั้งคำสั่งนี้ยังไม่มีท่าทีว่าจะสั่งยกเลิก ! แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าองค์สี่ไม่เพียงไม่ปล่อยพวกเขา แต่ยังทรมานพวกเขาหนักกว่าเดิมอีกด้วย !
