สูตรโกงฉบับเด็กเรียน – บทที่ 287 แต่งตั้ง

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

บทที่ 287 แต่งตั้ง

วันที่ยี่สิบห้า เป็นวันดีสำหรับการประกอบพิธีแต่งตั้งยศ

ไป๋เยี่ยยืนมองฐานกู้ภัยที่ครั้งหนึ่งเคยมีผู้ป่วยอยู่เต็มเต็นท์จนวุ่นวายกันไปหมดจากบนที่สูง

ไป๋เยี่ยถอนหายใจ เขาส่ายหัวไปมาพลางแค่นหัวเราะเบาๆ นี่เรากำลังอาลัยอาวรณ์ที่นี่จริงๆ เหรอ

ทีมแพทย์ต่างกำลังยุ่งอยู่กับการเก็บสัมภาระของตนเองเตรียมจะเดินทางกลับ แต่แน่นอนว่ามันไม่ได้หมายความว่าที่นี่ไม่จำเป็นต้องมีฐานกู้ภัยอีกต่อไปแล้ว เพียงแต่ไป๋เยี่ยและคนอื่นๆ ไปจากที่นี่ได้แล้ว

ในฐานะที่เป็นทีมแพทย์กู้ภัย พวกเขาได้ช่วยเหลือผู้คนข้ามพรมแดนมาทั้งเดือนแล้ว ตอนนี้ก็ถึงคราวที่ทุกคนจะได้กลับบ้านแล้ว

แม้แต่ทีมกู้ภัยท้องถิ่นเองก็ค่อยๆ ถอนกำลังออกเช่นกัน อีกไม่นานทั้งเมืองก็จะถูกสร้างขึ้นใหม่แล้ว

หลีจื่อเหยียนเพิ่งเก็บสัมภาระของเธอเสร็จ เธอยกแขนขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากออก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเห็นไป๋เยี่ยยืนเหม่อลอยอยู่บนซากปรักหักพังจากไกลๆ ทำเอาหลีจื่อเหยียนนิ่งไปครู่หนึ่ง

แต่ไหนแต่ไรเธอก็ไม่เคยรู้วิธีเข้าหาไป๋เยี่ยเลย

หลังจากคืนวันส่งท้ายปีเก่า หลีจื่อเหยียนก็มองว่าไป๋เยี่ยคือต้นอ่อนของพืชที่กำลังหยั่งรากในดวงใจของเธอ

เธอไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้คืออะไรกันแน่ หรือบางทีมันอาจจะเป็น ‘ความรัก’

เธอไม่ใช่เด็กสาววัยแรกแย้มที่ไม่ประสีประสาในเรื่องความรัก เธอรู้ตัวว่าเธอต้องการอะไร เธอต้องการเพียงความรักที่สัมผัสได้

ความรู้สึกที่เธอมีต่อไป๋เยี่ยลึกซึ้งมาก ตั้งแต่เห็นเขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มร่างสูงท่ามกลางหิมะขาว จนเขากลายเป็นศัลยแพทย์กระดูกและข้อผู้เก่งกาจ และตอนนี้เขาก็เป็นถึงสุดยอดผู้เชี่ยวชาญ ทำเอาเธอรู้สึกหวั่นไหวไม่น้อย

ทว่าสิ่งเดียวที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปก็คือความรู้สึกอุ่นใจ!

ตลอดช่วงเวลาที่หลีจื่อเหยียนอยู่ที่เมียนมา เธอคิดมาตลอดว่าไม่ว่าตรงหน้าจะมีปัญหาอะไร ตราบใดที่มีไป๋เยี่ย ก็ย่อมแก้ปัญหาได้เสมอ

หลีจื่อเหยียนเป็นผู้หญิงที่เข้าหายากและค่อนข้างอ่อนไหว เธอโหยหาความรัก แต่เธอก็กลัวความเจ็บปวดเหมือนกัน

นอกจากนี้เธอยังเป็นคนหยิ่งในศักดิ์ศรี เธอจะไม่มีทางลดตัวเองลงไปแย่งชิงความรักที่ไม่ยุติธรรมเด็ดขาด เธอหวังว่าคู่ครองของเธอจะเป็นผู้ชายธรรมดาๆ ที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่มากกว่าผู้ชายประเภทที่เอาแต่บ้างานจนไม่สนใจคนรัก

เธอไม่ได้ต้องการฮีโร่ เธอแค่ต้องการสามีที่เป็นทั้งคนในครอบครัว คอยปกป้องภรรยาและลูกๆ จากปัญหาทั้งปวงและเอาชนะอุปสรรคทั้งหมดเพื่อครอบครัวเท่านั้นเอง

ทว่าไป๋เยี่ยกลับน่าดึงดูดจนเธอเริ่มลังเลขึ้นมาเล็กน้อย

ลมแรงพัดผ่านไป หลีจื่อเหยียนได้แต่ถอนหายใจและส่ายหัวไปมา ค่อยคิดแล้วกัน เรื่องความรู้สึกคงเป็นปัญหาที่แก้ยากที่สุดในโลกแล้ว

ตอนนี้เมืองเปิดเส้นทางจราจรแล้ว รถราต่างๆ สัญจรเข้าออกเมืองได้ ระหว่างที่ทีมแพทย์กำลังเก็บสัมภาระอยู่นั้น ก็มีขบวนรถมาจอดลงตรงหน้าประตูเมือง

ชายสูงอายุคนหนึ่งค่อยๆ ก้าวลงมาจากรถลีมูซีน พร้อมด้วยคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เดินตามหลังเขามา

ทันใดนั้นก็มีเสียงของใครบางคนพูดขึ้น “ท่านประธานาธิบดีมาถึงแล้ว”

ทันทีที่ไป๋เยี่ยและหลี่หมิงที่กำลังขนของขึ้นรถได้ยินเสียงของผู้คนรอบข้าง พวกเขาก็ชะงักไปครู่หนึ่ง

ประธานาธิบดีของเมียนมากุมครองอำนาจไว้ล้นมือ เพราะว่าทางประเทศเองก็ต้องการหลีกเลี่ยงสงคราม

บารมีและสถานภาพของประธานาธิบดีในสายตาของประชาชนเมียนมาจึงสูงส่งมาก

ทุกคนต่างตื่นเต้นและกระตือรือร้นมากเมื่อรู้ว่าประธานาธิบดีมาถึงแล้ว

นายกเทศมนตรีต้วนเจ๋อหมิงเดินเข้าไปหาไป๋เยี่ยพร้อมกับชายในชุดทหารคนหนึ่ง

“สวัสดีคุณไป๋ ท่านประธานาธิบดีอยากพบคุณครับ” นายทหารกล่าวอย่างสุภาพนอบน้อม

ต้วนเจ๋อหมิงพยักหน้าเบาๆ

ไป๋เยี่ยหันไปบอกหลี่หมิงก่อนจะเดินตามทั้งสองคนออกไป

ภายในใจก็ยังคงคาดเดาถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น

หรือว่าจะเป็นเรื่องพิธีแต่งตั้ง

ไป๋เยี่ยคิด หัวใจของเขาก็พลันเต้นระรัว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสกับเรื่องแบบนี้

มันจะเหมือนกับในทีวีหรือเปล่านะ

พอไป๋เยี่ยนึกไปถึงพิธีแต่งตั้งของราชวงศ์อังกฤษก็ยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่

ตอนนี้ท่านประธานาธิบดีกำลังถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกับผู้คนในพื้นที่ประสบภัยพิบัติและทีมกู้ภัย หลังจากที่เห็นว่าไป๋เยี่ยเดินไปแล้ว เขาก็หยุดมองตามไป๋เยี่ย พวกคนหนุ่มสาวนี่นะ

ไป๋เยี่ยหันไปเห็นว่าประธานาธิบดีเมียนมากำลังมองตนเองก็โค้งคำนับลงเล็กน้อย

ทันใดนั้นก็มีรถบัสคันใหญ่มาจอดลงตรงหน้า ก่อนจะมีกลุ่มชายในเครื่องแบบราชการของเมียนมาเดินลงมา

ไป๋เยี่ยได้แต่มองอย่างสงสัย หลีจื่อเหยียนจึงเข้ามากระซิบเบาๆ “นี่เป็นเครื่องแบบพิธีการของประเทศเมียนมา เมื่อไหร่ที่ทางการจัดพิธีสำคัญต่างๆ ก็จะมีเจ้าหน้าที่จากสำนักประธานาธิบดีมาร่วมพิธีด้วย…”

ไป๋เยี่ยหันกลับมา หลีจื่อเหยียนอธิบายอย่างมีเหตุผลและละเอียดจนอดไม่ได้ที่จะยกนิ้วให้ “คุณรู้เรื่องแบบนี้ด้วย เยี่ยมไปเลยครับ!”

หลังจากที่ได้รับคำชมจากไป๋เยี่ย ใบหน้าของหลีจื่อเหยียนก็ขึ้นสีแดงระเรื่อเล็กน้อย ทว่าเธอกลับไม่ได้ตอบโต้อะไรไป

ตอนนี้ประธานาธิบดีเมียนมากำลังเดินเข้าไปหาเจ้าหน้าที่ทางการเหล่านั้น

เจ้าหน้าที่พาประธานาธิบดีไปที่สถานที่นัดหมายและเริ่มประกอบพิธีไว้อาลัยให้กับประชาชนที่เสียชีวิตในเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้

บรรยากาศพิธีไว้อาลัยนั้นเคร่งขรึมและหนักอึ้ง ไม่มีใครกล้าเอ่ยปาก เพียงตั้งใจดูประธานาธิบดีประกอบพิธีไว้ทุกข์และสวดมนต์เงียบๆ

พิธีนี้กินเวลากว่าครึ่งชั่วโมง หลังจากสวดมนต์จบแล้ว บรรดาผู้ประกอบพิธีก็ยังไม่ได้แยกย้ายกันไป ทว่าพวกเขากลับแปรแถวโดยหันไปทางผู้คนตรงหน้า

ท่านประธานาธิบดีค่อยๆ หยิบไมโครโฟนขึ้นมาพูดช้าๆ “วันนี้ถือเป็นวันรำลึกของเมืองนี้ และเป็นวันที่เมืองจะได้ถือกำเนิดขึ้นอีกครั้ง ในนามของประธานาธิบดีแห่งเมียนมา ข้าพเจ้าขอสัญญาว่าประเทศของเราจะไม่มีวันทิ้งประชาชนไป ไม่ว่าจะพบเจอกับภัยพิบัติอันหนักหนาเพียงใด ประเทศจะคอยปกป้องประชาชนจากภัยพิบัติทั้งปวงเอง!”

น้ำเสียงของท่านประธานาธิบดีหนักแน่นมาก ทำให้ผู้คนต่างรู้สึกไว้วางใจในความรับผิดชอบที่บัดนี้ได้กลายเป็นเดิมพันอย่างหนึ่งแล้ว

ท่านประธานาธิบดีพูดจบก็หันไปทางไป๋เยี่ย “แผ่นดินไหวครั้งนี้ได้เผยให้เห็นปัญหาใหญ่ที่ประเทศของเรากำลังเผชิญ นั่นคือการรักษาพยาบาลที่ขาดตกบกพร่องไป แต่ในยามที่ประชาชนของเราประสบภัยพิบัติ มิตรจากต่างแดนก็ยังคงหยิบยื่นความช่วยเหลือมาให้พวกเรา!”

“ถ้าไม่ใช่เพราะไป๋เยี่ย เราอาจจะต้องสูญเสียกันมากกว่านี้ การสูญเสียงบประมาณย่อมฟื้นตัวได้ในเร็ววัน แต่การสูญเสียชีวิตไปมิใช่เรื่องที่ยอมรับได้! ฐานรักษาพยาบาลที่ถูกจัดแบ่งตามระดับความรุนแรงของอาการบาดเจ็บที่ไป๋เยี่ยสร้างขึ้นทำให้การกู้ภัยดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบ…”

การปราศรัยดำเนินมาจนถึงช่วงสุดท้าย ท่านประธานาธิบดีกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเคร่งขรึมหนักแน่น “หลังจากที่สำนักประธานาธิบดีได้ทำการหารือและตัดสินใจกันแล้ว ท่านไป๋เยี่ยจะได้รับส่วนแบ่งที่ดินพร้อมกับยศข้าราชการนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป!”

เสียงของประธานาธิบดีแห่งเมียนมาดังสนั่นจนทุกคนต้องพากันเบิกตากว้างไปตามๆ กัน

ได้รับตำแหน่งข้าราชการ!

นับเป็นเกียรติยศอันยิ่งใหญ่สำหรับชาวเมียนมาจริงๆ

บทที่ 285 การประชุมสุดวิเศษ

หลังจากที่มาถึงห้องของไป๋เยี่ยแล้ว อาคามอสและโมลโดก็มองหน้ากันอย่างประหม่า การรีบคุยโวโอ้อวดไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย

ไป๋เยี่ยมองทั้งสองคนก่อนจะเอ่ยถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ ทำไมพวกคุณดูสีหน้าไม่ดีเลย”

อาคามอสถอนหายใจ “อาจารย์ ผมขอโทษ…”

ไป๋เยี่ยผงะ “มีอะไรเหรอครับ”

โมลโดหน้าแดง “มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่เราเชิญมาไม่ได้ โดยเฉพาะระดับบนๆ ของแต่ละสาขา พวกเขามีเหตุบางอย่างทำให้มาที่นี่ไม่ได้”

อาคามอสพูดต่อ “พวกเราได้เชิญคนมาราวๆ ยี่สิบกว่าคน ถึงพวกเขาจะไม่ใช่ระดับแนวหน้า แต่ความสามารถของพวกเขาก็ไม่ได้ด้อยกว่าเลย อาจารย์โอเคไหมครับ”

ไป๋เยี่ยยิ้ม อันที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องเชิญผู้เชี่ยวชาญระดับสูงมาด้วยซ้ำ แค่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่น่าเชื่อถือก็พอแล้ว ท้ายที่สุดแล้วไป๋เยี่ยก็ไม่ได้ต้องการเชิญคนตำแหน่งสูงเหล่านั้นมาเล่นๆ แต่เขาหวังว่าจะได้พูดคุยกันในประเด็นต่างๆ เท่านั้นเอง

ไป๋เยี่ยจึงหัวเราะออกมาเบาๆ “แค่นี้ก็พอแล้วครับ พวกคุณไปเตรียมตัวมาให้พร้อมเถอะ อีกไม่กี่วันเราจะเริ่มดำเนินการแล้ว จบงานนี้ผมจะได้เตรียมตัวกลับประเทศจีนสักที”

เมื่อทั้งสองคนได้ยินว่าไป๋เยี่ยจะกลับประเทศ พวกเขาก็หันไปมองหน้ากัน เร็วๆ นี้เนี่ยนะ

อันที่จริงเรื่องนี้จะโทษทั้งสองคนก็ไม่ได้ เพราะไม่ใช่ว่าทุกคนจะเต็มใจเดินทางมาที่เมียนมาและก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเชื่อในสิ่งที่อาคามอสพูด

ท้ายที่สุดแล้วการพัฒนาด้านการแพทย์ในปัจจุบันของเอเชียก็ยังคงล้าหลังอยู่บ้าง

ดังนั้นหลังจากที่ผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นได้รับสายแล้ว บางคนก็เลือกที่จะหัวเราะกลบเกลื่อน และหาเหตุผลต่างๆ นานามาปฏิเสธ

อย่างไรเสียทุกคนก็ยุ่งอยู่กับงาน เป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะผละออกมาจากงานเพื่อเดินทางมาที่เมียนมา

คุณคิดว่าผู้เชี่ยวชาญมีเวลาว่างขนาดนั้นเลยหรือ

แน่นอนว่าไม่!

เวลาของพวกเขาล้วนมีค่า พวกเขายังมีโครงการสำคัญต่างๆ ที่ต้องรับผิดชอบ ไหนจะต้องเข้าร่วมการประชุมใหญ่และเขียนรายงานอีก

วันที่สิบห้า วันนี้เป็นวันเทศกาลหยวนเซียว[1]

ไป๋เยี่ยซึ่งเดินทางมาถึงเมียนมาแทบไม่ได้กินกับข้าวร้อนๆ มาตั้งแต่ตรุษจีนจนกระทั่งตอนนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเกี๊ยวหรือบัวลอย[2]เลย

อย่างไรก็ตาม ในที่สุดภารกิจที่นี่ก็ใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว กลับไปก็คงต้องให้รางวัลตัวเองสักหน่อย

ความช่วยเหลือจากอาคามอสและโมลโดทำให้การประชุมผ่านไปอย่างราบรื่น อย่างไรเสียพวกเขาทั้งคู่ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญ ต่างเคยเข้าร่วมการประชุมเล็กใหญ่มานับไม่ถ้วน การเชิญผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ มานั้นจึงไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรง

คนที่มาร่วมประชุมส่วนใหญ่เป็นเพื่อนของทั้งสองคน ต่อให้ไม่ใช่เพื่อนก็เป็นคนที่รู้จักกันดีจึงสะดวกต่อการเชิญมาเข้าร่วมงานนี้

ถึงกระนั้น จะมีการประชุมที่ไหนที่ออกค่าเดินทางมาเมียนมาให้กับคนที่จะมาเข้าร่วม

เวลาบริษัทเวชภัณฑ์หลายเจ้าจัดการประชุมก็มักจะให้การต้อนรับบรรดาผู้เชี่ยวชาญเป็นอย่างดี ทั้งจัดหาอาหารเครื่องดื่มรสเลิศและจองโรงแรมห้าดาวให้พวกเขาได้พักผ่อนนอนหลับ

แต่จะมีการประชุมที่ไหนเป็นแบบที่ไป๋เยี่ยจัดบ้างหรือไม่ การประชุมครั้งนี้จัดในสถานที่เปิดโล่งพร้อมด้วยค่าเดินทางที่ออกโดยไป๋เยี่ย ส่วนในเรื่องของอาหารการกินก็มีจัดเตรียมไว้ให้พร้อม แต่คงไม่ใช่บุฟเฟต์ตามโรงแรมหรูหรา เป็นเพียงอาหารจานด่วนที่ให้พลังงานสูงเท่านั้น

ในส่วนของที่พัก ผู้เข้าร่วมจะได้สัมผัสกับบรรยากาศการนอนเต็นท์ท่ามกลางอากาศหนาวเย็น ฟังเสียงลมทะเล บางครั้งก็อาจจะมีกระแสลมหนาวพัดพามาในกลางดึกด้วย…

ส่วนเรื่องเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ และความบันเทิงสนุกสนานน่ะหรือ เหอะๆ ที่นี่ก็มีแต่ผู้บาดเจ็บและซากปรักหักพัง

ดังนั้นการที่ยังมีคนมาเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากแล้ว อย่างน้อยคนพวกนี้ก็ยังไว้หน้าอาคามอสและโมลโด

แม้ว่าทุกคนจะเตรียมตัวมาอย่างดี แต่พอมาถึงที่นี่ ความเข้าใจของทุกคนเกี่ยวกับการประชุมก็เปลี่ยนไปในทันที ทำให้พวกเขาต้องให้คำจำกัดความใหม่กับการประชุมครั้งนี้

ทั้งอาคามอสและโมลโดก็เอาแต่พูดอวยยศไป๋เยี่ย จนคนอื่นๆ เริ่มสงสัยว่าไป๋เยี่ยมีดีอะไรถึงทำให้ทั้งคู่พูดถึงเขามากขนาดนี้

ต่อไปก็เหลือแค่รอให้การประชุมเริ่มต้นขึ้น

นี่ถือได้ว่าเป็นการจัดการประชุมแลกเปลี่ยนความรู้ครั้งแรกของไป๋เยี่ยเลย

ถึงแม้ว่ามันจะเรียบง่าย ทว่าจุดประสงค์ของการประชุมไม่ได้อยู่ตรงนั้น จุดประสงค์ของไป๋เยี่ยก็คือระหว่างที่เขาพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ เขาก็จะสะสมค่าประสบการณ์ให้เกินหนึ่งแสนแต้มและอัปเลเวลทักษะขึ้นเป็นเลเวลเจ็ด!

ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ใช่ไป๋เยี่ยคนเดียวเท่านั้นที่ได้รับประสบการณ์ แต่คนอื่นๆ ก็จะได้รับประโยชน์มากขึ้นด้วย

เพื่อให้การประชุมดำเนินไปอย่างราบรื่น ไป๋เยี่ยจึงได้จัดเตรียมเคสผู้บาดเจ็บที่จะนำมาอภิปรายไว้แล้ว

เขากังวลกับเรื่องนี้มาก จึงสรุปเคสที่ต้องนำมาอภิปรายอย่างรอบคอบเพื่อความสะดวก

เรียกได้ว่าเคสเหล่านี้ล้วนเป็นเคสที่สิบปีจะเจอสักครั้ง แต่กลับเจอได้ ณ ที่แห่งนี้

ท้ายที่สุดแล้วการแพทย์ฉุกเฉินก็แตกต่างจากสาขาวิชาอื่นๆ ไม่มีแผ่นดินไหวขนาดใหญ่เช่นนี้เกิดขึ้นมานานหลายสิบปีแล้ว เหตุการณ์นี้จึงมีคุณค่าต่อการวิจัยสูงมาก

การประชุมจัดขึ้นในวันที่สิบห้า ไป๋เยี่ยเดินไปยังสถานที่จัดประชุมเพื่อหาที่นั่ง

ไป๋เยี่ยมองดูทุกคนที่มาร่วมการประชุมแล้วยิ้มออกมา “ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาจากตารางงานที่ยุ่งเหยิงเพื่อมาเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้นะครับ ในอีกสองวันข้างหน้า พวกเราจะมีการอภิปรายถึงเคสผู้ป่วยหายากที่ได้พบระหว่างช่วงเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ผ่านมานี้…”

“ผู้บาดเจ็บรายแรกเป็นมีอาการบาดเจ็บที่สมอง ศีรษะถูกแทงด้วยเหล็กเส้น กะโหลกแตก ถึงแม้ว่าจะยังไม่พบว่าสมองได้รับความเสียหายใดๆ แต่ก็มีบาดแผลจำนวนมากบริเวณกะโหลกศีรษะ…”

ระหว่างที่ไป๋เยี่ยอ่านเคสผู้บาดเจ็บ ทุกคนก็เงียบไป เพราะเคสกะโหลกศีรษะแตกและมีรอยฟกช้ำนั้นเป็นเคสที่ธรรมดามาก พบได้บ่อยในเหตุการณ์แผ่นดินไหว ทว่าจากการพยากรณ์โรคของผู้บาดเจ็บเคสนี้กลับพบว่านี่เป็นเคสที่รักษายากเพราะมีอาการสาหัส เป็นอันตรายต่อผู้บาดเจ็บอย่างมากเพราะยากที่จะประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสมอง

อีกทั้งการรักษายังทำได้ยากมาก เพราะว่าไม่มีการตรวจภาพเอ็กซเรย์ จึงประเมินอาการของบาดเจ็บไม่ได้!

ไป๋เยี่ยพูดต่อ “ทุกคนรู้ดีว่ามันเป็นเรื่องยากมากในการเลือกวิธีการรักษาเคสดังกล่าว แต่ระหว่างที่เกิดแผ่นดินไหว ผมก็ได้พบกับผู้บาดเจ็บที่คล้ายกับเคสนี้หลายร้อยรายเลยทีเดียว ซึ่งจากที่พวกเราได้ทำการทดลองวิจัยอย่างต่อเนื่องแล้ว ในที่สุดพวกเราก็ได้คิดค้นแผนการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะเพิ่มอัตราการรักษาสำเร็จได้”

ไป๋เยี่ยกล่าวพลางขอให้โยฮันแจกขั้นตอนการรักษาที่ไป๋เยี่ยร่างด้วยตนเองให้ทุกคน จากนั้นจึงเริ่มอธิบาย

ไป๋เยี่ยอธิบายทุกขั้นตอนอย่างละเอียด ทั้งวิธีจัดการกับผู้บาดเจ็บ วิธีการวินิจฉัย วิธีการรักษาแบบกำหนดเป้าหมายและวิธีการอื่นๆ…

ทันใดนั้น ทุกคนก็ถูกดึงดูดโดยหัวข้อเปิดการประชุม เพราะว่าเคสดังกล่าวถือเป็นปัญหาด้านการรักษาพยาบาลระดับนานาชาติจริงๆ ซึ่งสิ่งที่ไป๋เยี่ยพูดก็ฟังดูสมเหตุสมผล!

วิธีที่เขาใช้ล้วนเป็นวิธีการที่มีอยู่แล้ว ทว่าก็มีจุดที่แตกต่างจากการผ่าตัดทั่วไป วิธีการตรวจความดันในกะโหลกก็เป็นวิธีที่ใช้กันทั่วไป ทว่าการจะดำเนินการผ่าตัดในที่แบบนี้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย พอคิดถึงจุดนี้แล้วก็จะพบว่ามันยากมากจริงๆ…

ทันใดนั้น ทุกคนก็ละทิ้งสิ่งที่อยู่ในใจและหันมารวบรวมสมาธิฟังสิ่งที่ไป๋เยี่ยกำลังจะพูด

[1] เทศกาลหยวนเซียว หรือ เทศกาลโคมไฟ จัดขึ้นในวันที่ 15 เดือน 1 ตามปฏิทินจันทรคติ เป็นเทศกาลที่ต่อจากเทศกาลตรุษจีนเป็นการฉลองค่ำคืนแรกของปี

[2] บัวลอย ในที่นี้คือขนมทังหยวน ขนมที่คล้ายกับขนมบัวลอยของไทย ทำจากแป้งข้าวเหนียวปั้นเป็นทรงกลมและสอดไส้ด้วยไส้ต่างๆ รับประทานคู่กับน้ำเชื่อม คนจีนมักจะรับประทานทังหยวนกันในเทศกาลหยวนเซียว เพราะออกเสียงคล้ายกับคำว่า ‘ถวนหยวน‘ (团圆) ซึ่งหมายถึงการได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันกับครอบครัว

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

Status: Ongoing
สูตรโกงฉบับเด็กเรียน แฟนตาซีระบบเรื่องใหม่จากผู้เขียนเดียวกับ “เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ” ถูกหลอกดูดเงินจนหมดบัญชี สิ่งที่ได้มากลับเป็นระบบเด็กเรียน?! เป็นเด็กเรียนน่ะไม่น่ากลัวเท่าไหร่หรอก แต่เกรงว่าเด็กเรียนผู้นี้จะต้องใช้สูตรโกงเสียแล้ว! [สวัสดี คุณไป๋เยี่ยที่เคารพ สมาชิก QQ เดือนนี้ของท่านกำลังจะหมดอายุ โปรดต่ออายุสมาชิกทันทีเพื่อคงเลเวลสมาชิกของท่านไว้] ไป๋เยี่ย แค่อยากจะต่ออายุสมาชิก QQ เท่านั้น แต่เขากลับถูกตัดเงิน! ตัดเงิน!! ตัดเงิน!!! จนยอดเงินในบัญชีธนาคารเหลืออยู่เพียง 0.01 หยวน?! นี่หรือว่า…เขาจะเจอมิจฉาชีพหลอกดูดเงินเข้าแล้ว?!! แต่หลังจากนั้นไม่นานก็มีหน้าต่างประหลาดปรากฏขึ้นตรงหน้า [ติ๊ง! ต่ออายุสมาชิกสำเร็จ เลเวลสมาชิกปัจจุบัน: 1] [ติ๊ง! ยินดีด้วย ท่านได้เปิดใช้แผนสมาชิกตลอดชีพแล้ว โปรดรับสิทธิประโยชน์สมาชิกของท่าน] และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการทำภารกิจเด็กเรียนเพื่อพิชิตการเป็นสุดยอดแพทย์แผนจีน ผันตัวกลายเป็นเด็กเรียนเบอร์ต้นๆ ของมหาวิทยาลัยเพื่อรักษาชีวิตของตนเองไว้ ฟันฝ่าอุปสรรคทำภารกิจที่ระบบมอบหมายให้สำเร็จและขวนขวายหาวิชาความรู้ด้วยตนเอง ท้ายที่สุดแล้วเขาจะเอาตัวรอดได้ด้วยตนเองหรือจะต้องใช้ ‘สูตรโกง’ กันนะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท