หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 169 รอให้เธอแต่งงานกับฉัน

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

เจี่ยนอี๋นั่วจูบเหลิ่งหมิงอันอย่างเหม่อลอย จนเหมิ่งหมิงอันแทบจะขาดอากาศหายใจ เขาผลักเธอออกเบาๆ เจี่ยนอี๋นั่วจึงถอยออกมาก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า : “เป็นอะไรไป?”

เหลิ่งหมิงอันเปิดปากก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า : “หรือเธอจะเอาชีวิตฉันเลยล่ะ? ร่างกายของฉันตอนนี้ทำต่อไปไหวหรอกนะ แล้วฉันก็ไม่ใช่คนไร้ความรับผิดชอบอย่างเหลิ่งเซ่าถองซะหน่อย หลังจากที่ฉันแต่งงานแล้วเข้าหอกับเธอ วันนั้นฉันค่อยทำกับเธอแล้วกัน……”

เจี่ยนอี๋นั่วมองหน้าเหลิ่งหมิงอันก่อนจะยกยิ้มแล้วพูดว่า : “คิดไม่ถึงเลยนะ ว่านายจะเป็นผู้ชายที่มีความรับผิดชอบแบบนี้”

เหลิ่งหมิงอันยกยิ้มมุมปากก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “ใช่สิ เธอควรจะแต่งงานกับคนอย่างฉัน แต่งกับสามีในอนาคตอย่างฉันแล้วก็มีความสุขด้วยกัน จริงด้วย……”

เหลิ่งหมิงอันหันหลังกลับไปก่อนจะหยิบกล่องเครื่องประดับออกมา แล้วเปิดมันเบาๆพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า : “นี่คือแหวนที่ฉันให้เธอ ใส่ซะสิ”

เจี่ยนอี๋นั่วก้มหน้าลงมามองกล่องเครื่องประดับตรงหน้า ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาแล้วเตรียมตัวที่จะสวมมัน เหลิ่งหมิงอันก็กัวเราะก่อนจะขัดเจี่ยนอี๋นั่ว ก่อนจะพูด้วยน้ำเสียงทุ้ม : “แหวนวงนี้ต้องให้ฉันเป็นคนใส่ให้เธอสิ”

เหลิ่งหมิงอันพูดถึงตรงนี้เขาก็หยิบแหวนมาก่อนที่จะมองไปที่ใบหน้าของเจี่ยนอี๋นั่ว เจี่ยนอี๋นั่วยื่นมือของเธอมาทันทีเพื่อให้เหลิ่งหมิงอันสวมแหวนวงนั้นให้เธอ แหวนเพชรชั้นดีนั้นถูกสวมใส่ไปที่นิ้วของเจี่ยนอี๋นั่ว เจี่ยนอี๋นั่วก้มหน้ามอง ก่อนจะยกยิ้ม : “แหวนสวยมาก ฉันชอบมาก”

“ต่อไปเธอจะชอบที่จะได้อยู่กับฉันในทุกวัน” เหลิ่งหมิงอันยกยิ้มขึ้นมา

เจี่ยนอี๋นั่วเองก็ค่อยๆยกยิ้มขึ้นมาเช่นกัน ก่อนจะพูดซ้ำอีกครั้ง : “แน่นอนสิ ฉันจะชอบการที่ฉันกับนายอยู่ด้วยกันในทุกวัน”

ในห้องพักผู้ป่วย เหลิ่งเซ่าถิงจับแผลของตัวเองที่หัวไหล่ด้วยใบหน้าที่ซีดเซียวของเขา พร้อมกับมองรูปของเจี่ยนอี๋นั่วแล้วเจี่ยนซวง

จางหมินขมวดคิ้วยืนอยู่ข้างๆเขา ก่อนจะพูดขึ้นด้วยความรู้สึกผิดว่า : “ท่านประธานเหลิ่งครับ คนที่ทำร้ายคุณคือคนที่เหลิ่งเฉิงรุ่ยส่งมาครับ ตอนนี้ลูกชายของเหลิ่งเฉิงรุ่ยถูกฆ่าตายแล้ว แต่ว่าตอนนั้นคุณกำลังบาดเจ็บอยู่ ตอนนั้นคนของคุณอยู่ในความตื่นตระหนก เลยไม่ได้คอยดูแลคุณเจี่ยนอย่างเต็มที่ครับ เป็นความผิดพลาดของผมเอง”

ถึงแม้ว่าเจี่ยนอี๋นั่วขับไล่เยี่ยหมิงจู แต่เหลิ่งเซ่าถิงก็อดไม่ได้ที่จะให้คนตามปกป้องเจี่ยนอี๋นั่วอยู่ห่างๆ แต่เพราะเรื่องนี้จะต้องทำอย่างระมัดระวังและรอบคอบ จึงไม่สามารถออกตัวปกป้องอย่างออกหน้าออกตาได้ เหลิ่งเซ่าถิงมีลางสังหรณ์ว่าเหลิ่งหมิงอันนั้นจะไปพบแก่เจี่ยนอี่นั่ว แต่เขารู้ว่าเหลิ่งหมิงอันนั้นรู้สึกกับเจี่ยนอี๋นั่วยังไง ถึงเจี่ยนอี๋นั่วไปเจอกับเหลิ่งหมิงอัน เจี่ยนอี๋นั่วก็ไม่เป็นอะไรไปแน่นอน

สิ่งเดียวที่เหลิ่งเซ่าถึงคิดไม่ถึงก็คือเขาไม่คิดว่าเจี่ยนอี๋นั่วนั้นจะกล้าแทงเหลิ่งหมิงอันแล้ว และมีความคิดที่จะฆ่าเหลิ่งหมิงอัน การบาดเจ็บของเหลิ่งหมิงอันครั้งนี้นั้นทำให้ทุกอย่างมีการเปลี่ยนไป

เหลิ่งเซ่าถิงขมวดคิ้วขึ้นพร้อมกับจ้องมองรูปภาพในมือของตนเอง ในขณะนั้นเสียงโทรศัพท์ของจางหมินก็สั่น เขาก้มหน้ามองโทรศัพท์ตัวเอง ก่อนจะเอามันใส่ลงไปในกระเป๋ากางเกง พร้อมกับมองไปที่เหลิ่งเซ่าถิงด้วยความประหม่า

เหลิ่งเซ่าถิงขมวดคิ้วมองจางหมิน : “เกิดอะไรขึ้น?”

จางหมินเม้มปาก : “คือ……คนของเหลิ่งหมิงอันส่งการ์ดแต่งงานของเขามาให้คุณครับ การ์ดแต่งงานของเขากับเจี่ยนอี๋นั่ว”

เหลิ่งเซ่าถิงขมวดคิ้วก่อนจะก้มหน้าลงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม : “การ์ดแต่งงานหรอ?”

จางหมินระวังคำพูดเพราะกลัวว่าเหลิ่งเซ่าถิงนั้นจะเคือง : “ครับ การ์ดแต่งาน”

เหลิ่งเซ่าถองพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ : “เอามานี่”

จางหมินรีบออกจากห้องพักผู้ป่วยทันที ก่อนจะเอาการ์ดแต่งงานนั้นเข้ามาให้เหลิ่งเซ่าถิง เหลิ่งเซ่าถองรีบยื่นมือออกมารับมันทันที เขาเห็นชื่อของเจี่ยนอี๋นั่วและชื่อของเหลิ่งหมิงอันอยู่ในนั้น เหลิ่งเซ่าถิงหรี่ตามองพร้อมกับขมวดคิ้ว แล้วพูดว่า : “ส่งการ์ดงานแต่งมาให้ฉันงั้นหรอ งั้นฉันก็คงต้องส่งไปให้เขาสักหน่อยแล้ว กู้เค่อหยิงยังมีชีวิตอยู่ใช่มั้ย? บอกเขาซะ ว่างานครบรอบแต่งงานของฉันกับกู้เค่อหยิงใกล้มาถึงแล้ว จะจัดงานเลี้ยงขึ้น เชิญเขากับเจี่ยนอี๋นั่วมาร่วมงานด้วย”

จางหมินขมวดคิ้วขึ้นก่อนจะพูด : “ท่านประธานครับ คุณ?”

เหลิ่งเซ่าถิงก้มหน้าลงก่อนจะหัวเราะขึ้นมา : “เหลิ่งหมิงอันสมควรตาย เจี่ยนอี๋นั่วฆ่าเขาแต่ทำไม่สำเร็จ ฉันคงต้องลงมือทำเอง”

เมื่อจางหมืนได้ยินเหลิ่งเซ่าถิงพูดเช่นนั้น เขาก็รีบพยักทันทีก่อนจะพูดขึ้นว่า : “ผมรู้แล้วครับผมควรทำยังไง”

เหลิ่งเซ่าถองโบกมือรอให้จางหมินออกจากห้องพักผู้ป่วยไป เหลิ่งเซ่าถิงก็ค่อยๆขยำการ์ดงานแต่งงานในมือของเขาทันที แม้ว่าแขนของเขายังไม่หายดีแต่เขาก็ขยำมันสุดแรงของเขา จนการ์ดแต่งงานในมือของเขาเป็นก้อนกลม

หลังจากที่เขาขยำมันจนเป็นก้อนกลมเขาก็โยนมันออกทันที ปลายนิ้วของเหลิ่งเซ่าถิงสั่นเทา จู่ๆเขาก็นึกขึ้นได้ ระหว่างเขาและเจี่ยนอี๋นั่วนั้นไม่เคยพูดอะไรเพื่อเป็นการพิสูจน์ความรู้สึกของพวกเขาในอดีตเลย ตอนนี้เหลิ่งหมิงอันก้าวนำเขาไปแล้วหนึ่งก้าวแล้วสินะ แล้วชื่อของเขาก็ยังอยู่ในการ์ดแต่งงานใบเดียวกันกับเจี่ยนอี๋นั่วอีก?

ตอนนี้เหลิ่งหมิงอันนั่งอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ที่อบอุ่น เขามองคนที่อยู่กับเขาอย่างเจี่ยนอี๋นั่วและเจี่ยนซวงด้วยรอยยิ้ม ถ้าไม่ใช่เพราะอาการบาดเจ็บของเหลิ่งหมิงอันที่ยังไม่หายดีนั้น พวกเขาสามคนก็คงจะเป็นครอบครัวที่มีความสุข เจี่ยนซวงมองเหลิ่งหมิงอันด้วยรอยยิ้มก่อนจะค่อยๆหุบรอยยิ้มนั้นลง แล้วหันมามุ่ยปากใส่เจี่ยนอี๋นั่ว : “หม่าม้าคะ หม่าม้าจะแต่งงานกับคุณลุงคนนี้จริงๆหรอคะ? เขา….เขาดูเป็นคนที่น่ากลัวมากๆเลยค่ะ…..ซวงซวงไม่ชอบเขาเลยค่ะ…..”

เจี่ยนซวงพูดถึงตรงนี้เธอก็มุ่ยปากทันที ก่อนจะพูดด้วเยสียงเล็กๆของเธอ : “ซวงซวงทำให้หม่าม้าลำบากใจรึเปล่าคะ? ถ้าไม่ใช่เพราะซวงซวง หม่าม้าจะแต่งกับผู้ชายคนไม่ดีคนนี้มั้ยคะ”

เจี่ยนอี๋นั่วลูบหัวลูกสาวด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะพูดขึ้นมา : “ไม่ใช่ว่าซวงซวงอยากมีคุณพ่อมาโดยตลอดหรอคะ?”

เจี่ยนซวงสูดจมูกครั้งหนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยตาแดงๆของเธอ : “คุณพ่อที่ซวงซวงอยากมีคือคุณพ่อที่หม่าม้าชอบค่ะ ไม่ใช่คุณพ่อแบบนี้……”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยรอยยิ้ม : “หม่าม้าชอบคุณพ่อคนนี้นะคะ”

เจี่ยนซวงขยี้ตาตัวเองก่อนจะร้องไห้ออกมา : “หม่าม้าโกหกซวงซวง หม่าม้าไม่ได้ชอบคุณพ่อคนนี้เลย หม่าม้าคะ หม่าม้าให้ซวงซวงตายไปเถอะค่ะ แล้วหม่าม้าก็หนีไปแล้วก็ลืมซวงซวง ไปซ่อนตัวแล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข หม่าม้ายังมีลูกได้อีกนะคะ ถ้าหม่าม้ามีลูกอีกหม่าม้าก็จะได้ลืมซวงซวงได้ไวๆ แล้วหม่าม้าก็จะมีความสุข”

เจี่ยนอี๋นั่วปิดตาลงอย่างขมขื่นเพื่อกลั้นน้ำตาของเธอเอาไว้ ก่อนจะกระซิบ : “หนูพูดอะไรอยู่คะ? หม่าม้ามีซวงซวงไงคะหม่าม้าถึงได้มีความสุข ถ้าไม่มีซวงซวง หม่าม้าก็ไม่มีความสุข ไม่ว่าในอนาคตหม่าม้าจะมีลูกอีกหรือไม่ก็ตาม ใครก็มาแทนที่ซวงซวงไม่ได้หรอกค่ะ”

เจี่ยนซวงก้มหน้าลงก่อนจะพูดพร้อมกับร้องไห้ : “ถ้าตอนนั้นซวงซวงวิ่งให้ไวกว่านั้นคงจะดีกว่านี้ ตอนนั้นซวงซวงไม่ได้เชื่อฟังคำพูดของหม่าม้า ไม่ได้วิ่งเต็มแรง ก็เลยถูกพวกเขาจับ ถ้าซวงซวงวิ่งสุดแรงอาจจะหนีพ้นก็ได้ค่ะ แต่ว่าซวงซวงไม่อยากไปจากหม่าม้า……”

เจี่ยนอี๋นั่วกอดลูกน้อยเบาๆก่อนจะพูดกับลูกน้อยว่า : “หม่าม้าขอโทษค่ะ”

จู่ๆเจี่ยนอี๋นั่วก็เข้าใจทันทีว่าทำไมตอนที่เธอใช้ชีวิตอยู่กับเหลิ่งเซ่าถิงนั้น เขามักจะขอโทษเธออยู่บ่อยๆ เพราะว่าขอโทษจริงๆ ที่รักคุณ แต่ไม่สามารถปกป้องคุณได้ ทำให้คุณต้องติดอยู่กับข้อพิพาทพวกนั้น ทำให้คุณต้องตกอยู่ในอันตรายมากกว่าคนอื่นๆ ทำให้คุณต้องทนทุกข์มากกว่าคนอื่น คนอื่นๆเขาได้ใช้ชีวิตและดื่มด่ำกับอะไรหลายๆอย่าง แต่คุณไม่สามารถทำแบบนั้นได้

นอกจากคำว่าขอโทษแล้ว ยังพูดคำไหนได้อีก?

ขอโทษที่รักหนู ขอโทษที่เกิดหนูมา ขอโทษที่ปกป้องหนูไม่ได้ ขอโทษที่ทำให้หนูใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไม่ได้

“ร้องไห้ทำไม?” แผลของเหลิ่งหมิงอันดีขึ้นมาก เสียงของเขาก็ไม่ได้แหบเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เสียงของเขาทุ้มต่ำ ทำให้เสียงของเขาไพเราะขึ้น

เจี่ยนอี๋นั่วลูบหนังเจี่ยนซวงเบาๆก่อนที่เจี่ยนอี๋นั่วจะพูด เจี่ยนซวงก็ชิงพูดขึ้นมาทันที : “หนูล้มค่ะ ทรายเลยเข้าตา”

“อ๋อ? งั้นคงไม่ได้แล้วล่ะ ถ้าเป็นเด็กชอบพูดโกหกแบบนี้ แล้วทรายเข้าตา ตาก็คงจะกลายเป็นแบบฉัน” เหลิ่งหมิงอันพูดถึงตรงนี้ ก่อนเขาปัดผมที่ปิดตาซ้ายของเขาเอาไว้เผยให้เห็นหนังตาที่เหี่ยวย่นของเขา

เจี่ยนซวงรีบเข้าไปหลบในอ้อมกอดของเจี่ยนอี๋นั่วทันที ก่อนจะเบะปากแล้วตาของเธอก็ขึ้นสีแดงก่ำอีกที เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วขึ้นอย่างทนไม่ได้ ก่อนหันหน้าไปมองเหลิ่งหมิงอันแล้วพูดว่า : “ทำไมนายต้องทำให้เด็กกลัวด้วย?”

เหลิ่งหมิงอันจ้องหน้าเจี่ยนอี๋นั่ว ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม : “เพราะว่าโกหกไง”

“เธอยังเด็กอยู่นะ” เจี่ยนอี๋นั่วกอดลูกสาวแน่น

เหลิ่งหมิงอันพูดด้วยรอยยิ้ม : “แล้วก็ยังเป็นที่ประจบสอพลอทำให้คนอื่นไม่ชอบอีกด้วย”

“ไม่ใช่นะ ซวงซวงเป็นที่รักต่างหาก มีคนชอบซวงซวงตั้งเยอะ!” เจี่ยนซวงชะโงกหน้ามาตะโกนใส่เขา

เหลิ่งหมิงอันพูดด้วยรอยยิ้ม : “มีคนชอบคนขี้โกหกขนาดนั้นเชียว? เมื่อกี้หนูพูดโกหกกับฉันนะ ตัวเองไม่ได้ล้มด้วยซ้ำ ทรายก็ไม่ได้เข้าตาด้วย”

เจี่ยนซวงขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดอย่างตื่นตระหนกว่า : “เพราะว่าคุณน่ากลัวไง! ซวงซวงเลยโกหก! ซวงซวงไม่อยากให้หม่าม้ากับคนน่ากลัวอย่างคุณอยู่ด้วยกัน ซวงซวงก็เลยร้องไห้…..”

ซวงซวงพูดถึงตรงนี้ก็กระพริบตาปริบๆอยู่กับที่ ก่อนจะรู้ตัวว่าตัวเองพูดทุกอย่างออกไปแล้ว จากนั้นเธอก็รีบยกมือขึ้นมาปิดปากของตัวเองทันที ก่อนจะทำหน้าร้องไห้แล้วพูดกับเหลิ่งหมิงอันไปว่า : “คุณ….คุณทำให้ซวงซวงกลัว…..”

เหลิ่งหมิงอันยิ้มก่อนจะเข้ามาใกล้ๆเจี่ยนซวง แล้วเขากับปัดผมเขาอีกครั้ง แล้วใช้ตาที่เขาสูญเสียไปมาหลอกให้เจี่ยนซวงกลัว แต่เจี่ยนอี๋นั่วนั้นรีบยกมือขึ้นมาห้ามเหลิ่งหมิงอันทันที เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วขึ้นก่อนจะพูด : “นายไม่ต้องทำให้เธอกลัวแล้วได้มั้ย เดี๋ยวกลางคืนเธอจะนอนไม่หลับ”

เหลิ่งหมิวอันก้มหน้ามามองมือของเจี่ยนอี๋นั่วที่วางอยู่บนไหล่ของเขา สายตาของเขาเกิดความสับสนขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มขึ้นมาอย่างมึนงง ราวกับคนเสพยา ก่อนจะพูดขึ้นมาอย่างโง่เขลาว่า : “เธอพูดกับฉันแบบนี้นี่เหมือนคุณแม่ที่กำลังห้ามคุณพ่อที่เอาแต่คุยเลยนะ”

เหลิ่งหมิงอันพูดก่อนจะหันหน้ามามองเจี่ยนอี๋นั่ว แล้วพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า : “จริงๆลูกสาวเธอก็เหมือนฉันนะ แล้วก็มีสายเลือดเดียวกันกับฉันอยู่ด้วย เจี่ยนอี๋นั่ว เธอคบกับฉันเถอะนะ ตาข้างนึงของฉัน ชีวิตอีกครึ่งนึงของฉัน มันยังไม่เพียงพออีกหรอ? ตอนนี้เหลิ่งเซ่าถิงไม่เหมาะที่จะมาคบกับเธอหรอกนะ เธอไม่รู้หรอกว่าเขาผิดใจด้วย ถ้าเธอยังเลือกเขา ต่อไปเรื่องแบบนี้มันต้องเกิดขึ้นอีกแน่ ชีวิตของเธอก็จะไม่สงบสุขตลอดไป แต่ต่างกันกับฉัน ฉันสามารถปกป้องเธอได้ แล้วก็ไม่ใช่ศูนย์กลางของสิทธิอำนาจพวกนั้นด้วย”

เหลิ่งหมิวอันพูดถึงตรงนี้ ก่อนเขาจะพูดกับเจี่ยนอี๋นั่วอย่างจริงใจว่า : “เจี่ยนอี๋นั่ว รักฉันเถอะนะ”

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท