หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 78 พวกเราเริ่มต้นกันใหม่นะ

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

เจี่ยนอี๋นั่วหลับตาลงสักครู่ เฮ่อเยี่ยนหงเดินอย่าฝระมัดระวังค่อยๆเข้าไปใกล้เจี่ยนอี๋นั่ว พูดด้วยน้ำเสียงเบา:“ถ้าอย่างนั้นเรื่องที่หย่ากับพ่อของเธอล่ะ……”

เจี่ยนอี๋นั่วลืมตาขึ้นจ้องมองเฮ่อเยี่ยนหง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“คุณวางเถอะค่ะ ตอนนี้คุณพ่ออาการหนักมากค่ะ ฉันจะไม่ทำให้คุณต้องเดือดร้อน คุณคุยกับทนายดีกว่านะคะ ลองดูว่าควรจะจัดการเรื่องหย่านี้ยังไง หลังจากที่คุณหย่ากับคุณพ่อ เงินโบนัสที่ควรจะได้ก็ยังคงได้เหมือนเดิม คุณสามารถไปต่างประเทศพร้อมกับเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย แต่ไปครั้งนี้คุณต้องจับตาดูแลเธอดีๆ อย่าให้เธอคิดถึงฉู่หมิงเซวีนนอีก เธอไม่ฟังคำพูดของฉัน คุณเป็นแม่ของเธอจริงๆหรือเปล่า คำพูดของคุณ เธอคงจะฟังบ้างนะ”

“อันที่จริงหมิงเซวียนก็ไม่เลวนะ เขาเคยซื้อของให้ฉันไม่น้อย……”เฮ่อเยี่ยนหงพึมพำด้วยน้ำเสียงเบา

เจี่ยนอี๋นั่วคิ้วขมวดจ้องไปทางเฮ่อเยี่ยนหง ถอนหายใจเบาๆ:“ถ้าหากไม่ใช่เขา ตอนนี้เธออาจได้ส่วนแบ่งมรดกอย่างน้อย30 ล้าน เธอลองคิดดูตัวเลขนี้ ก็รู้ได้ว่าจะเกลียดเขาขนาดไหน ของขวัญที่เขาให้กับคุณ เกินหนึ่งแสนแล้วหรือยัง? การที่เขาเข้าใกล้เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย ต้องมีจุดประสงค์ไม่ดีแอบแฝงแน่นอน หรือคุณไม่คาดหวังให้เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยแต่งงานกับผู้ชายที่เทียบพร้อมเหรอ ให้ฉู่หมิงเซวียนอย่างง่ายดาย คุณพอใจแบบนี้ใช่ไหม? คุณไม่อยากให้ฮุ่ยฮุ่ยแต่งกับผู้ชายที่เพียบพร้อม ทำให้คุณสามารถไปพูดโอ้อวดกับใครๆได้ ? ตอนนี้ฉู่หมิงเซวียนสามารถซื้อของขวัญให้บ้างบางครั้งบางคราว แต่ว่าเงินเดือนต่อปีของเขาไม่เกิน1ล้าน คุณสามารถโอ้อวดกับเพื่อนๆแวดวงไฮโซได้อย่างนั้นเหรอ?”

อันที่จริงเจี่ยนอี๋นั่วไม่สนใจหรอกว่าเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยจะแต่งกับคนรวยหรือไม่ แต่ต้องหาคนที่ดีกับเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย ไม่ใช่ผู้ชายคิดวางแผนแต่สิ่งเลวๆ เจี่ยนอี๋นั่วคิดว่าแค่นี้ก็พอแล้ว แต่ว่าเธอจำเป็นต้องพูดแบบนี้ เพื้อเกลี้ยกล่อมเฮ่อเยี่ยนหง เพราะเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยยังเชื่อฟังคำพูดของเฮ่อเยี่ยนหงบ้าง ขอเพียงแค่เฮ่อเยี่ยนหงเฝ้าดูแลเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยดีๆ ถ้าเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยไปอยู่ต่างประเทศ อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้

เวลานี้เฮ่อเยี่ยนหงค่อยๆคิดได้ รีบพยักหน้าพูดขึ้นว่า:“ถ้าอย่างนั้นฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะดูแลและเฝ้าดูฮุ่ยฮุ่ยแน่นอน”

เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยเม้มริมฝีปากพร้อมพยักหน้า:“ถ้าจัดการเอกสารการเดินทางออกต่างประเทศเสร็จแล้ว ฉันจะให้คนโทรแจ้งคุณเอง แล้วอีกอย่าง…..ควรพาเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยไปตรวจแผนกสูตินารีเวชหน่อยนะ ถ้าหากตั้งครรภ์…..”

เดิมทีเจี่ยนอี๋นั่วอยากจะพูดว่า ถ้าหากตั้งครรภ์ก็ให้ทำแท้ง เพราะว่าลูกของฉู่หมิงเซวียนเก็บไว้ไม่ได้ ก่อนที่เจี่ยนอี๋นั่วจะมีลูก เธอจะต้องตัดสินใจทำอย่างนี้แน่นอน แต่เป็นเพราะว่าเธอเคยเสียลูกไป รู้ว่าการที่เสียลูกไปนั้นมันเจ็บปวดขนาดไหน แม้ว่าเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยจะตั้งครรภ์ลูกของฉู่หมิงเซวียน เจี่ยนอี๋นั่วก็พูดไม่ออกอยู่ดี

เจี่ยนอี๋นั่วก็สูดหายใจเข้าลึกๆ พูดด้วยน้ำเสียงเบา:“ถ้าหากมีลูกขึ้นมาจริงๆ พวกเราก็เตรียมการไว้แล้ว”

“อะไรนะ?เด็ก?”เฮ่อเยี่ยนหงตกใจเบิ่งตาโต:“มีลูกได้ยังไง?ฮุ่ยฮุ่ยของพวกเรา……เธอและฉู่หมิงเซวียน……”

ทันใดนั้นเฮ่อเยี่ยนหงหยุดชะงัก ทรุดตัวนั่งบนโซฟา:“ฉู่หมิงเซวียนไม่ให้เกียรติฮุ่ยฮุ่ยแบบนี้ได้อย่างไรกัน?”

เจี่ยนอี๋นั่วจ้องมองอาการตอนนี้ของเฮ่อเยี่ยนหง ก็ถอนหายใจ เฮือก ยาวๆ กุมขมับของตัวเองและนวดไปมา :“นี่คุณคิดว่าฉู่หมิงเซวียนเป็นพวกสุภาพบุรุษเหรอ? ดึกดื่นขนาดนี้ ชายหญิงออกไปด้วยกัน คุณก็ไม่คิดอะไรเลยเหรอ? ฉันหาพวกเขาเจอในโรงแรม ฮุ่ยฮุ่ยพูดออกมาจากปากเอง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ของพวกมีความสัมพันธ์กัน”

เวลานี้เฮ่อเยี่ยนหงตาแดงก่ำ:“ตายแล้ว ลูกฮุ่ยฮุ่ยจ๋า ทำไมลูกโง่ขนาดนี้นะ แค่รับของขวัญก็พอแล้ว ทำไมต้องนอนกับเขา……”

“นี่ไม่ได้เป็นอะไร ความผิดสามารถแก้ไขได้ แต่สำหรับผู้ชายที่ไม่มีความรับผิดชอบ ถ้าหากฮุ่ยฮุ่ยอยู่ด้วยกันกับผู้ชายคนนี้ อีกหน่อยชีวิตก็จะพังพินาศ”

เจี่ยนอี๋นั่วจ้องมองเฮ่อเยี่ยนหง พูดด้วยน้ำเย็นชา:“คุณเลือกคุณพ่อของฉัน ฉันคิดว่าเธอตาถึง ฮุ่ยฮุ่ย ต่อไปคุณควรใส่ใจมากกว่านี้ ถ้าไม่มีของใช้ คุณขอกับฉันได้ ต่อไปอย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกแล้วนะ รอฮุ่ยฮุ่ยเรียนรู้สำเร็จกลับมา ต้องเจอผู้ชายที่ดีกว่านี้แน่นอน”

เฮ่อเยี่ยนหงร้องไห้สักพักก็พยักหน้าตอบรับ:“ฉันเข้าใจแล้ว”

เจี่ยนอี๋นั่วค่อยลุกยืนขึ้น ถอนหายใจเบาๆ ค่อยๆเดินออกจากคฤหาสน์ ทันใดนั้นเธอรู้สึกว่ามันเหนื่อยมากจริงๆ รู้สึกถึงความเหนื่อยล้าและกำลังจะหมดแรง เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วขึ้นรถ ทรุดตัวนั่งตรงเบาะหลังลืมตาแทบไม่ไหว นี่ก็คือความรู้สึกที่ต้องเป็นผู้นำครอบครัวใช่ไหม? ความโกรธแบบนั้นและความรู้สึกที่หมดแรง รู้สึกมันแย่มากจริงๆ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วเหมือนจะหายใจไม่ออก

รถกลับมาถึงคฤหาสน์เหลิ่ง เจี่ยนอี๋นั่วสูดหายใจเข้าลึกๆ เดินเข้าคฤหาสน์เหลิ่ง พึ่งรู้ว่าดึกแล้ว คนส่วนมากก็ไปพักผ่อนกันหมดแล้ว เจี่ยนอี๋นั่วค่อยๆย่องเดิน เดินจนถึงห้องเหลิ่งเซ่าถิง เดิมทีเธอคิดว่าเหลิ่งเซ่าถิงคงเข้านอนแล้ว แต่ว่าเมื่อเธอค่อยๆเดินไปจับโดนขอบเตียง เหลิ่งเซ่าถิงรีบลุกขึ้นแล้วถามว่า:“เป็นอย่างไรบ้าง?”

เจี่ยนอี๋นั่วกลับเป็นคนที่ตกใจเสียเอง เธอตกใจเดินเซถอยหลัง จากนั้นเจี่ยนอี๋นั่วค่อยดึงสติตัวเองกลับมา แสดงอาการฝืนยิ้มตอบกลับ:“ทุกอย่างจัดการเรียบร้อยแล้วใช่ไหม ทำไมดึกขนาดนี้คุณยังไม่นอนคะ?”

“ฉันนั่งทำงานตลอด กำลังเตรียมจะเข้านอน คุณก็กลับมาถึงพอดี” เหลิ่งเซ่าถิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ไม่มีแม้แต่คำพูดที่อ่อนหวานสีกนิดเดียว”

เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้า:“ที่แท้เป็นแบบนี้เอง……”

จากนั้นเจี่ยนอี๋นั่วก็นั่งลงอีกด้านหนึ่งของเตียง แล้วก็หลับตาลง เจี่ยนอี๋นั่วร่างกายและจิตใจเหนื่อยล้ามาก แม้แต่แรงที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้ายังไม่มีแรงเปลี่ยนเลย อันที่จริงเจี่ยนอี๋นั่วก็นอนไม่หลับ ตอนนี้ในสมองของเธอเหมือนจะระเบิดออกมา ทำได้เพียงเอนตัวลงนอนแล้วหลับตาสักครู่

“คุณยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า”เหลิ่งเซ่าถิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เจี่ยนอี๋นั่วหดตัวใต้ผ้าห่ม ลูบที่จมูกสักครู่ พูดด้วยน้ำเสียงเบา:“ฉันไม่อยากขยับแล้ว แค่อยากหลับตาสักครู่หนึ่ง”

“เธอทำคุณเจ็บเหรอ?”ทันใดนั้นเหลิ่งเซ่าถิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ยังโอเค…..”เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ ทันใดนั้นก็ลืมตาขึ้น หันหน้าไปมองเหลิ่งเซ่าถิง:“คุณรู้ได้อย่างไร?”

เหลิ่งเซ่าถิงพูดด้วยน้ำเสียงเข้ม:“ก็บอดี้การ์ดที่อยู่กับคุณไง คุณอย่าลืมนะว่าผมเป็นคนส่งไปปกป้องคุณ”

“ใช่สิ ฉันเกือบลืมไป……”เจี่ยนอี๋นั่วเอามือบังดวงตาของตัวเองแล้วพูดว่า:“คุณคงคิดว่าฉันทำเรื่องน่าอับอายมากใช่ไหม ถูกน้องสาวแท้ๆของตัวเองตบหน้าเพราะผู้ชายแบบนั้น แต่ฉันไม่ได้เอาคืน และฉันมีสิทธิ์อะไรที่จะเอาคืน? เป็นเพราะฉันไม่เคยใส่ใจดูแลเธอเลย จึงทำให้เธอกลายเป็นคนแบบนี้ ถ้าหากฉันเป็นห่วงเป็นใยสักนิด เธออาจจะไม่เป็นแบบนี้ก็ได้ ฉันมันไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ เป็นลูกที่ดีก็ไม่ได้ เป็นพี่สาวที่ดีก็ไม่ได้ แม่แต่บริษัทก็ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นฉัน……”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดถึงนี่ ทันใดนั้นเธอก็ถูกเหลิ่งเซ่าถิงสวมกอดทันที ในขณะนั้นเจี่ยนอี๋นั่วตะลึงทันที ฝืนยิ้มแล้วพูดว่า:“นี่มันหมายความว่าอย่างไง? สงสารฉันเหรอ?”

“ช่างมันเถอะ ผมยอมให้คุณพักผ่อนที่นี่สักครู่ “ เหลิ่งเซ่าถิงพูดถึงนี่ ยกมือไปตบที่หลังเจี่ยนอี๋นั่วเบาๆ

เจี่ยนอี๋นั่วเม้มริมฝีปาก ซบตรงกลางอกของเหลิ่งเซ่าถิง แล้วหลับตาลง ไม่ว่าตอนนี้ระหว่างเธอและเหลิ่งเซ่าถิงจะมีความสัมพันธ์กันแบบไหน ไม่ว่าในอนาคตจะได้อยู่ด้วยกันไหม เวลานี้เจี่ยนอี๋นั่วอยากทำเพียงลืมทุกสิ่งทุกอย่าง และทำเพียงซบลงที่กลางอกของเหลิ่งเซ่าถิงเท่านั้น ถือซะว่าเหลิ่งเซ่าถิงเป็น“ผู้พิทักษ์”ของเธอแล้วกัน และมีเพียงคืนนี้เธอเหนื่อยมากเหลือเกิน ต้องการผู้สนับสนุน ถึงจะสามารถผ่านพ้นค่ำคืนนี้ไปได้

เจี่ยนอี๋นั่วหลับตาลง แล้วค่อยๆหลับไป ถึงแม้จะนอนหลับสนิท หน้าคิ้วขมวดของเธอก็ยังไม่คลายลง ปากเธอก็พึมพำไม่หยุด เหลิ่งเซ่าถิงกอดเธอแน่นขึ้น เขาค่อยลูบที่หลังของเจี่ยนอี๋นั่ว ทำเหมือนกับว่ากำลังปลอบแมวที่เคยเลี้ยงอยู่ตัวนั้น เจี่ยนอี๋นั่วค่อยๆรู้สึกสบายขึ้นจนเลิกคิ้วขมวด เข้าไปใกล้อ้อมอกของเหลิ่งเซ่าถิงตลอดจนถึงเช้า

เจี่ยนอี๋นั่วนอนรอบนี้นอนนานมาก ในขณะที่เธอลืมตาขึ้นมานั้น ก็ถูกแสงพระอาทิตย์สอดส่องเข้ามาจากทางหน้าต่างส่องโดนตาต้องรีบหรี่ตาแล้วขยี้ตา ค่อยๆลุกนั่ง เรื่องราวทั้งหมดเมื่อคืนนี้มันคือความฝันใช่ไหม แสงสว่างของพระอาทิตย์นี้มันสว่างมากเกินไป เจี่ยนอี๋นั่วเริ่มสงสัยในสภาพของเธอเมื่อคืนนี้ เป็นเธอจริงๆใช่ไหม?

เหลิ่งเซ่าถิงไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว แต่ว่าเจี่ยนอี๋นั่วก็ยังจำเรื่องราวของเมื่อคืนนี้ได้ดี เหลิ่งเซ่าถิงเป็นคนเข้ามากอดเธอ?

แต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ต้องมาคิดเรื่องแบบนี้ เธอยังมีเรื่องที่ต้องจัดการอีกหลายเรื่อง เจี่ยนอี๋นั่วรีบลุกขึ้น โทรศัพท์ก่อนเป็นอันดับแรก รีบทำเรื่องให้เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยไปต่างประเทศ จากนั้นโทรกำชับเฮ่อเยี่ยนหงก่อน แล้วค่อยไปบริษัท

พึ่งจะก้าวเข้าบริษัท เจี่ยนอี๋นั่วก็เห็นฉู่หมิงเซวียนกำลังยิ้มและเดินออกมาจากลิฟท์ ในขณะที่ฉู่หมิงเซวียนเห็นเจี่ยนอี๋นั่ว ก็เลิกยิ้มทันที จากนั้นเขาก็ค่อยๆยิ้มออกมา:“อ้าว นี่ ประธานเจี่ยนไม่ใช่เหรอ? ทำไมมาสายขนาดนี้ นี่เสียเวลาอยู่บนเตียงกับใครกันนะ?”

เจี่ยนอี๋นั่วกัดฟันและอดทนไม่ให้โมโห ทำได้เพียงจ้องมองฉู่หมิงเซวียนด้วยแววตาที่เกลียดชัง ก็รีบเดินผ่านหน้าฉู่หมิงเซวียนไป กำลังจะเดินเข้าลิฟท์ ฉู่หมิงเซวียนกลับมาขวางเจี่ยนอี๋นั่ว เขาหัวเราะพร้อมถามว่า:“ฮุ่ยฮุ่ยของผมล่ะ? วันนี้ผมโทรหาเขาตั้งหลายสาย แต่เธอก็ไม่รับสายเลย ผมโทรหาเฮ่อเยี่ยนหง เฮ่อเยี่ยนหงก็ไม่สายผม ผมได้ยินทนายพูดว่าคุณเรียกทนายไปพบ คุณทำอะไรกันแน่?

“แบ่งมรดกของตระกูล เหลิ่งเซ่าถิง จากนี้ไปหุ้นในบริษัทของเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยไม่มีแล้ว คุณไม่ต้องใช้เธอเป็นเครื่องมืออีกถ้าหากฉันยังเห็นว่าคุณยังไม่เลิกรังควานเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย ฉันไม่ปล่อยคุณไว้แน่ “ เจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

“แบ่งมรดกของตระกูล เธอคงหุบมรดกไว้คนเดียวใช่ไหม? เจี่ยนอี๋นั่ว เธอนี่โลภมากจริงๆเลยนะ กล้าเอาเปรียบน้องสาวของตัวเอง หุ้นสักนิดเดียวก็ไม่เหลือให้เธอเลย มันช่างน่ากลัวจริงๆเลย”

ฉู่หมิงเซวียนพูดถึงนี่ หัวเราะพร้อมหรี่ตา:“แต่ว่า ผมกลับอยากได้ผู้หญิงที่น่ากลัวแบบคุณจังเลย แล้วอีกอย่างนะ ผมจะเตือนคุณว่า ไม่ใช่เพราะผมรังควานน้องสาวของคุณ แต่เพราะน้องสาวของคุณรังควานผมต่างหาก ความจริงน้องสาวของคุณก็ไม่เลวนะ ถ้าหากเธอฉลาดมากขึ้นอีกนิดน่าจะดีไม่น้อยเลยล่ะ ถ้าหากเป็นแบบนี้ ผมอาจจะขอเธอแต่งงานจริงๆก็เป็นได้ ไม่ใช่เล่นๆแบบนี้ เธอ……ใช่สิ เธอไม่เคยเห็นตอนน้องสาวของเธอนอนอยู่บนเตียงนั้นท่าทางน่ารักขนาดไหน อยากเห็นไหมล่ะ? ผมถ่ายวิดิโอเก็บไว้ไม่น้อยเลยนะ? ตอนนี้คุณอยากให้ฮุ่ยฮุ่ยออกจากชีวิตของผม ผมปวดใจจริงๆนะ ปวดใจจนต้องการทำลายเธอ อยากเอาวิดิโอพวกนี้ไปอัพลงโซเซียล……”

“นี่คุณทำไมถึงไร้ยางอายขนาดนี้? เจี่ยนอี๋นั่วคิ้วขมวดจ้องมองฉู่หมิงเซวียน กัดฟันพูด

ทันใดนั้นฉู่หมิงเซวียนก็เลิกยิ้ม จ้องมองเจี่ยนอี๋นั่ว พูดด้วยน้ำเสียงเข้ม:“ ถ้าอย่างนั้นพวกเรามาเริ่มต้นกันใหม่ดีไหม? ถ้าเป็นแบบนั้นผมจะทำตัว”ไร้ยางอาย”แบบนี้อีกต่อไป”

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท