หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1462 การปะทะของมังกรกับหงส์ฟ้า

บทที่ 1462 การปะทะของมังกรกับหงส์ฟ้า

เมื่อหงส์ฟ้าสีทองปรากฏตัว

ก็ปลดปล่อยความกดดันที่น่ากลัวซึ่งกวาดคลื่นภายในห้วงมหรรณพสีมรกต

ร่างหวงเฉวียนจือร่อนลงบนหัวของหงส์ฟ้า ม่านตาสีทองของเขาคล้ายกับเทพโดยไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ขณะมองไปที่มู่เฉิน

หงส์ฟ้าสีทองที่อยู่ใต้เท้าเป็นร่างที่แท้จริงของเขา ดังนั้นตราบใดที่เรียกมันออกมาก็แปลว่าเขาจะเคลื่อนไหวเต็มกำลังแล้ว

ยามนี้ไม่ว่าจะเป็นข่งหลิงเอ๋อ จิ่วโยว หรือกระทั่งผู้ชมนอกสระยกเทพ ท่าทางแต่ละคนก็ดูเคร่งเครียดลงหลายส่วน

เนื่องจากพวกเขารู้ว่าหวงเฉวียนจือจะน่ากลัวเพียงใดเมื่อนำร่างต้นกำเนิดออกมา

ภายใต้สภาวะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะกลางก็ไม่สามารถต่อกรกับเขาได้

มู่เฉินหดดวงตาขณะมองไปที่หงส์ฟ้าสีทอง เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงความกดดันที่คลุมเครือ

เขาต้องยอมรับว่าแม้หวงเฉวียนจือจะหยิ่งผยอง แต่ก็มีคุณสมบัติที่จะเป็นเช่นนั้นแท้จริง

ทว่ามู่เฉินก็ไม่ให้หวงเฉวียนจือบรรลุผลแน่นอน ไม่ว่าอีกฝ่ายจะทรงพลังเพียงใด นั่นเป็นเพราะอีกฝ่ายต้องการกลืนกินสายเลือดวิหคอมตะของจิ่วโยว ซึ่งเป็นสิ่งที่เขายอมให้เกิดขึ้นไม่ได้

‘ในเมื่อแกต้องการดวลแบบจริงจัง ข้าก็จะบอกให้รู้ว่าต่อให้แกเป็นประมุขน้อยเผ่าหงส์ฟ้าแท้จริงก็ยังไม่มีสิทธิ์!’

แสงหลิงรวมตัวกันในดวงตาของมู่เฉิน แสงสีม่วงทองเบ่งบานจากด้านหลังพร้อมกับร่างเสมือนมีชีวิตขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น รัศมีอมตะต้านแรงกดดันของหงส์ฟ้าทองคำ

มู่เฉินยืนอยู่บนร่างเทพสุริยะนิรันดร์โดยไม่มีอารมณ์ใดขณะมองไปที่หวงเฉวียนจือ เขายื่นมือออกก่อนที่จะทำท่าทางยั่วยุ

“ฮ่าๆ แกนี่กล้าดี!”

เมื่อเห็นการยั่วยุของมู่เฉิน หวงเฉวียนจือก็หัวเราะ ทว่าเสียงหัวเราะของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคนกล้าท้าทายเขา ทั้งๆ ที่มีขุมพลังต่ำกว่า

“ดี ข้าจะทำลายความกล้าหาญของแกให้สิ้นซาก ดูสิว่าในอนาคตยังจะมีความกล้าที่จะบรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งไหม!”

เสียงหัวเราะของหวงเฉวียนจือกวาดออก สายตาเปลี่ยนเป็นแหลมคม หงส์ฟ้าทองคำที่อยู่ใต้เท้าก็ส่งเสียงร้อง ขณะที่สายฟ้าสีทองพุ่งออกมาทันที

“หงส์สายฟ้า!”

สายฟ้าเป็นสีทองครอบงำด้วยร่องรอยของสายเลือดหงส์ฟ้าแท้จริง ไม่ต้องพูดถึงจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิง แม้แต่ขั้นเซียนก็ไม่กล้าเผชิญหน้าตรงๆ

สายฟ้าสีทองว่องไวมากมาปรากฏเบื้องหน้าร่างเทพสุริยะนิรันดร์ทันทีหลังจากที่พุ่งออกจากปากหงส์ฟ้ามา

มู่เฉินหรี่ตาลง ร่างสีม่วงทองก็กำหมัดแน่น พลางเหวี่ยงใส่สายฟ้าสีทองพร้อมกับแสงสีม่วงทอง

ตึง!

ทั่วบริเวณโยกคลอน คลื่นกระแทกทำให้น้ำในทะเลสาบที่อยู่ในรัศมีหนึ่งพันจั้งกวาดพัดออก สร้างน้ำพุพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

ร่างเทพสุริยะนิรันดร์สั่นสะท้านค่อยๆ ถอนหมัดกลับ ขณะที่สายฟ้าสีทองแตกเป็นเสี่ยงๆ

อย่างไรก็ตามมีรอยแตกบนกำปั้นแต่ก็ได้รับการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วเมื่อแสงสีม่วงทองพลุ่งพล่านขึ้น

แต่ด้วยสิ่งนี้ก็เห็นได้ว่าหวงเฉวียนจือทรงพลังเพียงใด ต้องรู้ว่าแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะต้นก็ไม่สามารถทำให้ร่างเทพสุริยะนิรันดร์บาดเจ็บได้ ทว่าการโจมตีด้วยสายฟ้าฟาดครั้งเดียวจากหวงเฉวียนจือกลับทำให้เกิดรอยร้าวขึ้น

ชายคนนี้จัดการไม่ง่ายเลยจริง

สายตามู่เฉินวูบไหว จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับหรี่ตาลงหลังจากที่รู้สึกได้ถึงบางอย่าง

เมื่อเห็นว่าการโจมตีด้วยสายฟ้าไร้ประโยชน์ กระบวนท่าในมือของหวงเฉวียนจือก็เปลี่ยนไป หงส์ฟ้าทองคำกระพือปีก กำจายรัศมีสีทองที่คลุมเครือก่อเป็นรูปดวงอาทิตย์และดวงจันทร์

แรงกดดันที่ไม่อาจอธิบายได้กวาดออก นั่นคือสัญญาณของการเร้าทักษะเทพทรงพลังออกมา

“ปีกหงส์สุริยันจันทรา!”

ข่งหลิงเอ๋อและผู้ชมนอกสระยกเทพอุทานด้วยความกลัวในน้ำเสียง นี่คือวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นยอดเยี่ยม แม้ว่าจะเทียบไม่ได้กับขั้นสุดยอดสามสิบหกกระบวนท่าในตำนาน แต่ก็ถือว่ามีชื่อเสียงมากในมหาพันภพ

ว่ากันว่าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนที่ต่อกรกับหวงเฉวียนจือล้วนแพ้ในกระบวนท่านี้

ครืนๆ!

ภายใต้สายตาหวาดกลัวมากมาย ทันใดนั้นรัศมีแสงสีทองก็ระเบิดออกจากปีก กลายเป็นดวงอาทิตย์และดวงจันทร์สีทอง

ขณะที่ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ลอยคว้างก็ปล่อยแรงกดดันที่สามารถยับยั้งปราการทั้งหมดได้

“ลองรับกระบวนท่านี้ของข้าบ้าง!”

หวงเฉวียนจือหัวเราะขณะที่ผลักฝ่ามือออก ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์สีทองทะยานออกไปพร้อมกับคลื่นการทำลายล้างกระจายออกมา

ร่างเทพสุริยะนิรันดร์อ้าปาก แสงสีทองที่ดูราวกับมังกรทองพุ่งออกมาปะทะกับดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ทว่าแสงอมตะก็ถูกบดขยี้ทันทีเมื่อสัมผัส

“วิทยายุทธระดับเสินทงขั้นยอดเยี่ยมของเผ่าหงส์ฟ้าพิเศษแท้จริง”

มู่เฉินถอนหายใจจากนั้นก็วาดตราประทับด้วยมือข้างเดียว ทันใดนั้นมิติด้านข้างเขาก็บิดเบี้ยว เงาร่างสองร่างเดินออกมายืนบนไหล่ของร่างเทพสุริยะนิรันดร์

มู่เฉินนั่งอยู่บนศีรษะร่างเทพสุริยะนิรันดร์ ร่างรองสองคนก็อยู่บนไหล่คนละข้าง จากนั้นทั้งสามก็เทคลื่นหลิงไร้ขอบเขตลงในร่างเทพสุริยะนิรันดร์

ฮึ่ม ฮึ่ม!

พร้อมกับการเทคลื่นหลิงไร้ขอบเขตลงไป ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ก็เปล่งประกาย ก่อตัวเป็นชั้นเกราะบนร่างกายใหญ่โต

ด้วยความช่วยเหลือของร่างรองทั้งสอง ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ก็เปิดปาก รหัสเทพอมตะหลายร้อยขดรอบตัวราวกับอสรพิษขนาดใหญ่

มีรหัสเทพอมตะทั้งหมดแปดร้อยลาย!

นี่เป็นขีดสุดในปัจจุบันของมู่เฉิน

ขณะที่รหัสเทพไหลเวียนก็ปล่อยความผันผวนที่น่ากลัวซึ่งทำให้มิติยุบลงกลายเป็นหลุมดำ

ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ยื่นมือออก รหัสเทพอมตะแปดร้อยลายก็ควบรวมกันอย่างรวดเร็ว กลายเป็นคันธนูขนาดใหญ่และลูกศรที่ปกคลุมด้วยอักขระโบราณ

เมื่อลูกศรขึ้นสายบนคันธนู ความผันผวนที่น่ากลัวก็แผ่กระจายออกไประหว่างฟ้าดินพร้อมกับรัศมีสังหารที่ทำให้ดูเหมือนว่าสิ่งมีชีวิตใดๆ ที่ถูกลูกศรนี้จะต้องตายตกไป

สายตาของมู่เฉินไม่แยแส เขาเงยหน้าขึ้นมองดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ที่กำลังขยายอย่างรวดเร็วก็สะบัดนิ้วเบาๆ

ฮึ่ม!

เสียงฮึ่มฮั่มดังก้องเมื่อปล่อยสายธนู ลูกศรสีม่วงทองพุ่งออกมาทำให้มิติยุบไปรอบๆ จนเกิดรอยยาว…

ปัง!

มีเพียงแสงวาบผ่าน ไม่รอให้ใครได้มองเห็นชัดลูกศรก็ปะทะกับดวงอาทิตย์และดวงจันทร์

เคร้ง!

เหมือนมีเสียงสะท้อนก้องออกมา ลูกศรพุ่งเข้าสู่ดวงอาทิตย์สีทองก่อน รัศมีที่น่ากลัวระเบิดออกมาจากดวงอาทิตย์ขณะที่พยายามทำลายลูกศร แต่คราวนี้ไม่สามารถก่อภัยคุกคามใดๆ อักขระบนลูกศรดูราวกับเป็นอมตะ

ชี่!

ลูกศรสีม่วงทองหยุดลงเพียงชั่วครู่ จากนั้นก็ทะลุผ่านดวงอาทิตย์สีทอง

ส่วนดวงจันทร์สีทองก็ถูกเจาะผ่านในลมหายใจเดียว

เมื่อพวกข่งหลิงเอ๋อเห็นภาพนี้ใบหน้าก็เปลี่ยนไป นี่ช่างเกินความคาดหมายของพวกเขา ‘วิทยายุทธระดับเสินทงขั้นยอดเยี่ยมของหวงเฉวียนจือถูกทำลายด้วยลูกศรของมู่เฉิน?!’

ฟิ้ว!

ขณะที่ใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไป ริ้วแสงสีม่วงทองก็วูบวาบ ทว่าพลังครึ่งหนึ่งของลูกศรหมดลง ทำให้มีขนาดหดลงอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตามความเร็วไม่ได้ลดลง พริบตามันก็ไปปรากฏเบื้องหน้าหวงเฉวียนจือตั้งใจจะแทงทะลุศีรษะไป

เคร้ง!

แต่เมื่อลูกศรกำลังจะโดนหว่างคิ้วของหวงเฉวียนจือ สองนิ้วที่ดูเหมือนจะหลอมจากทองคำก็ยื่นออกมาจับลูกธนูไว้แน่น

แต่ถึงอย่างนั้นความคมของลูกศรก็ได้ทิ้งบาดแผลเล็กไว้ที่กึ่งกลางคิ้วของหวงเฉวียนจือ

โดยไม่มีปฏิกิริยาใดๆ บนใบหน้า หวงเฉวียนจือใช้กำลังนิ้วขยี้ลูกศรแตกออก

ซี้ด

ด้านนอกสระยกเทพ ทุกคนสูดอากาศเย็นขณะมองไปที่มู่เฉินด้วยสีหน้าเคร่งเครียดรุนแรง

ทั้งสองได้ดึงพลังแท้จริงออกมาในการเผชิญหน้ากัน มิหนำซ้ำยังสามารถคุกคามจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนได้เลย

แต่ใครจะคิดว่าการโจมตีของหวงเฉวียนจือถูกตอบโต้ได้อย่างง่ายดายโดยมู่เฉิน มากจนทิ้งบาดแผลเล็กไว้บนหน้าผากของหวงเฉวียนจือ

แม้ว่าบาดแผลนี้จะไม่ได้มีความหมายมาก แต่ก็พิสูจน์ให้เห็นว่ามู่เฉินได้เปรียบเล็กน้อยจากกระบวนท่านี้

หลังจากได้เห็นการต่อสู้นี้ ทุกคนก็ตระหนักได้ว่าชายหนุ่มที่ชื่อดังเป็นพลุแตกเมื่อไม่นานมานี้ ไม่ใช่ธรรมดา…

ทุกคนถอนหายใจ การดวลกันครั้งนี้กำลังจะไปถึงจุดสุดยอด

ขณะที่พวกเขาตกตะลึง หวงเฉวียนจือก็เช็ดหยดเลือดออกจากหน้าผาก ก่อนที่จะสร้างอักขระโบราณ

เมื่อตราประทับของเขาเปลี่ยนไป ทุกคนก็สามารถเห็นวงแสงโบราณค่อยๆ ปรากฏขึ้นที่เบื้องหลัง

ครั้นพวกเขาเห็นวงแสงนั่นก็ถึงกับสูดหายใจเข้าลึก…

นั่นเป็นเพราะพวกเขารู้ว่าวงแสงนี้ก็คือทักษะเทพที่แข็งแกร่งที่สุดของหวงเฉวียนจือ

หนึ่งในวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดสามสิบหกกระบวนท่าในตำนานแห่งมหาพันภพ—วิชาเก้าเทพหมุนวน!

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท