หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1491 ร่างมหาเทพนิรันดร์ปรากฏ

บทที่ 1491 ร่างมหาเทพนิรันดร์ปรากฏ

ตู้ม!

ชั้นฟ้าชั้นดินถูกฉีกผ่าน แม่น้ำสีเงินก็พุ่งเข้าปะทะกับพายุทอร์นาโดสีดำขาวในเวลาต่อมาภายใต้สายตาตกตะลึงมากมายที่จ้องมอง

ในช่วงเวลาที่เกิดการปะทะกัน คลื่นกระแทกที่อธิบายไม่ได้ก็กวาดออกมาบนพื้น มีเพียงภูเขาสีแดงเข้มเท่านั้นที่ยืนยงอยู่ได้โดยไม่ขยับเขยื้อน ส่วนสรรพสิ่งรอบด้านทั้งหมดถูกทำลายจากคลื่นกระแทกนี้…

ทุกคนจ้องเขม็งไปที่จุดปะทะ มิติกำลังถล่มลงมา แม่น้ำสีเงินแตกสลายอย่างรวดเร็ว คลื่นกระแทกหลิงอันน่าทึ่งพุ่งออก

ภายใต้คลื่นกระแทกที่น่ากลัว แม้แต่ความเร็วในการหมุนรอบของพายุทอร์นาโดสีดำขาวก็ช้าลง ชัดว่าหมดพลังโดยสายธารสีเงินนี้

แม่น้ำสีเงินลดขนาดลงอย่างรวดเร็ว ไม่กี่อึดใจพลังรวมหลากหลายของมู่เฉินก็หมดลง…

ชี่ ชี่!

สายธารเชี่ยวกรากแตกออกเป็นประกายไฟ

แต่เมื่อสายธารหายไปพายุทอร์นาโดก็ส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดและค่อยๆ ช้าลง ขณะนี้มันดูเหมือนเป็นลมหมุนสีดำขาวเท่านั้น

แกร็ก

ทันใดนั้นรอยแตกก็ปรากฏขึ้นและกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่พายุทอร์นาโดจะแตกสลาย ภายใต้สายตาตกตะลึงนับไม่ถ้วน…

“เขา…ต้านไว้ได้…”

เสียงตะลึงใจดังที่ด้านนอกเจดีย์พร้อมกับความไม่เชื่อในฉายบนใบหน้าทุกคน ด้วยพลังของหมัวเฮอโยวบวกกับทักษะเทพ เขาแทบจะอยู่ยงคงกระพันภายใต้ระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง แต่ไม่คิดว่ามู่เฉินจะสามารถต้านทานไว้ได้

บนบัลลังก์ใบหน้าของหมัวเฮอเทียนก็เขียวคล้ำกับฉากนี้พร้อมกับสาดสายตาน่ากลัว ผู้อาวุโสเผ่าหมัวเฮอก็เต็มไปด้วยความไม่เชื่อกับภาพความจริงอันโหดร้าย

แม้ว่าพวกเขาจะไม่เต็มใจเชื่อ แต่ความจริงก็อยู่ตรงหน้า

“ลูกชายเจ้าน่าเกรงขามจริงๆ…” ฝูถูเฉวียนอึ้งไปก่อนจะถอนหายใจ

ชิงเหยี่ยนจิ้งก็มีอาการตกใจบนใบหน้า ชัดว่าบุตรชายทำเกินความคาดหมายไปไกล แต่เมื่อได้ยินเสียงชื่นชมของฝูถูเฉวียน นางก็อดยิ้มกว้างไม่ได้

“เป็นไปได้ยังไง…”

สายตาของหมัวเฮอโยวมืดครึ้ม เส้นเลือดปูดโปนบนหน้าผาก กระบวนท่าของเขาครั้งนี้สามารถเอาชนะจอมยุทธ์อย่างเยี่ยฉิงได้ แต่กลับไม่สามารถทำอะไรมู่เฉินได้?!

“ไอ้เวร!” หมัวเฮอโยวกำมือแน่นจนเสียงกระดูกลั่นเปรียะ ย้อนกลับไปที่เผ่าฝูถูมู่เฉินต้องอาศัยค่ายกลเพื่อเอาชนะตระกูลมั่วและเฉวียน แต่ในเวลาเพียงปีสองปีเขาก็สามารถเผชิญหน้ากับการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของตนได้แล้ว

ขณะที่แววตาของหมัวเฮอโยวเปลี่ยนไป ใบหน้าของมู่เฉินก็ซีดลง ทว่าเขาก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่หมัวเฮอโยวด้วยสีหน้าสงบ “ยังจะสู้ต่ออีกไหม?”

ประกายเย็นเยือกกะพริบในดวงตาของหมัวเฮอโยวพร้อมกับคลื่นหลิงพวยพุ่งขึ้นรอบตัว แม้ว่าเขาจะใช้พลังงานไปอย่างมากกับกระบวนท่าสุดยอดนั่น แต่เขาก็เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลายสุด มีพลังหลิงหนาแน่น ดังนั้นจึงยังมีพลังต่อสู้อยู่

ตู้ม!

ขณะที่หมัวเฮอโยวคิดจะต่อสู้อยู่ๆ เสียงดังแสบแก้วหูก็สะท้อนออกมา จากนั้นเขาก็ต้องหดตาลงมองไปที่ภูเขาสีแดงเข้มที่ยุบลงพร้อมกับเสาแสงขนาดมหึมาทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า…

ในเสาโบราณมีร่างคลุมเครือซึ่งทำให้แววตาของหมัวเฮอโยวกระจายไปด้วยความโลภ

“ร่างมหาเทพนิรันดร์!”

หมัวเฮอโยวรู้สึกว่าหัวใจตนเองเต้นแรงจากนั้นก็กวาดตามองมู่เฉินไม่สนใจอีกต่อไป เขาทะยานออกไป มองไปที่เสาโบราณด้วยดวงตาลุกโชน

มู่เฉินมองหมัวเฮอโยวจากไป กำปั้นที่กำแน่นก็คลายออก ใบหน้าที่ดูนิ่งสงบก็แอบโล่งใจนิดๆ เนื่องจากตอนนี้ร่างกายแทบจะหมดพลัง ตัวเขาไม่มีพลังที่จะต่อสู้กับหมัวเฮอโยวอีกแล้ว

ตอนที่เขาเผชิญหน้ากับมหาภัยพิบัติไร้ขอบเขตของหมัวเฮอโยว เขาได้ใช้พลังงานทุกหยาดหยดในร่างกายเลยทีเดียว

ถ้าเมื่อครู่หมัวเฮอโยวเปิดการโจมตีอีกครั้ง เขาก็ทำได้แค่ถอยหนี แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาจะสูญเสียสิทธิ์ในการคว้าร่างมหาเทพนิรันดร์ไป

โชคดีที่ร่างมหาเทพนิรันดร์ปรากฏตัวขึ้นพอดี ทำให้หมัวเฮอโยวไม่สนใจเขาอีกต่อไป

“ตัวข้าเองก็ประเมินหมัวเฮอโยวต่ำไป แม้ว่าข้าจะบรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะปลายแต่ถ้าสู้กันก็ได้แค่เสมอ ถ้าต้องการเอาชนะคงต้องก้าวเข้าสู่ขั้นเซียน”

มู่เฉินถอนหายใจพลางโยนของเหลวจื้อจุนหลายล้านหยดและกลืนกินเข้าไป เจดีย์พุทธะที่สถิตในร่างก็กำจายรัศมีพร้อมกับความสดใส ขณะที่กลั่นและดูดซึมอย่างรวดเร็ว…

สัมผัสได้ถึงคลื่นหลิงในร่างกายที่ค่อยๆ ฟื้นตัว มู่เฉินก็เริ่มผ่อนคลายร่างกายที่ตึงเครียด เขาพลิ้วตัวลงบนเนินเขาที่ไกลออกไป

เขากวาดสายตามองก็เห็นว่านอกจากหมัวเฮอโยวแล้ว เยี่ยฉิงและทัวป๋าชางที่ยังคงรักษาระยะห่างต่อกันไว้ เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนไม่มีใครเหนือกว่าใครได้

เมื่อรู้สึกถึงการมาถึงของมู่เฉิน เยี่ยฉิงและทัวป๋าชางก็จ้องมองอย่างอัศจรรย์ใจ เนื่องจากพวกเขาเห็นการต่อสู้ก่อนหน้าอยู่ ดังนั้นในดวงตาพวกเขาจึงมีร่องรอยของความเคร่งเครียดและความครั่นคร้าม

“ในที่สุดร่างมหาเทพนิรันดร์ก็ปรากฏขึ้นแล้วสินะ?”

มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองไปที่เสาขนาดมหึมาที่เอิบอาบไปด้วยกลิ่นอายโบราณและลึกลับ ภายในเสาสามารถมองเห็นร่างเงาโบราณได้อย่างคลุมเครือ

เมื่อเห็นร่างเทห์สวรรค์ในตำนาน ร่างกายของมู่เฉินก็สั่นสะท้าน ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ปรากฏขึ้นด้านหลังราวกับว่าถูกดึงดูดโดยสิ่งที่ไม่อาจต้านได้

มีร่องรอยของความตื่นเต้นในดวงตาของมู่เฉิน

แม้แต่อีกสามคนก็พลุ่งพล่านด้วยความตื่นเต้น มากจนจุดอากาศได้เลยทีเดียว

ที่ด้านนอกเจดีย์เงียบกริบ ทุกคนจ้องมองไปที่เสาโบราณพร้อมกับดวงตาลุกโชน นั่นคือร่างมหาเทพนิรันดร์ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าร่างมหาเทพปฐมกาลแห่งมหาพันภพ ใครก็ตามที่ได้รับไปจะกลายเป็นยอดยุทธ์แห่งมหาพันภพอย่างไม่ต้องสงสัย

ครืนๆๆ!

ท่ามกลางสายตาลุกโชนมากมาย เสาขนาดมหึมาคงอยู่เป็นเวลานานก่อนที่จะเริ่มหดลง โดยมีร่างเงาโบราณนั้นเป็นศูนย์กลาง…

ราวกับว่าร่างโบราณนั้นกำลังดูดซับคลื่นหลิงที่บรรจุอยู่ในเสา

เสาหดตัวลงเรื่อยๆ ในที่สุดก็ถูกดูดซับโดยร่างโบราณนั้นทั้งหมด ยามนี้ร่างเงาภายในก็เผยให้เห็นอย่างชัดเจนภายใต้สายตาของทุกคน

ดวงตาแต่ละคู่เบิกกว้าง เนื่องจากไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้เห็นร่างมหาเทพนิรันดร์ของจริง

ขณะที่ทุกสายตาจ้องมองไป ภาพเงาที่สูงประมาณสิบจั้งก็ยืนขึ้นระหว่างฟ้าดิน มันมีสีทองเข้มที่มีริ้วรอยด่างดำราวกับว่าผ่านการศึกสงครามมานับล้านครั้ง

บนร่างกายมีลวดลายตามธรรมชาติ ทุกลายมีความลึกซึ้งและพลังที่ไม่อาจจินตนาการได้

แม้จะไม่ได้ขยับเขยื้อน แต่ทุกคนก็รู้สึกได้ถึงความผันผวนที่ทำให้หัวใจเต้นแรง

“นี่หรือร่างมหาเทพนิรันดร์?” มู่เฉินมองไปที่ร่างเงานั้นพลางพึมพำด้วยความฉงนสนเท่ห์

วาบ!

ขณะที่เขากำลังสงสัย หมัวเฮอโยวก็กลายเป็นริ้วแสงไปปรากฏตัวเบื้องหน้าร่างเงานั่นเอื้อมมือออกไป “ฮ่าๆ ร่างมหาเทพนิรันดร์ มากับข้า ข้าเป็นเจ้าของคนใหม่ของเจ้า!”

เยี่ยฉิง ทัวป๋าชางและมู่เฉินสีหน้าเปลี่ยนไป ก่อนที่จะทะยานออกไปเช่นกัน

แต่เมื่อมือของหมัวเฮอโยวกำลังจะสัมผัส ร่างสีทองเข้มก็ลืมตาโพลงโดยไม่มีอารมณ์ใดๆ อยู่ภายใน

หลังจากมองไปที่หมัวเฮอโยว มือมันก็ยื่นออกแล้วเหวี่ยงไปที่หมัวเฮอโยว มือช่างดูเหมือนจะไม่มีพลังใดๆ แต่ทำให้มิติในรัศมีหมื่นจั้งพังทลายลง

ใบหน้าของหมัวเฮอโยวเปลี่ยนไปรุนแรงก่อนที่จะส่งเสียงคำรามลึก เขาเร้ากายาหลิงเทียนจุนออกมาและเปิดการป้องกันทันที

ปัง!

แต่การป้องกันทั้งหมดก็ถูกทำลายลงในพริบตา ก่อนที่ฝ่ามือนั่นก็ตบลงบนหน้าอกของหมัวเฮอโยว โดยไม่มีสิ่งกีดขวางใดๆ

อ็อก

เลือดสดกระอักออกมา ร่างหมัวเฮอโยวถูกส่งออกไป วาดรอยยาวบนพื้นเป็นทางยาวหลายหมื่นจั้ง แม้แต่หน้าอกก็ยุบลง

ซี้ด

มู่เฉิน เยี่ยฉิงและทัวป๋าชางหยุดชะงักมองหมัวเฮอโยวที่บาดเจ็บสาหัสก็สูดลมหายใจเย็นเยือก สายตามองไปที่ร่างสีทองเข้มด้วยความตะลึงกลัว

พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงจิตสังหารเบาบางและเย็นจับจิตที่แทรกซึมมาจากร่างสีทองเข้มนั้น

ขณะที่ทั้งสามตกตะลึง ร่างสีทองเข้มก็เงยหน้าขึ้นจับจ้องไปที่พวกเขาก่อนจะอ้าปาก เสียงเครื่องจักรกลไม่แยแสดังก้อง

“อยู่…และรวมกับสถานที่แห่งนี้เถอะ…”

เมื่อเสียงสะท้อนไปทั่ว ทันใดนั้นมันก็ระเบิดกลายเป็นรังสีสีทองพุ่งเข้าหาทั้งสามคน

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท