หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1534 เทพปีศาจเก้าเนตร

บทที่ 1534 เทพปีศาจเก้าเนตร

“เทพปีศาจเก้าเนตร!”

เสียงของเทพปีศาจจักรพรรดิดังก้องไปทั่วดินแดนวั้นมู่ในความเงียบงัน เหล่าจอมยุทธ์สวมสีหน้าขาวซีด รู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงกระดูกสันหลัง

เทพปีศาจห้าเนตรก็ทรงพลังมากอยู่แล้ว…และถ้าเขามีเก้าเนตรที่จุดสูงสุดจะน่ากลัวขนาดไหน?

เซียวเหยียนและหลินต้งหดตาลงทันใด ใบหน้าพวกเขาเย็นชาลง สายตาจ้องมองไปที่เทพปีศาจพยายามตรวจสอบว่าอีกฝ่ายพูดความจริงหรือไม่

“ทำไม? ไม่เชื่อเหรอ?”

เมื่อเห็นแววตาของเซียวเหยียนและหลินต้ง เทพปีศาจก็ยิ้มพร้อมกับร่างกายเริ่มสั่นสะท้าน เสื้อผ้าท่อนบนกระจุยเป็นฝุ่นผง เผยให้เห็นรูปร่างแข็งแกร่ง ขณะที่หน้าอกของเขาสั่น ทุกคนก็ต้องตกใจเมื่อเห็นดวงตาปิดอยู่บนหน้าอกนั่น

นอกจากนี้ยังมีดวงตาเผยขึ้นที่หน้าท้องอีกด้วย

ขณะเดียวกันเมื่อเขาแบมือออกก็มองเห็นดวงตาที่ฝ่ามือแต่ละข้าง

แม้ว่าดวงตาทั้งสี่นี้จะยังปิดอยู่ แต่ความผันผวนน่ากลัวที่แทรกซึมออกมาก็ทำให้โลกทั้งใบสั่นสะเทือน

ทุกคนมีความไม่เชื่อเขียนบนใบหน้าขณะมองไปดวงตาทั้งสี่ดวง

ในความเงียบงันสรรพเสียงหายไปภายใต้ดวงตาเก้าดวง แรงกดดันที่น่าเหลือเชื่อค่อยๆ แทรกซึมเข้ามา ลึกซึ้งไม่อาจหยั่งรู้ได้ราวกับขุมนรก

“หรือว่ามหาพันภพ…จะถึงคราวอวสานจริงๆ…” เสียงเหล่าจอมยุทธ์ดังก้องในความสิ้นหวัง เมื่อเผชิญกับเทพปีศาจเก้าเนตร พวกเขาไม่มีกระทั่งความกล้าที่จะต่อต้าน

เทพปีศาจมองไปที่ความสิ้นหวังที่ปกคลุมดินแดนวั้นมู่ จากนั้นก็เบนดวงตาไปที่เซียวเหยียนและหลินต้งพลางคลี่ยิ้ม “ถ้าพวกเจ้าฉลาดก็จงสวามิภักดิ์ต่อจักรวรรดิปีศาจของข้าซะ ข้ารับประกันความปลอดภัยของครอบครัวเจ้าและจะให้พวกเจ้าปกครองมหาพันภพ”

ความรังเกียจเพิ่มขึ้นบนริมฝีปากของเซียวเหยียน “อย่างแกนะเหรอคิดจะเก็บพวกข้าสองคนไว้? แกถึงคราวตายแน่ทันทีที่พวกข้าสลักชื่อเต็มไว้ในทำเนียบเหนือภพได้”

รอยยิ้มของเทพปีศาจหยุดชะงักชั่วครู่ ก่อนที่จะพยักหน้าพลางถอนหายใจ “ก็จริงพวกเจ้าสองคนคุกคามเกินไป… ดังนั้นข้าควรกำจัดทิ้งซะ”

หลินต้งมองไปที่เทพปีศาจพูดเสียงเย็นชา “ตอนนี้เจ้ายังไม่สามารถใช้เก้าเนตรได้!”

แม้ว่าดวงตาอีกสี่ดวงจะเปล่งความผันผวนที่น่ากลัว แต่หลินต้งก็สัมผัสได้อย่างคลุมเครือว่าเทพปีศาจยังไม่สามารถเปิดใช้งานได้

มิฉะนั้นมันคงไม่ยืนพล่ามในเมื่อสามารถจัดการพวกเขาได้

เทพปีศาจหรี่ตาลงพร้อมกับคลี่ยิ้ม “ประสาทสัมผัสเฉียบมาก… อันที่จริงข้ายังไม่สามารถเปิดตาได้ทั้งหมด เพราะยังไงข้าก็เพิ่งหลุดออกจากผนึก ซึ่งข้าจะต้องใช้พลังงานมหาศาลเพื่อฟื้นฟูดวงตาทั้งเก้า ตามการประมาณก็คงต้องใช้เวลาประมาณห้าปี”

“ดังนั้นพวกเจ้าจงดีใจที่ยังมีเวลาเหลือหายใจอีกห้าปี”

เทพปีศาจจักรพรรดิยิ้มร่าขณะที่ดวงตาวับวาวด้วยความโหดร้าย

“ห้าปีนับจากนี้ ข้าจะเคลื่อนทัพมาอีกครั้ง ถึงเวลานั้นมหาพันภพจะอยู่ใต้ฝ่าเท้าข้า ทุกคนจะต้องกลายเป็นทาส”

ผู้คนในดินแดนวั้นมู่ใบหน้าไร้สีกันไปหมด ห้าปีเป็นเวลาเพียงพริบตาสำหรับพวกเขา กระทั่งความสามารถของเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามก็ยังต้องใช้เวลาอย่างน้อยห้าสิบปีในการจารึกชื่อเต็มไว้บนทำเนียบเหนือภพ ซึ่งไกลเกินกว่าห้าปีถึงสิบเท่า

ดังนั้นจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในช่วงห้าปีนี้ เมื่อใดที่เทพปีศาจจักรพรรดิกลับมาก็จะเป็นวันโลกาวินาศของมหาพันภพแท้จริง

เซียวเหยียนและหลินต้งขมวดคิ้ววูบหนึ่งก่อนที่ไอสังหารจะระเบิดออกมาจากดวงตา พวกเขามองไปที่เทพปีศาจพูดเสียงเย็นชา “งั้นแบบนี้พวกข้าก็ไม่สามารถปล่อยเจ้าไปได้ ไม่ว่าจะต้องจ่ายในราคาเท่าใดก็ตาม”

ในเมื่อเทพปีศาจต้องใช้เวลาห้าปีในการฟื้นตัว พวกเขาก็ฝังมันอยู่ที่นี่ชั่วนิรันดร์ตั้งแต่ตอนนี้เลย!

“คิดจะฝังข้าเหรอ? พวกเจ้ายังไม่ความสามารถทำเช่นนั้นได้หรอก” เทพปีศาจตอกกลับ ในเมื่อเขาเลือกเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว เขาก็ไม่คิดกลัวเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามที่พยายามจะหยุดเขาไว้

“งั้นพวกข้าสองคนก็ขอลองดู!” ไอเยือกเย็นพล่านในนัยน์ตาของเซียวเหยียนและหลินต้ง

ฮึ่ม!

หลินต้งเคลื่อนไหวออกมาเป็นคนแรก อักขระโบราณแปดตัวควบแน่นในมือก่อนจะรวมกันเป็นบาตรโบราณที่มีองค์ประกอบทั้งแปดไหลอยู่ภายใน

“บาตรแก้วแปดเทวลิขิต!”

หลินต้งส่งเสียงคำราม บาตรแก้วทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ากลายเป็นกรอบคลุมขนาดใหญ่ห่อหุ้มร่างเทพปีศาจเอาไว้

บาตรแก้วนี้มีทั้งพลังป้องกันและโจมตี ถ้าถูกขังไว้ภายในก็จะเป็นปัญหาใหญ่ต่อเทพปีศาจแน่

“บ่วงเพลิงจักรพรรดิมัดปีศาจ!”

เซียวเหยียนขยี้มือเข้าด้วยกันก่อร่างเป็นบ่วงเพลิงโชติช่วง หากวัตถุนี้มัดเข้ากับเป้าหมายละก็ แม้แต่เทพปีศาจก็ต้องทนทุกข์ทรมาน

ในเวลานี้ทั้งเซียวเหยียนและหลินต้งไม่กล้าประมาทศัตรูอีกแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รั้งรอที่จะโจมตี

มองไปที่การโจมตีสองสายที่พุ่งเข้ามาในทิศทางของตน เทพปีศาจก็หรี่ตาลง เขารู้ว่าไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อีกแล้ว เนื่องจากเขาไม่รู้ว่าทั้งสองคนจะบ้าคลั่งเหมือนเทพจักรพรรดินิรันดร์ที่ยอมสละชีวิตเพื่อต่อสู้กับเขาหรือไม่

เทพปีศาจกัดนิ้วตนเอง เลือดสีดำไหลลงมา เขาเช็ดดวงตาที่ปิดอยู่บนหน้าอกวาดยันต์ไว้

เมื่อรัศมีสีดำเบ่งบาน ดวงตาดวงที่หกก็เริ่มปรือออก…

แม้ว่าจะเปิดเพียงเล็กน้อย แต่รัศมีปีศาจเชี่ยวกรากภายในร่างเทพปีศาจก็พุ่งสูงขึ้น ในช่วงเวลาถัดมาเขาก็ประสานมือพร้อมกับเสียงหอนของปีศาจ

“แสงปีศาจแยกขอบเขต!”

ลำแสงปีศาจสีดำมะเมื่อมยิงออกมาจากศีรษะเทพปีศาจขยายออกไป มันมีขนาดไร้ขอบเขตเมื่อพาดผ่านก็แยกโลกออกเป็นสองส่วน

ด้านหนึ่งคือดินแดนวั้นมู่ อีกด้านหนึ่งคือกองทัพจักรวรรดิปีศาจ

ขณะที่บาตรแก้วและบ่วงเพลิงพุ่งเข้าไปก็ต้องหยุดอยู่ที่ขอบเขตไม่สามารถเข้าไปได้ ราวกับถูกต้านไว้อยู่ด้านนอก

ดวงตาที่อยู่ที่หน้าอกของเทพปีศาจปิดลง รัศมีปีศาจที่พลุ่งพล่านก็ดิ่งลงอย่างรวดเร็ว

เห็นได้ชัดว่าเขาจ่ายราคาไปมากกับการเปิดดวงตาที่หกผ่านทางทักษะลับ

ยามนี้เทพปีศาจอ่อนแอลงอย่างสิ้นเชิง

แม้ว่าพวกเขาจะรู้ดีว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับสังหารเทพปีศาจจักรพรรดิ แต่เซียวเหยียนและหลินต้งก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากแสงปีศาจแยกโลกออกเป็นสองส่วน แม้แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทะลุผ่านไปได้

“เพียงแค่เปิดเนตรที่หก พลังของมันก็น่ากลัวมากแล้ว ถ้ามันฟื้นคืนเนตรทั้งเก้าจะน่ากลัวขนาดไหน?” เซียวเหยียนและหลินต้งแลกเปลี่ยนสายตากัน พวกเขาสามารถมองเห็นความกังวลและครั่นคร้ามในดวงตาของกันและกัน

เทพปีศาจมองไปที่ทั้งสองพลางพูดอย่างไม่แยแส “ข้าจะตอบแทนสิ่งที่พวกเจ้าทำในวันนี้อีกห้าปี ถึงเวลานั้นมหาพันภพจะถูกปกคลุมไปด้วยเลือด ทุกสรรพชีวิตจะถูกทำลายล้าง”

เขาโบกมือเสียงเยือกเย็นดังก้องในโสตประสาทของเหล่าปีศาจ “ถอยทัพ!”

พร้อมกับคำสั่ง รัศมีปีศาจรุนแรงพุ่งสูงขึ้นขณะที่นักรบเผ่าปีศาจพุ่งเข้าไปในรอยแยกของมิติ…

เทพปีศาจจักรพรรดิและจอมปีศาจเซิ่งเทียนอยู่รั้งเป็นคนสุดท้าย สายตามองไปที่เหล่าจอมยุทธ์ที่ไร้ประโยชน์ของมหาพันภพด้วยอาการเยาะเย้ย

ในช่วงเวลาหนึ่งก้านธูป เหล่าปีศาจต่างมิติก็หายไปพร้อมกับรัศมีปีศาจรุนแรง

มองกองทัพที่ล่าถอยไปแล้ว จอมปีศาจเซิ่งเทียนก็เข้าไปในรอยแยกมิติ เหลือเพียงเทพปีศาจจักรพรรดิยืนนิ่งอยู่คนเดียว เขาเหลือบเซียวเหยียนกับหลินต้ง

“สนุกกับช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตซะ นี่ถือเป็นความเมตตาครั้งสุดท้ายจากข้าที่มีต่อมหาพันภพ”

รอยยิ้มอ่อนคลี่บนใบหน้า ฝ่าเท้าก็ก้าวเข้าไปในรอยแยกมิติ จากนั้นก็โบกมือปิดรอยแยกที่ด้านหลัง

พร้อมกับการจากไปของเทพปีศาจ ขอบเขตที่แยกพื้นที่จากกันก็จางหายไป บาตรแก้วและบ่วงเพลิงไม่สามารถคว้าจับอะไรไว้ได้…

มองไปยังมิติที่ว่างเปล่า เซียวเหยียนและหลินต้งก็ฉายสีหน้าถมึงทึง เทพปีศาจจักรพรรดิอันตรายแท้จริง!

เมื่อแลกเปลี่ยนสายตากัน ก็เห็นท่าทางช่วยไม่ได้ในสายตาของกันและกัน ศึกครั้งนี้พวกเขาทำดีที่สุดแล้ว แต่พวกเขาไม่คิดมาก่อนว่าเทพปีศาจจะยากแท้หยั่งถึงขนาดนี้…

พวกเขาพลิ้วตัวลงมาสู่ดินแดนวั้นมู่

ฉิงเทียนและจอมยุทธ์คนอื่นๆ มีสีหน้าซีดขาว ดวงตาวูบไหวด้วยความวิตกกังวล

“เทพจักรพรรดิอัคคี เทพจักรพรรดิสงคราม… เราจะทำยังไงดี?”

เซียวเหยียนและหลินต้งแลกเปลี่ยนสายตากันก็พากันถอนหายใจก่อนจะกล่าวว่า “เปิดประชุมเหล่าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน เราจะรวบรวมความคิดเข้าด้วยกันและหาทางออกสำหรับห้าปีนับจากนี้…”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท